นอกจากสถานการณ์โลกที่เต็มไปด้วยความผันผวน ทั้งความเสี่ยงด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ สภาพภูมิอากาศ และความเสี่ยงรอบด้าน จะเพิ่มความท้าทายให้การดำเนินธุรกิจสำหรับผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 99% ของธุรกิจทั้งหมด
อีกหนึ่งเรื่องที่น่ากังวลสำหรับ MSMEs วันนี้ คือ กว่า 95% ยังขาดการคุ้มครองทางการเงินผ่านระบบประกันภัย เมื่อต้องเผชิญความเสี่ยงด้านสุขภาพ โรคภัย ปัญหาภัยพิบัติ และความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ นั่นหมายความว่า หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ผู้ประกอบการ MSMEs จะไม่มีเครื่องมือทางการเงิน มาช่วยป้องกันความเสียหาย และต้องแบกรับความเสี่ยงเองทั้งหมด และอาจกระทบต่อความสามารถในการฟื้นตัวและเติบโตในระยะยาว
ดังนั้น เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับ MSMEs และสร้างห่วงโซ่คุณค่าระดับโลก ในการรับมือความเสี่ยง เจนเนอราลี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการประกันภัยและการจัดการสินทรัพย์ชั้นนำของโลก จึงมุ่งมั่นใช้ความเชี่ยวชาญที่มีมาผสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน พร้อมสนับสนุนหน่วยงานสาธารณะให้บรรลุเป้าหมาย

หนึ่งในนั้น คือ โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำของสหประชาชาติที่ต่อสู้เพื่อความอยุติธรรมจากความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยทำงานร่วมกับเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตรใน 170 ประเทศทั่วโลก เพื่อช่วยให้ประเทศต่างๆ สร้างแนวทางแก้ปัญหาเชิงบูรณาการและมอบผลสัมฤทธิ์ถาวร เพื่อประโยชน์ของมนุษย์และโลก
ความน่าสนใจของการผนึกกำลังของเจนเนอราลี่ และ UNDP จึงไม่ใช่เพียงการผสานความเชี่ยวชาญด้านประกันภัยของเจนเนอราลี่ เข้ากับวิสัยทัศน์ระยะยาวของ UNDP ในด้านการเงินและการพัฒนา แต่เป็นการต่อยอดจุดแข็งของกันและกัน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่มีความหมาย และสร้างผลลัพธ์ในเชิงรูปธรรม ผ่านการพัฒนางานวิจัยและเครื่องมือ ที่ช่วยส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมประกันภัย และผลักดันแนวทางความยืดหยุ่นแบบองค์รวมที่ผสมผสานการจัดการและบริหารความเสี่ยง


ภายใต้ภารกิจดังกล่าว นำมาสู่กิจกรรมสำคัญ อย่างการจัดงานประชุมระดับภูมิภาค "Protecting the Future: Building MSME Resilience in Asia" ในประเทศไทย ซึ่งมีหมุดหมายสำคัญ คือ เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้แก่ผู้ประกอบการ MSMEs ของไทยและทั่วเอเชีย จากความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจและความท้าทายที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังเป็นการลดช่องว่างด้านการคุ้มครองสำหรับชุมชนเปราะบางทั่วโลก โดยการขยายการเข้าถึงระบบประกันภัย

ทั้งนี้ ภายในงานนอกจากจะมีการนำเสนองานวิจัยเกี่ยวกับแนวทางเสริมความแข็งแกร่งของห่วงโซ่คุณค่าที่สำคัญของประเทศไทย มาเลเซีย และอินเดีย รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมประกันภัยเพื่อสนับสนุนธุรกิจ MSMEs ที่นำโดยผู้หญิงในภูมิภาคเอเชีย เจนเนอราลี่ และ UNDP ยังได้เปิดตัวเครื่องมือใหม่ "MSME Health & Well-being Toolkit" ซึ่งเป็นเครื่องมือสาธารณะ เพื่อช่วยผู้ประกอบการ MSMEs ไทย เข้าใจและสามารถจัดการความเสี่ยงด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ โดยจุดเด่นของชุดเครื่องมือนี้ คือ ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ปัญหาด้านสุขภาพ และโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความเปราะบางที่พบมากที่สุดในกลุ่มธุรกิจ MSMEs
อีกหนึ่งความพิเศษของงานในครั้งนี้ คือ การประกาศผู้ชนะ 2 รายจากโครงการ UNDP-Generali Insurance Innovation Challenge (IIC) ประเทศไทย ได้แก่ TruNord Technologies และ Clean Technology and Innovation โดยแต่ละรายจะได้รับเงินสนับสนุนสูงสุด 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.29 ล้านบาท) พร้อมการสนับสนุนทางเทคนิค เพื่อพัฒนานวัตกรรมโซลูชันด้านประกันภัยสำหรับกลุ่มธุรกิจ MSMEs
ภายในงาน ยังได้รับเกียรติจากผู้แทนระดับสูงจากสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย กระทรวงการคลัง รวมถึงหน่วยงานท้องถิ่น สมาคม SME และ MSMEs ตลอดจนผู้นำจากภาคการเงินและประกันภัย เข้าร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและเสนอแนวทางเชิงรูปธรรม เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ MSMEs รับมือความเสี่ยง ด้านสุขภาพแรงงาน รวมถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภัยพิบัติ และความท้าทายใหม่ๆ
คุณคานนี วิกนราชา ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติ และผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง UNDP และ Generali แสดงให้เห็นถึงรูปแบบความเป็นหุ้นส่วนยุคใหม่ ที่มุ่งมั่นนำนวัตกรรมมาสร้างความมั่นคง และเสริมพลังให้ผู้ประกอบการทั้งในเวลาปกติและยามวิกฤติ พร้อมกันนี้ยังชี้ให้เห็นว่าช่องว่างความคุ้มครองของ MSMEs ในเอเชียแปซิฟิกที่สูงถึง 95% ไม่ได้สะท้อนเพียงความสูญเสียทางการเงินเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่จำนวนมาก โดยเฉพาะผู้หญิง ติดอยู่กับธุรกิจขนาดเล็กที่มีความเปราะบางสูง และจำกัดทั้งการฟื้นตัวและการเติบโตในระยะยาว

ด้านนายโรแบร์โต้ ลีโอนาดี้ Generali Asia Regional officer กล่าวว่า เจนเนอราลี่ มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ UNDP ในการขับเคลื่อนพันธกิจร่วม ด้วยการผสานจุดแข็งเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมาย เพื่อปิดช่องว่างด้านความคุ้มครองสำหรับกลุ่มธุรกิจ MSMEs ในประเทศไทยและทั่วเอเชีย เพื่อให้ธุรกิจกลุ่มนี้ได้รับการปกป้องและการสนับสนุนที่จำเป็นต่อการประสบความสำเร็จที่สมควรได้รับ และทำให้การประกันภัยเข้าถึงธุรกิจที่จำเป็นมากที่สุด ผลลัพธ์จนถึงวันนี้เป็นสิ่งที่น่าพอใจ และจากนี้จะเร่งเดินหน้าขยายผลได้มากขึ้น

ขณะที่ นาย อาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ กล่าวเสริมว่า การเสริมศักยภาพให้ผู้ประกอบการ MSMEs ซึ่งถือเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจในเอเชียและประเทศไทย ด้วยเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ คือกุญแจสำคัญในการสร้างความยืดหยุ่นและความสำเร็จอย่างยั่งยืนในระยะยาว และถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตและสร้างการจ้างงาน ซึ่งไม่เพียงเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการ แต่ยังมีส่วนผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืนของประเทศไทยอีกด้วย
"การประกันภัยมีบทบาทสำคัญในการรักษาความต่อเนื่องของธุรกิจ และความริเริ่มครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของเจนเนอราลี่และ UNDP ในการมอบความคุ้มครองและทรัพยากรที่จำเป็น เพื่อให้ MSMEs ไทยสามารถเติบโตและประสบความสำเร็จได้อย่างมั่นคงในอนาคต"
สำหรับก้าวต่อไป เจนเนอราลี่ และ UNDP ได้ประกาศเดินหน้าความร่วมมือระยะต่อไปอีก 3 ปี โดยต่อยอดจากความสำเร็จในประเทศมาเลเซีย และประเทศไทย พร้อมเตรียมขยายสู่ตลาดใหม่ในภูมิภาคเอเชีย เริ่มต้นที่ประเทศอินเดีย
นับเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือระดับโลกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะเป็นการผสานความเชี่ยวชาญด้านประกันภัยระดับโลกของเจนเนอราลี่ เข้ากับศักยภาพด้านการพัฒนาของ UNDP เพื่อส่งเสริมการตระหนักรู้ด้านความเสี่ยง ยังเป็นส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวสำหรับผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง


