KingBridge Tower ออฟฟิศให้เช่าจากเครือสหพัฒน์ พร้อมเปิดไตรมาส 4 ปีนี้ - Forbes Thailand

KingBridge Tower ออฟฟิศให้เช่าจากเครือสหพัฒน์ พร้อมเปิดไตรมาส 4 ปีนี้

FORBES THAILAND / ADMIN
07 May 2024 | 01:14 PM
READ 1733

KingBridge Tower อาคารสำนักงานให้เช่าโดย บริษัท คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ จำกัด บริษัทในเครือสหพัฒน์ มูลค่าการลงทุนกว่า 6,000 ล้านบาท ตั้งตระหง่านเคียงคู่สะพานภูมิพล บนถนนพระราม 3 ก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วกว่า 80% มีอัตราผู้เช่าแล้วกว่า 50% พร้อมเปิดอย่างเป็นทางการไตรมาส 4 ปีนี้


    หลังก่อสร้างมาเป็นระยะเวลากว่า 3 ปี ‘KingBridge Tower’ ซึ่งถือเป็นอาคารสูงแห่งแรกของเครือสหพัฒน์หลังผ่านการดำเนินงานมากว่า 80 ปี ก็พร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาส 4/2567 นี้ ซึ่งเร็วกว่าที่กำหนดไว้

    เป้าหมายของอาคารสำนักงานให้เช่าแห่งนี้ คือการพร้อมจะเป็นพื้นที่ให้พันธมิตรบริษัทต่างๆ ทั้งไทยและเทศ รวมทั้งบริษัทในเครือได้มาแลกเปลี่ยน สร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกันให้กับทุกๆ องค์กรได้เติบโตมากยิ่งขึ้น

    วิชัย กุลสมภพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันก่อนเปิดโครงการคิงบริดจ์ ทาวเวอร์ มีจำนวนผู้เช่าแล้วกว่า 50% อาทิ บริษัท รักษาความปลอดภัย ไทยซีคอม จำกัด, บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท คิวพี (ประเทศไทย) จํากัด, บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน), บริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น

    ทั้งหมดเป็นบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปรวมกันในระดับหลักแสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งจะเป็นพลังสำคัญในการรวมผู้ประกอบที่ดี บริษัทที่ดี เข้ามาอยู่ในตึกนี้เพื่อช่วยผสานพลังในการผลักดันให้เศรษฐกิจในย่านพระราม 3 คึกคักมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่ออนาคตทำให้สามารถเปลี่ยนแปลง Landscape ของพระราม 3 ได้ โดยเรายังมีแผนสร้างความเจริญและพัฒนาย่านพระราม 3 อย่างต่อเนื่องอีกในอนาคต

    นอกจากเป้าหมายด้านเศรษฐกิจ อาคารแห่งนี้ยังเชื่อใน The Spirit of Synergy ที่ต้องการให้พนักงาน บริษัทผู้เช่าทุกคนให้ทำงานอย่างมีความสุข สร้างความสำเร็จร่วมกันเพื่อสร้างโอกาสทางการเติบโตของธุรกิจที่มากกว่า และความยั่งยืนให้แก่ประเทศไทย”


    ด้าน ประเมศฐ์ ฤทธิพรพสิษฐ์ ผู้อำนวยการก่อสร้างโครงการคิงบริดจ์ ทาวเวอร์ กล่าวว่า “ปัจจุบัน คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ เริ่มดำเนินการก่อสร้างคืบหน้าไปแล้ว 80% และคาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2567 นี้ ซึ่งถือว่าไปได้เร็วกว่าแผนงานที่วางไว้

    โดย คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ มีความพร้อมและมั่นใจในการต้อนรับผู้เช่าทุกคนสู่บ้านหลังใหม่ ที่มีความครบครัน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การทำงาน ตั้งแต่เรื่องของสิ่งแวดล้อม การอำนวยความสะดวก มาตรฐานความปลอดภัย ไปจนถึงเรื่องของการเดินทางสำหรับพนักงานและบริษัทต่างๆ”

    ขณะที่ ชาติ จันทร์วิจิตร ประธานกรรมการ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “กว่า 55 ปีของไลอ้อนฯ ซึ่งมีออฟฟิศตั้งอยู่ในย่านพระราม 3 (สาธุประดิษฐ์) มาตลอด วันนี้เราพร้อมและภูมิใจที่จะขยับขยายสู่บ้านหลังใหญ่ที่สูงตระหง่าน โดยหลังจากปลายปี 2567 พนักงานกว่า 300 ชีวิตมาทำงานที่บ้านหลังใหม่แห่งนี้ ซึ่งจะเป็น milestone สำคัญที่จะยกระดับการใช้ชีวิตการทำงานของพนักงานของบริษัท การสร้างความเติบโตร่วมกันกับพันธมิตรทางธุรกิจ และใส่ใจสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน

    “และมั่นใจว่า อาคารแห่งนี้จะเป็นอีกหนึ่ง Iconic Landmark แห่งใหม่ที่ช่วยสร้างความคึกคัก และเศรษฐกิจย่านพระราม 3 รองรับผู้เช่าและนักลงทุนทั้งไทย-เทศ ได้เป็นอย่างดี”


    สำหรับความพิเศษของ คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ คือการเป็นอาคารสำนักงานอัจฉริยะ (Smart Building) ที่ผู้เช่าสามารถเข้าถึงข้อมูลผ่าน Smart Dashboard และ Application ได้ ไม่เพียงเท่านั้น ลิฟต์ภายในอาคารจอดรถยังใช้ระบบ Hologram ที่แรกในประเทศไทย เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแนวคิดการออกแบบที่เป็นสถาปัตยกรรมเคียงคู่สะพานภูมิพล คือ “กลมกลืน” ไปกับบริบทและความงดงามของสะพาน

    อีกความพิเศษของ คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ คือการสร้างอาคารที่ใส่ใจผู้คนที่อาศัยอยู่ในอาคาร และดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสม โดยมีการติดตั้ง Façade รอบอาคารที่มีระยะปรับตามระดับแสงแดดที่ส่องถึง เพื่อให้เป็นร่มเงาให้ตึก ลดความร้อนที่เข้ามาในตัวอาคาร ทำให้พนักงานสามารถนั่งทำงานริมกระจกได้โดยไม่รู้สึกร้อน นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลดการใช้แอร์และปล่อยความร้อนออกจากตัวอาคารน้อยลง

    ภายในอาคารติดตั้งระบบกรองอากาศประสิทธิภาพสูง สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 และกรองฝุ่นละอองขนาด 0.3 micron ได้ถึง 90% นอกจากนี้ยังฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียทางอากาศด้วยระบบ UV-C การันตีด้วยมาตรฐานสากลต่างๆ อาทิ WiredScore Platinum (Pre-certified), LEED, Fitwel ระดับสูงสุด 3 ดาว ประเภท Multi-Tenant Base Building อาคารแรกในไทยและในเอเชีย เพื่อสุขภาวะที่ดีของผู้ใช้อาคารระดับสากล

    และเป็นโครงการต้นแบบอาคารอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ตามหลัก CECI หรือกลุ่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งเป็นการสร้างความสุขให้ผู้อยู่อาศัย และใส่ใจสิ่งแวดล้อมโดยรอบเป็นการสร้างความสุข และรอยยิ้มให้ทุกคนได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

    นอกจากอาคารให้เช่าที่มีพื้นที่รวมทั้งสำนักงานและร้านค้ากว่า 40,000 ตารางเมตรแล้ว ภายในยังมีศูนย์อาหารคอนเซ็ปต์ใหม่ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 3 ที่ “อร่อย สะอาด ราคาไม่แพง” ให้พนักงานทุกคนได้รับประทานอาหารไปพร้อมกับชมวิวสะพาน และร้านอาหารหลากหลายที่คัดสรรมาแล้วว่าอร่อย ไว้คอยอำนวยความสะดวกพนักงาน ลูกค้า ตั้งแต่มื้อเช้า กลางวัน ไปจนถึงมื้อเย็น

    นอกจากนี้ยังมีการจัดเชฟมีฝีมือ และพาร์ทเนอร์ในเครือหรือพาร์ทเนอร์ต่างๆ หมุนเวียนกันเข้ามาบริการอาหาร ให้สามารถเลือกรับประทานได้ตลอดทั้งวัน ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาพพนักงานที่อยู่ภายในอาคารให้ได้รับประทานอาหารที่อร่อยสะอาด และมีคุณภาพตลอดเวลา เพื่อส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของผู้ใช้อาคาร รวมทั้งยังมีร้านค้า และบริการต่างๆ ภายในอีกด้วย

    ขณะเดียวกันเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและเตรียมพร้อมในการเดินทางแก่พนักงานและผู้เช่าทุกคน คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ ได้มีการจัดบริการ EV Shuttle Bus เพื่ออำนวยความสะดวกทุกวัน โดยสามารถเดินทางจาก รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มายังอาคารคิงบริดจ์ ทาวเวอร์ โดยใช้เวลาเพียงประมาณ 15 นาที

    ส่วนการเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็ยังสะดวกสบายโดยใช้เวลาเพียง 15 นาที ไปยังย่านธุรกิจสาทร และพระราม 4 , และ 5 นาทีเดินทางไปยังทางด่วนเฉลิมมหานคร และทางด่วนศรีรัช และยังติดกับ BRT วัดด่าน



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : สวยหรูแล้วต้องอยู่ดีด้วย! The Residences at Dusit Central Park ชูงานสถาปัตย์ผสานศาสตร์ ‘ฮวงจุ้ย’

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine