ลักซอร์ (Luxor) เมืองที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของอียิปต์อีกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ติดแม่น้ำไนล์ทางตอนกลางของประเทศ อยู่ห่างจากกรุงไคโรราว 650 กิโลเมตร สามารถเดินทางด้วยสายการบินภายในประเทศโดย ลักซอร์ มีประชากรราว 4 แสนกว่าคน ได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวตากอากาศที่สงบเงียบ ผู้คนไม่เร่งรีบต่างจากเมืองใหญ่อย่างไคโร
ทั้งยังได้รับการยกย่องเป็น “พิพิธภัณฑ์เปิดโล่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก” เป็นที่ตั้งของหุบผากษัตริย์ หุบผาราชินี สุสานของฟาโรห์และเชื้อพระวงศ์รวมถึงสุสานของฟาโรห์ตุตันคามุน มีวิหารที่สวยงามที่สร้างเพื่อบวงสรวงเทพเจ้า อาทิ มหาวิหารคาร์นัค วิหารลักซอร์หุบผากษัตริย์และหุบผาราชินี
หุบผากษัตริย์ (The Valley of the Kings) ตั้งอยู่ในเทือกเขา TheBan ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ โดยหุบเขานี้เป็นสุสานของกษัตริย์และบุรพกษัติรย์ ราชวงศ์และขุนนาง ถือโบราณสถานที่สำคัญแห่งของอียิปต์ เป็นสถานที่ใช้ฝั่งพระศพระหว่าง 1539 ปีก่อนคริสตกาลจนถึง 1075 ปีก่อนคริสตกาล รัชสมัยของฟาโรห์รามเซสที่ 11 (Ramesses XI) มีสุสานอย่างน้อย 63 สุสาน โดยหุบผากษัตริย์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1979



ก่อนปี 1922 สุสานในหุบผากษัตริย์แห่งนี้ถูกค้นพบไปแล้วกว่า 62 หลุม จากบรรดากลุ่มหัวขโมย นักล่าสมบัติ และนักโบราณคดี โดยนักโบราณคดีจำนวนมากเดินทางเข้ามาเพื่อค้นหาสุสานอย่างต่อเนื่องซึ่งการขุดค้นพบครั้งใหญ่ต้องยกให้กับ Howard Carter ที่สามารถค้นพบสุสานของฟาโรห์ตุตันคามุน ได้สำเร็จซึ่งสมบัติที่พบทั้งหมดถูกนำไปจัดที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติไคโร

นอกจากหลุมพระศพของกษัตริย์ฟาโรห์แล้วนั้น ที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ฝั่งพระศพของบรรดาราชินีและสมาชิกในราชวงศ์ที่ 18-20 เป็นสถานที่ตั้งสำคัญของสุสาน “พระนางเนเฟอตารี” พระมเหสีซึ่งเป็นที่รักยิ่งของฟาโรห์รามเสสที่ 2 โดยหุบผาราชินี ตั้งหาจากที่ตั้งของสุสานกษัตริย์ไปทางเหนือราว 1.5 กิโลเมตร มีอายุราว 1,300 – 1,100 ปีก่อนคริสตกาล
สุสานของพระนางเนเฟอตารีถูกค้นพบโดยนักอียิปต์วิทยาชาวอิตาลี เมื่อปี 1904 ตั้งแต่ย่างก้าวเข้าไปภายในสุสานจะสัมผัสถึงความแตกต่างที่จากหลุมพระศพอื่นๆ ทั้งการออกแบบภายในที่กว้างใหญ่และเป็นสัดส่วน ภาพวาดประดับผนังที่สวยงามและสมบูรณ์มากกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ ทำให้รับรู้ถึงความรักอันเป็นนิรันดร์ของฟาโรห์รามเสสที่2 ที่มีต่อพระราชินีผู้เป็นที่รัก
แต่การชม หลุมสุสานของ พระนางเนเฟอตารี ต้องเสียค่าเข้าสูงถึง EPG 1,200 หรือราว 2,200 บาท สิ่งที่เจ้าหน้าที่กำชับก่อนลงไปคือห้ามถ่ายรูปภายในทุกกรณีและชมได้ครั้งละ 10 คน เพียง 10 นาที ต่อคณะเท่านั้น ภายในหลุมออกแบบอย่างสวยงามภาพสลักชัดเจน สีแต่เฉดยังคงความงดงามโดยเฉพาะบริเวณกำแพงของโถงที่ตั้งของพระศพ ที่ภาพเขียนสื่อถึงความรักของฟาโรห์รามเสสที่2 โดยภาพเขียนบางชุดไม่ได้พบเห็นจากหลุดมพระศพอื่นๆ หากจะดูอย่างละเอียดต้องใช้เวลามากกว่าชั่วโมงเพื่อซึมซับความสวยงามที่ยังคงสวยงามดั่งหลายพันปีที่มา
มหาวิหารคาร์นัก
เมืองลัคซอร์ ได้รับการยกย่องเป็นเมืองที่มีวิหารซึ่งติดอันดับประเทศหลายแห่ง หนึ่งในจำนวนวิหารเหล่านั้น คือ มหาวิหารคาร์นัก (The Great Temple of Larnak) มหาวิหารที่ใหญ่และสวยที่สุดของอียิปต์ และยังเป็นวิหารที่บ่งบอกเรื่องราวและร่องรอยอารยธรรมที่แท้จริงของอียิปต์โบราณทั้งด้านศิลปะและวัฒนธรรมของคนในยุคโบราณได้เป็นอย่างดี
มหาวิหารคาร์นักอยู่ห่างจากตัวเมืองและอีกวิหารลักซอร์ราว 2.6 กิโลเมตร สร้างเพื่อถวายแด่เทพเจ้าอามุน-รา (เทพแห่งแสงอาทิตย์) และยังเป็นสถานที่จัดพิธีกรรมเกี่ยวกับอียิปต์โบราณ มหาวิหารใช้เวลาก่อสร้างจากรุ่นสู่รุ่นราว 30 พระองค์ เริ่มต้นที่ฟาโรห์เซซอสตริสที่ 1 (SeSostris I) กษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์ที่ 12 ราว 1991 ปี ก่อนคริสตกาล
มหาวิหารคาร์นักสวยงามยิ่งหากไปเยือนเช้าพระอาทิตย์ของวันเพราะเมื่อแสงแดดอ่อนยามเช้ากระทบกับเสาต่างๆ ภายในจากสกัดจากหินปูนจะทำให้โถงภายในเป็นสีชมพูเรืองรอง ซึ่งเสาสลักภายในแต่ต้นเป็นตัวแทนของของเมืองต่างๆ ในการปกครอง
วิหารลักซอร์
วิหารลักซอร์ (Luxor Temple) มาจากภาษาอารบิก ที่แปลเป็นไทยได้ว่า “ป้อมปราการ” วิหารลักซอร์สร้างโดย ฟาโรห์อาเมนโอเทปที่ 3 คาดกันว่าวิหารแห่งนี้เป็นพระราชวังมากกว่าศาสถาน เนื่องจากมีรูปสลักการทำศึกสงครามประดับอยู่ภายใน ได้รับการบูรณะจากองค์ฟาโรห์หลายพระองค์ โดยเฉพาะจากฟาโรห์รามเสสที่ 2
จุดเด่นสำคัญสำคัญของ วิหารลักซอร์แห่งนี้คือ เสาโอเบลิสก์ (Obelisk) ที่ชาวอียิปต์เชื่อว่าเป็นตัวแทนของ ชีวิต แสงสว่าง และความรุ่งโรจน์ โดยนิยมตั้งเป็นคู่ แต่ปัจจุบันเสาโอเบลิสก์ เหลือเพียงต้นเดียว เพราะอีกต้นได้ถูกขนย้ายเป็นของขวัญแก่ประเทศฝรั่งเศสในสมัยของ Mohamed Ali Dasha เมื่อปี 1831 โดยใช้เวลาเดินทางถึง 3 ปีและถูกนำไปตั้งที่ Place de la Concorde ประเทศฝรั่งเศส โดยเสาโอเบลิสก์ มีความสูง 22.55 เมตร หนัก 227 ตัน สลักด้วยภาษาท้องถิ่น เดิมที่ปลายของเสาหุ้มด้วยทองแต่ได้ทองคำได้ถูกขโมยไป
ทั้งนี้ นอกจาก มหาวิหารคานัค และ วิหารลักซอร์ เมืองลักซอร์ยังมีวิหารที่น่าสนใจอีกอาทิและนำเสนอเนื้อหาทางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างออกไป อาทิ วิหารแฮตเซปซุต (Hatshepsut)
พิพิธภัณฑ์ลักซอร์
พิพิธภัณฑ์ลักซอร์ (Luxor Museum) ตั้งอยู่ในใกล้ใจกลางเมืองริมฝั่งแม่น้ำไนล์ พิพิธภัณฑ์ที่ใช้จัดแสดงวัตถุโบราณที่ขุดค้นพบจากวิหารและสุสานต่างในเมือง ซึ่งแต่ละชิ้นมีความสมบูรณ์ค่อนข้างมาก จัดแสดงวัตถุโบราณได้อย่างสวยงามแตกต่างจาก พิพิธภัณฑ์แห่งชาติไคโร เป็นอย่างมาก รวมทั้งส่วนจัดแสดงมัมมี่ฟาโรห์อาทิ ฟาโรห์อาโมสที่ 1 (Ahmose I) แห่งราชวงศ์ที่ 18 และมัมมี่อีกหลายพระองค์ และจัดแสดงเครื่องทรงและเครื่องประดับต่างๆ โดยที่นี่สามารถชมได้อย่างใกล้ชิดและสามารถถ่ายรูปโดยไม่ใช่แสงแฟลช




