ราคาสินทรัพย์หลายประเภททำนิวไฮเป็นประวัติการณ์ แต่ก็ปรับตัวอย่างรวดเร็ว บวกกับความผันผวนของค่าเงินบาท และการแบ่งขั้วอำนาจของประเทศมหาอำนาจของโลก ยังไม่รวมอีกหลากหลายตัวแปรที่ยากจะคาดเดา ล้วนเป็นสัญญาณที่ตอกย้ำว่าเรากำลังอยู่ในโลกยุค VUCA (Volatility, Uncertainty, Complexity, Ambiguity) ซึ่งเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงและปัจจัยที่ยากจะคาดเดา ที่ไม่เพียงส่งผลกระทบกับโลกของธุรกิจและการลงทุน แต่ยังสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่กับธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) ในประเทศไทย ที่อยู่ในช่วงสำคัญของการเติบโต ให้ต้องเร่งปรับทัพ เดินเครื่องกลยุทธ์ใหม่ เพื่อรับมือกับสารพัดความท้าทายจากความไม่แน่นอนในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนไม่อาจคาดเดา
‘Your Future-Ready Wealth’ สู่อนาคตการลงทุนที่พร้อมรับมือทุกความท้าทาย
หนึ่งในมูฟเมนต์ที่น่าสนใจของการเปิดเกมรุกเพื่อต่อยอดธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง คือการขับเคลื่อนภายใต้แบรนด์ K WEALTH ของธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในประเทศไทย โดยได้วางยุทธศาสตร์สู่การเป็น Lifelong Trusted Advisor ให้สอดรับกับฉากทัศน์ด้านการลงทุนทั่วโลกที่ผันผวนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เสริมความมั่นใจในการลงทุนให้กับลูกค้ากลุ่มเวลธ์ ด้วยแนวคิด "Your Future-Ready Wealth" ซึ่งไม่เพียงแค่ดูแลการเงินการลงทุนให้กับลูกค้าในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังมองไปถึงอนาคต ให้การลงทุนของลูกค้าพร้อมสำหรับทุกความท้าทายในระยะยาว
ดร.พิพัฒน์พงศ์ โปษยานนท์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เริ่มต้นด้วยการฉายภาพให้เห็นถึงสภาวะการณ์ในธุรกิจบริหารความมั่งคั่งของประเทศไทยว่า นอกจากการปรับตัวเพื่อก้าวให้ทันโลกยุค VUCA ธนาคารยังได้ศึกษาอินไซต์ของลูกค้าที่เป็นกลุ่มนักลงทุนไทยซึ่งมี Pain Point ที่สำคัญคือ นักลงทุนไทยส่วนใหญ่ยังคงมุ่งหวังผลตอบแทนระยะสั้น และบางครั้งเกิดภาวะตื่นตระหนกเมื่อผลตอบแทนลดลง นอกจากนี้ การได้รับคำแนะนำจากหลายแหล่ง ที่นอกจากจะมีความซับซ้อน บางครั้งยังขัดแย้งกัน ยิ่งสร้างความสับสนให้นักลงทุน รวมถึงโอกาสที่จำกัดในการเข้าถึงสินทรัพย์นอกตลาดระดับโลก (Private Asset) ซึ่งมีความซับซ้อนสูง เช่น Private Equity, Private Real Estate และ Private Credit ที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการ โจทย์ใหญ่คือ ธนาคารจะเข้าไปปลดล็อคประเด็นเหล่านี้ และช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างผลประโยชน์สูงสุดตามเป้าหมายชีวิตและการเงินได้อย่างไร
"ความท้าทายวันนี้ นอกจากการเลือกสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี สิ่งสำคัญคือ การเข้าใจโจทย์ของลูกค้าให้ลึกซึ้งมากพอที่จะช่วยเขารับมือกับความเปลี่ยนแปลงและอนาคตที่ไม่อาจคาดเดาได้"

ดร. พิพัฒน์พงศ์ เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งในด้านความเชี่ยวชาญการบริหารความมั่งคั่งของธนาคารกสิกรไทย ด้วยการกำหนดยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนแบรนด์ K WEALTH ในธุรกิจบริหารความมั่งคั่งอย่างต่อเนื่อง โดยยกระดับศักยภาพและบทบาทของ K WEALTH กับคอนเซปต์ Your Future-Ready Wealth ที่มุ่งมั่นในการทรานฟอร์มจากการเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ (Product-Centric) มาเป็นการให้ความสำคัญสูงสุดกับการให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนและการวางแผนการเงิน (Advisory-First) ที่มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับลูกค้ากลุ่มเวลธ์ พร้อมขยายโอกาสการลงทุนระดับโลก และวางเป้าหมายสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับลูกค้าทุกกลุ่มในทุกช่วงชีวิต โดยเปิดโอกาสให้เข้าถึงอย่างเท่าเทียมกัน (Democratized Access)

อัปเกรด K WEALTH ด้วย 3 จุดแข็ง ที่ตอบโจทย์ความท้าทายของนักลงทุนไทย
จากอินไซต์และความเข้าใจความต้องการของลูกค้า กลายเป็นสารตั้งต้นสำคัญในการออกแบบกลยุทธ์ใหม่ของ K WEALTH สู่การสร้าง Your Future-Ready Wealth ที่พร้อมตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเวลธ์ใน 3 มิติหลักๆ ได้แก่
1. การให้คำปรึกษาที่มุ่งเน้นเป้าหมาย (Goal-Based Advisory) คือหัวใจสำคัญของ Wealth Team ซึ่งดำเนินการโดยทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ที่ประกอบด้วยทีม CIO (Chief Investment Officer) และที่ปรึกษาการลงทุนที่ได้รับรองคุณวุฒิวิชาชีพระดับโลก เช่น CFA, CFP®, FRM, CAIA และ CMT รวมถึงใบอนุญาตผู้จัดการกองทุนและนักวิเคราะห์จาก ก.ล.ต.
ดร. พิพัฒน์พงศ์มองว่า บทบาทของ CIO มีความสำคัญอย่างยิ่งในการปรับตัวและจัดกลยุทธ์การลงทุนในสภาวะที่โลกการลงทุนมีความซับซ้อนและผันผวนมากขึ้น การตัดสินใจลงทุนในปัจจุบันจึงไม่ได้จำกัดแค่การเลือกกองทุน แต่ต้องคำนึงถึงการสร้างผลตอบแทนระยะยาวที่สอดคล้องกับเป้าหมายชีวิตของลูกค้าอย่างแท้จริง ในบทบาทนี้ ทีม CIO ของ K WEALTH จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการกำหนดทิศทางการลงทุน เพื่อสร้างเสถียรภาพการลงทุนที่ยั่งยืน และช่วยให้ลูกค้าเปลี่ยนจากการลงทุนแบบเน้นสินทรัพย์รายตัว มาสู่การลงทุนที่มีโครงสร้างที่สามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ผ่านการจัดพอร์ตโฟลิโอที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงของลูกค้า โดยมุ่งเน้นการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการขายเพราะความตื่นตระหนก (Panic Sells) ในช่วงที่ตลาดผันผวนได้
การให้คำแนะนำในรูปแบบ Goal-Based Advisory จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ K WEALTH สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครบถ้วนในทุกช่วงชีวิต พร้อมด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิดผ่าน Relationship Manager ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจในเส้นทางการลงทุนที่ยั่งยืน

2. การมีส่วนร่วมที่ต่อเนื่อง (Always-on Engagement) ของ K WEALTH ขับเคลื่อนด้วย Wealth Tech ที่ชื่อว่า "KEWIN" (เควิน) AI อัจฉริยะที่ผสาน "ความเข้าใจของมนุษย์" กับ "ความแม่นยำของเทคโนโลยี" (Humanized Tech) ช่วยวิเคราะห์พอร์ตและสถานการณ์จากทั่วโลกแบบเรียลไทม์ พร้อมเข้าใจเป้าหมายและความต้องการเฉพาะของลูกค้า เพื่อให้คำแนะนำที่เหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ เสริมด้วย K PLUS ดิจิทัลแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งของธนาคาร ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถลงทุน ติดตาม และปรับพอร์ตได้อย่างราบรื่นในที่เดียว สร้างประสบการณ์การลงทุนที่ทั้งชาญฉลาดและเข้าใจในแบบเฉพาะตัว
3. โซลูชันระดับโลก (Global Solutions) ผ่าน Wealth Partnerships โดยมี J.P. Morgan Asset Management ผู้นำระดับโลกด้านการบริหารการลงทุน ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมูลค่ากว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และความเชี่ยวชาญครอบคลุมหลากหลายประเภทสินทรัพย์ ความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นการพัฒนากลยุทธ์และโมเดลการลงทุนร่วมกันสำหรับนักลงทุนชาวไทยโดยเฉพาะ เพื่อให้เข้าถึงได้ทุกกลุ่มลูกค้า และเสริมความแข็งแกร่งของพอร์ตการลงทุนอย่างยั่งยืน และ Lombard Odier สถาบันการเงินชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารความมั่งคั่งและสินทรัพย์ระดับโลกมายาวนานกว่า 229 ปี ครอบคลุมการบริหารความมั่งคั่งเฉพาะบุคคล การวางแผนทรัพย์สินครอบครัว และการลงทุนระดับโลกที่ออกแบบเฉพาะลูกค้าแต่ละราย ร่วมมือกับ K WEALTH เพื่อมอบบริการบริหารความมั่งคั่งระดับโลกแก่ลูกค้าผู้มั่งคั่งในประเทศไทย โดยนำเสนอทางเลือกการลงทุนระดับสากลที่ตอบโจทย์นักลงทุนไทย พร้อมประสบการณ์เฉพาะบุคคลที่ออกแบบอย่างพิถีพิถันสำหรับลูกค้าระดับมั่งคั่งสูง


K WEALTH ขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 1 ที่ลูกค้าไว้วางใจ ให้เป็น "Lifelong Trusted Advisor"
สุดท้ายนี้ ถ้าถามว่า อะไรคือคุณค่าที่ K WEALTH มองว่าเป็นแต้มต่อในการส่งมอบประสบการณ์ที่โดดเด่นให้กับลูกค้า ดร.พิพัฒน์พงศ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า "การบริหารความมั่งคั่งไม่ใช่การลงทุนระยะสั้น แต่เป็นการลงทุนระยะยาว ด้วยชื่อเสียง ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ เราพร้อมสร้างความมั่นใจและอุ่นใจให้ลูกค้าไปตลอดเส้นทาง เป็นแบรนด์อันดับ 1 ที่ลูกค้านึกถึงและไว้วางใจให้เป็น "Lifelong Trusted Advisor" ด้วยศักยภาพของทีม CIO และ Wealth Advisor เทคโนโลยี KEWIN AI และพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลก"
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.kasikornbank.com/k_43pcTub
- KASIKORNBANK has separate strategic alliances/partnerships with each of Lombard Odier and J.P. Morgan Asset Management. Lombard Odier and J.P. Morgan Asset Management do not operate onshore in Thailand.
- Lombard Odier and J.P. Morgan Asset Management are not affiliated.


