10 อันดับ นักบาส NBA รายได้สูงสุด ประจำปี 2025

10 อันดับ นักบาส NBA รายได้สูงสุด ประจำปี 2025

10 อันดับ นักบาสเกตบอล NBA ที่มีรายได้สูงสุด ประจำปี 2025 เม็ดเงินรวมกันกว่า 902 ล้านเหรียญสหรัฐฯ Stephen Curry ขึ้นครองบัลลังก์ครั้งแรกพร้อมรายได้กว่า 159.6 ล้านเหรียญ แซงหน้า LeBron James ที่ครองตำแหน่งมายาวนานกว่า 11 ปี


    Stephen Curry ขึ้นครองบัลลังก์นักบาสเกตบอลที่มีรายได้สูงสุดใน NBA โดยถูกคาดการณ์ว่าจะมีรายได้รวมกว่า 159.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในฤดูกาลนี้ (ก่อนหักภาษี) ซึ่งมาจากค่าเหนื่อยในสนาม สปอนเซอร์ และธุรกิจต่างๆ นับเป็นครั้งแรกของผู้เล่นวัย 37 ปีรายนี้หลังโลดแล่นในวงการมา 17 ฤดูกาล และถือเป็นการยุติการครองตำแหน่งเบอร์ 1 อันยาวนานกว่า 11 ปี ของ LeBron James อีกด้วย

    ที่สำคัญ รายได้ของ Stephen Curry ยังเป็นสถิติใหม่ตลอดกาล เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีใครสามารถสร้างเม็ดเงินได้จำนวนมหาศาลขนาดนี้ โดยคนที่ทำได้ใกล้เคียงที่สุดในฐานะอันดับ 1 คือ LeBron James ที่มีรายได้รวมเมื่อปีที่แล้ว 128.7 ล้านเหรียญ ขณะที่ปีนี้ลงมาอยู่อันดับที่ 2 แม้ถูกคาดการณ์ว่าจะมีรายได้รวมกว่า 137.6 ล้านเหรียญก็ตาม

    รายได้ของ Stephen Curry แบ่งเป็นรายได้ในสนาม 59.6 ล้านเหรียญ และรายได้จากนอกสนามซึ่งคาดว่าจะมีกว่า 100 ล้านเหรียญ โดย Forbes ประเมินว่ามีนักกีฬาที่ยังเล่นอยู่เพียง 4 คนเท่านั้นที่เคยทำรายได้จากธุรกิจเกิน 100 ล้านเหรียญ ได้แก่ Tiger Woods (กอล์ฟ) 105 ล้านเหรียญ ในปี 2009, Roger Federer (เทนนิส) 100 ล้านเหรียญ ในปี 2020, Conor McGregor (MMA) 158 ล้านเหรียญ ในปี 2021 และ Shohei Ohtani (เบสบอล) 100 ล้านเหรียญในปีนี้

    สำหรับภาพรวมของการจัดอันดับในครั้งนี้ 10 นักบาสเกตบอลมีรายได้รวมกันว่า 902 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 15% จากครั้งก่อนที่ 787 ล้านเหรียญ และเพิ่มขึ้นกว่า 131% หากเทียบกับการจัดอันดับของ Forbes เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งเติบโตเร็วกว่าลีกกีฬาอื่นๆ ในอเมริกาอย่าง MLB, NFL และ NHL

    ในจำนวน 902 ล้านเหรียญ แบ่งเป็นรายได้นอกสนามถึง 380 ล้านเหรียญ ทุบสถิติเดิมของฤดูกาล 2022-23 ที่ทำไว้ 330 ล้านเหรียญ ทำให้ผู้เล่น NBA มีรายได้จากนอกสนามสูงกว่าลีกกีฬาอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น MLB (120 ล้านเหรียญ), NFL (110 ล้านเหรียญ) และ NHL (27 ล้านเหรียญ)

    ขณะที่รายได้ในสนามนั้น ค่าเหนื่อยนักกีฬาก็พุ่งตามรายได้ของลีกที่สูงขึ้น ผู้เล่น 10 อันดับแรกของ NBA ฤดูกาลนี้จะได้เงินรวม 522 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นราว 2.5 เท่า เมื่อเทียบกับ 10 ปีก่อนในฤดูกาล 2015-16 ซึ่ง Kobe Bryant เคยมีเงินเดือนสูงสุดที่ 25 ล้านเหรียญ ส่วนในฤดูกาลนี้มีผู้เล่นถึง 75 คนที่จะได้เงินเดือนเทียบเท่าหรือสูงกว่า 25 ล้านเหรียญ ขณะที่ NHL เพิ่งทำสถิติเงินเดือนสูงสุดในยุค Salary-cap โดย Kirill Kaprizov ที่ 17 ล้านเหรียญต่อปีเท่านั้น

    ที่กล่าวมา ยังไม่นับรวมเม็ดเงินที่จะไหลเข้าสู่ NBA จากลิขสิทธิ์การแพร่ภาพที่เพิ่งเซ็นสัญญาไปเมื่อปีที่แล้วด้วยมูลค่ากว่า 7.6 หมื่นล้านเหรียญ ครอบคลุมระยะเวลากว่า 11 ปี นับตั้งแต่ฤดูกาล 2025-26 เป็นต้นไป ข้อตกลงนี้จะทำให้สโมสรได้รับเงินเพิ่มเฉลี่ย 4 พันล้านเหรียญต่อปี และคาดว่าจะทำให้เพดานค่าเหนื่อยของลีกเพิ่มเป็น 165.5 ล้านเหรียญในฤดูกาลหน้า จาก 154.6 ล้านเหรียญในปีนี้

    ด้วยเหตุนี้ ทำให้ Stephen Curry มีแนวโน้มที่จะเป็นนักบาสเกตบอล NBA คนแรกที่มีค่าเหนื่อยเกิน 60 ล้านเหรียญในฤดูกาล 2026-27 โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 62.6 ล้านเหรียญ นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งใหญ่ของผู้เล่นรายนี้


สำหรับ 10 อันดับ นักบาส NBA ที่มีรายได้สูงสุด ประจำปี 2025 มีดังต่อไปนี้


1. Stephen Curry
อายุ: 37 ปี | ทีม: Golden State Warriors | รายได้ในสนาม: 59.6 ล้านเหรียญ รายได้นอกสนาม: 100 ล้านเหรียญ | รายได้รวม: 159.6 ล้านเหรียญ


เครดิตภาพ: AFP


    Stephen Curry มีแนวโน้มจะเป็นผู้เล่นคนที่ 10 ในประวัติศาสตร์ NBA ที่เล่นกับทีมเดียวอย่างน้อย 17 ฤดูกาล แม้จะมีอายุ 37 ปี แต่ Curry ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นนักบาสชาวอเมริกันที่ดีที่สุดในตอนนี้ โดยเจ้าตัวมีสัญญากับ Golden State Warriors จนถึงปี 2027 หลังจากต่อสัญญา 1 ปี ไปเมื่อปีที่แล้ว

    นอกสนาม Curry มีธุรกิจมากมายภายเครือ Thirty Ink ซึ่งมีรายได้กว่า 173.5 ล้านเหรียญในปี 2024 โดยครอบคลุมหลายด้านด้วยกันไม่ว่าจะเป็นบริษัทโปรดักชัน Unanimous Media, แบรนด์รองเท้าและเสื้อผ้า Curry Brand ภายใต้ Under Armour, ธุรกิจสื่อและพอดแคสต์ เช่น ข้อตกลงความร่วมมือกับ iHeartMedia เพื่อผลิตรายการเสียงและคอนเทนต์เชิงสร้างแรงบันดาลใจ ตลอดจนหนังสือ Shot Ready ที่เขาเขียนเอง โดยถ่ายทอดแนวคิดเรื่องความสำเร็จและวินัย


2. LeBron James
อายุ: 40 ปี | ทีม: Los Angeles Lakers | รายได้ในสนาม: 52.6 ล้านเหรียญ | รายได้นอกสนาม: 85 ล้านเหรียญ | รายได้รวม: 137.6 ล้านเหรียญ


เครดิตภาพ: Instagram kingjames


    หลังจาก Los Angeles Lakers ตกรอบเพลย์ออฟรอบแรกในเดือนเมษายนที่ผ่านมา LeBron James ในวัย 40 ปี ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจถึงอนาคตของตัวเองที่จะเลิกเล่น ทำให้เขากำลังจะกลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่เล่น NBA ครบ 23 ฤดูกาล อย่างไรก็ตามอายุที่มากขึ้นทำให้เจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บรบกวน ล่าสุดคืออาการเจ็บสะโพกร้าวลงขาขวา ทำให้ต้องพักประมาณ 3-4 สัปดาห์ และพลาดการลงเล่นในช่วงเปิดฤดูกาล

    ด้านธุรกิจ พอร์ตของ LeBron James ยังคงแข็งแกร่งและไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลง ซึ่งประกอบด้วย สัญญาสปอนเซอร์กับ Nike, DraftKings และ Amazon รวมทั้งการลงทุนใน Fantasy Life เว็บไซต์แฟนตาซีสปอร์ต ตลอดจนการเปิดตัวนาฬิกาที่คอแล็บกับ Richard Mille ซึ่งมีมูลค่ากว่า 4 แสนเหรียญ ขณะที่ The Shop แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผู้ชายของเขาก็ได้ขยายการจัดจำหน่ายออกไปนอก Walmart และเข้าสู่ร้าน CVS ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านขายยาและสินค้าเพื่อสุขภาพรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา


3. Kevin Durant
อายุ: 37 ปี | ทีม: Houston Rockets | รายได้ในสนาม: 53.3 ล้านเหรียญ | รายได้นอกสนาม: 51 ล้านเหรียญ | รายได้รวม: 104.3 ล้านเหรียญ


เครดิตภาพ: AFP


    ตั้งแต่เซ็นสัญญา 4 ปี มูลค่า 198 ล้านเหรียญกับ Brooklyn Nets ในปี 2021 Kevin Durant ถูกเทรดไปแล้ว 2 ครั้งกับ Phoenix Suns ในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 และ Houston Rockets ในเดือนกรกฎาคม ล่าสุดฟอร์เวิร์ดวัย 37 ปีรายนี้ได้เซ็นสัญญา 2 ปี มูลค่า 90 ล้านเหรียญกับ Houston Rockets พร้อมกับ player option ในฤดูกาล 2027/28 ซึ่งหมายความว่าปีสุดท้ายของสัญญา Durant สามารถเลือกได้ว่าจะอยู่ต่อหรือย้ายออกจากทีม

    นอกสนาม Durant มีพอร์ตธุรกิจค่อนข้างหลากหลาย เช่น การร่วมธุรกิจกับ FanDuel, Dick’s Sporting Goods และร้านกาแฟ Joe & the Juice รวมถึงการถือหุ้นผ่านบริษัทบริหารทรัพย์สินและการลงทุนของบุคคลหรือครอบครัวอย่าง 35V การลงทุนในเครื่องดื่มสปาร์กลิงแบรนด์ Spindrift และสโมสรฟุตบอล Paris Saint-Germain แห่ง Ligue 1 ฝรั่งเศส


4. Giannis Antetokounmpo
อายุ: 30 ปี | ทีม: Milwaukee Bucks | รายได้ในสนาม: 54.1 ล้านเหรียญ | รายได้นอกสนาม: 45 ล้านเหรียญ | รายได้รวม: 99.1 ล้านเหรียญ


เครดิตภาพ: Instagram giannis_an34


    หลังจากเซ็นสัญญาต่อกับ Milwaukee Bucks ในปี 2023 Giannis Antetokounmpo ยังมีสัญญาเหลืออีก 2 ฤดูกาล พร้อมกับ player option สำหรับฤดูกาล 2027-28 แต่อนาคตของฟอร์เวิร์ดวัย 30 ปีรายนี้กลับไม่แน่นอนตั้งแต่ Damian Lillard คู่หูตัวเก่งของเขาเอ็นร้อยหวายฉีกขาดในเดือนเมษายนและถูกยกเลิกสัญญาในเวลาต่อมา แม้ว่าสโมสรจะพยายามทำให้เจ้าตัวมั่นใจขึ้นด้วยการเซ็นน้องชายของเขาเข้าสู่ทีม ขณะที่พี่ชายของเขาก็อยู่ในทีมอยู่แล้ว

    นอกสนาม Antetokounmpo เพิ่งได้สปอนเซอร์จาก Huggies เพิ่มเข้ามา จากเดิมที่มีอยู่แล้วกว่า 10 แบรนด์ และเจ้าตัวยังลงทุนใน Unrivaled ลีกบาสเกตบอลหญิงอาชีพแบบ 3 ต่อ 3 ในสหรัฐอเมริกา และ ScorePlay แพลตฟอร์มด้านไฮไลต์กีฬา ตลอดจนการเปิดตัวกองทุน Venture Capital ของตัวเองเมื่อปีที่ผ่านมา


5. Jayson Tatum
อายุ: 27 ปี | ทีม: Boston Celtics | รายได้ในสนาม: 54.1 ล้านเหรียญ | รายได้นอกสนาม: 25 ล้านเหรียญ | รายได้รวม: 79.1 ล้านเหรียญ


เครดิตภาพ: Instagram jaytatum0


    Jayson Tatum เอ็นร้อยหวายฉีกในเดือนพฤษภาคมหลังจากที่เขาเซ็นสัญญา 5 ปี มูลค่ากว่า 314 ล้านเหรียญ สร้างสถิติมูลค่าสัญญารวมสูงสุดของ NBA โดยคาดว่าฟอร์เวิร์ดวัย 27 ปีรายนี้ อาจกลับมาเล่นได้เร็วกว่าที่คาดไว้ หลังจากเจ้าตัวได้โพสต์วิดีโอฝึกซ้อมในสนาม พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์ว่า “ผมไม่ได้บอกว่าผมจะไม่เล่นฤดูกาลนี้”

    นอกสนาม Jayson Tatum ยังคงทำงานอย่างหนักเช่นกัน เขาเป็นพาร์ตเนอร์กับ Vertex Pharmaceuticals ในการโปรโมตยาแก้ปวด Journavx และในอีกบทบาทหนึ่งกับการเป็นที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่ด้านบาสเกตบอลของมหาวิทยาลัย Duke ที่สำคัญ เขายังเปิดตัวรองเท้ารุ่นที่ 4 ของตัวเองกับ Jordan Brand ในเครือ Nike ด้วย


6. Anthony Edwards
อายุ: 24 ปี | ทีม: Minnesota Timberwolves | รายได้ในสนาม: 45.6 ล้านเหรียญ | รายได้นอกสนาม: 20 ล้านเหรียญ | รายได้รวม: 65.6 ล้านเหรียญ


เครดิตภาพ: Instagram theanthonyedwards_


    Anthony Edwards มีสัญญาเหลืออีก 4 ปี หลังจากการต่อสัญญาในปี 2023 และเพิ่งพาทีมเข้าชิงแชมป์สายตะวันตกติดต่อกันสองฤดูกาล โดย Edwards มีเป้าหมายง่ายๆ สำหรับฤดูกาลนี้คือการเป็นแชมป์

    นอกสนาม Edwards เป็นพาร์ตเนอร์กับแบรนด์ดังมากมาย อาทิ Bose, Prada และ Sprite เงินส่วนนี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับเขา ด้วยค่าปรับที่ถูกประเมินไว้กว่า 5.6 แสนเหรียญ และเงินเดือนที่ถูกริบในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการใช้คำหยาบ รวมถึงท่าทางที่ไม่สุภาพต่อแฟนๆ ผู้ตัดสิน และผู้สื่อข่าว


7. Joel Embiid
อายุ: 31 ปี | ทีม: Philadelphia 76ers | รายได้ในสนาม: 55.2 ล้านเหรียญ | รายได้นอกสนาม: 10 ล้านเหรียญ | รายได้รวม: 65.2 ล้านเหรียญ


เครดิตภาพ: Instagram joelembiid


    ฤดูกาลที่แล้ว Joel Embiid ลงเล่นได้เพียง 19 เกม เนื่องจากอาการบาดเจ็บ และกำลังฟื้นตัวจากการผ่าตัดหัวเข่าในช่วงปิดฤดูกาล โดยเซ็นเตอร์ตัวเก่งวัย 31 ปีของ Philadelphia 76ers มีแนวโน้มที่จะกลับมาเล่นได้ในฤดูกาลนี้ นับเป็นข่าวดีสำหรับสโมสรหลังจากปีที่แล้วเพิ่งขยายสัญญากับเจ้าตัวออกไป 3 ปี ด้วยมูลค่า 192.9 ล้านเหรียญ รวมถึง player option สำหรับฤดูกาล 2028-29 

    นอกสนาม Embiid มีเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับ Skechers และ Crypto.com พร้อมกับอยู่เบื้องหลังสตูดิโอผลิต Miniature Geant ซึ่งกำลังถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับ Nkwain Kennedy นักบาสเกตบอลจากแคเมอรูน บ้านเกิดของเขา ที่กำลังเป็นไวรัลบน TikTok และ Instagram


8. Jimmy Butler
อายุ: 36 ปี | ทีม: Golden State Warriors | รายได้ในสนาม: 54.1 ล้านเหรียญ | รายได้นอกสนาม: 11 ล้านเหรียญ | รายได้รวม: 65.1 ล้านเหรียญ


เครดิตภาพ: Instagram jimmybutler


    Jimmy Butler กำลังเข้าสู่ฤดูกาลเต็มฤดูกาลแรกกับ Golden State Warriors หลังจากที่ถูกเทรดไปในเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนจะขยายสัญญา 2 ปี มูลค่า 111 ล้านเหรียญ การย้ายทีมครั้งนี้เป็นการยุติข้อพิพาทที่ยืดเยื้อกับ Miami Heat ซึ่งเคยระงับการเล่นของเขาหลายครั้งเนื่องจากพฤติกรรมต่างๆ เช่น การพลาดไฟลต์ของทีม และการเดินออกจากการฝึกซ้อม

    นอกเหนือจากผลงานบนสนามบาสเกตบอลแล้ว ฟอร์เวิร์ดวัย 36 ปีรายนี้ยังเป็นผู้เล่นที่จริงจังกับกีฬาชนิดอื่นด้วย นั่นคือ Padel ซึ่งเป็นกีฬาลูกผสมระหว่างเทนนิสและสควอช ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในยุโรปแต่เพิ่งเริ่มเป็นที่นิยมในสหรัฐฯ โดยเขาเป็นประธานกิตติมศักดิ์ของการแข่งขันประจำปีที่จัดโดย Reserve Padel

    นอกสนาม Butler ยังเป็นพาร์ตเนอร์กับบริษัทต่างๆ เช่น Alo Yoga, Google และ Li-Ning แบรนด์รองเท้าผ้าใบของจีน นอกจากนี้เจ้าตัวยังให้ความสำคัญกับเครื่องดื่มอย่างมาก โดยมีรายงานว่าเขามีคอลเล็กชั่นไวน์ประมาณ 11,000 ขวด และเป็นผู้ก่อตั้งร้านกาแฟ Bigface ซึ่งเปิดสาขาหลักในไมอามีเมื่อเดือนธันวาคมปีที่เเล้ว


9. Shai Gilgeous-Alexander
อายุ: 27 ปี | ทีม: Oklahoma City Thunder | รายได้ในสนาม: 38.3 ล้านเหรียญ | รายได้นอกสนาม: 25 ล้านเหรียญ | รายได้รวม: 63.3 ล้านเหรียญ


เครดิตภาพ: Instagram shai


    หลังจากเพิ่งกลายเป็นผู้เล่นคนที่ 11 ในประวัติศาสตร์ที่คว้ารางวัล MVP และรางวัล MVP ของรอบชิงชนะเลิศในฤดูกาลเดียวกัน และยังเป็นผู้นำลีกด้วยค่าเฉลี่ย 32.7 คะแนนต่อเกม Shai Gilgeous-Alexander เซ็นสัญญาต่อ 4 ปี มูลค่า 285 ล้านเหรียญ โดยสัญญานี้ทำสถิติ NBA ด้วยค่าเฉลี่ยต่อปีมากกว่า 71 ล้านเหรียญ

    ฟอร์มดีเยี่ยมของพอยต์การ์ดชาวแคนาดา วัย 27 ปี ยังมาพร้อมกับการเปิดตัวรองเท้ารุ่นแรกกับ Converse และได้ขึ้นปกวิดีโอเกม NBA 2K26 รวมถึงรับบทนำในซีซัน 2 ของ Netflix docuseries Starting 5 นอกจากนี้ เขายังมีวิธีสร้างรายได้เสริมอย่างชาญฉลาด นั่นคือการขายเสื้อผ้าของตัวเองให้เพื่อนร่วมทีมใน Garage Sale ทุกต้นฤดูกาล

10. Nikola Jokic
อายุ: 30 ปี | ทีม: Denver Nuggets | รายได้ในสนาม: 55.2 ล้านเหรียญ | รายได้นอกสนาม: 8 ล้านเหรียญ | รายได้รวม: 63.2 ล้านเหรียญ


เครดิตภาพ: Instagram nuggetsshai


    Nikola Jokic ไม่ได้ต่อสัญญา 3 ปี มูลค่า 212 ล้านเหรียญที่เขามีสิทธิ์ได้รับในช่วงฤดูร้อนนี้ โดยเจ้าตัวเลือกที่จะเลื่อนการพูดคุยเรื่องสัญญาออกไปจนถึงฤดูร้อนหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่เขาสามารถเซ็นสัญญาได้ 4 ปี ในมูลค่า 293 ล้านเหรียญ

    นอกสนาม Jokic เป็นพาร์ตเนอร์กับบริษัทต่างๆ รวมถึงผู้ผลิตรองเท้าจีนอย่าง 361 Degrees รวมถึง Superbet บริษัทรับพนันกีฬาในยุโรป และผู้จำหน่ายของที่ระลึกอย่าง USA Sports Marketing


หมายเหตุ

    การจัดอันดับนักบาสเกตบอล NBA ที่มีรายได้สูงสุดประจำปี 2025 ของ Forbes คำนวณจากค่าเหนื่อยในฤดูกาล 2025-26 สำหรับสัญญาที่เซ็นไว้จนถึงวันที่ 20 ตุลาคม โดยตัวเลขรายได้ในสนามไม่รวมโบนัสหรือผลตอบแทนพิเศษที่อิงจากผลงานของนักกีฬาและทีมในฤดูกาลดังกล่าว

    ส่วนรายได้นอกสนาม คิดจากสัญญาโฆษณา การอนุญาตให้ใช้ชื่อหรือตราสินค้า การปรากฏตัวในกิจกรรมต่าง ๆ และรายได้จากของที่ระลึก รวมถึงผลตอบแทนเป็นเงินสดจากธุรกิจที่นักกีฬามีส่วนได้ส่วนเสียอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ไม่รวมรายได้จากดอกเบี้ยหรือเงินปันผล


แปลและเรียบเรียงจาก The NBA’s Highest-Paid Players 2025



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 10 อันดับ นักฟุตบอลรายได้สูงสุดในโลก ประจำปี 2025

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine