อารภัฏ สังขรัตน์ เมย์แบงก์ ติดปีกองค์กร พร้อมทะยานสู่เป้าหมาย - Forbes Thailand

อารภัฏ สังขรัตน์ เมย์แบงก์ ติดปีกองค์กร พร้อมทะยานสู่เป้าหมาย

พฤติกรรมของนักลงทุนที่เข้ามาสู่โลกดิจิทัลมากขึ้น บวกกับเทรนด์ของนักลงทุนที่ไม่ได้เน้นลงทุนแค่หุ้นเพียงอย่างเดียว แต่มองหารูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย เพื่อบริหารความเสี่ยงให้พอร์ตฟอลิโอแข็งแกร่งและสามารถพิชิตเป้าหมายทางการเงินได้อย่างแท้จริง คือ 2 โจทย์ใหญ่ที่ทำให้นับตั้งแต่ปลายปี 2020 ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตโรคระบาดครั้งใหญ่เป็นช่วงเวลาที่ท้าทายสำหรับเมย์แบงก์ ประเทศไทย ภายใต้การนำของ อารภัฏ สังขรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่เพิ่งเข้ามารับหน้าที่หัวเรือใหญ่หมาดๆ ในการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน พร้อมกับการตัดสินใจทรานส์ฟอร์มองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อก้าวไปให้ทันกับโลกการลงทุนที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

คุณอารภัฏ สังขรัตน์

​ทรานส์ฟอร์มเพื่อเติบโตอย่างก้าวกระโดด

อารภัฏกล่าวว่า หัวใจหลักๆ ของการทรานส์ฟอร์มองค์กร ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และบริการทางเงิน แต่รวมถึงพนักงาน ที่จะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร ผ่านมา 2 ปีครึ่งนอกจากการเปลี่ยนแปลงที่เชื่อว่าหลายคนคงสัมผัสได้ถึงภาพลักษณ์ของเมย์แบงก์ ประเทศไทย ที่ดูทันสมัย สะท้อนถึงการเป็นองค์กรของคนรุ่นใหม่ ที่ไม่เพียงมีการปรับโครงสร้างการทำงานให้มีความยืดหยุ่น เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ แต่ยังเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาเสริมทัพองค์กร โดยยังคงความเป็นมืออาชีพและน่าเชื่อถือด้วยทีมงานคุณภาพที่มากด้วยประสบการณ์ เมย์แบงก์ ประเทศไทย ยังมุ่งสู่การเป็นพันธมิตรด้านการลงทุน ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการการลงทุนที่มีความหลากหลายและครบวงจร ทั้งหุ้น, กองทุน, ตราสารหนี้ และอื่นๆ มากมาย ทั้งในและต่างประเทศ ครอบคลุมทั้งลูกค้ารายบุคคลและลูกค้าสถาบัน



​นอกจากนี้ เมย์แบงก์ ยังพร้อมตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนยุคดิจิทัลด้วยการพัฒนาแอปพลิเคชัน Maybank Invest เพื่อเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยให้การลงทุนของลูกค้าเป็นเรื่องง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว

"ผมมองว่ายิ่งธุรกิจหรือองค์กรถูกดิสรัปต์มากเท่าไร ยิ่งนำมาซึ่งโอกาสมากขึ้นเท่านั้น สำหรับเมย์แบงก์เอง การที่เราทรานส์ฟอร์มองค์กร เป้าหมายไม่ใช่เพื่อให้เราอยู่รอดในธุรกิจ แต่เมื่อเราเห็นว่ามีอะไรจะเข้ามาดิสรัปต์ธุรกิจ เราไม่มองข้าม แต่นำมาเป็นโจทย์ในการพัฒนา ซ่อมแซมจุดที่เราอาจจะยังขาดเพื่อเสริมจุดแข็งที่เรามี และเมื่อโอกาสมาถึงเราก็พร้อมจะคว้าและก้าวสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจ" อารภัฏสะท้อนถึงแนวคิดในการทรานส์ฟอร์มองค์กรก่อนจะเผยถึงกลยุทธ์ 2024 ที่วางไว้ เพื่อนำทัพองค์กรที่ต้องการพิชิตเป้าหมายเติบโต 5 เท่า ภายใน 5 ปี

คุณอารภัฏ สังขรัตน์

​ส่องกลยุทธ์ 2024 ของเมย์แบงก์ ประเทศไทย

อารภัฏกล่าวว่า บทบาทของเมย์แบงก์ ไม่ได้เป็นเพียงผู้ที่คอยแนะนำให้ลูกค้าซื้อหรือขายหุ้น (Trading) แต่เป็นคู่คิดที่พร้อมให้คำปรึกษาลูกค้าในการพิชิตเป้าหมายทางการเงิน ด้วยการเลือกลงทุน (Invest) ในสินทรัพย์ที่มีความหลากหลาย (Multi Asset) ภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk Appetite) และระยะเวลารวมที่นักลงทุนต้องถือครองหลักทรัพย์ (Time Horizon) ดังนั้น กลยุทธ์ในปี 2024 ของเมย์แบงก์ ประเทศไทย คือ จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินใหม่ๆ เพิ่มเติมเพื่อมาเสริมทัพผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินเดิมที่มีอยู่ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารความมั่งคั่งให้กับลูกค้านักลงทุนรายใหญ่ หรือ "กลุ่มไฮเน็ตเวิร์ท" ทั้งที่เป็นลูกค้าเดิมและลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เน้นการลงทุนระยะยาว เพื่อส่งต่อความมั่งคั่งไปยังลูกหลาน ได้แก่ กองทุนรวมส่วนบุคคล (Private Fund) บริการแผนจัดสรรการลงทุน (Portfolio Advisor) และการส่งต่อธุรกิจครอบครัว (Family Office)

นอกจากนี้ ในปี 2024 เมย์แบงก์ ประเทศไทย จะรุกในฝั่งตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Depositary Receipt: DR) โดยตั้งเป้าว่าจะเป็นอีกหนึ่ง Core Business เพราะด้วยจุดแข็งของเมย์แบงก์คือ เป็นธนาคารอันดับ 1 ของมาเลเซีย มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน มีสาขาในสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม ซึ่งถือเป็นแต้มต่อสำคัญ เพราะอาเซียนถือว่าเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับสูง และคาดว่าจะเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

"นอกจากกลยุทธ์ที่มุ่งขยายสินค้าและบริการ เรายังจะสร้างมิติใหม่ให้กับ Loyalty Program ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าจะคุ้นเคยกับการสะสมคะแนนเพื่อไปแลกสิทธิประโยชน์ แต่ในปีหน้าเราจะเปลี่ยนจากการสะสม Tiger Point เป็น Tiger Club ที่สร้างฮับ เพื่อเชื่อมต่อโอกาสทางธุรกิจ ระหว่างลูกค้ากับผู้เชี่ยวชาญของเมย์แบงก์จากทุกประเทศ และระหว่างลูกค้ากับลูกค้า รวมถึงลูกค้ากับพันธมิตรของเมย์แบงก์ เรียกได้ว่าเป็นการยกระดับการสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า โดยใช้ความแข็งแกร่งของเมย์แบงก์ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินชั้นนำของภูมิภาคอาเซียน และประสบการณ์ของเมย์แบงก์ ประเทศไทย ที่มีมากว่า 30 ปี เป็นจุดเชื่อมต่อเพื่อให้ลูกค้าสามารถประสบความสำเร็จตามเป้าหมายการลงทุนที่วางไว้ได้ เพราะในโลกปัจจุบันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่ายดายนั้นมีทั้งข้อมูลที่ถูกและผิด ในฐานะผู้แนะนำการลงทุน เราจึงต้องการเสิร์ฟข้อมูลความรู้หรือคำแนะนำการลงทุนที่เชื่อถือได้ภายใต้รูปแบบ Customize เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละกลุ่มที่อาจจะมีเป้าหมายหรือสินทรัพย์ที่ต่างกัน ขณะเดียวกัน เพื่อก้าวไปให้ทันกับโลกยุคดิจิทัล เรายังอยู่ระหว่างพัฒนาแอป Maybank Invest ให้ฉลาดมากขึ้น เพื่อทำหน้าที่เป็นเหมือนที่ Investment Consultant ส่วนตัวของลูกค้า"