Rolex เปิดตัวเรือนเวลาใหม่ สะท้อนจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์และนวัตกรรมที่ไม่เคยหยุดนิ่ง - Forbes Thailand

Rolex เปิดตัวเรือนเวลาใหม่ สะท้อนจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์และนวัตกรรมที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

FORBES THAILAND / ADMIN
22 May 2025 | 12:30 PM
READ 112

Rolex เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ที่สร้างสรรค์ขึ้นจากจินตนาการแห่งการไม่หยุดยั้งที่จะก้าวไปข้างหน้า อันเป็นแนวคิด ที่เป็นรากฐานในการรังสรรค์เรือนเวลาทั้งหมด แนวทางการสร้างสรรค์นาฬิกาที่เป็นหนึ่งเดียวนี้ได้ขับเคลื่อนนวัตกรรมเข้าไปในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะ นับตั้งแต่กลไกไปจนถึงตัวเรือนและสายนาฬิกา ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการเลือกสรรวัสดุ


    ผลงานสร้างสรรค์ครั้งล่าสุดของ Rolex ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์ที่ไม่เคยลดทอนลงไปจากเดิม ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงมาตรฐานที่ยกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่องและพิสูจน์ถึงความปรารถนาที่จะผลักดันขีดจำกัดของความเป็นเลิศอย่างไม่เสื่อมคลาย นาฬิกาใหม่เหล่านี้ถือกำเนิดขึ้นจากความสำเร็จของวิสัยทัศน์ในการสร้างสรรค์นาฬิกาซึ่งปูทางไปสู่ขอบเขตแห่งความก้าวหน้าครั้งใหม่


- LAND-DWELLER เปิดประตูสู่เส้นทางใหม่ -


    การสรรสร้างปัจจุบันคือการวางรากฐานให้กับอนาคต Rolex ได้เริ่มต้นบทใหม่ของประวัติศาสตร์ด้วย Oyster Perpetual Land-Dweller นาฬิกาที่ร่วมสมัยที่สุดที่แสดงให้ถึงความเชี่ยวชาญขั้นสูงของแบรนด์ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลผลิตของประสบการณ์การรังสรรค์เรือนเวลามากกว่าหนึ่งศตวรรษ นาฬิกา Oyster Perpetual Land-Dweller ออกแบบมาเพื่อเหล่าบุรุษและสตรีผู้มีศักยภาพและขีดเขียนโชคชะตาของตนเอง รวมทั้งมองเห็นโอกาสในทุกช่วงเวลาของชีวิต

    ด้วยสายนาฬิกาที่เชื่อมต่อกับตัวเรือนอย่างกลมกลืนและแทบจะแยกไม่ออกจากกัน นาฬิกาที่ดูปราดเปรียวเรือนนี้ยังมาพร้อมกับคาลิเบอร์ที่พร้อมปฏิวัติวงการ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมตัวเรือนที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมและออสซิลเลเตอร์รุ่นใหม่อันล้ำสมัย กลไกการทำงานยังได้รับการออกแบบให้เคลื่อนไหวที่ความถี่สูง 5 เฮิรตซ์ และมีความทนทานต่อสนามแม่เหล็กแรงสูง

    การผสมผสานความสำเร็จของศาสตร์แห่งการบอกเวลาหลายประการเข้าด้วยกัน และคิดค้นโดยนักคิดผู้มองการณ์ไกลที่กำลัง ก่อร่างสร้างอนาคตของวงการนาฬิกา Land-Dweller จึงเป็นนาฬิกาของผู้ที่ทุ่มเทปัจจุบันเพื่อออกแบบโลกแห่งอนาคต


กลไกแห่งนวัตกรรม

    Land-Dweller มาพร้อมกับคาลิเบอร์ 7135 ที่ได้รับการพัฒนาและผลิตขึ้นโดย Rolex แต่เพียงผู้เดียว กลไกไขลานอัตโนมัติที่ล้ำสมัยนี้ประกอบด้วยนวัตกรรมสำคัญหลายอย่างที่มีการยื่นขอจดสิทธิบัตร 16 ฉบับ ถึงแม้จะบางกว่ากลไก Rolex ส่วนใหญ่ แต่ก็ยังคงมอบการทำงานที่โดดเด่นในด้านประสิทธิภาพ


• Dynapulse ชุดกลไกปล่อยจักรแห่งอนาคต

    นวัตกรรมสำคัญที่สุดในคาลิเบอร์ 7135 คือกลไกปล่อยจักร Dynapulse ชิ้นส่วนใหม่ล่าสุดที่เข้ามาแทนที่ชุดกลไกปล่อยจักรแบบ Swiss Lever แบบดั้งเดิม โดยชุดกลไกปล่อยจักรแบบ Sequential distribution รุ่นใหม่นี้ได้รับการจดสิทธิบัตรเจ็ดฉบัด้วยกัน พลังงานจะถูกส่งผ่านการเคลื่อนไหวแบบหมุนรอบ และจักรส่งผ่านพลังงานจะถูกติดตั้งเข้ากับกระปุกลานเพื่อส่งแรงขับไป ยังจักรกระจายพลังงานทั้งสองที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ จักรทั้งสองนี้จะทำหน้าที่กระตุ้นการทำงานของ Impulse Rocker ที่ทำหน้าที่รักษาสมดุลการเหวี่ยงของจักรกรอก

    กลไกปล่อยจักร Dynapulse นี้เป็นการประสานการออกแบบอย่างมีนวัตกรรมเข้ากับชิ้นส่วนที่ผลิตจากซิลิคอนเป็นหลักทำให้กลไกนี้มีจุดเด่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบที่มีน้ำหนักที่เบาอย่างยิ่ง การต้านทาน กับสนามแม่เหล็กได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมอบคุณสมบัติการกักเก็บพลังงานที่เหนือกว่าชุดกลไกปล่อยจักรแบบดั้งเดิมอีกด้วย


• ออสซิลเลเตอร์อันล้ำสมัย

    ออสซิลเลเตอร์ของคาลิเบอร์ 7135 ต้านทานสนามแม่เหล็กรุนแรงด้วยวัสดุที่นำมาใช้ผลิตองค์ประกอบ โดยติดตั้งมาพร้อมกับจักรกรอกทองเหลืองที่ได้รับการปรับเพิ่มความแข็งแรง และแกนจักรกรอกที่ผลิตจากวัสดุที่ผลิตและพัฒนาได้ยากยิ่ง แกนจักรกรอกที่ได้รับการจดสิทธิบัตรนี้ผลิตด้วยเซรามิกจากเทคโนโลยีชั้นสูงเฉพาะทางของ Rolex เท่านั้น และผ่านการกลึงด้วยลำแสงเลเซอร์ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกของแบรนด์

    ตัวดูดซับแรงกระแทก Paraflex ที่ได้รับการยกระดับประสิทธิภาพจะติดตั้งอยู่ที่ปลายแต่ละด้านของแกนจักรกรอก ช่วยเพิ่มความสามารถในการต้านแรงกระแทกไม่ว่านาฬิกาจะอยู่ในตำแหน่งใด นอกเหนือไปจากนั้น วัสดุที่ใช้ผลิตส่วนประกอบของออสซิลเลเตอร์นั้นยังมีความสามารถในการต้านทานสนามแม่เหล็กระดับสูงอีกด้วย

• ความถี่ที่ 5 เฮิรตซ์

    ออสซิลเลเตอร์ที่ทำงานร่วมกับแฮร์สปริง Syloxi ที่ผลิตจากซิลิคอนจะสร้างการเหวี่ยงที่คงที่ในอัตรา 36,000 ครั้งต่อชั่วโมง และมีความถี่ที่ 5 เฮิรตซ์ โดยสามารถบอกเวลาได้อย่างละเอียดถึงหนึ่งในสิบของวินาที อัตรานี้ทำให้นาฬิกาสามารถรักษาความเที่ยงตรงแบบโครโนเมตริก ไม่ว่าผู้สวมจะทำอะไรหรือมีท่วงท่าการเคลื่อนไหวข้อมือในรูปแบบใด แม้ว่าการทำงานด้วยความถี่สูงนั้นจำเป็นต้องใช้พลังงานมากกว่าความถี่เดิม ทว่าด้วยกลไกปล่อยจักร Dynapulse จึงทำให้คาลิเบอร์ 7135 ยังคงประสิทธิภาพในการกักเก็บพลังงานเพื่อให้สามารถใช้งานได้นานถึง 66 ชั่วโมง

    นอกเหนือไปจากสมรรถนะอันเหนือชั้นแล้ว การออกแบบของคาลิเบอร์ 7135 นั้นยังทรงคุณค่าด้านความสุนทรีย์ ผู้สวมใส่สามารถชื่นชมความงดงามของลูกเหวี่ยงสีทองเงาวาวและการตกแต่งแบบ Rolex Cotes de Geneve อันประณีตบนสะพานจักรได้ผ่านตัวเรือนแบบโปร่งใสด้านหลังอีกด้วย


ทรรศนะใหม่

    เปี่ยมด้วยสัมผัสแห่งความทันสมัยและแตกต่างด้วยการตีความเรือนเวลาในรูปแบบใหม่ที่เชื่อมโยงตัวเรือนและสายนาฬิกาเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งแบรนด์ได้มีการออกแบบครั้งแรกในปี 1969 สำหรับ Rolex Quartz และครั้งถัดมาในปี 1974 สำหรับ Datejust ที่มาพร้อมกลไกขึ้นลานอัตโนมัติการออกแบบเน้นที่ความงดงามกลมกลืนของการเชื่อมสายนาฬิกาเข้ากับตัวเรือนอย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติการหลอมรวมเป็นหนึ่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสุนทรีย์แห่งศิลปะร่วมสมัยอันหาญกล้าที่ร่างทรรศนะใหม่ขึ้นมา

    หน้าปัดนาฬิกา Land-Dweller ตกแต่งลวดลายกราฟิกที่ดึงดูดสายตาด้วยลายที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรังผึ้งตามธรรมชาติที่เปี่ยมด้วยความคลาสสิกเหนือกาลเวลา โดยมีให้เลือกสรรสองขนาดหน้าปัด ได้แก่ 36 มม. และ 40 มม. ในรุ่น White Rolesor และรุ่น Everose gold 18 กะรัตที่มาพร้อมหน้าปัดสีขาวเข้ม และรุ่นวัสดุแพลทินัม 950 ที่มาพร้อมหน้าปัดสีไอซ์บลู


• สายนาฬิกา Flat Jubilee และตัวเรือน Oyster ในรูปโฉมใหม่

    สายนาฬิกาที่ประสานกับตัวเรือนอย่างไร้ที่ติจนเป็นหนึ่งเดียวกัน คือแนวคิดหลักของนาฬิกาเรือนใหม่นี้ ตัวเรือน Oyster ผ่านการปรับโฉมใหม่ทั้งหมดเพื่อทำให้เส้นรอยต่อที่บางเฉียบดูแนบไปกับแสงเงาของสายนาฬิกา Flat Jubilee ความหรูหราอันเป็นหนึ่งเดียว นั้นได้รับการแต่งแต้มให้โดดเด่นขึ้นด้วยการแต่งผิวแบบซาตินและการขัดเงา การลบมุมและขัดเงาของสายนาฬิกาและตัวเรือนได้ก่อให้เกิดริ้วแสงสะท้อนที่งดงามอย่างยิ่ง


• หน้าปัดลายรังผึ้ง

    อัตลักษณ์ของนาฬิกา Land-Dweller นั้นเปี่ยมไปด้วยรายละเอียดอันละเมียดละไม เช่น หน้าปัดที่มาพร้อมกับขอบหน้าปัดแบบตัดขอบและลวดลายเรขาคณิตที่ตัดกันเป็นทรงรังผึ้งอย่างประณีต สำหรับนาฬิการุ่นที่มาพร้อมหน้าปัดโครมาไลท์นั้นมาพร้อมเลขแสดงเวลาและขีดชั่วโมงเรืองแสงที่คมชัดในทุกสถานการณ์ และเข็มนาฬิกาเรืองแสงที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับนาฬิกานี้เท่านั้น

    ด้วยรูปลักษณ์เพรียวบาง เรียบหรู ทันสมัย และเปี่ยมไปด้วยเทคนิคมากมาย ทำให้นาฬิกา Land-Dweller มีภาพลักษณ์ของความเป็นสากล และเป็นนาฬิกาที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสวมใส่ในทุกโอกาส


- GMT-MASTER II ส่วนผสมที่ลงตัว -


    ตั้งแต่หน้าปัดเซรามิก ชุดข้อสายแบบเจ็ดข้อที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ การผสมผสานวัสดุ สีสัน และการแต่งผิวแบบดั้งเดิม นวัตกรรมใหม่ๆ ของ Rolex เหล่านี้ถือเป็นดั่งคำเชื้อเชิญให้ผู้คนได้สัมผัสนาฬิการะดับตำนานรุ่นดั้งเดิมในมุมมองใหม่

    นวัตกรรมที่เปิดตัวในปีนี้ถือเป็นการจุดประกายสัมผัสใหม่ๆ จากความเชี่ยวชาญในหลากหลายด้านของ Rolex ผลผลิตจากการหลอมรวมความรู้สึกต่างๆ ที่หยั่งรากจากความสำเร็จมากมายเกิดขึ้นได้ด้วยความรู้ทางเทคนิคและฝีมือในศาสตร์การทำนาฬิกาที่พร้อมสรรพทุกด้าน

    Rolex เลือกที่จะเปิดตัวหน้าปัดเซรามิกครั้งแรกบนนาฬิการุ่นทองคำขาว 18 กะรัตของ Oyster Perpetual GMT-Master II ในนาฬิการุ่นเดียวกันนี้ยังมาพร้อมหน้าปัด Cerachrom สีเขียวเคลือบเงา และหน้าปัดเซรามิกที่มาพร้อมกับขอบหน้าปัดสีเขียวตัดครึ่งวันกับสีดำที่สะท้อนกันและกันเป็นอย่างดี

    ความกลมกลืนทางภาพลักษณ์เป็นผลพวงมาจากความเป็นเลิศในการพัฒนาเซรามิกขั้นสูงอย่างหน้าปัดและขอบหน้าปัดที่ทำจากวัสดุแบบเดียวกัน อันเป็นเครื่องสะท้อนถึงความยอดเยี่ยมทางเทคนิคและหลักการทางวิศวกรรมชั้นเลิศของแบรนด์

    หน้าปัดแบบใหม่นี้เปิดตัวครั้งแรกบนนาฬิการุ่น GMT-Master II ที่มาพร้อมเม็ดมะยมไขลานทางด้านซ้ายเช่นเดียวกับการเปิดตัวขอบหน้าปัดรุ่นสีดำเขียวเมื่อปี 2022 และนาฬิกาที่เปิดตัวในปีนี้จะมาพร้อมกับสายนาฬิกาแบบ Oyster และตัวล็อกสายนิรภัยแบบ Oysterlock

    การมีเข็มนาฬิกาพิเศษที่ใช้แสดงเขตเวลาที่สองทำให้นาฬิกา GMT-Master II กลายเป็นผู้ช่วยสำหรับนักเดินทางในการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงเวลาชั่วคราวที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดนี้มาพร้อมกับการจับคู่ที่สมบูรณ์แบบระหว่างหน้าปัดและขอบตัวเรือน ทั้งยังคงเชื่อมต่อผู้คนกับโลกทั้งใบและให้ความรู้สึกมั่นคงทางจิตใจ แม้ระยะห่างและเขตเวลาจะเปลี่ยนไปก็ตาม


- OYSTER PERPETUAL รูปลักษณ์ใหม่ -


    นาฬิกา Oyster Perpetual มาพร้อมรูปโฉมใหม่ด้วยหน้าปัดหลากสีสัน ทั้งสีม่วงลาเวนเดอร์ สีเบจทรายอันอบอุ่น และสีเขียวพิสตาซิโอแสนสดใส พร้อมการผสมผสานเฉดสีโทนพาสเทลเหล่านี้เข้ากับการเคลือบเงาอันแวววาวและการแต่งผิวแบบด้านอันเรียบเนียนอย่างลงตัว

    หน้าปัดสีม่วงลาเวนเดอร์มีอยู่ในนาฬิการุ่น Oyster Perpetual 28 และหน้าปัดสีเบจมีอยู่ในนาฬิการุ่น Oyster Perpetual 36 ส่วนหน้าปัดสีเขียวพิสตาซิโอนั้นมาพร้อมกับนาฬิการุ่น Oyster Perpetual 41 รูปลักษณ์ใหม่ที่มีการปรับสัดส่วนเล็กน้อย และมาพร้อมตัวเรือนแบบใหม่และตัวล็อกสายแบบ Oysterclasp ที่เพรียวบางลงกว่าเดิม

    หน้าปัดโฉมใหม่ในเฉดสีที่อ่อนลงกว่าเดิมนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Oyster Perpetual 41 โฉมใหม่ โดยรักษาอัตลักษณ์เดิมของนาฬิการุ่น Oyster ที่มุ่งเน้นความเรียบง่าย เปี่ยมไปด้วยความทนทานและความน่าเชื่อถือในการสวมใส่ ทั้งยังคงความดูดีให้กับผู้สวมใส่ทุกคนไว้อย่างเต็มเปี่ยม นาฬิกาที่มาพร้อมหน้าปัดที่มีความหลากหลายอย่างไม่รู้จบนี้ยังคงนำเสนอความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่สร้างความตื่นเต้นและน่าสนใจได้เสมอ


- 1908 เส้นสายรูปทรงแห่งความสง่างาม -


    นาฬิกา Perpetual 1908 ที่รังสรรค์ขึ้นจากทองคำ 18 กะรัต มีจำหน่ายแล้วในรูปแบบสายนาฬิกา ที่ผลิตจากโลหะมีค่าทั้งชิ้น พร้อมมอบสัมผัสแห่งทองคำที่เบาสบายและนุ่มนวลบนข้อมือในระดับที่หาไม่ได้ทั่วไป เส้นสายรูปทรงที่ผ่านการออกแบบด้วยนวัตกรรมอย่างพิถีพิถันทำให้สายนาฬิกาชุดข้อสายแบบเจ็ดข้อนี้มีพร้อมทั้งความประณีตและความสวมใส่สบาย ผ่านความหรูหราในทุกมุมมอง

    สายนาฬิกา Settimo อันแวววาวนั้นรังสรรค์ด้วยชิ้นส่วนข้อสายที่มีขนาดเล็กมากและนับเป็นสายนาฬิกาโลหะรุ่นแรกที่ผลิตขึ้นเพื่ออุทิศให้กับนาฬิการุ่น 1908 โดยเฉพาะการประกอบที่ประณีต ผสานกับข้อสายโค้งมนเล็กน้อยที่ผ่านการขัดเงาพื้นผิวทุกระดับ ได้มอบประกายแวววาวและการเล่นแสงระยิบระยับอย่างงดงามให้กับตัวเรือน

    การออกแบบที่สมส่วนในทุกมิติและสายนาฬิกาที่ติดตั้งมาพร้อมตัวล็อก Crownclasp แบบซ่อนมอบกลิ่นอายของสายนาฬิกาที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องประดับของนาฬิกาวินเทจบางรุ่น นับเป็นการสืบสานจิตวิญญาณดั้งเดิมของนาฬิการุ่น 1908 ซึ่งถูกออกแบบขึ้นเพื่อรำลึกถึงประเพณีแห่งการผลิตนาฬิกาที่มีมาช้านาน


- DATEJUST แสงและเงา -


    เฉกเช่นแสงสุดท้ายของตะวันที่ลอดผ่านขอบฟ้าเมื่อราตรีกำลังมาเยือน หน้าปัดของ Oyster Perpetual Datejust 31 รุ่นใหม่สะท้อนการสอดประสานระหว่างแสงและเงา หน้าปัดสีแดงออมเบรแสดงการไล่ระดับสือย่างกลมกลืนจากศูนย์กลางที่ร้อนแรงดุจเพลิงเป็นความมืดมิดเข้มสนิทที่ขอบ รังสรรค์ให้เกิดศิลปะแห่งแสงและเงาที่ยิ่งเจิดจ้าด้วยเพชรที่ส่องประกายบนขอบตัวเรือนและหน้าปัด

    นับเป็นครั้งแรกที่ Rolex ผลิตหน้าปัดสีแดงออมเบร ซึ่งเป็นสีที่มีความซับซ้อนในการผลิตสูงผ่าน PVD (กระบวนการเคลือบด้วยไอเชิงฟิสิกส์) ด้วยความเชี่ยวชาญในการผลิตหน้าปัดของ Rolex ควบคู่กับฝีมือการเจียระไนอัญมณีของช่างระดับปรมาจารย์ของ Rolex หน้าปัดนาฬิการุ่นนี้จึงได้มีชีวิตขึ้นเพื่ออวดโฉม โดยแปรผันตามช่วงแสงในตอนกลางวันและแสงเงายามเย็น โดยหน้าปัด รุ่นพิเศษนี้มีในนาฬิกา Datejust 31 รุ่นทองคำ 18 กะรัต


- หน้าปัดใหม่ เปล่งประกายเหนือการคาดเดา -


    สามรุ่นที่ออกแบบด้วยความโดดเด่นท้าทาย และเรียบง่ายด้วยการจับคู่สีและวัสดุที่สร้างความ รู้สึกแปลกใหม่ นาฬิการุ่น Oyster Perpetual Cosmograph Daytona, GMT-Master II และ Sky-Dweller เปิดตัวมาด้วยหน้าปัดแบบใหม่ที่เพิ่มเสน่ห์ดึงดูดสายตา

    Cosmograph Daytona มาพร้อมหน้าปัดเคลือบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ คู่กับส่วนแสดงเวลาขนาดเล็กสีดำสว่าง สีสันโดดเด่นตัดกับตัวเรือนทองคำ 18 กะรัต และสาย Oysterflex ที่มีความโดดเด่นในด้านเทคนิค องค์ประกอบเหล่านี้ได้สร้างสรรค์การผสมผสานที่สดใหม่อย่างน่ามหัศจรรย์

    GMT-Master II รุ่น Everose gold 18 กะรัต พร้อมขอบตัวเรือน Cerachrom จากเซรามิก สีดำและน้ำตาล พร้อมจำหน่ายแล้วตอนนี้ในรูปแบบหน้าปัดหินไทเกอร์ไอออน ซึ่งเป็นหินแปรที่ Rolex นำมาใช้เป็นครั้งแรก โดยมีคุณสมบัติเด่นในด้านโครงสร้างที่ซับซ้อน ซึ่งประกอบด้วยแร่หินสามชนิด คือพลอยตาเสือ แจสเปอร์แดง และฮีมาไทต์ ซึ่งเป็นหินธรรมชาติที่เปล่งประกายงดงามด้วยการเหลือบสีทองและส้ม ทั้งยังผ่านขั้นตอนการคัดสรรอย่างพิถีพิถันและประกอบขึ้นอย่างประณีต จนเกิดเป็นผลงานที่ผสานคู่สีของตัวเรือนและสายนาฬิกาได้อย่างลงตัว

    นับเป็นครั้งแรกที่ Sky-Dweller ได้ผสานสองสีอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้ด้วยกัน โดยจับคู่หน้าปัดสีเขียวสดประกายแสงอาทิตย์กับตัวเรือนและสายนาฬิกาทองคำ 18 กะรัต หน้าปัดที่เปล่งประกายนี้เมื่อผสานกับแสงสะท้อนจากขอบตัวเรือนแบบเซาะร่องและสายนาฬิกา Jubilee จะรังสรรค์ให้เกิดนาฬิกาที่เป็นตัวแทนของความหรูหราเหนือระดับ


ภาพ: Rolex


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Buy Hold Sell: คำแนะนำจากกูรู นาฬิกาหรูเรือนไหนน่าซื้อ ถือไว้ หรือขายบ้าง?

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine