AWC เปิดตัว “Skyflyers: Wings of Garudapterus” ที่เอเชียทีค เครื่องเล่นลอยฟ้าสูงสุดในเอเชีย-แปซิฟิก เทียบเท่าอาคาร 36 ชั้น อยู่โซนเดียวกับ Jurassic World แรงบันดาลใจจาก “การูแดปเทอรัส” สัตว์เลื้อยคลานบินได้พันธุ์ใหม่ของโลก เปิดประสบการณ์ชมวิวกรุงเทพฯ แบบพาโนรามา เหนือแม่น้ำเจ้าพระยา ปักหมุดแลนด์มาร์กการท่องเที่ยวระดับโลก
แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น หรือ AWC เปิดตัว “Skyflyers: Wings of Garudapterus” (สกายฟลาเยอส์ วิงส์ ออฟ การูแดปเทอรัส) เครื่องเล่น giant swing ride ความสูงเทียบเท่าอาคาร 36 ชั้น ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ณ Asiatique The Riverfront Destination (เอเชียทีค) ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการพัฒนาพื้นที่ใหม่รวมกว่า 20,000 ตารางเมตรของเอเชียทีคในปีนี้ และเป็นเฟสแรกของโครงการพัฒนา Asiatique District มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท พร้อมต้อนรับครอบครัว นักเดินทาง และผู้มาเยือนจากทั่วโลก เพื่อก้าวเข้าสู่โลกแห่งความสนุกและจินตนาการ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวยุคดึกดําบรรพ์ให้กลับมีชีวิตชีวาอีกครั้งผ่านมุมมองร่วมสมัย
โดย Skyflyers ที่เอเชียทีคนี้ นับเป็น giant swing ride ที่สูงที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิก และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกของไทยที่นำเสนอเรื่องราวจากแรงบันดาลใจของ “Garudapterus” (การูแดปเทอรัส) เทอโรซอร์หรือสัตว์เลื้อยคลานบินได้พันธุ์ใหม่ของโลก ซึ่งเป็นการค้นพบเทอโรซอร์ครั้งแรกของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ชื่อ Garudapterus หมายถึง “ปีกของครุฑ” โดยครุฑเป็นสัญลักษณ์ของพลังและความกล้าหาญ การค้นพบซากดึกดำบรรพ์ครั้งสำคัญนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของสร้างประสบการณ์ใหม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งพื้นที่ต่างๆ ของ Skyflyers ได้ถ่ายทอดบรรยากาศยุคดึกดำบรรพ์ อาทิ หน้าผาหินสูงชัน ชั้นดินเก่าแก่ พื้นที่วางไข่ของสัตว์ดึกดำบรรพ์ ผืนป่าที่มีระบบนิเวศคล้ายโอเอซิส ตลอดจนรอยเท้าฟอสซิลที่หลงเหลือ
โดยการออกแบบดังกล่าวได้รับการสนับสนุนด้านวิชาการผ่านความร่วมมือกับศูนย์วิจัยและการศึกษาบรรพชีวินวิทยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม สถาบันผู้อยู่เบื้องหลังการค้นพบครั้งสำคัญ นอกจากนี้ความเชื่อมโยงกับครุฑยังเพิ่มมิติทางวัฒนธรรมให้แก่ประสบการณ์นี้ ผ่านมุมมองพาโนรามา 360 องศาบนท้องฟ้า สะท้อนถึงความงดงามของประเทศไทยและความสำคัญของความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ครั้งนี้

จำลองบรรยากาศยุคดึกดำบรรพ์
เริ่มต้นการเดินทางที่ Ticket Lounge ซึ่งจำลองบรรยากาศของพื้นที่แหล่งขุดค้นทางบรรพชีวินวิทยา ด้วยพื้นผิวที่มีสัมผัสคล้ายชั้นดินยุคโบราณ และห้องจัดแสดงฟอซซิลที่เป็นความร่วมมือกับกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากนั้นก้าวเข้าสู่โซนประสบการณ์แบบ Interactive ที่เปิดโลกจินตนาการของเด็กๆ สู่บทบาทของนักบรรพชีวินวิทยารุ่นเยาว์ ผ่าน Egg Ticket ซึ่งเมื่อสแกนแล้วจะเห็นลูกการูแดปเทอรัสตัวน้อยที่กำลังฟักตัว ก่อนกะเทาะเปลือกไข่มาปรากฏบนหน้าจอ โดยสามารถตั้งชื่อให้เจ้าตัวน้อยที่พร้อมโผบินร่วมผจญภัยไปกับพวกเขา
องค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวซึ่งช่วยให้เด็กๆ ได้เปิดประตูสู่ความรู้พื้นฐานด้านวิวัฒนาการ การอ่านร่องรอยซากฟอสซิล และการต่อยอดจินตนาการทางวิทยาศาสตร์ ผ่านการเรียนรู้ที่สนุกสนานในรูปแบบของ play-based learning
จากนั้นเส้นทางค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นสู่ที่สูงด้วยบันไดที่เหมือนกับปล่องเหมือง และเข้าสู่ Observatory Platform จุดชมวิวและถ่ายภาพ ที่ถ่ายทอดความงดงามของธรรมชาติควบคู่กับจินตนาการจากโลกยุคก่อนประวัติศาสตร์ และก่อนที่จะไปยัง Skyflyers จะเข้าสู่ Boarding Zone พื้นที่วางไข่อันยิ่งใหญ่ของการูแดปเทอรัส รายล้อมด้วยผิวสัมผัสของหินทราย ต้นไม้ร่มรื่น และแนวหน้าผาหิน โดยบริเวณดังกล่าวเปิดต้อนรับทุกคนด้วยที่นั่งและบริการอาหารและเครื่องดื่ม

ความสำเร็จอีกขั้นในการพัฒนาเอเชียทีค
Michael Hariz หัวหน้าคณะกลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียล แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า Skyflyers Wings of Garudapterus ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นในการพัฒนาเอเชียทีคสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวริมแม่น้ำระดับโลก จากการค้นพบเทอโรซอร์สายพันธุ์ใหม่ของนักบรรพชีวินวิทยาไทย สู่ประสบการณ์ Immersive อย่างเต็มรูปแบบ
“เราไม่ได้เพียงแค่นำเสนอเครื่องเล่นระดับโลกเท่านั้น แต่ยังร่วมนำเสนอความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าของประเทศไทยสู่สายตานานาชาติ โครงการนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นระยะยาวของ AWC ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างแรงบันดาลใจ สนับสนุนการเรียนรู้ และตอบโจทย์การท่องเที่ยวแห่งอนาคต โดยมุ่งสร้างคุณค่าที่มีความหมาย สนับสนุนการท่องเที่ยวของไทย และร่วมสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับทุกคน”
นอกจากนี้ Skyflyers ยังสอดคล้องกับกลยุทธ์ Sustainable Growth-Led Strategy ของ AWC ผ่านการสร้างแลนด์มาร์กเชิงประสบการณ์ที่มีคุณค่าระยะยาว สนับสนุนศักยภาพการเติบโตของเอเชียทีคในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวริมแม่น้ำระดับโลก และส่งเสริมระบบนิเวศการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของประเทศไทย โดยผสานการเรียนรู้ กิจกรรมสำหรับทุกคนในครอบครัว เข้ากับความบันเทิงระดับสากล เพื่อให้ผู้มาเยือนได้แบ่งปันช่วงเวลาแห่งความสุขร่วมกัน

Skyflyers จะเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำที่สุดของกรุงเทพฯ และเป็นอีกความภาคภูมิใจของประเทศไทย เพราะแสดงถึงศักยภาพของคนไทยในการสร้างสรรค์แหล่งท่องเที่ยวระดับโลก วิศวกรรมระดับสากล การเล่าเรื่องที่มีมิติ และองค์ประกอบด้านการเรียนรู้ที่เข้าถึงผู้ชมทุกวัย เพื่อส่งมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ ที่สอดคล้องกับความต้องการและความคาดหวังในปัจจุบันของนักเดินทางจากทั่วโลก Michael Hariz กล่าว
สำหรับ Skyflyers: Wings of Garudapterus เปิดเป็นทางการแล้วที่เอเชียทีค โดยให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 14.00–22.00 น. ราคาบัตร 320 บาท และสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ที่มากกว่า สามารถเลือกซื้อ “Soar & Roar Combo Pass” แพ็กเกจที่รวมการเข้าชม Jurassic World: The Experience และ Skyflyers เข้าไว้ด้วยกัน ในราคาเริ่มต้น 999 บาท โดยสำรองบัตรล่วงหน้าได้ที่ skyflyersbkk-online.globaltix.com

เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : AWC เผยไตรมาส 3/68 แกร่ง กำไรสุทธิ 1,148 ล้านบาท โต 0.8%YoY ชี้ ‘Jurassic World: The Experience’ ช่วยดัน เปิด 3 เดือนกวาดยอดขายบัตรกว่า 2 แสนใบ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine

