นักท่องเที่ยวจีนห่างหายไปจากตลาดเมืองไทยพอสมควร หน่วยงานของรัฐหลายภาคส่วน พยายามส่งเสริมกิจกรรมที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนกลับมา ดังเช่นกิจกรรมล่าสุด สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) ได้ร่วมมือภาคเอกชนในความพยายามดึงตลาดนักท่องเที่ยวจีนกลับมา

กลยุทธ์ดังกล่าวเริ่มด้วยการเปิดตัว “เหวยไท่กว๋อ (Wei! TaiGuo หรือ Hello Thailand)” แพลตฟอร์มท่องเที่ยวไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวจีน ที่พัฒนาร่วมกับ บริษัทดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย จำกัด (DigiLink Thailand) ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์จีน และเป็นพาร์ทเนอร์รายเดียวในไทยของแพลตฟอร์มจีนสุดฮิตอย่าง เสี่ยวหงชู (XiaoHongShu), วีแชท (WeChat), โต่วอิน (Douyin) และ เหม่ยถวน (Meituan) “เหวยไท่กว๋อ” โดยเปิดตัวไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2567 และสามารถเปิดประตูบานใหญ่ต้อนรับนักท่องเที่ยวแดนมังกรกลับมาได้ในระดับหนึ่ง

สสว.ร่วมมือเอกชนดึงจีนเที่ยวไทย
ปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการ สสว. กล่าวว่า “เหวยไท่กว๋อ” หรือ “Hello Thailand” เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวจีน สามารถเข้าถึงร้านอาหาร โรงแรม แพ็คเกจทัวร์ 40 เมืองใหญ่และเมืองน่าเที่ยว ไปจนถึงบริการ Payment on Service และ Payment on Ground ที่จำเป็นและสามารถใช้บริการได้อย่างไร้รอยต่อ
โดย สสว.ทำการคัดสรรผู้ประกอบการกว่า 100,000 ราย ทั่วประเทศ ทั้งผู้ประกอบการร้านค้า บริการ สินค้า การท่องเที่ยว ให้มาเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์ม “เหวยไท่กว๋อ” เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจทั้งรายย่อย ขนาดย่อม และขนาดกลาง (MSME - Micro, Small and Medium Enterprises)ได้ขยายตลาดไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย”
สำหรับในปีนี้ สสว.และ ดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย ผู้ก่อตั้ง “เหวยไท่กว๋อ” จับมือกันเชื่อมต่อเครือข่ายตลาดนักท่องเที่ยวจีนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยการคว้าลิขสิทธิ์งานใหญ่ “Must-Eat List” ซึ่งเป็น IP ตัวท็อปสุดยอดรางวัลด้านอาหารที่ทรงอิทธิพลที่สุดในจีน มาจัดในไทยเป็นครั้งแรก ภายใต้ความร่วมมือของ “เหม่ยถวน เตี่ยนผิง” (Meituan-Dianping)” ซูเปอร์แอปพลิเคชัน และฟู้ดเดลิเวอรีแบบครบวงจรยักษ์ใหญ่ของจีน
งานมอบรางวัล “Must-Eat List” ในไทยจะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในไทย ที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 14 พ.ย. 2568 ซึ่งเป็นปีที่ 8 ของการจัดงาน หลังจากเปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 โดยเริ่มจากการเป็นฟังก์ชั่นภายใต้ “เหม่ยถวน เตี่ยนผิง” (Meituan-Dianping)” แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่เบอร์หนึ่งของจีน ซึ่งรวมรายการอาหารและร้านอร่อยที่เลือกโดยผู้บริโภคตัวจริงกว่า 800 ล้านคน โดยปีถัดมาได้เปิดตัวฟีเจอร์ “Must-Eat Dishes” แนะนำอาหารท้องถิ่นและอาหารในเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ก่อนจะขยายลิสต์เมนูอาหารท้องถิ่นไปกว่า 50 เมืองทั่วจีน
ในวันที่ 14 พ.ย. 2568 ไทยจะเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ Must-Eat เลือกเป็นสถานที่จัดงาน นำหน้าประเทศตัวเต็ง เช่น สิงคโปร์ และมาเลเซีย ความได้เปรียบนี้จะช่วยยกระดับวงการอาหาร และกระตุ้นเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะร้านอาหาร ซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ของ MSMEs ทั่วประเทศ โดยในงานที่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ จะมีการประกาศรางวัล Must-Eat List ด้วย
ป้ายร้านเด็ด “ไท่ห่าวเลอชือปะ”
พรรณอวิกา ลิมปะพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย กล่าวว่า “นอกจากการดึงงาน Must-Eat List ของจีนมาจัดในประเทศไทยเพื่อยกระดับวงการอาหารในไทยแล้ว ยังมีการทำโครงการมอบรางวัลร้านอาหารในไทยอีก 500 ร้าน ซึ่งจะกระจายออกไปยัง 23 จังหวัดทั่วไทย ภายใต้ป้ายร้านอาหารแนะนำ “ไท่ห่าวเลอชือปะ” (Let’s Eat)
ป้ายไท่ห่าวเลอชือปะนี้ ทำขึ้นเพื่อนำเสนอร้านอาหารท้องถิ่นที่คนจีนอาจจะยังไม่รู้จัก แต่เจ้าถิ่นหรือคนในท้องที่แนะนำว่าเด็ดจริง แนะนำให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปชิม เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ร้านอาหารในเมืองน่าเที่ยวทั่วประเทศไทย มีโอกาสได้เข้าถึงนักกินชาวจีนมากขึ้น โดยไม่ต้องรอให้ชาวจีนผ่านมารีวิวก็แจ้งเกิดได้
ทั้งนี้ “ไท่ห่าวเลอชือปะ” ทำการจัดอันดับร้านอาหารในไทย โดยคณะกรรมการด้านอาหารผู้เชี่ยวชาญ โดยสองท่านในทีมคณะกรรมการ คือ หม่อมหลวงภาสันต์ สวัสดิวัตน์ หัวเรือใหญ่ในวงการอาหาร และ พีท “กินกับพีท” บล็อกเกอร์ผู้มากประสบการณ์ ซึ่งการคัดเลือกโดยคณะกรรมการจะไม่เกี่ยงความโด่งดัง ขอเพียงแค่รสชาติอร่อยได้มาตรฐาน และเข้าถึงง่าย ก็มีโอกาสได้รับการโปรโมทผ่านแคมเปญ โดยป้ายภาษาจีนสีสดใสดีไซน์โมเดิร์น จะถูกนำไปติดตั้งหน้าร้านที่ได้รับรางวัล เพื่อเป็นป้ายการรันตีความอร่อย และดึงดูดชาวจีน ในลักษณะเดียวกับป้ายมิชลินไกด์

ร้านอาหารในโครงการ “ไท่ห่าวเลอชือปะ” จะถูกแบ่งเป็น 5 หมวดตามภูมิศาสตร์ที่หลากหลายของไทย 1) อาหารป่า 2) อาหารจากแม่น้ำ 3) อาหารในเมืองใหญ่ 4) อาหารจากทะเล และ 5) อาหารจากท้องทุ่ง ร้านที่ร่วมโครงการจะได้รับการอบรมจากสสว. เพื่อปรับหน้าร้านให้มีความ Chinese User-Friendly โดยติดตั้ง WeChat Pay และเมนูอาหารภาษาจีน ไว้ทุกร้าน การันตีคุณภาพและความสะดวก โดยร้านอาหารต่าง ๆ สามารถเข้าร่วมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพียงแค่ติดต่อผ่านตัวแทนของ “เหวยไท่กว๋อ”
ชี้เป้าร้านอาหารท้องถิ่น
ในขณะที่ป้าย Must-Eat List ชี้เป้าร้านที่นักท่องเที่ยวจีนด้วยกันแนะนำ “ไท่ห่าวเลอชือปะ” ก็เป็นสัญลักษณ์ที่ชี้เป้า “ร้านที่เจ้าถิ่นแนะนำ” ช่วยให้นักท่องเที่ยวจีนสัมผัสประสบการณ์ได้อย่างหลากหลาย ทั้งแบบที่คุ้นเคย และแปลกใหม่ เช่น การนำเสนออาหารป่า ปลาแม่น้ำ และวัตถุดิบท้องถิ่นที่หากินได้ยาก ช่วยให้ชาวจีนลองอาหารไทยให้หลากหลายมากขึ้น ไม่จำกัดแค่อาหารชื่อดังอย่างต้มยำกุ้ง
“เหวยไท่กว๋อ” สสว. และ พาร์ทเนอร์สำคัญอย่าง “เหม่ยถวน เตี่ยนผิง” มุ่งผลักดันป้ายการันตี “ไท่ห่าวเลอชือปะ” ให้เป็นที่ยอมรับทัดเทียมมิชลินไกด์ ช่วยสื่อสารรสชาติและวัฒนธรรมไทย กระตุ้นให้เกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวไปสู่เมืองน่าเที่ยวที่มีศักยภาพทั่วประเทศ ผู้จัดมองว่างานนี้จะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร ในประเทศไทยเดินหน้าต่อได้
"นักท่องเที่ยวชาวจีนกว่า 84% เดินทางมาเมืองไทยเพื่อรับประทานอาหารและผลไม้ไทย มองว่าอาหารไทยมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจ วันนี้ความปลอดภัยเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดลง แต่คนจีนยังพร้อมเที่ยวเมืองไทย เราแค่ต้องพัฒนาเรื่องความปลอดภัยให้เข้ากับเขา” พรรณอวิกา ย้ำที่มาของการจัดงานซึ่งนอกจากพาร์ทเนอร์จีนแล้ว งานนี้ยังได้ร่วมมือกับสสว. เพื่อช่วยกันดึงนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมาเที่ยวเมืองไทยผ่านร้านอาหาร เพื่อช่วยผู้ประกอบการ SMEs
ในปี 2569 ดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย ยังมีแผนจะนำ Black Pearl Restaurant Guide คู่มือร้านอาหารระดับ fine dining ของประเทศจีนที่ได้รับการยกย่องและยอมรับจากชาวจีนและนักชิมทั่วโลก เพื่อมาเสริมทัพให้วงการอาหารไทยทัดเทียมสิงคโปร์ และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญในด้านการท่องเที่ยว