“ซีมง เดอร์วิลเล่” ปั้น CSA สร้างรายได้จากธุรกิจ Brownfield - Forbes Thailand

“ซีมง เดอร์วิลเล่” ปั้น CSA สร้างรายได้จากธุรกิจ Brownfield

Capital Solution Asia บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์และการบริหารจัดการสินทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้การนำของ ซีมง เดอร์วิลเล่ กรรมการบริหาร ชาวฝรั่งเศสที่มาเรียนและทำธุรกิจในประเทศไทย 20 ปี ประเดิมพัฒนาโครงการแรกกับสำนักงานใหญ่ของ Tesla บนพื้นที่กว่า 25,000 ตารางเมตรย่านรามคำแหง พร้อมขยายธุรกิจ Brownfield ในประเทศไทย



    ปี 2003 ซีมง นักศึกษาชาวฝรั่งเศสเดินทางมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประเทศไทยภายใต้โครงการความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาไทยและฝรั่งเศส หลังจากเรียนจบ เขาตัดสินใจปักหลักที่ประเทศไทย และเริ่มต้นอาชีพการเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กับบริษัท ไรมอนแลนด์ จำกัด (มหาชน) เป็นที่แรก ก่อนร่วมงานกับบูติค เรียลเอสเตท และพัฒนาโครงการฟินน์ คอนโด ตามลำดับ ก่อนออกมาตั้งธุรกิจของตัวเอง ในชื่อบริษัท Capital Solution Asia – CSA เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา

    จากการอยู่ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมานาน จึงมองเห็นโอกาสทางการตลาด ที่มีช่องว่างในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะจากชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อที่ดินและก่อสร้างสำนักงานในประเทศไทยเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในประเทศไทย CSA จึงเข้ามาเติมเต็มตลาดด้วยการเป็นที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์และการบริหารจัดการสินทรัพย์แบบครบวงจร และเน้นจัดหาสินทรัพย์ที่มีอยู่แล้ว (brownfield assets) มาพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยอาศัยจุดแข็งของตัวเองที่มีพันธมิตรทั้งชาวไทยและต่างชาติ

    “การพัฒนา brownfield assets ทำให้เราสามารถมีโอกาสในการสร้างรายได้ที่หลากหลาย โดยอาศัยคอนเนคชั่นที่มีในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ให้บริการลูกค้าได้อย่างหลากหลายและครบวงจร และมีพันธมิตรที่พร้อมจะลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละราย” ซีมงกล่าว


ประเดิมโครงการสำนักงานใหญ่ Tesla

CSA มีพันธมิตรเป็นกลุ่มทุนอย่าง Blue Fortress Partners (BFP) ในสิงคโปร์ ทำให้มีเงินทุนที่จำเป็นในการเข้าซื้อและปรับปรุงตกแต่งอสังหาริมทรัพย์ และมีข้อเสนอที่คุ้มค่าเพื่อจัดทำข้อตกลงที่เอื้อประโยชน์ร่วมกันทั้งต่อผู้เช่าและนักลงทุน และดีลล่าสุด CSA ได้แนะนำให้ Prima Asset Management ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนและบริหารสินทรัพย์ในสิงคโปร์ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์แบบขายขาด (freehold) บนที่ดินขนาด 6 ไร่พร้อมอาคารขนาด 25,000 ตร.ม. ย่านรามคำแหง เพื่อปล่อยเช่าให้ Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก

    สำหรับสำนักงานใหญ่ของ Tesla ในประเทศไทย ประกอบด้วยโชว์รูม ศูนย์บริการ และศูนย์จัดส่งขนาดใหญ่ ซึ่ง PRIMA แต่งตั้งให้ CSA เป็นสำนักงานที่ปรึกษาในประเทศไทยเพื่อให้บริการด้านต่าง ๆ อาทิ การตรวจสอบวิเคราะห์สถานะ การเดินเรื่องเอกสาร การตรวจสอบให้แน่ใจว่าสินทรัพย์นั้นมีใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง การประสานงาน กระบวนการโอนกรรมสิทธิ์ และการบริหารจัดการสินทรัพย์หลังเข้าซื้อ เป็นต้น

    นอกจากนี้ CSA ยังทำหน้าที่ระดมทุนสนับสนุนผ่าน BFP เพื่อให้การเข้าซื้อกิจการเสร็จสมบูรณ์ นับเป็นการส่งเสริมศักยภาพในการเป็นพันธมิตรด้านการลงทุนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น รวมทั้งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในความสามารถของ CSA ที่จะส่งมอบสินทรัพย์คุณภาพสูงและสร้างผลตอบแทนแบบปรับตามความเสี่ยงที่น่าดึงดูดใจ

    “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นที่ปรึกษาให้ PRIMA ประเดิมปิดดีลครั้งแรกในประเทศไทยกับผู้เช่าอย่าง Tesla ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่าเราสามารถจัดหาและเข้าซื้อสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับผู้เช่าแต่ละราย ตลอดจนแนะนำนักลงทุนต่างประเทศเกี่ยวกับวิธีการเจาะตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยในลักษณะที่ปรับได้ตามความเสี่ยง” ซีมงกล่าว

    สำหรับการดำเนินธุรกิจของ CSA จะมีทีมงานในการหาทำเล เข้าซื้อ และพลิกโฉมอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบสนองความต้องการและข้อกำหนดเฉพาะของผู้เช่า เพื่อให้พวกเขาได้อสังหาริมทรัพย์ในทำเลที่เหมาะสมอย่างสะดวกและง่ายดาย โดยบริษัทมุ่งจัดหาสินทรัพย์ที่มีอยู่แล้ว (brownfield assets) ในราคาแต่ละดีลตั้งแต่ 300-1,000 ล้านบาท (ประมาณ 10-30 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยครอบคลุมทั้งโครงการเชิงพาณิชย์ พื้นที่ค้าปลีก สถานศึกษา อุตสาหกรรมบริการ และอื่น ๆ ซึ่งมีความต้องการเพิ่มขึ้นตามลำดับ
“นับตั้งแต่ประเดิมดีลแรกในอุตสาหกรรมยานยนต์ เราก็ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้เช่ารายใหญ่จากทุกภาคส่วนของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการเจาะตลาดหรือขยายธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งเป็นเทรนด์ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น หลังจากไทยเปิดประเทศรับนักลงทุนต่างชาติ รวมทั้งอุตสาหกรรมต่าง ๆ พยายามมองหาทำเลใหม่ ๆ ที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น โดยในปีนี้จะมีการพัฒนาอีก 1 โครงการ และคาดว่าจะมีอีก 2 – 3 ดีลในปี 2567” ซีมงระบุ

    การดำเนินธุรกิจของ CSA ใช้ความเชี่ยวชาญของทีมงานในการหาทำเล การเข้าซื้อตามกฏ ระเบียบของกฎหมายไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ยุ่งยากสำหรับนักลงทุนต่างชาติ แต่เป็นโอกาสทางธุรกิจสำหรับ CSA เมื่อประกอบกับเครือข่ายพันธมิตรในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของซีมง จึงทำให้ CSA สามารถปิดการขายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ครบทุกด้าน และที่สำคัญ CSA เน้นการทำงานที่ยืดหยุ่นที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้า ที่สำคัญการทำธุรกิจนี้สามารถทำให้เกิดเม็ดเงินลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น

    “เราต้องการที่จะขยายกิจการในประเทศไทยด้วยการปล่อยเช่าสินทรัพย์คุณภาพสูงให้กับผู้เช่าชั้นดี และเรายังตื่นเต้นที่จะได้ช่วยผู้เช่าอีกหลายรายในการเจาะตลาดหรือขยายธุรกิจของพวกเขาในประเทศไทย และทำให้มีเม็ดเงินมาลงทุนในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย” ซีมงกล่าวทิ้งท้าย


อ่านเพิ่มเติม: เปิดท้องพระคลัง ส่องความมั่งคั่ง “กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3”


ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine