"เจษฎา ยงพิทยาพงศ์" นำทัพ “เวลธ์ คอนเซปท์” ลุยธุรกิจนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน - Forbes Thailand

"เจษฎา ยงพิทยาพงศ์" นำทัพ “เวลธ์ คอนเซปท์” ลุยธุรกิจนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน

"เจษฎา ยงพิทยาพงศ์" นำทัพ “เวลธ์ คอนเซปท์” บลน. ที่ได้ เจน 2 ตระกูลอาหุนัยผู้ถือหุ้นรายใหญ่ร่วมลุยธุรกิจนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน “บลน. เวลธ์ คอนเซปท์” ระดมเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุน (RM) มากประสบการณ์ เจาะกลุ่มผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth) เปิดแค่ 5 เดือน กวาด AUM กว่า 2,000 ล้านบาท ตั้งเป้าขึ้นแท่น Top 5 ภายใน 3 ปี บริหารสินทรัพย์หลักหมื่นล้านบาท แนะกลยุทธ์ลงทุนตลาดสหรัฐ-จีน-เวียดนาม


ท่ามกลางตลาดเงินตลาดทุนที่มีความผันผวน การลงทุนที่มีความเสี่ยง แต่ในความเสี่ยงก็มีโอกาส ที่นักลงทุนรายใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ “High Net Worth” ที่มีสินทรัพย์สุทธิ 50 ล้านบาทขึ้นไป ที่สามารถรับความเสี่ยงสูงได้

    นี่คือฐานลูกค้าหลักของบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) เวลธ์ คอนเซปท์ จำกัด ที่มี เอก อาหุนัย บุตรชาย สมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธ์ จำกัด (มหาชน) (EA) มหาเศรษฐีอันดับ 6 จากการจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์บส ในปี 2565 ถือหุ้นสัดส่วน 22.86%

    เจษฎา ยงพิทยาพงศ์ กรรมการและผู้จัดการ บลน.เวลธ์ คอนเซปท์ อดีตนายธนาคารที่มีประสบการณ์กว่า 13 ปี ผู้ซึ่งรับตำแหน่งซีอีโอเป็นครั้งแรก และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ถือหุ้นหลัก ได้เริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565 โดยได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์แบบ ง เป็นนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ค้าหลักทรัพย์ที่เป็นหน่วยลงทุน ที่มีจุดเด่นในการเป็นองค์กรขนาดเล็ก แต่มีทีมเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุน (RM) ที่มีประสบการณ์ 7-10 ปีขึ้นไป ที่พร้อมสร้างการเติบโตไปพร้อมกับลูกค้ารายใหญ่ ควบคู่กับการขยายฐานลูกค้ารุ่นใหม่ผ่านช่องทางออนไลน์

    “ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) กว่า 2,000 ล้านบาท มีฐานลูกค้า 450 ราย ซึ่ง 80% เป็นลูกค้ากลุ่ม High Net Worth ด้วยจุดเด่นที่มีเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนที่ส่วนใหญ่มาจากธนาคารพาณิชย์ ที่มีประสบการณ์สูง ปัจจุบันมีจำนวน 42 คน คอยดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด เปรียบเสมือนเป็นเลขานุการส่วนตัว เกิดการบอกต่อแบบปากต่อปาก ถือเป็นจุดเด่นของเรา ที่แม้จะเป็นองค์กรขนาดเล็ก แต่มีความคล่องตัว พร้อมที่จะเติบโตไปกับลูกค้ารายใหญ่” เจษฎากล่าว


ตั้งเป้า 3 ปี AUM หมื่นล้าน


    ด้วยจุดเด่นดังกล่าว ทำให้ผลการดำเนินงานของเวลธ์ คอนเซปท์เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) กว่า 2,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตเป็น 3,000 ล้านบาท

    ภายในสิ้นปีนี้ ปี 2567 คาดว่า AUM จะขยับเป็น 5,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายว่าภายใน 3 ปี จะมี AUM 1 หมื่นล้านบาท โดยมีฐานลูกค้าประมาณ 1,500 ราย ก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ใน 5 ของผู้ดำเนินธุรกิจนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุนของประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีผู้ดำเนินธุรกิจอยู่ประมาณ 10 ราย

    เจษฎา กล่าวว่า นอกจากเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนมากประสบการณ์กว่า 40 คน ที่คอยให้บริการมืออาชีพแล้ว บริษัทยังเลือกใช้ระบบ Fund Connext Streaming Fund+ และ ระบบ E-open ซึ่งเป็นระบบของทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมกองทุนรวม

    ดังนั้นจึงมีประสิทธิภาพสูง โปร่งใส และสะดวกรวดเร็วในการโอนพอร์ต รวมทั้งมีการให้บริการทางออนไลน์ผ่านเวบไซต์ www.wealthconcept.co.th และ Streaming fund+ application ที่ใช้งานง่าย สามารถเปิดบัญชีออนไลน์ได้ โดยมีระบบบริการหักบัญชีอัตโนมัติ (ATS)

    นอกจากนี้ บริษัทมีการอัพเดทข้อมูล มุมมองการลงทุนทุกวัน เพื่อให้ RM แนะนำลูกค้าโดยตรงอย่างใกล้ชิด รวมถึงการจัดพอร์ตให้ลูกค้าแบบ DIY สามารถปรับพอร์ต พร้อมเสนอธีมการลงทุนได้ตามความเหมาะสมของตลาด โดยเฉพาะในช่วงที่สภาวะตลาดมีความผันผวน

    ปัจจุบัน บลน.เวลธ์ คอนเซปท์ เป็นตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุนให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จำนวน 11 บริษัท และภายในสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 17 บริษัท ครอบคลุมกองทุนที่มีอยู่ในอุตสาหกรรม โดย 80 – 90% เป็นกองทุนเพื่อลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ที่ลูกค้าสามารถกระจายการลงทุนทั่วโลกผ่านกองทุนรวมได้

    นอกเหนือจากการลงทุนในประเทศด้วยตัวเอง โดยกองทุนรวมดังกล่าวจะได้รับค่าธรรมเนียมในการขายประมาณ 1.5-1.6% สูงกว่ากองทุนรวมประเภทอื่น ทำให้บริษัทเริ่มมีกำไรอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะคุ้มทุนในช่วงครึ่งปีหลัง

    “ในอนาคต บริษัทมีแผนขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์แบบ ข เป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์แบบตราสารหนี้ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตร หุ้นกู้ เป็นต้น รวมทั้งมีพันธมิตรที่อยู่ในกลุ่มผู้ถือหุ้น เช่น กลุ่มลูกค้าเงินฝากของบริษัทเงินทุน แอ็ดวานซ์ จำกัด (มหาชน) และลูกค้าหลักทรัพย์ จากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บียอนด์ จํากัด (มหาชน) หรือ BYD ที่สามารถต่อยอดธุรกิจให้เติบโตมากขึ้น”


แนะกลยุทธ์ลงทุนสหรัฐ-จีน-เวียดนาม


    สำหรับมุมมองการลงทุนในขณะนี้ เจษฎา กล่าวว่า การลงทุนตลาดหุ้นไทยยังได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองในประเทศ เงินลงทุนจากต่างชาติยังไหลออกอย่างต่อเนื่อง เป็นจังหวะในการทยอยสะสมหุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานดีเข้าพอร์ต ขณะที่ตราสารหนี้ ปัจจุบันจะพิจารณาเพียงเรทติ้งอย่างเดียวไม่ได้ แต่ให้ดูธรรมาภิบาลของผู้บริหารประกอบการตัดสินใจลงทุนควบคู่ไปด้วย

    ด้านตลาดหุ้นในต่างประเทศ ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกายังมีความน่าสนใจ แม้การเจรจาขยายเพดานหนี้ของสภานิติบัญญัติยังไม่มีข้อสรุป อาจะส่งผลกระทบต่อตลาด เป็นโอกาสในการสะสมหุ้น โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเทรนด์ขาขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ปรับตัวลงค่อนข้างมากแล้ว

    ด้านตลาดหุ้นจีน โดยเฉพาะ A – Share สามารถทยอยสะสมได้ หลังจากการเปิดประเทศ เช่นเดียวกับดัชนีนิเคอิ ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี เป็นหลุมหลบภัยที่น่าสนใจ รวมทั้งตลาดหุ้นเวียดนามที่กลับมามีความน่าสนใจ หลังจากรัฐบาลมีการประกาศนโยบายการลงทุนใหม่ ๆ เช่น เรื่องพลังงานสะอาด และมีโอกาสเข้าคำนวณดัชนี MSCI

    “สำหรับการลงทุน มีอยู่ 2 คำ กำไร กับ ขาดทุน นโยบายของเรา RM ต้องอยู่กับลูกค้าในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะกำไร หรือขาดทุน ก็ต้องมีเราอยู่ตลอด เพื่อทำให้พอร์ตของลูกค้าเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” เจษฎากล่าวทิ้งท้าย


อ่านเพิ่มเติม: ผลวิจัยเผย Gen Z เสี่ยงขาดทุนเพราะเชื่อโซเชียลมากกว่าโบรกเกอร์


ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine