อุตสาหกรรมรถยนต์โลกกำลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้วจากเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปภายในเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ส่งผลให้อุตสาหกรรมสนับสนุนต่างๆ ต้องมีการปรับตัวขนานใหญ่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพในการแข่งขัน ทั้งด้านคุณภาพ ต้นทุน และเทคโนโลยี สิ่งที่ต้องทำไปพร้อมๆ กันคือผลิตให้มีคุณภาพสูงขึ้นแต่ต้นทุนต่ำลง ซึ่งโรงงานผลิตจำนวนไม่น้อย มักจะพุ่งเป้าไปที่การลงทุนเพิ่มเทคโนโลยี เพิ่มเครื่องจักรขนาดใหญ่ทันสมัยเป็นอันดับแรก แต่จากประสบการณ์ในอุตสาหกรรมแม่พิมพ์โลหะมายาวนานผมพบว่า สิ่งที่เราต้องเร่งทำและถือเป็นหัวใจของการเติบโตอย่างยั่งยืนคือ การพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพสูงทัดเทียมกับบุคลากรในฐานการผลิตชั้นนำของโลก
เหตุผลคือ ในการพัฒนาเทคโนโลยีให้สูงขึ้นนั้นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนสูงมาก หากมีเทคโนโลยีที่สูงและมีบุคลากรที่มีความสามารถสูงด้วยก็จะเกิด productivity อย่างมากมาย หากลงทุนซื้อเทคโนโลยีขั้นสูงไปแล้วแต่คนไม่มีคุณภาพ ก็เท่ากับซื้อของมาแพงแต่ใช้ไม่คุ้มค่าทำให้ต้นทุนสูง แข่งขันไม่ได้ ดังนั้น การพัฒนาคุณภาพคนจึงสำคัญที่สุด เพราะกว่าจะสร้างได้ต้องใช้เวลานาน 5-10 ปี แต่เครื่องจักรเครื่องมือเทคโนโลยีนั้นมีเงินก็ซื้อได้
การจะยกระดับคุณภาพบุคลากรของประเทศเราให้ทัดเทียมกับบุคลากรในประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำอย่างประเทศญี่ปุ่นควรพัฒนาเรื่องใดบ้าง ในส่วนของอุตสาหกรรมสนับสนุนที่จะต้องสนับสนุนเป้าหมายการผลิตของลูกค้าให้สำเร็จ ทั้งด้านคุณภาพ ต้นทุน และการส่งมอบทันเวลา เพราะสายพานการผลิตรถยนต์หากขาดชิ้นส่วนใดไปก็จะไม่สามารถผลิตรถยนต์ให้มีคุณภาพได้ตามเป้าหมาย การพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมต้องทำใน 4 เรื่องนี้คือ
1. มีองค์ความรู้ มีความเชี่ยวชาญ รู้ลึกรู้จริง
2. มีความขยันอดทน
3. มีวินัยในการทำงานสูง
4. มีความรับผิดชอบในงานสูง
อย่างไรก็ตามในการพัฒนาคนนั้น นอกจากมุ่งเน้นสร้างคนให้มีคุณภาพสูง มีความสามารถ มีความเชี่ยวชาญแล้ว ที่สำคัญจะต้องเพิ่มจำนวนคนเก่ง คนคุณภาพให้มีจำนวนมากด้วย ถ้าไม่ถึง 100% ของบุคลากรทั้งหมด พัฒนาได้สัก 80-90% ก็ถือว่าใช้ได้
ประเทศชั้นนำหลายประเทศโดยเฉพาะเยอรมนีการพัฒนาอุตสาหกรรมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องได้เพราะมีการสร้างคนในที่ทำงาน ส่งเสริมให้มีการถ่ายทอดความรู้ในที่ทำงานจนเกิดเป็นวัฒนธรรมการถ่ายทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งผมเรียกระบบการสร้างคนนี้ว่า “Training for the Trainer” หรือระบบพี่สอนน้อง ทำให้สามารถสร้างคนขึ้นมาได้ จากคนเก่ง 1 คนก็ไปฝึกคนเก่งอีก 10 คน จาก 10 คนก็ไปสร้างอีกเป็น 100 เป็น 1,000 คน
นอกจากการส่งเสริมวัฒนธรรมการถ่ายทอดความรู้ “Training for the Trainer” แล้ว การส่งเสริมการเรียนรู้แบบ learning by doing ให้โอกาสทุกคนฝึกฝนเรียนรู้ยกระดับ พร้อมให้ค่าตอบแทนที่เหมาะสมก็มีความสำคัญ เช่นเดียวกันกับการส่งเสริมการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้หลัก lifelong learning หรือหลักไคเซน เพื่อให้บุคลากรได้ร่วมกันคิดพัฒนางานให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมทุกวัน หลังจากพุ่งเป้าสร้างคนคุณภาพแล้ว ในด้านเทคโนโลยีไม่ได้หมายความว่าจะต้องหยุดรอให้มีคนคุณภาพเต็มองค์กรก่อน ท่ามกลางความท้าทายใหม่ๆ ที่มากับการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมและการแข่งขันโดยเฉพาะด้านต้นทุน ทุกแห่งก็จะต้องมีการปรับฐานการผลิตให้สามารถเพิ่มผลผลิตที่มากขึ้น ต้นทุนต่ำลง ซึ่งการนำระบบผลิตอัตโนมัติมาใช้เพื่อให้ได้คุณภาพสูงขึ้น จำนวนผลผลิตต่อชั่วโมงได้มากขึ้น ใช้คนน้อยลง ก็เป็นสิ่งจำเป็นและต้องตัดสินใจ
“ระบบผลิตอัตโนมัติ” ไม่ใช่การใช้เครื่องจักรมาแทนคน แต่หมายถึงระบบที่ใช้คนควบคุม แต่ไม่ได้ใช้คนทำ คือ 1 เครื่องแทนคนได้ 3-5 คน ส่งผลทำให้ต้นทุนลดลง นี่คือความสำคัญของการที่จะต้องมีคนคุณภาพ เมื่อผสานกับเทคโนโลยีล้ำสมัยคนจะได้รับการยกระดับให้เก่งขึ้น คุณภาพการผลิตก็สูงขึ้น ผลิตได้มากขึ้น ใช้คนน้อยลง ต้นทุนลดลง ลูกค้ามีความพึงพอใจ ผลที่เกิดขึ้นตามมาคือ การเติบโตอย่างยั่งยืนดังที่ทุกคนต้องการ
อ่านเพิ่มเติม : กองเงินบนตราสารหนี้สีเขียว
