“Autodesk” ผู้นำซอฟแวร์อัจฉริยะ รุกหนักยานยนต์เพิ่มโอกาสรายเล็ก - Forbes Thailand

“Autodesk” ผู้นำซอฟแวร์อัจฉริยะ รุกหนักยานยนต์เพิ่มโอกาสรายเล็ก

Autodesk โชว์ศักยภาพความเป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านซอฟต์แวร์อัจฉริยะการออกแบบและผลิตแพลตฟอร์มยานยนต์สำหรับโลกยุคใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องลงทุนมหาศาลในการออกแบบเหมือนในอดีต ในงาน Future Mobility Asia


    เปิดตัวอย่างจริงจังในงาน Future Mobility Asia ที่เพิ่งผ่านพ้นไป สำหรับผู้ให้บริการด้านซอฟต์แอร์อัจฉริยะจากอเมริกา ซึ่งเป็นหัวใจของการผลิตยุคใหม่ ที่ช่วยตั้งแต่การออกแบบ การสร้างโรงงานตลอดจนการผลิต ด้วยบริการที่ครบถ้วนตั้งแต่เริ่มต้นทำให้ Autodesk เป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านซอฟต์แวร์อัจฉริยะ การออกแบบและผลิตแพลตฟอร์มยานยนต์ ที่ตอบโจทย์ผู้ผลิตยานยนต์ได้เป็นอย่างดี ทำให้การออกแบบยานยนต์ยุคใหม่ ไม่จำเป็นต้องลงทุนมหาศาลในการออกแบบเหมือนในอดีต ยิ่งปัจจุบันรถอีวี ขยายตัวมากซอฟต์แวร์อัจฉริยะ ยิ่งตอบโจทย์ และตอบรับกันเทรนด์อุตสาหกรรมรถอีวีในไทยที่กำลังมาแรงสุดในอาเซียน และคาดว่ามีเม็ดเงินลงทุนกว่า 150,000 ล้านบาท

    Detlev Reicheneder ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์อุตสาหกรรม Autodesk Inc. เปิดเผยในงาน Future Mobility Asia ซึ่งจัดโดยกระทรวงพลังงาน ระหว่างวันที่ 17-19 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นงานนิทรรศการและการประชุมที่มีการจัดแสดงแนวคิด โซลูชัน เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ยั่งยืนในอนาคตอย่างครอบคลุมและศึกษาข้อมูลเชิงลึกที่จำเป็นสำหรับผู้บริหาร เพื่อการใช้ประโยชน์จากโอกาสสำหรับการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล (Digital Transformation) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายด้านยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล ซึ่งเป็นแนวนโยบายที่ทั่วโลกรวมทั้งบริษัทให้ความสนใจ

    ผู้บริหาร Autodesk มองว่าแนวโน้มของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเติบโตอย่างมาก “ในปี 2030 คาดว่ายานยนต์ 1 ใน 3 คันจะเป็นระบบขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ด้วยนโยบายเชิงรุกการพัฒนาอย่างยั่งยืนของรัฐบาลภูมิภาคเอเชีย กำหนดให้ภูมิภาคนี้มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงระดับโลกไปสู่การนำพลังงานสะอาดมาใช้ในธุรกิจยานยนต์”

    เขาบอกว่าเห็นได้ชัดเจนจากการส่งเสริมของภาครัฐ ส่งผลให้ตลาดรถ EV ในประเทศไทยเปลี่ยนไปสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมถึงการลงทุนใหม่ๆ จากภาคเอกชน ณ ปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีรถยนต์ EV มากกว่า 100,000 คันบนท้องถนนและมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น


    ทั้งนี้ มาตรการลดภาษีสรรพสามิตสำหรับแบตเตอรี่ EV และโครงการเงินช่วยเหลือ คาดว่าจะสร้างมูลค่าการลงทุนสูงกว่า 4,800 ล้านเหรียญสหรัฐในอุตสาหกรรม EV ของไทย ซึ่ง Autodesk มีนโยบายสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่การขับเคลื่อนที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม


ออกแบบผลิตด้วย AI


    Autodesk ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตซอฟแวร์อัจฉริยะครบวงจร จากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้นำไฮไลต์ ความสำเร็จทางเทคโนลียานยนต์ ของกลุ่มลูกค้ามาจัดแสดง อาทิ แชสซีรถยนต์อัจฉริยะที่ใช้พลังปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตัวแรกของโลก รวมทั้งเทคโนโลยีเจนเนอเรทีฟดีไซน์ (generative design) ที่ทำให้รถแข่งมีน้ำหนักเพียง 570 กก. และสามารถเร่งความเร็วได้ถึง 100 กม./ชม. ภายในเวลาไม่ถึงสามวินาที

    รวมถึงการนำเสนอการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีผ่านระบบวีอาร์ นำความหลงใหลในโลกยานยนต์ด้วยการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติซึ่งผ่านการจำลองมาเพื่อให้ผู้สนใจได้สัมผัสนวัตกรรมแบบเสมือนจริง


    ทั้งนี้ PIX Moving ใช้เครื่องมือ AI และดิจิทัล เช่น การออกแบบเชิงสร้างสรรค์ การพิมพ์ 3 มิติ และวิทยาการหุ่นยนต์เพื่อสร้างความยืดหยุ่น ปรับปรุงการทำงานร่วมกัน และทำให้กระบวนการทำงานเป็นอัตโนมัติ ช่วยให้องค์กรเติบโตผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่อุตสาหกรรมยานยนต์ต้องเผชิญด้วยเทคโนโลยีของ Autodesk

    เทคโนโลยีของ PIX Moving Ultra-Skateboard TM ซึ่งจัดแสดงที่บูธ Autodesk เป็นแชสซี AI ตัวแรกของโลกที่ออกแบบมาเพื่อลดอุปสรรคด้านนวัตกรรมสำหรับการขับขี่แบบอัตโนมัติ พร้อมส่งเสริมแนวทางการผลิตที่ยั่งยืน ด้วยการเปิดใช้งานกระบวนการผลิตที่คล่องตัวและมีประสิทธิภาพ PIX Moving กำลังปูทางไปสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

    การใช้การออกแบบเชิงสร้างสรรค์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ทำให้ PIX Moving สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบแชสซีให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของแต่ละแอปพลิเคชั่น และสร้างแพลตฟอร์มและยานยนต์ที่ปรับแต่งได้หลากหลายแบบแทบไม่จำกัด ด้วยการรวมวิธีการนี้เข้ากับการพิมพ์โลหะ 3 มิติและเทคโนโลยีการผลิตดิจิทัลอื่นๆ ทำให้ PIX Moving สามารถผลิตโซลูชันแบบกำหนดเองเหล่านี้ได้ด้วยระยะเวลาในการผลิตที่สั้นกว่า OEM และรูปแบบซัพพลายเชนแบบดั้งเดิมมาก ซึ่งช่วยลดของเสียและการใช้พลังงาน

    “ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยนี้ ผู้ผลิตสามารถใช้ซอฟต์แวร์ของ Autodesk ในการออกแบบทั้งกระบวนการ ตลอดจนการสร้างโรงงานและการผลิต ทำให้ลดค่าใช้จ่ายที่เกินจำเป็นลงได้มาก” Detlev กล่าวและว่าการลดข้อจำกัดนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับผู้ผลิตรายใหม่ หรือธุรกิจสตาร์ทอัพด้านยานยนต์ได้เป็นอย่างดี



    ด้าน Briggs Automotive Company (BAC) เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จจากการนำเทคโนโลยีขั้นสูงของ BAC และ Autodesk มาขับเคลื่อนนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการผลิตรถสปอร์ตโดยใช้ generative design ทำให้รถแข่งมีน้ำหนักเพียง 570 กก. และสามารถเร่งความเร็วได้ถึง 100 กม./ชม. ภายในเวลาไม่ถึงสามวินาที รวมถึงการประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิตอื่นๆ ซึ่งส่งผลดีต่อการบริหารจัดการธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถดึงผู้ซื้อให้ใกล้ชิดกับนักออกแบบและลูกค้า รวมถึงซัพพลายเออร์ได้มากขึ้น

    Autodesk Inc. มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย มีรายได้รวมอยู่ที่ 5.01 พันล้านเหรียญในปีงบประมาณ 2023 (สิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2023) และมีพนักงาน 13,700 คนทั่วโลก (ณ วันที่ 31 มกราคม 2023) เทคโนโลยีและโซลูชันซอฟต์แวร์อัจฉริยะครอบคลุมทั้งสถาปัตยกรรม วิศวกรรม การก่อสร้าง การออกแบบผลิตภัณฑ์ การผลิตสื่อ และธุรกิจด้านบันเทิง ลูกค้ายานยนต์ของ Autodesk ได้แก่ ผู้ผลิต ซัพพลายเออร์ และบริษัทออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น Tesla และ Hyundai


อ่านเพิ่มเติม: รพ.ลาดพร้าว ทุ่มงบพันล้านสร้างโรงพยาบาลเฉพาะทาง


ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine