YLG เผยจากต้นปีทองไทยพุ่ง 33% ทองโลกพุ่ง 43% ให้ผลตอบแทนดีสุดในรอบ 46 ปี ชี้มีโอกาสเห็น 60,000 บาท หากค่าเงินยังอ่อน - Forbes Thailand

YLG เผยจากต้นปีทองไทยพุ่ง 33% ทองโลกพุ่ง 43% ให้ผลตอบแทนดีสุดในรอบ 46 ปี ชี้มีโอกาสเห็น 60,000 บาท หากค่าเงินยังอ่อน

วายแอลจีชี้ ทองไทยพุ่งแรงทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 57,000 บาทต่อบาททองคำ จากต้นปีราคาเพิ่มขึ้นถึง 33.73% รับแรงหนุนจากทองโลกที่เดินหน้าทำ New All Time High เช่นกัน นับจากต้นปีจนถึงปัจจุบันราคาทองคำโลกพุ่งขึ้นมาแล้ว 1,140.72 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หรือเพิ่มขึ้น 43.48% ถือเป็นปีที่ทองคำโลกให้ผลตอบแทนมากที่สุดในรอบ 46 ปี มองเป้าหมายทองไทยปีนี้ยังคงไว้ที่ 57,000 บาทต่อบาททองคำ แต่มีโอกาสไปถึงเป้าหมายถัดไปที่ 60,000 บาทต่อบาททองคำ หากค่าเงินบาทยังไม่แข็งค่ามากกว่า 31.83 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ


    พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ราคาทองไทยขึ้นไปทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 57,000 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งถือว่าถึงเป้าหมายแรกของปีนี้ที่ YLG ให้ไว้ที่ 57,000 บาทต่อบาททองคำเรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้นับจากต้นปีจนถึงปัจจุบันราคาทองคำในประเทศพุ่งขึ้นแล้ว 14,350 บาทต่อบาททองคำ หรือคิดเป็น 33.73%

    โดยมี 2 ปัจจัยหลักที่สนับสนุนให้ราคาทองคำในประเทศพุ่งขึ้นอย่างร้องแรง ได้แก่

    1.ราคาทองคาในตลาดโลก เดินหน้าทำ New All Time High เช่นกัน นับจากต้นปีจนถึงปัจจุบันราคาทองคำโลกพุ่งขึ้นมาแล้ว 1,130.64 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หรือเพิ่มขึ้น 43.48% ถือเป็นปีที่ทองคำโลกให้ผลตอบแทนมากที่สุดในรอบ 46 ปี นับจากปี 2522

    ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจาก ประเด็นความกังวลเกี่ยวกับการชัตดาวน์ (ปิดตัวชั่วคราว) ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หลังจากในวันศุกร์วุฒิสภาได้ปฏิเสธร่างงบประมาณระยะสั้นที่สภาผู้แทนราษฎรได้อนุมัติมา ซึ่งหากร่างงบประมาณไม่ได้รับการอนุมัติภายในวันที่ 30 ก.ย. ก็จะทำให้รัฐบาลเสี่ยงถูกชัตดาวน์

    นอกจากนี้ยังมีปัจจัยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้งภายในปี คือ ในการประชุมเดือน ต.ค. และ ธ.ค.

    รวมถึงปัจจัยบวกจากกองทุน SPDR เข้าถือทองคำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากการรายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาพบการถือครองเพิ่มขึ้น 18.9 ตัน ก่อนจะซื้อเพิ่มในวันจันทร์ 6.01 ตัน ทำให้การถือครอบครองขึ้นสู่ระดับ 1,000.57 ตัน สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 2565

    และยังมีปัจจัยความต้องการทองคำในอินเดียที่แข็งแกร่งตั้งแต่กลางเดือน พ.ย.ปีที่ผ่านมา จนทำให้อินเดียเป็นเป็นผู้บริโภคทองคำเป็นอันดับ 2 ของโลก

    2.การอ่อนค่าของเงินบาทจากดัชนีดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดที่ 95.804 ประกอบกับมีแรงขายหุ้นและพันธบัตรจากความกังวลของต่างชาติในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีกระแสเงินไหลออกระยะสั้น

    ทั้งนี้ YLG ยังคงมองเป้าหมายแรกของทองคำในประเทศไว้ที่ 57,000 บาท หากราคาทะลุเป้าหมายแรกมีโอกาสที่จะทดสอบเป้าหมายถัดไปที่ 60,000 บาทต่อบาททองคำ อย่างไรก็ดีหากเงินบาทแข็งค่าจากระดับปัจจุบันที่ 31.83 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ก็จะส่งผลให้ความเป็นไปได้ที่จะไปทดสอบเป้าหมายถัดไปลดลง ดังนั้นการเคลื่อนไหวของทองคำในประเทศขึ้นอยู่กับค่าเงินบาทอย่างมีนัยสำคัญ

    อย่างไรก็ดีหากราคาทองคำไม่ผ่านเป้าหมายแรกที่ 57,000 บาทต่อบาททองคำ แนะนำแบ่งขายทำกำไรบางส่วนแต่ไม่ทั้งหมด และแนะนำให้ซื้อกลับเมื่อย่อตัวหากราคาไม่หลุดแนวรับที่ 55,000 - 50,000 บาทต่อบาททองคำ

    ส่วนนักลงทุนที่สนใจลงทุนกับ YLG สามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Get Gold by YLG ที่วายแอลจีเปิดให้บริการสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำโดยใช้เงินลงทุนเพียง 100 บาท ได้รับการตอบรับอย่างดี เนื่องจากตอบโจทย์การลงทุนของคนรุ่นใหม่ที่สามารถซื้อ-ขายทองคำ Gold Spot แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง เข้าถึงง่ายด้วยสมาร์ทโฟน และมีความน่าเชื่อถือด้านความปลอดภัย สามารถทำกำไรได้จริง โดยผู้สมัครสามารถยืนยันตัวตนพร้อมยื่นเอกสารผ่านแอปพลิเคชัน รู้ผลอนุมัติได้ภายในวันเดียว และสามารถทำการซื้อ-ขาย ทองคำได้ทันที เปิดให้ลงทุนเริ่มที่ 100 บาท ไปจนถึง 80 กิโลกรัมต่อ 1 วัน



Photo by Zlaťáky.cz on Unsplash



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เทรนด์ Digital Gold ตอบโจทย์นักลงทุนยุคใหม่! ปี 2024 ไทยมีความต้องการทองคำมากสุดอันดับ 7 ของโลก

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine