อายลิ้งค์ วิชั่น งัดกลยุทธ์ดัน ic!berlin ครองแชมป์ยอดขายอันดับโลก - Forbes Thailand

อายลิ้งค์ วิชั่น งัดกลยุทธ์ดัน ic!berlin ครองแชมป์ยอดขายอันดับโลก

บริษัท อายลิ้งค์ วิชั่น จำกัดทะยานสู่ผู้นำยอดขาย ic!berlin แชมป์เอเชีย 3 ปีซ้อน พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์การตลาดเชิงรุกทุกช่องทาง ชูคุณภาพ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และจับมือพันธมิตรดีลเลอร์รายใหญ่ KT OPTIC ร่วมดันยอดขายครองอันดับโลกร่วมกัน


    ประพันธ์ ผดุงเกียรติสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อายลิ้งค์ วิชั่น จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายแว่นตาชั้นนำระดับโลก เปิดเผยผลประกอบการของบริษัทในปีที่ผ่านมามีรายได้เติบโตจากปี 2564 ประมาณ 40% อยู่ที่จำนวน 350 ล้านบาท และส่วนแบ่งการตลาด 20% จากสินค้ากลุ่มแว่นตาพรีเมียมที่มีมูลค่าขายส่งอยู่ประมาณ 650 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ยังคงรักษาระดับมาตรฐานตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่ภาพรวมตลาดขายปลีกแว่นตาทั้งประเทศจากข้อมูล ปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 7 พันล้านบาท และคาดการณ์เพิ่มขึ้น 14% หรืออยู่ที่ประมาณ 8 พันล้านบาทในปีนี้

    “ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือโควิด-19 บริษัทยังสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นและมีกำไรจากการจำหน่ายแว่นตาที่ถูกมองว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งวัดจากการทำยอดขาย ic!berlin สูงสุดในเอเชียตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะปีที่แล้วบริษัทมียอดเติบโตเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ทั้งแว่นกันแดด และ กรอบแว่นสายตา สาเหตุเพราะผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อ ก็ซื้อโดยไม่ได้สนใจสิ่งเร้ารอบข้าง ที่สำคัญคือชื่นชอบในแบรนด์ ic!berlin อยู่แล้ว”

    นอกจากนั้น บริษัทยังมีแบรนด์ Dior, Givenchy, Silhouette และ Kenzo โดยมุ่งเน้นแว่นตาฟังก์ชั่นนอลเป็นหลัก เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญในการจัดจำหน่ายในประเทศไทยมานานกว่า 20 ปี และได้รับลิขสิทธิ์ในการจำหน่ายแว่นตาฟังก์ชั่นนอลมากเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานและจำนวนแบรนด์ที่บริษัทได้นำเข้าและจัดจำหน่ายทำให้สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดแว่นตาฟังก์ชั่นนอลในประเทศไทยเกิน 80% ของตลาดรวม

    “ตอนนี้ประเทศเปิดยิ่งเกิดการใช้จ่ายในการซื้อสินค้า แม้อัตราการส่งออกไม่ดี น้ำมัน ไฟฟ้า ค่าครองชีพสูงขึ้น แต่อัตราการเติบโตของเราสูงสวนทางกับสภาพเศรษฐกิจ โดยกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อและต้องการซื้อก็จะซื้อ ต่อให้ไม่ได้ซื้อที่เมืองไทย ก็ต้องไปซื้อต่างประเทศ

    เพราะฉะนั้นจึงต้องนำเข้าแว่นตาที่ตอบโจทย์ อินเทรนด์ ทันสมัย วางจำหน่ายที่ประเทศไทยเป็นที่แรก เพื่อดึงผู้บริโภคให้ใช้จ่ายภายในประเทศรวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ต้องมาซื้อที่ประเทศไทย ต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยคือตลาดแว่นตาที่ใหญ่ที่สุดของแบรนด์ต่างๆ หลายแบรนด์มียอดขายสูงสุดในอาเซียนก็อยู่ที่ประเทศไทย”

    สำหรับในปีนี้บริษัทเตรียมเปิดตัวในฐานะผู้นำเข้าแว่นตาแฟชั่นสตรีทไฮเอนระดับโลกอีก 3 แบรนด์คือ Off White, Palm Angels และ Porsche Design โดยมุ่งเน้นการทำการตลาดเชิงรุกทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น โซเชียลมีเดีย สื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ รวมถึงทีมการตลาดเข้ามาทำงานร่วมกับดีลเลอร์ งบประมาณการลงทุนในปีนี้สูงกว่าปีที่แล้ว 50% หรือราว 50 ล้านบาท

   ขณะเดียวกันยังมีการปรับกลยุทธ์การโปรโมทที่มุ่งเน้นการใช้โซเชียลมีเดีย และเพิ่มสื่อโฆษณาในแหล่งวัยรุ่น รวมถึงร่วมมือกับดีลเลอร์และตัวแทนจำหน่ายปรับภาพลักษณ์ และจุดขายภายในร้าน โดยเปลี่ยนตู้โชว์ ic!berlin ให้มองเห็นสินค้าเด่นชัดขึ้น ซึ่งบริษัทคาดหวังยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 5% จากปีที่ผ่านมา

    “แม้คู่แข่งจะมีไม่มากแต่ประมาทไม่ได้ ที่สำคัญต้องการขยายฐานลูกค้าจากที่มีอยู่แล้วให้ครอบคลุม 360 องศา เพิ่มความหลากหลายให้กับกลุ่มผู้บริโภค เพศ และ อายุที่เป็นวัยรุ่นมากขึ้น นั่นคือเหตุผลที่ดึง แอลลี่-อชิรญา นิติพน มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุด เชื่อมั่นว่าสามารถดึงกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่น วัยทีนที่ชื่นชอบแบรนด์แฟชั่นระดับพรีเมียม หันมาให้ความสนใจแบรนด์ ic!berlin มากขึ้น

    โดยคอลเล็กชั่นใหม่นี้ทาง Jan Kohne ประธานบริหาร บริษัท ไอซี!เบอร์ลิน จำกัด ได้ผลิตแว่นตาที่มีสีสันและสไตล์เหมาะกับวัยรุ่นผู้หญิงมากขึ้น สำหรับตลาดกลุ่มผู้ชายนั้น เราต่อสัญญาแบรนด์ แอมบาสเดอร์ ปีที่ 2 กับ คุณหมาก-ปริญ สุภารัตน์ ต้องยอมรับว่าเขาทรงอิทธิพลต่อผู้บริโภคมาก โดยแว่นตา ic!berlin ทุกแบบที่คุณหมากใส่ จะถูกเรียกว่ารุ่น หมาก ปริญ”

    นอกจากนั้น บริษัทยังให้ความสำคัญกับพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น การสนับสนุนการตลาดทุกรูปแบบอย่างสม่ำเสมอกับ บริษัท กรุงไทย ออพติค จำกัด หรือ KT OPTIC ซึ่งเป็นดีลเลอร์อันดับ 1 ของบริษัทที่ร่วมงานกันอย่างยาวนาน โดยในปีนี้ KT ได้มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นและมีแคมเปญความร่วมมือกันเพิ่มยอดขายให้สามารถครองแชมป์ยอดจำหน่ายสูงที่สุดในโลกให้ได้

    “เรายังคงมุ่งมั่นและตอกย้ำความเป็นผู้นำเทรนด์แว่นตา การคัดเลือกแบรนด์นำเข้าระดับพรีเมียม ลิมิเต็ดอิดิชั่น ทันสมัย เพื่อเพิ่มช่องทางและความหลากหลายให้กับผู้บริโภค รวมถึงการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายต่างๆ สำหรับดีลเลอร์ เน้นกลุ่มผู้มีรายได้สูง กลุ่มคนทำงานที่มีกำลังซื้อและวัยรุ่นที่ชื่นชอบแฟชั่น”




    ด้าน ชัชวาลย์ วณิชไพสิฐ กรรมการบริหาร บริษัทกรุงไทย ออพติค จำกัด หรือ KT OPTIC กล่าวว่า ปัจจุบัน KT OPTIC มีสาขาทั้งสิ้น 160 สาขา ทั่วประเทศ และเตรียมเปิดสาขาเพิ่มอีก 6-8 สาขาทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดที่มีต่อเนื่อง โดยปี 2565 บริษัททำยอดขายได้ 850 ล้านบาท ปี 2566 คาดหวังไว้ที่ 900 ล้านบาท หรือเติบโต 8%

    “เราพุ่งเป้าไปที่ตลาดผู้ซื้อแว่นตาพรีเมี่ยมมีคุณภาพ และเหมาะกับชีวิตประจำวัน ซึ่งกลยุทธ์ในการขายคือเรามีสินค้าซึ่งเป็นที่รู้จักในระดับโลก ทั้งแบรนด์แฟชั่นและฟังก์ชันนอลและมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง ปัจจุบัน KT OPTIC และ อายลิ้งค์ฯ ถือเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ทำกันมาต่อเนื่องและยาวนาน ปีนี้จึงใช้โอกาสนี้ในการทำการตลาดร่วมกันอีกครั้ง

    โดยฐานลูกค้าของ KT OPTIC ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบนที่ค่อนข้างมีกำลังซื้อสูง ซึ่งมียอดการใช้จ่ายต่อคนต่อครั้งไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท และจากการสำรวจพบว่าผู้บริโภคคนไทยจะมีแว่นตาไว้ในครอบครองต่อคนไม่ต่ำกว่า 15 อัน ทั้ง แว่นกันแดด และ แว่นสายตา ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่ายอดขายของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายแน่นอน”


อ่านเพิ่มเติม: บสย.ลุย SMEs เข้มแข็ง สร้างทีมแกร่งองค์กรเร็ว


ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine