กรณีศึกษา ‘ไทย-กัมพูชา’ ภาคการเงินเชื่อมโยงกันแค่ไหน - Forbes Thailand

กรณีศึกษา ‘ไทย-กัมพูชา’ ภาคการเงินเชื่อมโยงกันแค่ไหน

สถานการณ์เจรจาที่ไม่ราบรื่นระหว่างไทยและกัมพูชาช่วงที่ผ่านมา ทำให้ทั้งภาครัฐและเอกชนยังติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ว่าจะส่งผลกระทบต่อประเทศและคนไทยอย่างไร ล่าสุด ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประเมินความเสี่ยงและความเชื่อมโยงในภาคการเงินระหว่างทั้ง 2 ประเทศมาใน 3 มิติ


    1. มิติการโอนเงินและชำระเงิน หากเป็นการโอนเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือระบบโอนเงินดิจิทัลระหว่างไทยกับกัมพูชา ยังดำเนินการได้ต่อเนื่อง ขณะที่ การปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับธุรกรรมด้านการค้าระหว่างไทย-กัมพูชาสามารถทำผ่านเครื่องมือปกติได้ เนื่องจากเกือบทั้ง 100% ของธุรกรรมด้านการค้าระหว่างประเทศของไทยกับกัมพูชาอยู่ในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินบาท (ไม่ใช่สกุลเงินเรียลของกัมพูชา)

    ข้อมูล ณ ไตรมาสที่ 1/2568 สัดส่วนธุรกรรมการรับชำระค่าสินค้าส่งออกของไทย (จากคู่ค้าในกัมพูชา) อยู่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินบาท ประมาณ 68.6% และ 31.3% ของมูลค่าสินค้าส่งออกไทยไปกัมพูชา ตามลำดับ ขณะที่สัดส่วนธุรกรรมการชำระค่าสินค้านำเข้าของไทย (กับคู่ค้าในกัมพูชา) อยู่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินบาท 49.3% และ 49.8% ของมูลค่าสินค้าเข้าจากกัมพูชา 

    อย่างไรก็ดี การปิดความเสี่ยงจาก FX เป็นเพียงการจำกัดผลกระทบบางส่วน เพราะคงต้องต้องยอมรับว่า ยังมีประเด็นข้อกังวลด้านอื่นของภาคธุรกิจที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในช่วงหลังจากนี้ เช่น ความคล่องตัวของการทำธุรกรรมเงินสด ตลอดจนผลกระทบด้านการค้า/กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อยู่บริเวณชายแดน และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากคู่ค้าและธุรกิจที่ประกอบกิจการในฝั่งกัมพูชา


    2. มิติการลงทุนในสินทรัพย์กัมพูชา ผู้ลงทุน (เช่น ผู้ลงทุนรายย่อยที่ลงทุนผ่านตัวแทนการลงทุน และกองทุนรวม ไม่รวมกองทุนส่วนบุคคล) ในตราสารการเงินกัมพูชาในปัจจุบัน มีเพียงกลุ่มนักลงทุนรายย่อยที่ลงทุนผ่านตัวแทน ขณะที่ยอดคงค้างการลงทุนทั้งหมดเป็นการลงทุนในตราสารทุน ซึ่งได้ทยอยปรับตัวลดลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา 

    ล่าสุด ณ เม.ย. 2568 มียอดคงค้างอยู่ที่ 0.42 ล้านดอลลาร์ฯ คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.003% ของยอดการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศของรายย่อยฯ ทั้งหมดโดยรวม

    เป็นที่น่าสังเกตว่า กองทุนรวมในไทยไม่มีการลงทุนในตราสารการเงินกัมพูชา ดังนั้น จากข้อมูลเบื้องต้น ความเชื่อมโยงโดยตรงของการลงทุนรายย่อยฯ และกองทุนรวมต่อสินทรัพย์การเงินของกัมพูชา น่าจะมีค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์ตลาดอื่น ๆ ที่เป็นที่นิยมมากกว่า เช่น สหรัฐฯ ลักเซมเบิร์ก จีน ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ตามลำดับ

    3. มิติภาคการธนาคาร ในปัจจุบัน ธนาคารพาณิชย์ของไทยมีการเข้าไปให้บริการทางการเงินในกัมพูชาในรูปแบบของการตั้งสาขาหรือให้บริการผ่านบริษัทการเงินในเครือที่ตนเองถือหุ้น เช่น บริการชำระเงิน-โอนเงินดิจิทัลข้ามประเทศ บริการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด บริการด้านเงินฝาก และสินเชื่อเพื่อสนับสนุนธุรกิจและรายย่อย

    อย่างไรก็ดี หากมองในมิติของ Exposure ในกัมพูชาของธนาคารพาณิชย์ 5 แห่ง พบว่า ยังมีสัดส่วนค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับการดำเนินงานในประเทศไทย โดยขนาดสินทรัพย์มีสัดส่วนประมาณ 0.41%, สินเชื่อมีสัดส่วนราว 0.42% และเงินฝากในกัมพูชามีสัดส่วนประมาณ  0.26% เมื่อเทียบกับยอดคงค้างทั้งระบบธนาคารพาณิชย์ในไทย


    ในเบื้องต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า พัฒนาการของความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชายังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยข้อกังวลส่วนใหญ่จะเป็นประเด็นในเรื่องธุรกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการค้าและกิจกรรมทางเศรษฐกิจบริเวณแนวชายแดน อย่างไรก็ดี ผลกระทบต่อภาคธนาคารของไทยจะอยู่ในขอบเขตที่สามารถบริหารจัดการได้

    ทั้งนี้ เนื่องขนาด Exposure ในด้านต่าง ๆ ในกัมพูชาของธนาคารพาณิชย์ไทยยังมีสัดส่วนไม่สูง ซึ่งสะท้อน 2 ภาพสำคัญ คือ

    1. ในการออกไปให้บริการทางการเงินในต่างประเทศ ธนาคารพาณิชย์จะใช้กลยุทธ์การดำเนินงานที่ระมัดระวังอยู่แล้ว โดยคำนึงถึงความพร้อมของทรัพยากรด้านการเงิน และกำหนดขอบเขตการให้บริการทางการเงินเฉพาะในด้านที่มีความถนัด และสอดคล้องกับความเชื่อมโยงของการค้า การลงทุน และพื้นฐานทางเศรษฐกิจ

    2. ธนาคารพาณิชย์มีการติดตามและประเมินสถานการณ์ รวมถึงบริหารจัดการความเสี่ยงในธุรกิจต่างประเทศอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ดังนั้น จึงทำให้มั่นใจว่าธนาคารพาณิชย์ไทยสามารถดูแลควบคุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจในกัมพูชานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ



ภาพ : KBANK, ออกแบบภาพปกโดย ธัญวดี นิรุติศาสตร์



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ไมโครซอฟท์ ชู 3 องค์กรชั้นนำในไทย พร้อมไขรหัส 3 ข้อ กับการใช้นวัตกรรม AI ก้าวสู่ 'Frontier Firm'

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine