'ประกันภัยแฮกเกอร์' พลิกโฉมวงการด้วยการพิทักษ์ข้อมูล - Forbes Thailand

'ประกันภัยแฮกเกอร์' พลิกโฉมวงการด้วยการพิทักษ์ข้อมูล

Coalition และ At-Bay ก่อตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญจากสายงานความปลอดภัยและหน่วยสืบราชการลับ ทั้งสองบริษัทกำลังใช้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมาแกะรหัสและพลิกโฉมวงการประกันภัยไซเบอร์มูลค่า 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่สตาร์ทอัพดาวรุ่งเหล่านี้จะปกป้องลูกค้าผู้ไม่ประสาเรื่องเทคได้หรือไม่ รวมทั้งปกป้องตัวเองจากการถูกบริษัทใหญ่ขยี้ด้วย


    ย้อนกลับไปในเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 คอมพิวเตอร์ในรัสเซียที่แอบสแกนข้อมูลในคอมพิวเตอร์ที่อเมริกาวิ่งเข้าไปเจอกับดัก นั่นคือเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์เสมือน 400 เครื่องที่มีรหัส IP address หลอกให้ดูเหมือนเป็นเครือข่ายของบริษัทและองค์กรที่มีตัวตนจริง แต่ความจริงแล้วมันคือกับดักที่วางไว้โดย Coalition บริษัทเทคโนโลยีการเงินจากเมือง San Francisco ที่นำธุรกิจเก่าแก่ที่สุดในโลกอย่างการประกันภัยมาผนวกเข้ากับเทคนิคล้ำยุคในการตรวจจับภัยคุกคามด้านไซเบอร์ “ใครที่พยายามเชื่อมต่อเข้ามาในเซิร์ฟเวอร์พวกนี้ต้องคิดจะทำเรื่องผิดกฎหมายแน่นอน” Joshua Motta วัย 40 ปี อดีตนักวิเคราะห์ของสำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ (CIA) ซึ่งเป็นซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Coalition กล่าว

    Coalition มองเห็นว่า ผู้บุกรุกกำลังควานหา MOVEit ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์สำหรับส่งไฟล์ขนาดใหญ่ที่มักจะมีข้อมูลลับอยู่ในนั้น บริษัทจึงส่งอีเมลหาลูกค้าประกันภัยไซเบอร์ 4 รายที่ติดตั้ง MOVEit ไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายรอบนอกของบริษัทและแจ้งให้ลูกค้ารีบย้ายซอฟต์แวร์ดังกล่าวเข้าไปหลบหลังเครือข่ายส่วนตัวเสมือน 

    6 เดือนต่อมา Progress Software บริษัทจากรัฐ Massachusetts ที่เป็นผู้ขาย MOVEit ประกาศว่า ซอฟต์แวร์นี้มีจุดเปราะบางที่อันตรายและออกแพตช์มาแก้ไข แต่พวก Clop แก๊งเรียกค่าไถ่ข้อมูลชื่อดังจากรัสเซียใช้จุดอ่อนนี้ฝังตัวลึกเข้าไปในเครือข่ายขององค์กรต่างๆ แล้ว และเรียกค่าไถ่จากองค์กรเหล่านี้แลกกับการไม่เปิดเผยข้อมูลที่ขโมยไป Coalition สแกนเครื่องลูกค้าอีกครั้งและพบว่า ลูกค้า 19 รายซึ่งมีรายได้ตั้งแต่ 10 ล้านเหรียญไปจนถึง 1 พันล้านเหรียญยังใช้ซอฟต์แวร์นี้อยู่ บริษัทจึงส่งอีเมลด่วนไปแจ้งลูกค้าให้รีบติดตั้งแพตช์ของ MOVEit ซึ่งลูกค้า 14 รายก็ติดตั้งเรียบร้อยภายใน 1 เดือน

    ความระแวดระวังเช่นนี้ดูจะเกิดผล เพราะจนถึงปัจจุบันยังไม่มีลูกค้าของ Coalition รายไหนเลยจากทั้งหมด 85,000 รายมาขอเคลมประกันเพราะปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับ MOVEit ซึ่งก็นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว เนื่องจากมีรายงานว่า บริษัทหลายพันแห่งและบุคคลทั่วไปกว่า 90 ล้านคนถูกขโมยข้อมูลทั้งของบริษัทและข้อมูลส่วนบุคคลเพราะข้อบกพร่องดังกล่าว

    นับตั้งแต่ปี 2017 Coalition และคู่แข่งที่สูสีอย่าง At-Bay ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง San Francisco เหมือนกันต่างได้ปรับปรุงแนวทางการรับทำประกันและการบริหารประกันภัยไซเบอร์ โดยเฉพาะสำหรับลูกค้าขนาดเล็กและขนาดกลาง ส่วนพวกบริษัทประกันภัยเก่าแก่นั้นดูเหมือนจะตกยุคแบบกู่ไม่กลับ เพราะยังส่งแบบฟอร์มไปให้ว่าที่ลูกค้าตอบคำถามพื้นๆ เช่น ลูกค้าได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสแล้วใช่ไหม เทียบกับบริษัทน้องใหม่ที่ใช้วิธีเข้าไปสแกนระบบของลูกค้าโดยตรงเหมือนที่พวกแฮกเกอร์ทำกัน ในบางกรณีบริษัทจะขอให้ลูกค้าปรับปรุงระบบความปลอดภัยแบบใดแบบหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจงเสียก่อนจึงจะรับทำประกัน หรือบางครั้งก็จะปฏิเสธลูกค้าไปเลย “ปล่อยให้ AIG หรือ Chubb รับไปแล้วกัน’’ Rotem Iram กล่าว ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งวัย 43 ปีของ At-Bay คนนี้เคยสังกัดหน่วยการข่าวชั้นยอดของกองทัพอิสราเอล

    Motta กล่าวว่า Coalition ปฏิเสธหน่วยงานการศึกษาระดับเขตแห่งหนึ่งของรัฐ Texas ไปเมื่อปี 2020 เมื่อบริษัทสแกนตรวจสอบระบบก่อนรับทำประกันแล้วพบว่า IP address จำนวนหนึ่งของหน่วยงานนี้ “กำลังคุยกับโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ออกคำสั่งและควบคุมของกลุ่มแฮกเกอร์ซึ่งเป็นที่รู้จัก” และเขาเสริมว่า เมื่อหน่วยงานดังกล่าวมาขอทำประกันอีกครั้งใน 5 เดือนต่อมา Coalition พบว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวหน่วยงานนี้เคยถูกเจาะระบบและเรียกร้องสินไหม 2 ล้านเหรียญจากบริษัทประกันรายอื่นที่ไม่ตรวจสอบให้รอบคอบก่อนรับทำประกัน

    แม้หลังจากที่ Coalition หรือ At-Bay ทำประกันให้ลูกค้าแล้ว พวกเขาก็ยังคอยสแกนระบบและส่งคำเตือนถึงลูกค้าอยู่เรื่อยๆ เพื่อควบคุมความเสี่ยงทั้งต่อบริษัทและต่อลูกค้า โดยในทางปฏิบัตินั้นถ้าลูกค้าเป็นบริษัทเล็กที่ยังไม่เคยใช้บริการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์โดยตรงแต่ยินดีจ่ายเงินซื้อประกัน ลูกค้าก็จะได้ทั้งประกันและบริการความปลอดภัยไปพร้อมกันไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม Iram อธิบายว่า เขาต้องงัดกับลูกค้าอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้คนเหล่านี้เข้าใจเรื่องความเสี่ยง “คนทั่วไปไม่สนใจเรื่องความปลอดภัย’’ เขาบ่น “ถ้าคุณทำงานด้านความปลอดภัยมานานเกินไป คุณอาจจะนึกว่าทุกคนต้องสนใจเรื่องนี้เหมือนคุณ แต่ไม่มีใครสนหรอก” เขากล่าว ถ้าลูกค้ายืนกรานจะติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องถูกเจาะได้ง่าย At-Bay ก็จะขู่ด้วยการขึ้นเบี้ยประกันเป็นเท่าตัว


    แนวทางที่ผสมผสานทั้งการคัดกรอง ความระแวดระวัง และการโน้มน้าวลูกค้าช่วยให้บริษัทฟินเทคทั้งสองรายนี้คิดเบี้ยประกันได้ต่ำกว่าบริษัทอื่นๆ จนชนะใจพวกโบรกเกอร์ประกันภัยและตั้งตัวในตลาดนี้ได้  ปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นผลดีต่อพวกเขาอีกก็คือ การเข้าตลาดมาในช่วงที่การประกันภัยไซเบอร์ยังเป็นเรื่องค่อนข้างใหม่และทำกันเฉพาะกลุ่ม บวกกับการที่ภัยคุกคามด้านไซเบอร์และความต้องการประกันภัยไซเบอร์พุ่งพรวดขึ้นมาในช่วงโควิดระบาด ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ CyberCube ในเมือง San Francisco ชี้ว่า เบี้ยประกันภัยไซเบอร์รวมในสหรัฐฯ ทะยานขึ้นจากน้อยกว่า 1 พันล้านเหรียญในปี 2012 มาอยู่ที่ประมาณ 1.1 หมื่นล้านเหรียญในปี 2023

    กรมธรรม์โดยทั่วไปจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายสำหรับการแก้ไขฟื้นฟู การสอบสวน ความเสียหายต่อธุรกิจ และการดำเนินการด้านกฎหมายอันเกี่ยวเนื่องกับภัยไซเบอร์ทุกอย่างตั้งแต่การโจมตีโดยซอฟต์แวร์เรียกค่าไถ่ การต้มตุ๋นผ่านอีเมลธุรกิจ (ซึ่งอาชญากรจะหลอกให้เหยื่อจ่ายค่าสินค้าหรือบริการปลอม) ไปจนถึงการละเมิดความเป็นส่วนตัว

    Motta ยกตัวอย่างกรณีหนึ่งที่ชวนขนลุก เมื่อปี 2020 แฮกเกอร์ใช้รหัสล็อกอินของพนักงานแค่คนเดียวขยายวงเข้าไปควบคุมระบบคอมพิวเตอร์ของโรงกลั่นสุราในรัฐ Kansas จนทั้งโรงงานหยุดชะงัก เขาเล่าว่า “ปะเก็นเชื่อมผิวอุปกรณ์ 2 ตัวที่ใช้ถ่ายเทของเหลวถูกทำให้แห้งและเกิดรอยแตก” จนก่อความเสียหายให้โรงงาน ในที่สุด Coalition และผู้รับประกันภัยต่ออีกหลายรายต้องจ่ายสินไหมให้บริษัทนี้ประมาณ 2 ล้านเหรียญ ประกอบด้วยเงินชดเชยรายได้เกือบ 1 ล้านเหรียญ ค่าไถ่ 600,000 เหรียญเพื่อให้เปิดระบบกลับคืนมา รวมถึงค่าทนายและค่าจ้างผู้เชี่ยวชาญการสืบค้นหลักฐานดิจิทัล  โรงงานนี้ซื้อกรมธรรม์ที่มีความคุ้มครอง 10 ล้านเหรียญเอาไว้โดยจ่ายเบี้ยประกันแค่ปีละ 21,000 เหรียญ แถมยังเอาไปหักลดหย่อนภาษีได้ 25,000 เหรียญด้วย

    ปัจจุบัน Coalition คิดเบี้ยประกันขั้นต่ำ 120,000 เหรียญสำหรับกรมธรรม์แบบนี้ และถ้าเป็นลูกค้าที่มีระบบควบคุมความปลอดภัยต่ำก็จะคิดแพงกว่านั้นมาก แต่ในที่สุดเบี้ยประกันก็อาจจะทรงตัว เพราะหลังจากที่ขึ้นราคาอย่างดุเดือดมาเกือบ 3 ปี เบี้ยประกันโดยเฉลี่ยก็ลดลงไปประมาณ 20% แล้วในปี 2023 เนื่องจากมีบริษัทประกันเข้ามาในตลาดนี้มากขึ้นและลูกค้าจำนวนมากก็ปรับปรุงระบบป้องกันภัยให้แน่นหนาขึ้น แต่ถึงราคาจะลดลง Coalition ก็ยังได้เบี้ยประกันรวมกว่า 630 ล้านเหรียญจากลูกค้าประกันภัยไซเบอร์ในปีที่แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2022 กว่า 15%  ส่วน At-Bay ได้ไป 301 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 20%  แต่ขอย้ำว่า นี่เป็นตัวเลขขั้นต้น เพราะ Coalition รับความเสี่ยงไว้เองแค่ 10% ส่วน At-Bay รับไว้ 20% ความเสี่ยงและเบี้ยประกันก้อนใหญ่ส่วนที่เหลือถูกส่งผ่านไปให้ผู้รับประกันรายใหญ่และผู้รับประกันต่อเช่น Swiss Re และ Munich Re รายได้สุทธิของ Coalition ในปีที่แล้วคิดเป็นเกือบ 300 ล้านเหรียญ และ At-Bay มีรายได้กว่า 110 ล้านเหรียญ 


Rotem Iram ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งวัย 43 ปีของ At-Bay


    แม้สตาร์ทอัพทั้งสองแห่งจะยังไม่มีกำไรแต่ก็เติบโตอย่างโดดเด่นท่ามกลางสถานการณ์ลำบากในภาคธุรกิจฟินเทค ทำให้ทั้งสองบริษัทได้เข้ามาอยู่ในทำเนียบเกียรติยศ Fintech 50 ของ Forbes ในปี 2024 (ดูรายชื่อฉบับเต็มจากเรื่องล้อมกรอบ) ทั้งคู่ยังมีเงินสดในธนาคาร แต่ถ้าจำเป็นต้องระดมทุนอีกครั้งในเร็วๆ นี้ทั้งสองบริษัทก็อาจจะถูกลดมูลค่าประเมินลงตามสถานะของอุตสาหกรรมนี้ Coalition ระดมทุนครั้งล่าสุดในปี 2022 ด้วยมูลค่ากิจการ 5 พันล้านเหรียญ เราจึงประเมินว่าหุ้น 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ที่ Motta ถืออยู่มีมูลค่าต่ำกว่า 1 พันล้านเหรียญเล็กน้อย

    ทั้ง Coalition และ At-Bay ยังไม่เคยสูญเสียครั้งร้ายแรง แต่วงการนี้ก็ตกอยู่ในความเสี่ยงอยู่เสมอ และยังมีปัญหาคอขาดบาดตายอีกอย่างที่ผู้สร้างนวัตกรรมฟินเทคประเภทอื่นๆ รวมถึงหุ่นยนต์ที่ปรึกษาด้านการเงินต้องเผชิญ นั่นคือพวกรายใหญ่ในวงการสามารถเลียนแบบไอเดียของคุณและอาจจะทำได้ดีกว่าคุณด้วย  David Lewison ผู้นำฝ่ายปฏิบัติงานทั่วประเทศของโบรกเกอร์ประกันภัย Amwins ซึ่งได้เบี้ยประกันภัยไซเบอร์ปีละ 500 ล้านเหรียญจากตลาดลูกค้าขนาดเล็กและขนาดกลางกล่าวว่า ปัจจุบัน Chubb และบริษัทประกันภัยรายใหญ่อีกจำนวนหนึ่งกำหนดให้การสแกนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของลูกค้าเป็นขั้นตอนมาตรฐานในการประเมินความเสี่ยงแล้ว แต่เขากล่าวว่า จากประสบการณ์ของเขา Coalition, At-Bay และ Corvus เป็นรายแรกๆ ที่เริ่มทำแบบนี้และยังคงสแกนระบบของลูกค้าอย่างแข็งขันที่สุดเพื่อค้นหาจุดอ่อนและแจ้งให้ลูกค้าทราบ

    Iram ได้คิดทบทวนหลายสิ่งหลายอย่างหลังจากกลุ่มก่อการร้าย Hamas โจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม และต่อมาอิสราเอลก็เข้ารุกรานพื้นที่ Gaza “ทุกอย่างมันเจ็บปวดเหลือเชื่อสำหรับพวกเรา” เขากล่าว พนักงานชาวอิสราเอล 1 ใน 5 จากทั้งหมด 110 คนถูกเกณฑ์ไปรบ ทำให้โครงการส่วนหนึ่งที่ยังไม่จำเป็นเร่งด่วนต้องถูกพักไว้เพราะพนักงานที่เหลือต้องเร่งทำงานแทนคนที่หายไป 

    ซีอีโอคนนี้เริ่มเข้ารับการเกณฑ์ทหารตั้งแต่อายุ 18 ปีและถูกส่งไปสังกัดหน่วยข่าวกรอง 8200 ของอิสราเอล ซึ่งเป็นหน่วยที่โด่งดังเพราะสร้างดาวเด่นในวงการความปลอดภัยไซเบอร์ รวมถึงผู้ประกอบการพันล้านอย่าง Gil Shwed ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Check Point Software และ Assaf Rappaport ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Wiz บริษัทความปลอดภัยในระบบคลาวด์ Iram อยู่หน่วยนี้ 5 ปีจนได้ยศร้อยเอกและมีผู้ใต้บังคับบัญชา 300 คน จากนั้นเขาไปเรียนต่อที่ Hebrew University of Jerusalem สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ไปทำงานในสายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ไปทำงานเป็นที่ปรึกษาที่ McKinsey ไปเรียนต่อ MBA ที่ Harvard แล้วไปทำงานในสายความปลอดภัยไซเบอร์อยู่กับบริษัทที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงระดับโลก K2 Intelligence (ชื่อปัจจุบันคือ K2 Integrity) ที่ New York อีกระยะหนึ่ง

    ในปี 2016 เขาออกจาก K2 มาเริ่มตั้งสตาร์ทอัพของตัวเองร่วมกับผู้ร่วมก่อตั้ง 3 คน โดยได้ HSB ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจที่เน้นเรื่องเทคของ Munich Re ช่วยสนับสนุนเล็กน้อย At-Bay เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2017 ด้วยเงินทุนก้อนแรกจาก Lightspeed Venture Partners และนักลงทุนรายอื่นๆ  และเมื่อซอฟต์แวร์เรียกค่าไถ่ระบาดหนักในปี 2020 จนทำให้บริษัทประกันภัยรายใหญ่ลดความคุ้มครองและขึ้นเบี้ยประกัน At-Bay กลับยิ่งเร่งหาลูกค้า  “รายอื่นเขาหนีกันหมด” Iram กล่าว บริษัทนี้จึงได้เบี้ยประกันรวมเพิ่มขึ้น 6 เท่าจาก 20 ล้านเหรียญในปี 2020 มาเป็น 120 ล้านเหรียญในปี 2021  แนวทางของ At-Bay ที่ใช้เทคโนโลยีนำหน้าช่วยให้บริษัทจำกัดความเสียหายมาได้จนถึงปัจจุบัน อัตราส่วนค่าสินไหมที่บริษัทต้องจ่ายในปี 2022 (ซึ่งเป็นปีล่าสุดที่นำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์ได้ เนื่องจากการเคลมประกันต้องใช้เวลาดำเนินการหลายเดือน) คือ 29% เทียบกับค่าเฉลี่ย 45% ของบริษัทชั้นนำ 20 แห่งที่รับทำประกันความปลอดภัยไซเบอร์ในสหรัฐฯ

    ทุกวันนี้ At-Bay มุ่งเน้นการสร้างซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยเพิ่มขึ้นเพื่อนำมาจับคู่ขายพร้อมกับประกันของบริษัท โดยบริษัทจะขายเครื่องมือตรวจสอบจุดเปราะบางไปพร้อมกรมธรรม์เป็นชุดมาตรฐาน และบริษัทเพิ่งจะเพิ่มผลิตภัณฑ์จัดการการตรวจจับและตอบโต้ที่มีราคาเริ่มต้นประมาณ 5,000 เหรียญต่อปีเพื่อเชื่อมต่อเข้ากับระบบที่ลูกค้าใช้งานภายในองค์กร รวมถึง Microsoft 365 เพื่อช่วยให้ประเมินความเสี่ยงได้ดีขึ้น เช่น At-Bay จะมองเห็นว่าพนักงานของบริษัทลูกค้าใช้ระบบการยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัยเพื่อล็อกอินหรือไม่

Joshua Motta อดีตนักวิเคราะห์ของสำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ (CIA) ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Coalition


    แม้ Iram อยากจะสร้างซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยมาขายเพิ่มอีก แต่เขายังพยายามข่มใจไม่เพิ่มผลิตภัณฑ์ประกันภัยของ At-Bay ในขณะที่ Motta ตบะแตกไปแล้ว นับจนถึงตอนนี้ At-Bay ระดมเงินจากนักลงทุนมาได้รวม 292 ล้านเหรียญ โดยมีมูลค่าประเมิน 1.4 พันล้านเหรียญในการระดมทุนรอบล่าสุดเมื่อกลางปี 2021 และบริษัทกล่าวว่า ยังมีเงินเหลือในธนาคารเกือบ 200 ล้านเหรียญ

    Motta โตในย่านชานเมือง Kansas City และติดใจอินเทอร์เน็ตมาตั้งแต่เด็กเพราะมีลุง 2 คนทำงานด้านเทคโนโลยีเครือข่าย เมื่ออายุ 12 ปีเขาสร้างเว็บไซต์ให้นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ในท้องถิ่นหลายคน พออายุ 15 ปีเขาได้งานพิเศษเขียนโปรแกรมในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนด้วยค่าแรงชั่วโมงละ 15 เหรียญให้ Microsoft ซึ่งประทับใจซอฟต์แวร์ตะกร้าช็อปปิ้งที่เขาสร้างให้ DogToys.com และเว็บอื่นๆ  ต่อมาระหว่างที่เขาเรียนปริญญาตรีสาขานานาชาติศึกษาอยู่ที่ University of Chicago เขาได้งานพาร์ตไทม์เป็นนักวิเคราะห์ให้ CIA และได้ศึกษาเรื่องยุทธการเจาะระบบโดยศัตรูของอเมริกา  หลังจากเรียนจบเขาลองไปทำงานด้านวาณิชธนกิจให้ Goldman Sachs ที่ London และทำงานช่วงสั้นๆ ในสายการลงทุนในหุ้นนอกตลาดและธุรกิจเงินทุนร่วมลงทุน ต่อมาในปี 2011 เขาเข้าเป็นพนักงานคนที่ 20 ของ Cloudflare บริษัทด้านความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต

    ในปี 2016 เขาก่อตั้ง Redacted ร่วมกับ Max Kelly อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความปลอดภัยของ Facebook และ John Hering ผู้ก่อตั้งบริษัทด้านความปลอดภัย Lookout แต่ในขณะที่ Kelly อยากสร้างเทคโนโลยีความปลอดภัยให้บริษัทใหญ่ Motta กลับสนใจเรื่องประกันภัย Hering กับ Motta จึงออกมาตั้งบริษัท Coalition ของพวกเขาเองโดยมีกลุ่มนักลงทุนซึ่งรวมถึง Vy Ventures, Ribbit Capital และ Valor ช่วยสนับสนุนเงินทุน 10 ล้านเหรียญ  Coalition แจ้งเกิดในวันที่ 5 ธันวาคม ปี 2017 หลัง 3 สัปดาห์ที่ At-Bay เปิดตัว

    Motta วางตำแหน่ง Coalition เพื่อให้โตแซงหน้า At-Bay มาตั้งแต่ต้น ทั้งสองบริษัทมีเทคโนโลยีชั้นยอด ราคาไม่แพง และรับทำประกันได้ไว แต่ Motta เพิ่มส่วนผสมที่สำคัญมากอย่างทรัพยากรบุคคลเข้ามาด้วย เขาจ้างผู้เชี่ยวชาญจากวงการประกันภัยที่มีสายสัมพันธ์กับโบรกเกอร์อิสระซึ่งขายประกันแทบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ จึงช่วยให้ Coalition ทำเงินจากอุปสงค์ที่พุ่งสูงในปี 2020 ได้อย่างรวดเร็ว

    แม้การประกันภัยไซเบอร์จะเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่คนในวงการส่วนหนึ่งก็ยังสงสัยว่ามันจะยั่งยืนหรือไม่ พวกเขาเกรงว่ารูปแบบการเจาะระบบจะเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปจนกระทั่งบริษัทประกันภัยไม่อาจประเมินความเสี่ยงได้อย่างน่าเชื่อถือ และลูกค้าส่วนใหญ่ก็ยังไม่พร้อมรับมือ จึงทำให้เกิดความกลัวเหตุการณ์หายนะที่อาจก่อความเสียหายหลายหมื่นล้านเหรียญ

    แน่นอนล่ะว่าถ้าบริษัทประกันเก่าแก่เจอปีที่เลวร้ายด้านการประกันภัยไซเบอร์ พวกเขาก็ยังมีธุรกิจส่วนอื่นๆ มาช่วยให้เจ็บตัวน้อยลง แต่ชีวิตสตาร์ทอัพไม่สวยงามแบบนั้น “สิ่งที่เรียกว่าแผลเป็นจากการเสียเงินมันมีจริง และผมยอมรับเลยว่าผมยังมีแผลแบบนั้นไม่มากเท่าไร” Iram กล่าว “ผมเลยพยายามหาคนที่มีแผลเป็นมาอยู่รอบตัวผม เพราะถ้าคุณทำงานมา 25 หรือ 30 ปีคุณก็จะมีญาณหยั่งรู้และมุมมองที่กว้างไกล” 


เรื่อง: JEFF KAUFLIN เรียบเรียง: ธรรดร โสตถิอำรุง ภาพ: CODY PICKENS 



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Pollo Campero ก่อร่างสร้างรังแบรนด์ดังจากกัวเตมาลา

คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมีนาคม 2567 ในรูปแบบ e-magazine