ประเทศไทยมีชื่อเสียงด้านบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูงมานานนับตั้งแต่ก่อนปี 2547 กอปรกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางหลักของการรักษาพยาบาลระดับนานาชาติ มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาใช้บริการมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งจากประเทศในตะวันออกกลางที่นิยมเข้ารักษาโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง ฯลฯ จากประเทศในเอเชียตะวันออกอย่างจีน ญี่ปุ่น เกาหลี เข้ามาใช้บริการด้านศัลยกรรมความงาม การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ฯลฯ จากประเทศในอาเซียน เช่น เมียนมา กัมพูชา ลาว เข้ามาใช้บริการรักษาโรคทั่วไป รวมทั้งจากอเมริกาและยุโรป เข้ามาใช้บริการด้านทันตกรรม ผ่าตัดกระดูก ศัลยกรรม ฯลฯ
ล่าสุด นับเป็นอีกปรากฏการณ์ที่มีชาวต่างชาติเข้ามารับการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดในประเทศไทย โดยเฉพาะกรณีของ “มะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็ก”
เพราะเด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็กๆ
พญ.สุรางคณา เตชะไพฑูรย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวชและโรงพยาบาลบีเอ็นเอช และผู้อำนวยการโรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล บอกว่า มะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย (Leukemia) เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในเด็ก เมื่อก่อนต้องส่งโรงพยาบาลรัฐหรือโรงเรียนแพทย์ รอคิวกันแน่นมาก เพราะเด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็กๆ การรักษาโรคในเด็กจึงต่างจากผู้ใหญ่ ยาที่ใช้ต้องเป็นยาที่เฉพาะเจาะจงได้รับการรับรองว่าใช้ได้ เพราะต้องคำนึงถึงการเจริญเติบโตของเด็กด้วย จึงมีข้อจำกัดมากมาย
“มะเร็งเม็ดเลือดขาว” ในเด็กต่างจากมะเร็งเม็ดเลือดขาวในผู้ใหญ่ เนื่องจากสาเหตุการก่อโรคที่ต่างกัน ปัจจุบันพบว่าสาเหตุของมะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็กมาจากกรรมพันธุ์ที่ได้รับการถ่ายจากพ่อหรือแม่ โดยช่วงอายุที่พบมากที่สุดคือ 5 ขวบแรก การเจริญเติบโตของโรคเร็ว แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมน้อย การตอบสนองต่อการรักษาจึงดีกว่าในผู้ใหญ่ ฉะนั้น 3 ใน 4 ของผู้ป่วยจะหายขาดได้ถ้าได้รับการรักษาที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากล
มะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็กไม่มีระยะของโรค ไม่มีสัญญาณบ่งบอกล่วงหน้า เกือบ 90% เป็นแบบเฉียบพลัน สังเกตได้จากอาการ โดยเด็กจะมีอาการซีด (ไม่ใช่เหลือง) มีจ้ำเลือดหรือเลือดออก เป็นไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ อ่อนเพลีย งอแงเพราะไม่สบายเนื้อตัว ถ้าพบอาการเหล่านี้ควรรีบพาไปพบแพทย์

โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ นับเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกๆ ที่เปิดศูนย์เฉพาะทางให้การดูแลโรคมะเร็งในเด็กและการปลูกถ่ายไขกระดูก โดยทำงานร่วมกับ ศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง กุมารแพทย์โรคมะเร็งและโรคเลือด โรงพยาบาลสมิติเวช มา 20 ปีแล้ว ปัจจุบันถือเป็นศูนย์ดูแลเด็กภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของไทย ความที่เป็นศูนย์ส่งต่อผู้ป่วย (Referral Center) ด้วย ผู้ป่วยที่ส่งตัวมามักจะเป็นโรคที่ยากและซับซ้อน เช่น มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็ก
พญ.สุรางคณา บอกว่า ในภาพรวมของผู้ป่วยเด็กที่มารักษาโรคมะเร็งที่โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช เป็นเด็กไทยกว่า 45% เด็กต่างชาติกว่า 55% โดยกว่า 60% ของผู้ป่วยต่างชาติมาจากประเทศรอบบ้านในอาเซียน เช่น เมียนมา กัมพูชา อินโดนีเซีย รองลงมา 20% มาจากกลุ่มประเทศอาหรับ นอกจากนั้นมาจากเอเชียใต้ เช่น บังคลาเทศ และประเทศอื่นๆ ผู้ป่วยเด็กส่วนใหญ่ที่มารักษาจะเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวและต่อมน้ำเหลือง นอกจากนั้นเป็นมะเร็งชนิดก้อน เช่น มะเร็งสมอง มะเร็งไต เป็นต้น

“สมิติเวชมีความโดดเด่น มีความชำนาญการในการรักษามะเร็งในเด็ก และผลการรักษาเทียบเท่ากับโรงพยาบาลชั้นนำในต่างประเทศ แต่ค่าใช้จ่ายถูกกว่า 5-10 เท่า โดยทำงานร่วมกับโรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งวันนี้ก้าวไปไกลกว่าการรักษาธรรมดา เราพูดถึง Cell Therapy และ Gene Therapy เป็นการรักษาแบบมุ่งเป้า ใช้ T-cell เข้าไปจัดการเฉพาะกับเซลล์มะเร็ง”
มากกว่า Medical Hub คือการมีนวัตกรรมของตนเอง
ทางด้าน ศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง ให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการรักษามะเร็งเม็ดเลือดด้วยแนวทางพันธุวิศวกรรมว่า การรักษาโดยใช้ T-Cell (ชนิดของเม็ดเลือดขาวที่สำคัญในระบบภูมิคุ้มกัน) มาตัดต่อพันธุกรรมที่เรียกว่า CAR T-Cell ต้องพึ่งพาห้องปฏิบัติการในต่างประเทศ ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ทีมแพทย์ไทยจึงร่วมกันทำวิจัยและคิดค้นแนวทางการรักษาร่วมกับภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ที่เป็นการผสมผสานระหว่าง Cell Therapy และ Gene Therapy ที่อยู่ภายในห้องปฏิบัติการของไทยที่ได้มาตรฐาน Good Manufacturing Practice (GMP) ให้ผลการรักษาในผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่หมดหวังแล้วมีโอกาสหายขาดถึง 70% นับเป็นผลงานของคนไทยที่ได้มาตรฐานสากลแห่งแรกในอาเซียน
“แนวทางการรักษาของสมิติเวชเป็นการรักษาตามพันธุกรรมของเซลล์มะเร็ง มีการตรวจพันธุกรรมอย่างละเอียดแบบ Personalized Medicine จากนั้นนำเซลล์เม็ดเลือดขาวของผู้ป่วยหรือพี่ น้อง หรือพ่อ แม่ มาตัดต่อพันธุกรรมในห้องแล็บ ก่อนจะฉีดกลับเข้าไปให้ผู้ป่วยเพื่อไปกำจัดเซลล์มะเร็งที่ได้รับการตรวจพันธุกรรมมาแล้ว กระบวนการนี้เรียกว่า CAR (Chimeric antigen receptor) T-Cell ซึ่งได้ไลเซนส์จากมหาวิทยาลัยมหิดล มีสถานที่ผลิตยาที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย”

ศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง บอกว่า ในการรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวส่วนใหญ่จะใช้ยาเคมีบำบัด แต่ในกรณีที่ดื้อยารักษาไม่หาย ซึ่งจะมีราว 30% ของผู้ป่วยจะใช้ CAR T-Cell เพื่อให้โรคสงบ จากนั้นจึงทำการปลูกถ่ายไขกระดูกแบบ Haploidentical Transplantation ซึ่งใช้เซลล์ต้นกำเนิดจากพ่อแม่ของผู้ป่วย ช่วยลดการรอคอยและเพิ่มโอกาสการหายขาดจากโรค
“ปกติการปลูกถ่ายไขกระดูก ผู้บริจาคต้องเป็นพี่น้องที่มีเนื่อเยื่อ (HLA) ตรงกัน แต่ที่ไทยมีมากกว่า คือการใช้ไขกระดูกหรือเซลล์ต้นกำเนิดของผู้บริจาคจากสภากาชาดไทยที่มีในระบบฐานข้อมูลราว 4 แสนราย ซึ่งสมิติเวชเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถใช้สเต็มเซลล์จากผู้บริจาครายอื่นเพราะได้ขึ้นทะเบียนกับสภากาชาดไทย นอกจากนี้ยังมีการปลูกถ่ายโดยใช้ไขกระดูกจากพ่อหรือแม่ โดยเราทำการปลูกถ่ายไขกระดูกจากพ่อหรือแม่ไปแล้วทั้งหมด 350 ราย ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กับโรงพยาบาลเด็กสมิติเวช
“ด้วยกระบวนการรักษาดังกล่าว ที่มีทั้งการปลูกถ่ายไขกระดูกแบบ Haploidentical และยังมี CAR T-Cell ผู้ป่วยจึงมั่นใจที่จะเข้ามาใช้บริการรับการรักษามะเร็งระบบเลือดที่นี่ ซึ่งไม่เพียงมะเร็งเม็ดเลือดขาว ยังรวมถึงมะเร็งต่อมน้ำเหลืองอีกด้วย นอกจากนี้ภายในปีนี้จะเริ่มทำการรักษาผู้ป่วยธาลัสซีเมียด้วยการตัดต่อพันธุกรรมอีกด้วย"
ศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง บอกว่า “ผมอยากเห็นโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งชำนาญการดูแลชาวต่างชาติกับรัฐบาล และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยร่วมมือกันเพื่อเป็น Medical Hub อีกที เพราะ Medical Hub ที่ผ่านมา เรามีหมอเก่ง แต่ผลิตอินโนเวชันไม่ได้ นี่จึงเป็นสิ่งที่อยากเห็นคือ Medical Hub ของประเทศไทยที่เป็นซอฟต์พาวเวอร์จริงๆ เป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่เป็นกระบวนการ ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์
“การที่เราเป็นที่เชื่อถือของต่างชาติแล้วว่าเป็น Medical Service ที่ดี เติมอินโนเวชัน และมีเชิงวิชาการนำ เป็นการตอกย้ำว่าประเทศไทยเราเป็นประเทศชั้นนำที่มีอินโนเวชันเป็นของตนเอง ไม่ได้ด้อยไปกว่าอเมริกาหรือยุโรป
“ที่สำคัญคือ การเป็น Medical Hub แบบ Good Medical Service ที่มีอินโนเวชัน ที่ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยด้วย ทำให้โอกาสรอดของผู้ป่วยมีมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงเป็นศูนย์กลางความหวังของครอบครัวและเด็กที่ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับการแพทย์ไทยให้เดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง” ศ.นพ.สุรเดช กล่าวทิ้งท้าย
ภาพ: รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : กลุ่ม รพ.สมิติเวช ทุ่ม 2,000 ล้านบาท เปิดตัว ‘รพ.เด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล’ ชูจุดเด่นมีหมอเด็กเฉพาะทางรักษาโรคยาก
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine