ตั้งแต่ต้นปีเศรษฐกิจไทยซบเซากว่าที่คาด จนหลายหน่วยงานรัฐ และสำนักวิเคราะห์ต่างๆ ต้องหั่นเป้า GDP หรือการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพราะช่วงครึ่งหลังไทยยังต้องรับศึกหนักไม่ว่าจะภาคการส่งออก หรือท่องเที่ยว ดังนั้น รัฐบาลจึงผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเติม หนึ่งในนั้นคือ ‘เที่ยวไทยคนละครึ่ง’ ที่เมื่อคนไทยไปเที่ยว รัฐจะช่วยจ่ายค่าที่พักสูงสุด 3,000 บาท/คืน
เที่ยวไทยคนละครึ่งปี 2568 จำกัดแค่ 5 แสนสิทธิ์!
โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ปี 2568 สำหรับประชาชนทั่วไปจำกัดเพียง 500,000 สิทธิ์ จะเริ่มลงทะเบียนและจองที่พักในวัน 1 ก.ค. 2568 8.00 น. ผ่านทางเว็บไซต์ www.เที่ยวไทยคนละครึ่ง.com และแอปพลิเคชัน Amazing Thailand ซึ่งจะเริ่มเดินทางเข้าพักรวมถึงใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่ 4 ก.ค. ไปจนถึง 31 ต.ค. 2568
โครงการดังกล่าว มีสิทธิประโยชน์ 2 ด้าน (ต้องจองที่พักก่อนเท่านั้นจึงจะได้สิทธิส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว)
1) รัฐสนับสนุนส่วนลดค่าที่พัก
- รัฐบาลสนับสนุนค่าที่พักสูงสุด 50% ของราคาที่พักต่อห้องต่อคืน ทั้งนี้ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อห้องต่อคืน ซึ่งส่วนลดค่าที่พักขึ้นอยู่กับว่าเป็นเมืองหลักหรือเมืองรอง และเข้าพักวันธรรมดา หรือวันหยุด
- จำกัดสิทธิ์คนละไม่เกิน 5 ห้อง หรือ 5 คืน โดยเมืองหลัก 3 สิทธิ์ และเมืองน่าเที่ยวหรือเมืองรอง 2 สิทธิ์
- เมื่อจองที่พักแล้ว ไม่สามารถยกเลิกได้แต่สามารถเลื่อนวันเข้าพักได้ การเลื่อนเข้าพักต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่โครงการกำหนด
2) รัฐสนับสนุนส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว
- รัฐบาลจะสนับสนุนคูปองอาหาร/ท่องเที่ยวมูลค่า 500 บาทต่อห้องต่อคืน ให้กับประชาชน เมื่อเช็กอินที่พักสำเร็จ
- จะได้รับคูปองอาหาร/ท่องเที่ยว วันละ 1 ครั้ง โดยคูปองจะหมดอายุเวลา 23:00 น. ของวันเช็กเอาต์
- คูปองอาหาร/ท่องเที่ยวสามารถใช้ได้ที่ร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมโครงการ โดยประชาชนชำระ 50% และรัฐบาลสนับสนุนอีก 50% ผ่านการตัดเงินจากคูปอง
เงื่อนไขสำคัญคือ ประชาชนจะได้รับสิทธิ์เมื่อลงทะเบียนสำเร็จ และใช้จ่ายในโรงแรม ร้านอาหาร หรือ สถานที่ท่องเที่ยว ได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ยกเว้นจังหวัดตามบัตรประชาชนของผู้ใช้สิทธิ์

ก่อนลงทะเบียนเข้าโครงการฯ ต้องมี 'ThaID'
โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งปี 2568 มีเงื่อนไขหลักสำหรับประชาชนอยู่ 5 ข้อ ได้แก่
1) มีหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ที่ออกให้โดยกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
2) มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ ณ วันลงทะเบียน
3) เป็นผู้มีสัญชาติไทย
4) มีแอปพลิเคชัน “ThaID” ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้ยืนยันตัวตนและเก็บอัตลักษณ์ของผู้สมัครในฐานข้อมูล
5) ยินยอมให้ระบบทำการตรวจสอบสิทธิของการเข้าร่วมโครงการฯ ตามเงื่อนไขที่ ททท. กำหนด
ดังนั้น ก่อนลงทะเบียนผ่านแอปฯ Amazing Thailand หรือเว็บไซต์ เที่ยวไทยคนละครึ่ง.com ประชาชนจะต้องมี ThaID เพื่อยืนยันตัวตนก่อน และอาจช่วยให้ลงทะเบียนได้รวดเร็วขึ้น โดยภาครัฐมีคำแนะนำดังนี้
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน "ThaID" (ไทยดี) ได้ทั้ง App Store และ Google Play
(หากไม่สะดวกสามารถลงทะเบียนผ่านเจ้าหน้าที่ โดย นำโทรศัพท์มือถือและบัตรประชาชนไปที่สำนักทะเบียนที่ให้บริการออกบัตรประชาชนทั่วไทย)
- ลงทะเบียนและยืนยันตัวตนให้สำเร็จ
- หรือล็อกอินผ่านเว็บไซต์ เที่ยวไทยคนละครึ่ง.com
เจาะลึกเงื่อนไข 'เที่ยวไทยคนละครึ่ง' ปี 2568
ทั้งนี้ เงื่อนไขในการใช้สิทธิ์ เที่ยวไทยคนละครึ่งปี 2568 มีดังนี้
- ต้องจองที่พัก หรือผู้ประกอบการฯ ที่เข้าร่วมโครงการนี้เท่านั้น
- สามารถจองและชำระเงินค่าที่พักภายใน 23.00 น. ของวันเดียวกัน
- สามารถใช้สิทธิ์ได้หลังจากการจองและชำระเงินอย่างน้อย 3 วัน
- วันสุดท้ายของการเช็คเอ้าต์ของโครงการคือภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2568
งบประมาณฯ มาจากไหน - รัฐบาลหวังผลลัพธ์อย่างไร
โครงการนี้แม้จะเลื่อนหรือขยับ Timeline มาหลายครั้ง แต่ล่าสุด 24 มิ.ย. 68 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบต่อโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในกรอบวงเงินกว่า 115,375 ล้านบาท โดยหวังว่าจะกระจายเม็ดเงินอย่างทั่วถึงและให้ผลในระยะยาว
ฝั่ง ‘พิชัย ชุณหวชิร’ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า ล่าสุด ครม.ได้มีมติเห็นชอบข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท (ข้อเสนอโครงการฯ) ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ จำนวน 50 หน่วยรับงบประมาณ จำนวน 481 โครงการ (8,939 รายการ) ภายในกรอบวงเงิน 115,375 ล้านบาท แม้จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่หวังผลในระยะยาว
หนึ่งในนั้นคือ ด้านการท่องเที่ยว วงเงินรวม 10,053 ล้านบาท มาจากข้อเสนอโครงการฯ ผ่านการพิจารณา 420 โครงการ (922 รายการ) แบ่งเป็น 4 ด้านหลัก ได้แก่ 1) พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว 2) พัฒนาระบบอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว 3) ด้านความปลอดภัย เช่น การติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในพื้นที่เมืองท่องเที่ยวสำคัญ และ 4) กระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศโดยเฉพาะในพื้นที่เมืองรอง
จากโครงการทั้งหมดนี้ คาดว่าจะสนับสนุนให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 2,766,000 คน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 55,059 ล้านบาท และมีประชาชนได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงเส้นทางเพื่อการท่องเที่ยวประมาณ 7.6 ล้านคน
หลังจากนี้คงต้องติดตามว่า สิ่งที่ภาครัฐใส่เม็ดเงินเพื่อกระตุ้นจะส่งผลดีแค่ไหน และประเทศไทย คนไทย จะมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน
ภาพ: ททท., Darren Lawrence on Unsplash
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : VRANDA เชื่อท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว คาดพ้นจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 ปี 68 จากปัจจัยหนุน "เที่ยวคนละครึ่ง"
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine