เปิดสูตรลับ "Ben Graham" สู้ศึกความผันผวนด้วย Global ETF - Forbes Thailand

เปิดสูตรลับ "Ben Graham" สู้ศึกความผันผวนด้วย Global ETF

สวัสดีปีใหม่ ปี 2566 คุณผู้อ่านทุกท่านนะครับ


    เริ่มปีใหม่ทั้งที ผมก็มีของขวัญปีใหม่ที่อยากมามอบให้ทุกท่าน หลังจากที่ได้เฟ้นหาสินทรัพย์ลงทุนในปี 2565 ที่ผ่านมา พบก็พบว่ามีสินทรัพย์ที่เหมาะสำหรับการลงทุนในปีใหม่นี้ให้ทุกท่านไปลองพิจารณา ซึ่งผมเชื่อว่าจะพาคุณๆ ให้ผ่านความผันผวนในปี 2566 ได้แน่นอนครับ

    คงจำกันได้ดีว่าในปี 2565 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตกลงอย่างหนัก ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับผลกระทบตามไปด้วย ดัชนี S&P 500 ปรับฐานลงไปมากกว่า -17% ตั้งแต่ต้นปี ทำให้นักลงทุนหลายคนเริ่มไม่สบายใจ โดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มลงทุนได้ไม่นาน

    แน่นอนว่าการปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ย่อมส่งผลกระทบต่อนโยบายการลงทุนต่างๆ ของ Jitta Wealth เช่นกัน แต่ที่ผมอยากจะพูดถึงในวันนี้คือ Global ETF ที่ผ่านบททดสอบในปีที่ผ่านมาแล้วว่าเป็นการลงทุนที่มีความผันผวนต่ำที่สุด สามารถยืนหยัดฝ่ามรสุมตลาดหุ้นในช่วงนี้ไปได้อย่างมั่นคง

    วันนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึกนโยบาย Global ETF ซึ่งเป็นแผนการลงทุนแรกเริ่มที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้สม่ำเสมอและพิสูจน์ตัวเองมาเป็นเวลายาวนาน อีกทั้งยังทนความผันผวนของตลาดหมีในช่วงเวลานี้ได้

    สาเหตุหลักที่ทำให้นโยบาย Global ETF สามารถ "สร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดในความเสี่ยงที่ต่ำที่สุด" เพราะมีการจัดสัดส่วนการลงทุนตามทฤษฎีการจัดพอร์ตที่ได้รับรางวัลโนเบล ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนและกระจายความเสี่ยงโดยการนำเงินไปลงทุนในกองทุน ETF ประเภทหุ้นและตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลกเป็นอย่างไร ในวันนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึกถึงนโยบาย Global ETF เพื่อให้คุณเข้าใจถึงนโยบายและแผนการลงทุนที่น่าสนใจนี้ หลังจากที่คุณอ่านบทความนี้จบ คุณจะได้คำตอบว่า "ทำไม Global ETF ถึงน่าลงทุน"



กระจายความเสี่ยงทั่วโลกด้วย Global ETF


แค่เพียงชื่อนโยบายก็บอกถึงการกระจายการลงทุนของคุณไปทั่วโลกแล้ว แต่คุณเคยสงสัยไหมว่า ความหมายของการกระจายความเสี่ยงทั่วโลกนั้น ได้กระจายเงินลงทุนของคุณไปที่ไหนบ้าง
หากคุณลงทุนในนโยบาย Global ETF จะเปรียบเสมือนว่าคุณได้ลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกที่ครอบคลุมทั้ง 2 ประเภทตลาด ดังนี้

1.ตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว (Developed market) เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร แคนาดา ฝรั่งเศส ฯลฯ

2.ตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Market) เช่น จีน ไต้หวัน อินเดีย บราซิล ซาอุดีอาระเบีย แอฟริกาใต้ ฯลฯ

    อย่างไรก็ตาม สำหรับตราสารหนี้ที่ประกอบไปด้วยพันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้คุณภาพดี จะจำกัดเพียงแค่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ไม่ได้รวมตราสารหนี้ของประเทศอื่นด้วย แต่เพียงเท่านี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการกระจายความเสี่ยงตามทฤษฎีรางวัลโนเบลอย่าง Modern Portfolio Theory


ทำไมทฤษฎีรางวัลโนเบล Modern Portfolio Theory ถึงสำคัญ


ทฤษฎี Modern Portfolio Theory เป็นทฤษฎีที่อธิบายว่าการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภทที่ราคาไม่ได้เคลื่อนไหวในทิศทางทางเดียวกันจะทำให้ "มูลค่าพอร์ตลงทุนของคุณผันผวนต่ำลงมาก" และนี่คือเหตุผลเบื้องหลังที่ทำให้ Global ETF ผันผวนน้อยกว่านโยบายลงทุนประเภทอื่นๆ

แต่ถ้าหากคุณต้องการลงทุนใน Global ETF ตามคำแนะนำของ "นักลงทุนระดับโลก" คุณควรเลือกแผนลงทุนใด ในบทความนี้ทีมงานได้รวบรวมข้อมูลเพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจให้คุณแล้วเช่นกัน


ลงทุน Global ETF ตามแบบ Benjamin Graham


    Benjamin Graham ผู้ถูกยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า" และยังเป็นอาจารย์คนแรกๆ ของนักลงทุนระดับโลกอย่าง Warren Buffett อีกด้วย Graham ได้สอนบทเรียนการลงทุนต่างๆ มากมาย และเขียนหนังสือ The Intelligent Investor เพื่อให้คำแนะนำกับทุกคนที่มีความสนใจจะลงทุน

    หนึ่งในบทเรียนที่สำคัญที่สุดในหนังสือ The Intelligent Investor คือ การเลือกกลยุทธ์การลงทุนว่าคุณจะเป็น นักลงทุนเชิงรับ หรือ นักลงทุนเชิงรุก ซึ่งนักลงทุนแต่ละแบบจะมีกลยุทธ์การลงทุนที่แตกต่างกันออกไป

 
       ในบทเรียนนี้ Graham ได้ให้ความหมายของแนวทางการเป็น นักลงทุนเชิงรุก และ นักลงทุนเชิงรับ เอาไว้ว่า นักลงทุนเชิงรุก ต้องใช้ความพยายามและความทุ่มเทสูง ซึ่งจะแตกต่างกับ นักลงทุนเชิงรับ ที่จะใช้เวลาและความทุ่มเทที่ต่ำกว่าแต่ต้องอาศัยวินัยในการลงทุนมากกว่า

    Graham ได้ย้ำว่าการเป็น นักลงทุนเชิงรับ นั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ และแนะนำกลยุทธ์การลงทุนสำหรับนักลงทุนเชิงรับ ดังนี้

- สัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนเชิงรับ คือ ลงทุนใน หุ้นสามัญ 50% ตราสารหนี้คุณภาพสูง 50%
- ตรงกับนโยบาย Global ETF แผนสมดุล ที่ลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ในสัดส่วนที่เท่ากัน
- ลงทุนเชิงรับสามารถเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ที่เหมาะสมกับตัวเองได้ โดยในหนังสือเขียนว่า ลงทุนใน หุ้นสามัญ 75% ตราสารหนี้คุณภาพสูง 25%
- ใกล้เคียงกับนโยบาย Global ETF เติบโต ที่ลงทุนในหุ้น 80% และตราสารหนี้ 20%

    อย่างไรก็ตาม Jitta Wealth ได้เพิ่ม Global ETF แผนพอเพียง เพื่อให้ครอบคลุมสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำด้วย ซึ่งตรงกับความคิดเห็นของ Graham ที่กล่าวเอาไว้ว่า "การจัดสัดส่วนการลงทุนสำหรับนักลงทุนเชิงรับขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล"

    สำหรับวินัยในการลงทุนที่ Graham พูดถึงสำหรับนักลงทุนเชิงรับคือ เมื่อใดก็ตามที่สัดส่วนของสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งทำผลตอบแทนได้สูงจนทำให้สัดส่วนการลงทุนเปลี่ยนไปจากเดิม คุณต้องมีวินัยในการปรับพอร์ตลงทุน โดยการขายสินทรัพย์ที่มีสัดส่วนสูงกว่าแผนการลงทุนเดิมออกไป และนำเงินที่ได้มาลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์ที่มีสัดส่วนต่ำกว่าแผนการลงทุนเดิม

    ยกตัวอย่างเช่น หากแผนการลงทุนที่คุณเลือกมีการลงทุนในหุ้น 50% และตราสารหนี้ 50% ของมูลค่าพอร์ตลงทุน แต่สภาวะตลาดขณะนั้นทำให้สัดส่วนของหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 55% และลดสัดส่วนตราสารหนี้ลงเหลือ 45% สิ่งที่คุณควรปฏิบัติ คือ การขายหุ้นออกมาบางส่วนแล้วนำเงินไปซื้อตราสารหนี้เพิ่ม เพื่อปรับสัดส่วนการลงทุนในพอร์ตให้กลับไปที่ 50:50 เหมือนเดิม ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใช้วินัยและต้องจัดการกับอารมณ์ส่วนตัวของคุณด้วย

    แต่สำหรับการลงทุนในนโยบาย Global ETF จะช่วยขจัดปัญหานี้ไปได้ เพราะเมื่อใดก็ตามที่สัดส่วนของหุ้นหรือตราสารหนี้ขยับจากสัดส่วนที่ควรจะเป็นเกิน 5% จากแผนการลงทุนที่คุณเลือกไว้ ระบบจะปรับสัดส่วนการลงทุนให้โดยอัตโนมัติ คุณจึงมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการใช้อารมณ์ในการตัดสินใจลงทุนอย่างแน่นอน

    ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทำให้การลงทุนใน Global ETF เข้ากับทฤษฎี "นักลงทุนเชิงรับ" อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีค่าบริหารจัดการถูกกว่าการลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้ด้วยตนเอง จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนตามที่ Benjamin Graham แนะนำ


พิสูจน์ได้ด้วยผลตอบแทนระยะเวลา 10 ปี

*ข้อมูลจากการทดสอบผลตอบแทนย้อนหลัง (Backtest) ของการลงทุนตามนโยบาย Global ETF หลังหักค่าธรรมเนียมบริหารจัดการรายปี (management fee) ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (commission fee) และค่าธรรมเนียมผู้เก็บรักษาทรัพย์สิน (custodian fee) แล้ว


    หนึ่งบทพิสูจน์ความแข็งแกร่งของ Global ETF ที่ผมเชื่อว่าสามารถต้านทานความผันผวนได้คือผลการทดสอบ Backtest ในระยะเวลาทั้งหมด 10 ปี ที่จะช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นว่านโยบาย Global ETF สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับคุณได้เป็นอย่างดีในระยะยาว

    ผมขอยกตัวอย่างผลการทดสอบ Backtest ของ Jitta Wealth ด้วยเงินทั้งสิ้น 50,000 บาท ในนโยบาย Global ETF ทั้ง 3 แผน ว่าหากคุณลงทุน 50,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2554 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 เงินของคุณจะมีมูลค่าเท่าไรในปัจจุบัน

    จากการคำนวณผลตอบแทนในระยะเวลาทั้งหมด 10 ปี การลงทุนใน Global ETF แผนพอเพียง จะสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นอยู่ที่ประมาณ 4.31% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนเฉลี่ยคาดหวังที่ 4% ต่อปี หรือทำผลตอบแทนรวมทั้งหมด 52.49% ตลอด 10 ปี และด้วยผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นในระดับนี้ "จะทำให้เงิน 50,000 บาท กลายเป็น 76,245 บาท ณ สิ้นปี 2564"
ผลตอบแทน 10 ปี Global ETF แผนสมดุล

    จากการคำนวณผลตอบแทน ในระยะเวลาทั้งหมด 10 ปี การลงทุนใน Global ETF แผนสมดุล จะสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นอยู่ที่ประมาณ 7.48% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนเฉลี่ยคาดหวังที่ 6% ต่อปี หรือผลตอบแทนรวมทั้งหมด 105.84% ตลอด 10 ปี และด้วยผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นในระดับนี้ "จะทำให้เงิน 50,000 บาท กลายเป็น 102,919 บาท ณ สิ้นปี 2564"


ผลตอบแทน 10 ปี Global ETF แผนเติบโต


*ข้อมูลจากการทดสอบผลตอบแทนย้อนหลัง (Backtest) ของการลงทุนตามนโยบาย Global ETF หลังหักค่าธรรมเนียมบริหารจัดการรายปี (management fee) ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (commission fee) และค่าธรรมเนียมผู้เก็บรักษาทรัพย์สิน (custodian fee) แล้ว


    จากการคำนวณผลตอบแทน ในระยะเวลาทั้งหมด 10 ปี การลงทุนใน Global ETF แผนเติบโตจะสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นอยู่ที่ประมาณ 9.82% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนเฉลี่ยคาดหวังที่ 8% ต่อปี หรือผลตอบแทนรวมทั้งหมด 155.31% และด้วยผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นในระดับนี้ "จะทำให้เงิน 50,000 บาท กลายเป็น 127,657 บาท ในสิ้นปี 2564"

    ทั้งหมดนี้คือผลตอบแทนจากการทดสอบย้อนหลังในระยะเวลา 10 ปี ของการลงทุนใน Global ETF ทั้ง 3 แผน ซึ่งเราแนะนำให้คุณเลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่คุณรับได้ เพราะแต่ละแผนการลงทุนจะมีความผันผวนที่แตกต่างกันตามสัดส่วนการลงทุนที่คุณเลือก

    นโยบาย Global ETF เป็นนโยบายที่เหมาะสมสำหรับทุกคนที่สนใจการลงทุน เพราะสามารถเลือกแผนตามความเสี่ยงที่คุณรับได้ โดยสามารถลงทุนได้ในทุกช่วงอายุและยังเหมาะที่จะใช้กลยุทธ์ DCA (Dollar-cost averaging) สำหรับลงทุนและช่วยให้พอร์ตเติบโตได้ในระยะยาวอีกด้วย

หากคุณสนใจใน Global ETF สามารถไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติบได้ที่ jitta.co/3HIhVIc
ผมเชื่อว่าจะพอร์ตของคุณจะไม่แกว่งไกวไปตามความผันผวนในปีนี้แน่นอน

บทความโดย
ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์
ซีอีโอ Jitta Wealth


ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine