สสว.-เหวยไท่กว๋อร่วมมือเหม่ยถวนเตี่ยนผิง จัดงาน “Must-Eat List” ดึงคนจีนเที่ยวไทย - Forbes Thailand

สสว.-เหวยไท่กว๋อร่วมมือเหม่ยถวนเตี่ยนผิง จัดงาน “Must-Eat List” ดึงคนจีนเที่ยวไทย

FORBES THAILAND / ADMIN
22 Jul 2025 | 02:00 PM
READ 129

นักท่องเที่ยวจีนห่างหายไปจากตลาดเมืองไทยพอสมควร หน่วยงานของรัฐหลายภาคส่วน พยายามส่งเสริมกิจกรรมที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนกลับมา ดังเช่นกิจกรรมล่าสุด สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) ได้ร่วมมือภาคเอกชนในความพยายามดึงตลาดนักท่องเที่ยวจีนกลับมา



    กลยุทธ์ดังกล่าวเริ่มด้วยการเปิดตัว “เหวยไท่กว๋อ (Wei! TaiGuo หรือ Hello Thailand)” แพลตฟอร์มท่องเที่ยวไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวจีน ที่พัฒนาร่วมกับ บริษัทดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย จำกัด (DigiLink Thailand) ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์จีน และเป็นพาร์ทเนอร์รายเดียวในไทยของแพลตฟอร์มจีนสุดฮิตอย่าง เสี่ยวหงชู (XiaoHongShu), วีแชท (WeChat), โต่วอิน (Douyin) และ เหม่ยถวน (Meituan)  “เหวยไท่กว๋อ” โดยเปิดตัวไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2567 และสามารถเปิดประตูบานใหญ่ต้อนรับนักท่องเที่ยวแดนมังกรกลับมาได้ในระดับหนึ่ง  



สสว.ร่วมมือเอกชนดึงจีนเที่ยวไทย

    ปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการสสว. กล่าวว่า “เหวยไท่กว๋อ” หรือ “Hello Thailand” เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวจีน สามารถเข้าถึงร้านอาหาร โรงแรม แพ็คเกจทัวร์ 40 เมืองใหญ่และเมืองน่าเที่ยว ไปจนถึงบริการ Payment on Service และ Payment on Ground ที่จำเป็นและสามารถใช้บริการได้อย่างไร้รอยต่อ

    โดยสสว.ทำการคัดสรรผู้ประกอบการกว่า 100,000 ราย ทั่วประเทศ ทั้งผู้ประกอบการร้านค้า บริการ สินค้า การท่องเที่ยว ให้มาเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์ม “เหวยไท่กว๋อ” เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจทั้งรายย่อย ขนาดย่อม และขนาดกลาง (MSME - Micro, Small and Medium Enterprises)ได้ขยายตลาดไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย”

    สำหรับในปีนี้ สสว.และ ดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย ผู้ก่อตั้ง “เหวยไท่กว๋อ” จับมือกันเชื่อมต่อเครือข่ายตลาดนักท่องเที่ยวจีนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยการคว้าลิขสิทธิ์งานใหญ่ “Must-Eat List” ซึ่งเป็น IP ตัวท็อปสุดยอดรางวัลด้านอาหารที่ทรงอิทธิพลที่สุดในจีน มาจัดในไทยเป็นครั้งแรก ภายใต้ความร่วมมือของ “เหม่ยถวน เตี่ยนผิง” (Meituan-Dianping)” ซูเปอร์แอปพลิเคชัน และฟูดเดลิเวอรีแบบครบวงจรยักษ์ใหญ่ของจีน

    งานมอบรางวัล “Must-Eat List” ในไทยจะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในไทย ที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 15 สิงหาคมนี้   และเป็นปีที่ 8 ของการจัดงาน หลังจากเปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 โดยเริ่มจากการเป็นฟังก์ชั่นภายใต้ “เหม่ยถวน เตี่ยนผิง” (Meituan-Dianping)” แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่เบอร์หนึ่งของจีน ซึ่งรวมรายการอาหารและร้านอร่อยที่เลือกโดยผู้บริโภคตัวจริงกว่า 800 ล้านคน โดยปีถัดมาได้เปิดตัวฟีเจอร์ “Must-Eat Dishes” แนะนำอาหารท้องถิ่นและอาหารในเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ก่อนจะขยายลิสต์เมนูอาหารท้องถิ่นไปกว่า 50 เมืองทั่วจีน  

    ในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ ไทยจะเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ Must-Eat เลือกเป็นสถานที่จัดงาน นำหน้าประเทศตัวเต็ง เช่น สิงคโปร์ และมาเลเซีย ความได้เปรียบนี้จะช่วยยกระดับวงการอาหาร และกระตุ้นเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะร้านอาหาร ซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ของ MSMEs ทั่วประเทศ  โดยในงานที่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ จะมีการประกาศรางวัล Must-Eat List ด้วย


ป้ายร้านเด็ด “ไท่ห่าวเลอชือปะ”     

    พรรณอวิกา ลิมปะพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย กล่าวว่า “นอกจากการดึงงาน Must-Eat List ของจีนมาจัดในประเทศไทยเพื่อยกระดับวงการอาหารในไทยแล้ว ยังมีการทำโครงการมอบรางวัลร้านอาหารในไทยอีก 500 ร้าน ซึ่งจะกระจายออกไปยัง 23 จังหวัดทั่วไทย ภายใต้ป้ายร้านอาหารแนะนำ “ไท่ห่าวเลอชือปะ” (Let’s Eat)

    ป้ายไท่ห่าวเลอชือปะนี้ ทำขึ้นเพื่อนำเสนอร้านอาหารท้องถิ่นที่คนจีนอาจจะยังไม่รู้จัก แต่เจ้าถิ่นหรือคนในท้องที่แนะนำว่าเด็ดจริง แนะนำให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปชิม เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ร้านอาหารในเมืองน่าเที่ยวทั่วประเทศไทย มีโอกาสได้เข้าถึงนักกินชาวจีนมากขึ้น โดยไม่ต้องรอให้ชาวจีนผ่านมารีวิวก็แจ้งเกิดได้

    ทั้งนี้ “ไท่ห่าวเลอชือปะ” ทำการจัดอันดับร้านอาหารในไทย โดยคณะกรรมการด้านอาหารผู้เชี่ยวชาญ โดยสองท่านในทีมคณะกรรมการ คือ หม่อมหลวงภาสันต์ สวัสดิวัตน์ หัวเรือใหญ่ในวงการอาหาร และ พีท “กินกับพีท” บล็อกเกอร์ผู้มากประสบการณ์ ซึ่งการคัดเลือกโดยคณะกรรมการจะไม่เกี่ยงความโด่งดัง ขอเพียงแค่รสชาติอร่อยได้มาตรฐาน และเข้าถึงง่าย ก็มีโอกาสได้รับการโปรโมทผ่านแคมเปญ โดยป้ายภาษาจีนสีสดใสดีไซน์โมเดิร์น จะถูกนำไปติดตั้งหน้าร้านที่ได้รับรางวัล เพื่อเป็นป้ายการรันตีความอร่อย และดึงดูดชาวจีน ในลักษณะเดียวกับป้ายมิชลินไกด์



    ร้านอาหารในโครงการ “ไท่ห่าวเลอชือปะ” จะถูกแบ่งเป็น 5 หมวดตามภูมิศาสตร์ที่หลากหลายของไทย 1) อาหารป่า 2) อาหารจากแม่น้ำ 3) อาหารในเมืองใหญ่ 4) อาหารจากทะเล และ 5) อาหารจากท้องทุ่ง  ร้านที่ร่วมโครงการจะได้รับการอบรมจากสสว. เพื่อปรับหน้าร้านให้มีความ Chinese User-Friendly โดยติดตั้ง WeChat Pay และเมนูอาหารภาษาจีน ไว้ทุกร้าน การันตีคุณภาพและความสะดวก โดยร้านอาหารต่าง ๆ สามารถเข้าร่วมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพียงแค่ติดต่อผ่านตัวแทนของ “เหวยไท่กว๋อ”


ชี้เป้าร้านอาหารท้องถิ่น

    ในขณะที่ป้าย Must-Eat List ชี้เป้าร้านที่นักท่องเที่ยวจีนด้วยกันแนะนำ “ไท่ห่าวเลอชือปะ” ก็เป็นสัญลักษณ์ที่ชี้เป้า “ร้านที่เจ้าถิ่นแนะนำ” ช่วยให้นักท่องเที่ยวจีนสัมผัสประสบการณ์ได้อย่างหลากหลาย ทั้งแบบที่คุ้นเคย และแปลกใหม่ เช่น การนำเสนออาหารป่า ปลาแม่น้ำ และวัตถุดิบท้องถิ่นที่หากินได้ยาก ช่วยให้ชาวจีนลองอาหารไทยให้หลากหลายมากขึ้น ไม่จำกัดแค่อาหารชื่อดังอย่างต้มยำกุ้ง

    “เหวยไท่กว๋อ” สสว. และ พาร์ทเนอร์สำคัญอย่าง “เหม่ยถวน เตี่ยนผิง” มุ่งผลักดันป้ายการันตี “ไท่ห่าวเลอชือปะ” ให้เป็นที่ยอมรับทัดเทียมมิชลินไกด์ ช่วยสื่อสารรสชาติและวัฒนธรรมไทย กระตุ้นให้เกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวไปสู่เมืองน่าเที่ยวที่มีศักยภาพทั่วประเทศ ผู้จัดมองว่างานนี้จะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร ในประเทศไทยเดินหน้าต่อได้  

    "นักท่องเที่ยวชาวจีนกว่า 84% เดินทางมาเมืองไทยเพื่อรับประทานอาหารและผลไม้ไทย มองว่าอาหารไทยมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจ วันนี้ความปลอดภัยเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดลง แต่คนจีนยังพร้อมเที่ยวเมืองไทย เราแค่ต้องพัฒนาเรื่องความปลอดภัยให้เข้ากับเขา” พรรณอวิกา ย้ำที่มาของการจัดงานซึ่งนอกจากพาร์ทเนอร์จีนแล้ว งานนี้ยังได้ร่วมมือกับสสว. เพื่อช่วยกันดึงนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมาเที่ยวเมืองไทยผ่านร้านอาหาร เพื่อช่วยผู้ประกอบการ SMEs

    ในปี 2569 ดิจิลิ้งก์ ประเทศไทย ยังมีแผนจะนำ Black Pearl Restaurant Guide คู่มือร้านอาหารระดับ fine dining ของประเทศจีนที่ได้รับการยกย่องและยอมรับจากชาวจีนและนักชิมทั่วโลก เพื่อมาเสริมทัพให้วงการอาหารไทยทัดเทียมสิงคโปร์ และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญในด้านการท่องเที่ยว