เมื่อฐานการผลิตยักษ์ใหญ่ของโลกอย่างจีนต้องเจอปัญหาต่อเนื่องทั้งการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ยากลำบากขึ้น ส่งผลให้สินค้าเหล่านั้นต้องหาที่ไป และทะลักเข้าสู่ประเทศอื่นๆ เช่น อาเซียน ไทย ฯลฯ ซึ่งอาจทำให้ภาคการผลิตของประเทศต่างๆ ต้องเข้าสู่สงครามราคาเพื่อรับมือกับคู่แข่งใหม่ๆ แม้ปัญหาเหล่านี้จะเกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแต่หากไม่วางแผนถึงการรับมือ ปมนี้อาจทวีความรุนแรงขึ้นเช่นกัน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ทิศทางราคาผู้ผลิตในจีนที่ยังมีแนวโน้มหดตัวจะยิ่งกดดันปัญหาสินค้าราคาถูกที่จะไหลเข้าสู่อาเซียนรวมถึงไทย เพราะเมื่อมองไประยะข้างหน้าผู้ผลิตในจีนยังมีแนวโน้มปรับลดราคาสินค้าลงจากปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินที่ได้รับปัจจัยกดดันจากปัญหาสงครามการค้าตั้งแต่ 1 ส.ค. 2658 ที่ระดับภาษีในแต่ละประเทศมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น
ทั้งนี้ สินค้าคงคลังในบางอุตสาหกรรมของจีน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ยายังอยู่ในระดับสูง ซึ่งจะกดดันต่อเนื่องไปถึงทิศทางระดับราคาสินค้าในประเทศที่จีนส่งออกสินค้าไป โดยเฉพาะประเทศในอาเซียนอย่างเวียดนามรวมถึงไทย

อย่างไรก็ตาม หากเจาะลึกสาเหตุหลักที่สินค้าราคาถูกจากจีนทะลักเข้าไทย และประเทศอื่นๆ มาจาก 3 ข้อ ได้แก่
1. ในเดือนมิ.ย.68 ดัชนีราคาผู้ผลิตของจีน (PPI) หดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 33 อยู่ที่ -3.6%YoY ซึ่งเป็นระดับหดตัวที่ต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี ระดับราคาสินค้าผู้ผลิตหดตัวในทุกกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะในส่วนของถ่านหิน (-21.8%YoY) ปิโตรเลียม และก๊าซธรรมชาติ (-12.6%YoY) รวมถึงเหล็ก (-11.3%YoY)

2. เงินเฟ้อของจีนอยู่ระดับต่ำ แม้ว่าในเดือนพ.ค.68 เงินเฟ้อจีน (CPI) กลับมาขยายตัวเป็นบวกได้เล็กน้อย ปัจจัยหนุนหลักมาจากมาตรการสนับสนุนภาคการบริโภคของภาครัฐ เช่น โครงการของเก่าแลกของใหม่ (Trade-in Program) โดยระดับราคาของเครื่องใช้ภายในบ้านขยายตัวที่ 0.7%YoY จาก 0.1%YoY แต่เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 0.1%YoY จากทิศทางการใช้จ่ายภายในประเทศที่ยังไม่แน่นอน และการปรับลดราคาสินค้าของผู้ผลิตตามทิศทางดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ยังปรับลดลง
3. ในระยะข้างหน้าจีนยังมีความเสี่ยงด้านเงินฝืด โดยเงินเฟ้อมีทิศทางอยู่ในระดับต่ำตลอดทั้งปี 2568 มีรายละเอียด ดังนี้
- ผลบวกจากโครงการของเก่าแลกของใหม่ (Trade-in Program) คาดว่าจะลดลงในครึ่งหลังของปี เนื่องจากสินค้าในโครงการเป็นสินค้าคงทน เช่น รถยนต์ และ Smartphones อีกทั้งรัฐบาลท้องถิ่นบางแห่งเริ่มประกาศระงับเงินอุดหนุน และจำกัดโควต้ารายวันหลังเริ่มเผชิญปัญหาขาดแคลนเงินทุน
- ความเสี่ยงจากสงครามการค้าที่ยังไม่แน่นอนสูงกดดันภาคการผลิตในจีน แม้จะมีข้อตกลงปรับลดภาษีชั่วคราวระหว่างสหรัฐฯ และจีน แต่อัตราภาษีปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับสูง อีกทั้ง ทิศทางและระดับการเก็บภาษีในระยะข้างหน้ายังมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ผู้ผลิตมีแนวโน้มชะลอการลงทุน และการผลิต สะท้อนผ่านผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เติบโตชะลอลงต่อเนื่อง
- ผู้ผลิตในจีนยังคงเผชิญสงครามราคาในหลายอุตสาหกรรม โดยกำไรภาคอุตสาหกรรมในจีนเดือน พ.ค.68 หดตัวลงอย่างมาก

ทั้งนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด ทั้งการเจรจาการค้าระหว่างจีนสหรัฐฯ และไทยกับคู่ค้าต่างๆ รวมถึงมาตรการดูแลปัญหาที่เกิดขึ้นจากภาครัฐว่าจะออกมาตรการใด และจะส่งผลดีต่อภาคการผลิตของไทยที่เจอผลกระทบสินค้าราคาถูกทะลักเข้าประเทศมาอย่างต่อเนื่องในรูปแบบใด
ภาพ: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, Adobe Firefly
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เศรษฐกิจไทยปีนี้เสี่ยงสูง! กกร. กังวลนโยบายภาษีทรัมป์-สินค้าจีนทะลัก-ภาคการผลิตยังชะลอต่อเนื่อง
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine