ถอดรหัส “ความกล้าหาญ” ผ่านมุมมอง CEO หญิงแถวหน้า เมื่อการนำองค์กรให้รอด ไม่ใช่แค่เรื่องเก่ง แต่ต้องกล้าในโลกที่ไม่หยุดเปลี่ยน

ถอดรหัส “ความกล้าหาญ” ผ่านมุมมอง CEO หญิงแถวหน้า เมื่อการนำองค์กรให้รอด ไม่ใช่แค่เรื่องเก่ง แต่ต้องกล้าในโลกที่ไม่หยุดเปลี่ยน

ในโลกธุรกิจยุคปัจจุบัน การแข่งขันไม่ต่างจากการวิ่งบนสนามที่ไม่มีเส้นชัย ทุกองค์กรต่างถูกบังคับให้ขยับตัวเร็วขึ้น คิดให้ไวขึ้น และตัดสินใจภายใต้ความไม่แน่นอนมากกว่าที่เคยเป็นมา ปัจจัยที่กำหนดความอยู่รอดจึงไม่ใช่เพียงกลยุทธ์หรือทรัพยากร หากแต่คือ “ผู้นำ” ที่สามารถมองเห็นทิศทางข้างหน้า กล้าตัดสินใจ และพาทีมผ่านช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านไปได้อย่างมั่นคง


    เวที Adman Awards & Symposium 2025 จึงไม่ได้เป็นเพียงงานรวมตัวของคนโฆษณา หากแต่เป็นพื้นที่ที่เปิดบทสนทนาเชิงลึกเกี่ยวกับ “ภาวะผู้นำ” ในยุคที่โลกหมุนเร็วเกินกว่าจะยึดติดกับสูตรสำเร็จเดิม โดยเฉพาะเมื่อเสียงของ CEO หญิงแถวหน้าแห่งวงการเอเจนซี ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างตรงไปตรงมา ทั้งเรื่องความกล้า ความเปราะบาง และบทเรียนการนำองค์กรให้ยืนหยัดท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงแบบรอบด้าน   


“ทำก่อน เจ็บก่อน” ความกล้าที่เริ่มจากการยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ 

    นัตถจริยา ชลายนเดชะ ซีอีโอ VML Thailand เริ่มต้นด้วยการนิยามบทบาทผู้นำในแบบที่ไม่โรแมนติก แต่เต็มไปด้วยความจริง เธอเชื่อว่าการเป็นผู้นำไม่ใช่ตำแหน่ง หากคือความรับผิดชอบต่อชีวิตของคนในทีม และผลลัพธ์ของการตัดสินใจทุกครั้ง

    “ถ้ามีผู้นำ ต้องมีผู้ตาม” สำหรับนัตถจริยา หัวใจของการเป็นผู้นำคือการสร้างแรงบันดาลใจและกำหนดทิศทางที่ชัดเจน แต่ในขณะเดียวกัน ผู้นำต้องเป็นคนแรกที่ออกไปรับแรงกระแทกเมื่อเกิดปัญหา ส่วนความสำเร็จและเครดิตทั้งหมดควรเป็นของทีม เพราะไม่มีผู้นำคนใดสามารถอยู่ได้เพียงลำพังแล้วพาองค์กรไปถึงเป้าหมายได้จริง

    แม้จะอยู่ในตำแหน่งสูงสุดขององค์กรระดับโลก แต่เธอกลับไม่ได้ยกใครเป็นไอดอลในเชิงภาพจำ หากมองว่า “ครอบครัว” คือรากฐานสำคัญที่หล่อหลอมแนวคิดการทำงานทั้งหมด แม่ของเธอคือผู้หญิงที่ทำงานหนักมาตลอดชีวิต ขณะที่พ่อปลูกฝังความเชื่อเรื่องความถูกต้อง ความซื่อสัตย์ และการยืนหยัดบนความดี ซึ่งกลายเป็นหลักยึดสำคัญในการนำองค์กร

    นัตถจริยายังมองว่า แม้วันนี้จะเป็นผู้นำ แต่คนในทีมก็ยังเป็นไอดอลของเธอเช่นกัน เพราะการได้เห็นความทุ่มเท ความคิดใหม่ และพลังของคนทำงาน ทำให้ผู้นำเองต้องเรียนรู้และพัฒนาไปพร้อมกัน เธอเชื่อว่ามายด์เซ็ตที่แข็งแรงจะทำหน้าที่เหมือนแม่เหล็ก ดึงดูดผู้คนที่มีค่านิยมเดียวกันเข้ามาในองค์กรโดยไม่ต้องบังคับ



    เมื่อถูกถามถึงความท้าทายในฐานะผู้นำผู้หญิง นัตถจริยาเลือกตอบอย่างตรงไปตรงมา เธอมองว่า “เพศไม่ใช่ประเด็น” และไม่ควรถูกหยิบขึ้นมาเป็นกรอบในการนิยามความสามารถ เพราะทันทีที่สังคมเริ่มเน้นย้ำสถานะของผู้หญิงมากเกินไป นั่นอาจหมายถึงการสร้างความไม่เท่าเทียมขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เธอยืนยันว่าในวงการเอเจนซี สิ่งที่ทุกคนมองคือคุณภาพงานและ Ambition ที่มีเป้าหมายร่วมกัน

    สำหรับเธอ ความท้าทายที่แท้จริงของผู้นำไม่ได้อยู่ที่เพศ แต่อยู่ที่การยอมรับความจริงว่า “ความเปลี่ยนแปลงคือสิ่งที่แน่นอนที่สุด” หากไม่เริ่มต้นจากความคิดนี้ ผู้นำจะต้องเจอกับแรงต้านในทุกก้าว โดยเฉพาะในโลกที่เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว

    “Ambition คืองานดีที่มีปลายทางด้วยกัน Gender ไม่ใช่ประเด็นหลัก ดังนั้นในเรื่องความท้าทายจึงไม่อยู่ตรงนั้น สิ่งที่ผ่านมาในหลายๆ ส่วนในชีวิต ทำให้เห็นสัจธรรมว่า ความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่แน่นอนที่สุด ถ้าเริ่มที่ความคิดนี้ไม่ได้ คุณจะเจอความท้าทายอีกเยอะมาก โดยเฉพาะโลกที่ไปอย่างรวดเร็ว” นัตถจริยา กล่าว

    ในเรื่องของความท้าทาย นัตถจริยาแบ่งความท้าทายสำคัญออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือการควบรวมกิจการ ซึ่ง VML ต้องเผชิญอยู่เสมอ เธอมักย้ำกับทีมว่า “ชื่อคือเปลือก ความทะเยอทะยานคือของจริง” หากสปิริตยังอยู่ ขอเพียงเดินหน้าต่อไปโดยไม่ยึดติดกับโครงสร้างหรือชื่อเดิม

    ส่วนความท้าทายที่สองคือการมาของ AI ซึ่งเธอมองว่าไม่ใช่ภัยคุกคาม แต่คือโอกาสใหม่ หากเลือกมองด้วยทัศนคติเชิงบวก ความเปลี่ยนแปลงหมายถึงพื้นที่ทดลองที่เปิดกว้าง “ทำอะไรก็ไม่ผิด” สิ่งที่ผิดจริงคือการไม่กล้าลอง เธอจึงปลูกฝังวัฒนธรรมให้ทีมเชื่อว่า “ไม่ลองคือผิด แต่ลองแล้วผิดคือถูก” และย้ำแนวคิด “เริ่มก่อน เจ็บก่อน สนุกก่อน

    สำหรับเธอ ความเก่งไม่ใช่คุณสมบัติของคนคนเดียวอีกต่อไป ผู้นำต้องยอมรับความไม่สมบูรณ์ของตัวเอง และเลือกเดินไปพร้อมเพื่อนร่วมทางที่เติบโตไปด้วยกัน

    “อีกข้อหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา โดยเฉพาะเมื่อสื่อสารกับคนในทีมเวลาที่เกิดปัญหาและหาทางแก้ไข ในเวลาที่มีทีมงานเยอะให้คิดเสมอว่าเขาอยู่เรือลำเดียวกับเรา ต้องให้ทีมงานรู้ทุกสเต็ปว่าเรากำลังจะเดินไปทางไหน กำลังเกิดอะไรขึ้น เรากำลังฝ่าอะไร และถ้าเกิดขึ้นที่มาที่ไปเพราะอะไร จงให้ทุกคนในทีมเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร อย่าให้เขารู้สิ่งเหล่านี้จากคนอื่น และสุดท้ายปลายทางสิ่งที่เรายึดไว้จะยังอยู่เพื่อทีมของเราทุกคน” นัตถจริยา กล่าวทิ้งท้าย


เชื่อมคนทำงานเข้าด้วยกัน คือกุญแจสำคัญของผู้นำ

    ด้าน กนกกร สีหพันธ์ ซีอีโอ GREY Thailand มองบทบาทผู้นำผ่านเลนส์ของการเชื่อมโยง เธอนิยามองค์กรว่าไม่ต่างจากระบบนิเวศที่ต้องพึ่งพากัน ทั้งทีมงาน ลูกค้า และสังคม ผู้นำจึงทำหน้าที่เป็น “Human Connector” มากกว่าคนสั่งการ

    จากประสบการณ์ที่เติบโตในเอเจนซี ก่อนก้าวสู่การเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและสร้างบริษัทของตัวเองยาวนานกว่า 10 ปี ทำให้เธอทำงานด้วยมายด์เซ็ตของผู้ประกอบการ เข้าใจธุรกิจลูกค้าเสมือนเป็นเจ้าของกิจการ ต้องลงลึกตั้งแต่การเงิน บุคคล ไปจนถึงระบบเบื้องหลัง เพราะรู้ดีว่าเงินทุกบาทคือความอยู่รอดของธุรกิจ

    ไอดอลในชีวิตของกนกกรไม่ใช่คนดัง แต่คือคนทำงานจริง หัวหน้าเก่าที่กล้าสร้างสิ่งใหม่ให้วงการ และ รติ พันธุ์ทวี นายกสมาคมโฆษณา ที่โดดเด่นด้านการสร้างเครือข่ายและความร่วมมือ ซึ่งสะท้อนแนวคิดการทำงานแบบไม่โดดเดี่ยว

    เธอมองว่าความท้าทายของวงการเอเจนซีมีอยู่ทุกยุค ตั้งแต่ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน จนถึงวันนี้ที่โลกเผชิญความเปราะบางทั้งเศรษฐกิจและสังคม สิ่งที่ยากที่สุดไม่ใช่การเป็นผู้หญิง แต่คือการรับมือกับ “The Rise of Challenger” และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นพร้อมกันหลายมิติ



    อีกโจทย์สำคัญคือการทำงานข้ามเจเนอเรชันและการอยู่ร่วมกับ AI เธอเชื่อว่าคำถามไม่ใช่ว่า AI จะมาแทนใคร แต่คือจะทำอย่างไรให้คนและเทคโนโลยีเกื้อกูลกันได้เร็วที่สุด ซึ่งต้องอาศัยการเรียนรู้และการแชร์องค์ความรู้ภายในอุตสาหกรรม

    ซีอีโอหญิงแห่ง GREY Thailand ได้นิยามความกล้าไว้ 3 อย่างคือ กล้าละทิ้งความสำเร็จเดิม พร้อมชวนคิดต่อว่าในวันข้างหน้าจะสามารถทำอะไรใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรมโฆษณาได้บ้าง ซึ่งอาจนำไปสู่วิธีการใหม่ที่ทางแบรนด์และลูกค้าก็จะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนเดิม แต่หากยังยึดติดกับความสำเร็จแบบเดิมๆ แบรนด์ก็จะย่ำอยู่กับที่เช่นเดียวกัน

    ความกล้าที่สองคือ กล้าขอความช่วยเหลือ เธอระบุว่าสำหรับวงการเอเจนซีการขอความช่วยเหลือบริษัทในต่างประเทศก็มีข้อดีซึ่งช่วยให้มีองค์ความรู้โดยสามารถรวมสิ่งที่มีแค่ 1 ให้เท่ากับ 3 ได้ และอาจนำไปสู่การสร้างวิธีการใหม่ๆ ให้วงการ ส่วนกล้าที่สามคือ กล้าจะยอมรับในสิ่งที่ไม่ได้ถนัด เพื่อให้พื้นที่คนเก่งได้เติบโต


ขจัด Toxic, สร้างวัฒนธรรม Feedback และการยกย่องกันอย่างจริงใจ

    ปิดท้ายด้วยมุมมองของ พรรณิกา วงศ์สายัณห์ ซีอีโอ TBWA ที่เชื่อว่าความยากที่สุดของการเป็นผู้นำ คือการตัดสินใจทำสิ่งที่ “ยากแต่ถูกต้อง” เธอได้รับบทเรียนจากหัวหน้าคนเก่าที่สอนให้คิดแบบเจ้าของกิจการ คือ “ทำอย่างไรจะให้เกิดขึ้น และเมื่อไหร่จะลงมือทำ” หากทำช้าโอกาสจะหลุดไปอยู่กับคนอื่น และเมื่อผนวกรวมเข้ากับวิธีการทำงาน ทำให้คำว่าไอดอล กลายเป็น ‘ไอเดียล’ (Ideal) ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับอาชีพ Creative agency ที่ถูกสอนให้ใช้วิธีแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์

    เธออธิบายเพิ่มถึงไอเดียลดังกล่าวว่า ในวลาที่คนในทีมทำความสำเร็จบางอย่าง ควรได้รับ Booster (เสียงชื่นชม) เช่นกัน ยกตัวอย่าง “เก่งจังในการทำอันนี้, สนุกจังที่ได้ทำแบบนี้, เราแก้ปัญหาแบบนี้ได้, พี่ผู้ใหญ่คนนี้ทำให้เรื่องนี้ไม่เจ๊งได้, น้องเล็กคนนี้ทำให้เราเกิดไอเดียได้” โดยเชื่อว่าหากทำเรื่องเหล่านี้ให้กระเพื่อมในสังคมการทำงานได้ สักวันหนึ่งจะถูกทำให้กลายเป็นวัฒนธรรม

    ขณะเดียวกัน ผู้นำต้องกล้าขจัด Toxic Culture เพราะเมื่อสภาพแวดล้อมปลอดภัย สถานที่ทำงานเต็มไปด้วยความสบายใจ คนที่เข้ามาทำงานรู้สึกพิเศษและมีคุณค่า ศักยภาพของคนจะถูกใช้ได้มากขึ้น



    พรรณิกา ย้ำว่านโยบายของของเอเจนซีเป็นแบบวันต่อวัน และอยู่บนพื้นฐานของความซื่อสัตย์ การทำงานร่วมกันของคนหลายเจเนอเรชันนั้นไม่ง่าย แต่การจะทำให้บริษัทไปรอดได้ การให้ feedback อย่างตรงไปตรงมาเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ก็มีข้อที่พึงระวังด้วย ในขณะเดียวกันก็ควรเปิดพื้นที่การทำงานแบบฟังเสียงกันและกัน

    “สมมติว่าเราฟังได้เขาฟังเราได้ สร้างเป็นวัฒนธรรมการทำงานได้ มันคงจะดีมากๆ แต่การตัดสินใจในวันแรกของการเริ่มคิดว่าเราต้องหาทางทำเพื่อคุยไม่ง่ายเท่าไหร่ และมีกระบวนการของมันด้วย เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ต้องใช้ความกล้าและความคาดหวังมากๆ แต่ถ้าเริ่มทำได้มันจะมีความหมายต่อทุกคนรอบตัวเราจริงๆ” พรรณิกา กล่าว

    พรรณิกา บอกเล่าถึงความกล้าอันดับที่สองคือการกล้าขอความช่วยเหลือซึ่งมีความสำคัญมากๆ ในทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะวงการโฆษณาที่ต้องเชื่อมเข้าหากันตลอดเวลา โดยระบุว่า “ถ้าต้องการไม่ให้อุตสาหกรรมนี้ถูกตัดกันที่ราคา แต่เป็นการทำอยู่บนคุณภาพของงาน ต้องเริ่มจากเปิดใจ พูดคุยเพื่อการช่วยเหลือ รวมถึงกล้าที่จะยอมรับว่า ปัญหาไม่น่าจะเป็นของเราคนเดียว แต่เป็นปัญหาของทุกคน หากเราช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้นและก้าวข้ามความเป็นแค่ ‘หนึ่งเดียว’ ของตัวเอง แต่มองว่าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมนี้ก็เป็นเรื่องที่ดี


บทสรุปของผู้นำในโลกที่ไม่หยุดเปลี่ยน

    ท้ายที่สุด CEO หญิงทั้งสามต่างย้ำตรงกันว่า ภาวะผู้นำในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องของอำนาจหรือความเก่งเพียงลำพัง แต่คือความกล้าที่จะเผชิญหน้า ปรับตัว และตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะยากที่สุดก็ตาม เพราะในโลกที่เปลี่ยนแปลงทุกลมหายใจ ผู้นำที่แท้จริง คือคนที่พาทีมและองค์กร “เปลี่ยนไปพร้อมโลก” อย่างไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง




ภาพ Adman



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ผลสำรวจเผย คนไทยใช้ AI เยอะ แต่ด้อยประสิทธิภาพ! ทักษะยังห่างมาตรฐานโลก แม้ครองแชมป์โครงสร้างดิจิทัลดีสุดในอาเซียน

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine