5 ผู้กำกับมหาเศรษฐี จาก Spielberg ถึง Cameron สร้างหนังดังสู่ทรัพย์สินพันล้านเหรียญ

5 ผู้กำกับมหาเศรษฐี จาก Spielberg ถึง Cameron สร้างหนังดังสู่ทรัพย์สินพันล้านเหรียญ

มีผู้กำกับภาพยนตร์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถก้าวขึ้นสู่สถานะ “มหาเศรษฐี” ในการจัดอันดับของ Forbes ซึ่งจะต้องมีทรัพย์สินตั้งแต่ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขึ้นไป โดยคนล่าสุดที่ทำได้คือ James Cameron เจ้าของผลงานอันโด่งดังอย่าง The Terminator, Titanic และ Avatar


    James Cameron กลายเป็นผู้กำกับภาพยนตร์คนที่ 5 เท่านั้นที่ได้เข้าสู่ทำเนียบมหาเศรษฐีพันล้านเหรียญ หลังจาก Steven Spielberg เป็นผู้กำกับคนแรกที่ทำได้ในปี 1994 ความสำเร็จนี้ถือว่าน่าทึ่งมากในวงการภาพยนตร์ แม้ในยุคที่บุคคลร่ำรวยที่สุดในโลกอย่าง Elon Musk จะมีทรัพย์สินพุ่งแตะ 7 แสนล้านเหรียญไปแล้วก็ตาม

    ผู้กำกับภาพยนตร์ทั้ง 5 คนที่อยู่ในลิสต์นี้ ส่วนใหญ่สร้างความมั่งคั่งจากหลายปัจจัยผสมผสานกัน ไม่ว่าจะเป็นการถือหุ้นในสตูดิโอ ส่วนแบ่งรายได้จาก Box Office และธุรกิจส่วนตัว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพลังของการลงทุน จินตนาการ ความบ้าบิ่น และการทุ่มเทอย่างหนัก นับว่าพวกเขาคือบุคคลผู้สร้างแรงบันดาลใจอย่างแท้จริง


1. Steven Spielberg ทรัพย์สิน 7.1 พันล้านเหรียญ


เครดิตภาพ: AFP


    Steven Spielberg กลายเป็นที่รู้จักในฐานะผู้กำกับชื่อดังด้วยภาพยนตร์เรื่อง Jaws (1975) ที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์ฮอลลีวูดด้วยการเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์ฤดูร้อนเรื่องแรกที่ทำรายได้ถล่มทลายกว่า 470 ล้านเหรียญภายใน 2 เดือน และ Jurassic Park (1993) หนึ่งในแฟรนไชส์ทำเงินสูงสุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ ซึ่งเขาปฏิวัติเทคนิค CGI ทำให้ไดโนเสาร์ดูสมจริง ก่อนที่ในปี 1994 Spielberg ยังได้ร่วมก่อตั้งสตูดิโอ DreamWorks กับ Jeffrey Katzenberg และ David Geffen

    ปัจจุบัน รายได้ส่วนหนึ่งจากตั๋วทุกใบในสวนสนุก Universal จะเข้ากระเป๋า Spielberg โดยตรง ด้วยภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์อันโด่งดังอีกเรื่องหนึ่งอย่าง Indiana Jones ส่วนผลงานการกำกับล่าสุดของเขา ได้แก่ West Side Story และ The Fablemans ซึ่งเป็นเรื่องราวที่อิงจากชีวิตจริงบางส่วนเกี่ยวกับการเข้าสู่วงการภาพยนตร์ของเขา 

    ทั้งหมดนี้ทำให้ทรัพย์สินของพ่อมดฮอลลีวูดถูกประเมินไว้ที่ 7.1 พันล้านเหรียญ มากที่สุดในบรรดาผู้กำกับจากลิสต์ของมหาเศรษฐีพันล้านเหรียญ และเป็นคนแรกที่ก้าวขึ้นสู่ทำเนียบนี้ตั้งแต่ปี 1994


2. George Lucas ทรัพย์สิน 5.3 พันล้านเหรียญ


เครดิตภาพ: Lucasfilm


    George Lucas คือผู้ก่อตั้งบริษัทโปรดักชัน Lucasfilm ในปี 1971 และสร้างความมั่งคั่งจากผลงานภาพยนตร์ของตนเอง รวมถึงรายได้จากสินค้าที่ระลึกและลิขสิทธิ์ต่างๆ เขาคือผู้ให้กำเนิด Star Wars แฟรนไชส์ภาพยนตร์อันโด่งดังที่ทำรายได้ทั่วโลกอย่างมหาศาลกว่า 1.2 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งรวมถึงรายได้จากภาพยนตร์ภาคหลัก ภาคแยก และสินค้าต่างๆ

    ปัจจุบัน Lucas แทบจะวางมือจากการสร้างภาพยนตร์แล้ว นับตั้งแต่ได้ขาย Lucasfilm ให้กับ Disney ไปในปี 2012 ด้วยมูลค่า 4.1 พันล้านเหรียญ ทั้งในรูปแบบของหุ้นและเงินสด โดยเจ้าตัวหันไปให้ความสำคัญกับงานการกุศลเป็นหลัก ซึ่งมูลนิธิครอบครัวเพื่อการกุศลของเขามีสินทรัพย์มากกว่า 1 พันล้านเหรียญ

    นอกจากนี้ Lucas และ Mellody Hobson ภรรยาของเขายังได้สนับสนุนงบประมาณให้กับ Lucas Museum of Narrative Art ซึ่งมีกำหนดเปิดที่นคร Los Angeles ในปี 2026 ที่จะถึงนี้ โดย Forbes ประเมินว่าปัจจุบันเขามีทรัพย์สินอยู่ที่ 5.3 พันล้านเหรียญ หลังจากขึ้นสู่ทำเนียบมหาเศรษฐีพันล้านเหรียญตั้งแต่ปี 1997


3. Peter Jackson ทรัพย์สิน 1.7 พันล้านเหรียญ


เครดิตภาพ: เฟซบุ๊ก Peter Jackson


    Peter Jackson สร้างชื่อจากภาพยนตร์ไตรภาค The Lord of the Rings และ The Hobbit ซึ่งทำรายได้รวมทั่วโลกไปกว่า 6 พันล้านเหรียญ โดยเขาได้ค่าตัวจาก The Lord of the Rings ภาคละ 10 ล้านเหรียญ พร้อมส่วนแบ่งรายได้จากตั๋วหนังอีก 10% และได้จาก The Hobbit ภาคละประมาณ 20 ล้านเหรียญ พร้อมส่วนแบ่งรายได้จากตั๋วหนัง 20%

    Peter Jackson รวยมากขึ้นจนเป็นมหาเศรษฐีในปี 2021 หลังขายหุ้นบางส่วนของบริษัทเอฟเฟ็กต์ภาพยนตร์ Weta Digital ให้กับ Unity Software ด้วยมูลค่า 1.6 พันล้านเหรียญทั้งเงินสดและหุ้น โดยผลงานอันโด่งดังของบริษัทนี้คือการสร้างตัวละคร Gollum ด้วยเทคโนโลยี Motion Capture ที่แสดงโดย Andy Serkis จนกลายเป็นหนึ่งในตัวละครดิจิทัลที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์

    ทั้งนี้ Forbes ได้บรรจุให้เขาอยู่ในลิสต์ของมหาเศรษฐีพันล้านเหรียญในปี 2022 โดยปัจจุบัน Peter Jackson ถูกประเมินว่ามีทรัพย์สินรวมประมาณ 1.7 พันล้านเหรียญ


4. Tyler Perry ทรัพย์สิน 1.4 พันล้านเหรียญ

เครดิตภาพ: Tyler Perry


    Tyler Perry ได้ขึ้นสู่ทำเนียบมหาเศรษฐีของ Forbes ในปี 2020 โดยมีทรัพย์สินรวมประมาณ 1.4 พันล้านเหรียญ เขาเป็นทั้งผู้กำกับ นักแสดง โปรดิวเซอร์ นักเขียนบท และเป็นที่รู้จักมากที่สุดจากแฟรนไชส์หนังเรื่อง Madea ซึ่งทำรายได้รวมมากกว่า 660 ล้านเหรียญ

    Perry เริ่มต้นอาชีพจากละครเวทีในช่วงทศวรรษ 1990 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ก่อนจะเข้าสู่วงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ในช่วงทศวรรษ 2000 ความมั่งคั่งของ Perry มาจากทั้งส่วนแบ่งรายได้ในฐานะโปรดิวเซอร์ และคลังคอนเทนต์ที่สะสมมาตั้งแต่ต้นยุค 1990 ด้วยการเป็นเจ้าของผลงานที่สร้างขึ้นเองทั้งหมด 100% นี่คือเหตุผลของความร่ำรวย เพราะเขาไม่ได้แค่รับค่าจ้าง แต่มีรายได้ระยะยาวจากหนังและซีรีส์ทุกเรื่อง

    นอกจากนี้ ในปี 2019 Perry ยังเปิด Tyler Perry Studios ซึ่งเป็นสตูดิโอขนาดใหญ่กว่า 330 เอเคอร์ ในเมืองแอตแลนตา มีสเตจถ่ายทำ 12 แห่ง และฉากที่สร้างขึ้นตามสัดส่วนจริง รวมถึงทำเนียบขาวจำลองด้วย


5. James Cameron ทรัพย์สิน 1.1 พันล้านเหรียญ

เครดิตภาพ: AFP


    James Cameron แจ้งเกิดจากภาพยนตร์ The Terminator หรือแฟรนไชส์คนเหล็ก ในปี 1984 จากบทที่ขายในราคาแค่ 1 เหรียญ เพื่อแลกกับสิทธิ์กำกับเอง ก่อนจะประสบความสำเร็จอย่างสูง ที่สำคัญเขาคือผู้กำกับภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาล 3 เรื่อง ได้แก่ Titanic, Avatar และ Avatar: The Way of Water โดยผลงานทั้งหมดทำรายได้รวมเกือบ 9 พันล้านเหรียญจาก Box Office ทั่วโลก

    ในงานประกาศรางวัลออสการ์ปี 1998 Cameron กวาด 3 รางวัลใหญ่ ได้แก่ ผู้กำกับยอดเยี่ยม ตัดต่อยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเรื่อง Titanic พร้อมสร้างซีนจำด้วยการกล่าวประโยคดังจากหนังของตัวเองบนเวทีว่า “I’m the king of the world” ซึ่งเป็นฉากที่ Jack Dawson (Leonardo DiCaprio) ยืนอยู่หัวเรือ Titanic แล้วตะโกนประโยคนี้ออกมา

    สำหรับการสร้าง Avatar นั้น Cameron ได้พัฒนาเทคโนโลยีภาพยนตร์ใหม่ๆ หลายอย่าง และหลายครั้งลงทุนด้วยเงินส่วนตัว ทั้งระบบกล้อง 3D อุปกรณ์จับการเคลื่อนไหวใบหน้า และระบบ Simulcam ที่ช่วยให้เห็นนักแสดงในฉากดิจิทัลแบบเรียลไทม์

    เมื่อ Avatar ทำรายได้เกือบ 3 พันล้านเหรียญจาก Box Office และยังสร้างรายได้เพิ่มเติมอีกมากมายจากดีวีดีและสตรีมมิง ทำให้เขามีรายได้จากส่วนแบ่งราว 350 ล้านเหรียญก่อนหักภาษีและค่าธรรมเนียม ก่อนจะก้าวขึ้นสู่ทำเนียบมหาเศรษฐีของ Forbes ในปีนี้ ด้วยทรัพย์สินรวมประมาณ 1.1 พันล้านเหรียญ




เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เดิมพันทุกครั้งให้ชนะ! วิถีของ James Cameron จาก Terminator, Titanic ถึง Avatar สู่ผู้กำกับมหาเศรษฐีพันล้านเหรียญ

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine