การเดินทางสัมผัสประสบการณ์ประมูลรถในต่างประเทศได้สร้างความเชื่อมั่นให้เจ้าของกิจการเต็นท์รถมือสองตัดสินใจเปิดไฟเลี้ยวเปลี่ยนเส้นทางบุกเบิกธุรกิจประมูลรถครั้งแรกในไทยและต่อยอดพอร์ตทรัพย์สินขยายสาขาต่อเนื่อง พร้อมส่งกุญแจบริหารให้ทายาทพิสูจน์ฝีมือปรับโฉมระบบและพัฒนาบริการครบวงจร
บรรยากาศลานประมูลที่เต็มไปด้วยรถหลากหลายรุ่นและผู้เข้าร่วมเสนอราคาซื้อจำนวนมากสามารถสะท้อนความสำเร็จการบุกเบิกธุรกิจด้านการประมูลรถยนต์รูปแบบเปิดเป็นครั้งแรกในเมืองไทยตั้งแต่ปี 2534 ด้วยความพยายามศึกษาแนวทางการประกอบธุรกิจจากประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รวมถึงความต้องการของลูกค้าทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งไม่จำกัดเพียงรถยนต์เท่านั้น แต่ยังขยายการให้บริการสินค้าประเภทอื่นๆ ได้แก่ รถจักรยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าแบรนด์เนม เป็นต้น
“ในอดีตคุณพ่อทำเต็นท์รถมือสอง และได้ไปลานประมูลที่ญี่ปุ่น อเมริกา ซึ่งเล็งเห็นโอกาสการนำผู้ซื้อและผู้ขายมาพบกันตรงกลางแทนที่จะขายเป็นรายคัน แต่การเริ่มต้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการประมูลยังเป็นอะไรที่ใหม่กับประเทศไทยมาก จนถึงช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งราคาสินค้าผันผวน การตั้งราคาสินค้ายาก ทำให้คนสนใจเรื่องการประมูลและรู้จักเรามากขึ้น โดยขณะนั้นผมยังเด็ก คุณพ่อไม่ได้ให้เข้ามาในธุรกิจและให้อิสระเรื่องการเลือกเรียน ขอแค่ให้ได้ภาษาอังกฤษ ผมจึงเรียนนิเทศศาสตร์ ABAC และเรียนภาษาเพิ่มที่นิวซีแลนด์ครึ่งปี จากนั้นจึงกลับมาต่อ MBA ABAC และเข้ามาช่วยธุรกิจของครอบครัวเกี่ยวกับการพัฒนาที่ดินเปล่าขายในจังหวัดเพชรบูรณ์ประมาณ 1-2 ปี และเข้ามาสหการประมูลในปี 2555”
วรัญญู ศิลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) หรือ AUCT วัย 42 ปี กล่าวถึงการสานต่อธุรกิจในฐานะทายาทของ เทพทัย ศิลา ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและนั่งเก้าอี้รองกรรมการบริหารของบริษัทในปัจจุบัน โดยเริ่มต้นทำงานทันทีที่สำเร็จการศึกษาปริญญาโท บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวใน บริษัท เขาค้อ ไฮแลนด์ รีสอร์ท จำกัด ในปี 2552
ก่อนจะเริ่มชิมลางเรียนรู้งานทุกแผนกในตำแหน่งกรรมการของสหการประมูลในช่วงเวลาที่บริษัทกำลังเปลี่ยนแปลงยกระดับธุรกิจเป็นมหาชนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในปี 2556 และได้รับมอบหมายให้เป็นรองกรรมการผู้จัดการในปี 2557 ด้วยความสามารถแสดงฝีมือสร้างผลงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความหลากหลายของสินค้าประมูล การพัฒนาระบบประมูล E-Onsite ในรูปแบบ E-Auction การปรับภาพลักษณ์และการบริการตอบสนองความต้องการครอบคลุมมากขึ้น พร้อมรับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้จัดการและนั่งเก้าอี้ซีอีโอบริหารธุรกิจเต็มตัวในปี 2564

“เราเข้ามาที่สหการประมูลในปี 2555 ช่วงที่บริษัทกำลังทรานส์ฟอร์ม ซึ่งเราได้เห็นพัฒนาการของบริษัทตั้งแต่เริ่มเป็นตัวกลางจริงๆ รับสินค้า เก็บสินค้า นำมาที่ลานประมูลขายให้ลูกค้าตรวจสภาพสินค้าเอง ทำให้มีช่องว่างระหว่างคนรู้และไม่รู้ ราคามีความผันผวน โดยก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เราเริ่มมีการตรวจสภาพสินค้าบางส่วนเพื่อวางแผนทดสอบให้ราคาสินค้าใกล้เคียงกับที่ควรจะเป็น และเมื่อเข้าตลาดเราก็เริ่มเปิดตัวมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มสินค้าประมูลให้มีความหลากหลาย”
ปัจจุบันบริษัทสามารถขยายธุรกิจทั้งสถานที่ประมูลรถทั่วประเทศ 13 แห่งใน 13 จังหวัด ครอบคลุมภูมิภาคของประเทศและสถานที่จัดเก็บทรัพย์สินรอประมูล 43 แห่งใน 41 จังหวัด ซึ่งจัดเก็บทรัพย์สินรวมจำนวนกว่า 40,000 คัน พร้อมแผนเพิ่มพื้นที่คลังสินค้า 4 แห่ง ได้แก่ นนทบุรี สมุทรปราการ กรุงเทพฯ และนครปฐมในปีนี้ เพื่อลดความหนาแน่นให้พื้นที่สำนักงานใหญ่และอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า
นอกจากนั้น บริษัทยังมีการจัดประมูลสัญจรตามภูมิภาค โดยเน้นพื้นที่จังหวัดหลักของแต่ละภูมิภาคที่บริษัทมีพื้นที่จัดเก็บรถอยู่ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายรถ ด้วยการกำหนดแผนการประมูลล่วงหน้าประมาณ 1-2 สัปดาห์ รวมถึงจัดประมูลสินค้าพิเศษตามความต้องการของเจ้าของทรัพย์สินในสถานที่ต่างๆ เช่น การประมูลรถหรูมือสองคุณภาพดีหรือ luxury car การจัดกิจกรรม EV Corner มุ่งเน้นรถจักรยานยนต์และรถยนต์ EV มือสอง กิจกรรม Ready Travel Auction Car สำหรับสายท่องเที่ยว
“สถานที่ประมูลของเรามี 13 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งน่าจะเพียงพอแล้ว ถ้าเปิดเพิ่มน่าจะเป็นพื้นที่สต็อกมากกว่าขึ้นอยู่กับปริมาณของสินค้า โดยเราเลือกทำเลการเปิดสาขาจากปริมาณรถจดทะเบียนในจังหวัดและพูดคุยกับพาร์ตเนอร์ในพื้นที่ที่มีความต้องการ แต่ปีนี้เราอาจจะชะลอแผนการเปิดจากมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ต่างๆ ทำให้ปริมาณสินค้าลดลง ซึ่งปัจจุบันเราประมูลรถยนต์กับจักรยานยนต์เป็นหลัก และอาจจะมีรถการเกษตรบ้าง รวมถึงสินค้าอื่นๆ เช่น บ้านและที่ดิน หุ้น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าแบรนด์เนม 3G, 4G, 5G”
วรัญญูกล่าวถึงทรัพย์สินที่บริษัทดำเนินการจัดการประมูล ได้แก่ รถยนต์ ซึ่งเป็นสินค้าประมูลรายได้หลักของบริษัทคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70-80% โดยบริษัทให้บริการประมูลรถยนต์ทุกประเภททั้งขับเคลื่อนได้และขับเคลื่อนไม่ได้จากกลุ่มนิติบุคคล เช่น สถาบันการเงิน บริษัทเช่าซื้อรถที่ยึดรถจากการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ บริษัทรถเช่าที่รถยนต์ครบกำหนดอายุใช้งาน บริษัททั่วไปที่มีรถยนต์ส่วนกลาง รถใช้งานขนส่งสินค้า รถยนต์สำหรับผู้บริหาร และรถกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียน รวมถึงกลุ่มลูกค้าบุคคล เช่น เจ้าของรถยนต์ ผู้ค้ารถยนต์มือสองหรือเต็นท์รถ ซึ่งผู้เข้าประมูลรถยนต์จะมีหลากหลายทั้งผู้ค้ารถยนต์มือสองและบุคคลทั่วไป โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ค้ารถยนต์มือสองที่ประมูลเพื่อนำไปจำหน่ายต่อลูกค้าบุคคลทั่วไป
ขณะเดียวกันยังมีรถจักรยานยนต์เป็นสินค้าประมูลที่มีสัดส่วนรายได้รองลงมาประมาณ 5-10% ซึ่งเจ้าของทรัพย์สินเป็นสถาบันการเงินยึดรถจากการปล่อยสินเชื่อ และรถกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียน โดยผู้เข้าประมูลส่วนใหญ่เป็นผู้ค้ารถจักรยานยนต์มือสอง ร้านค้าจักรยานยนต์ที่จำหน่ายทั้งรถใหม่และรถมือสอง รวมถึงลูกค้าบุคคลทั่วไปที่ต้องการซื้อเพื่อใช้งาน ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้น บริษัทยังให้บริการประมูลทรัพย์สินอื่นๆ ตามความต้องการ โดยสอดคล้องกับชื่อของสหการประมูลที่หมายถึงความหลากหลายของทรัพย์สินที่นำมาประมูล ซึ่งสามารถขยายฐานกลุ่มผู้ร่วมประมูลและสร้างโอกาสธุรกิจเพิ่มขึ้นในอนาคต เช่น คลื่นความถี่ 5G เลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ อุปกรณ์สำนักงาน สินค้าแบรนด์เนม เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์กีฬา เป็นต้น
“เพราะเราเป็นตัวกลางการประมูล อันดับแรกเราต้องเชื่อว่าสินค้าทุกชิ้นมีราคาขึ้นอยู่กับว่าจะขายราคาเท่าไร สุดท้ายจะมีราคาที่เหมาะสมตรงกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งราคาอาจจะขึ้นอยู่กับดีมานด์และซัพพลายช่วงนั้น โดยคำว่าสหการประมูลหมายถึงเรารับประมูลสินค้าทุกประเภทที่ไม่ใช่สินค้ามีชีวิต อย่างรถเรามีตั้งแต่รถชนหนักขายเป็นอะไหล่จนถึงรถเกรดพรีเมียม ซูเปอร์คาร์ ดังนั้น เรารับสินค้าได้หมดขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการประมูลที่ตกลงกัน”

แต่งบริการประลองสนาม
ท่ามกลางความท้าทายการบริหารธุรกิจฝ่าคลื่นความเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันที่ทวีความรุนแรง แต่บริษัทยังสามารถทำรายได้และกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยรายได้รวมมากกว่า 1.3 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 371.29 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา พร้อมเดินหน้าพัฒนาระบบการประมูลและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ตั้งแต่เป็น CEO เรามองภาพเรื่องการเป็นตัวกลางให้ผู้ซื้อและผู้ขายพบกันตรงกลางเรื่องการประมูล แต่เรายังมีส่วนที่สามารถจับผู้ซื้อและผู้ขายชนกันได้อีก เช่น บริการช่วงก่อนการประมูลและหลังการประมูล ซึ่งเริ่มแรกเราอาจโฟกัสที่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ อย่างบริการขนย้ายสินค้า การทำ พ.ร.บ. เราเริ่มสร้าง ตรอ. หรือเรื่องสินเชื่อเรามีพาร์ตเนอร์แล้วก็เป็นตัวกลางเหมือนเดิม โดยเราไม่ได้มองที่รายได้เป็นหลัก แต่เราสร้างโอกาสให้พาร์ตเนอร์ของเรา และสามารถหาสินค้ารวมถึงบริการส่งมอบให้ลูกค้าได้ในราคาสมเหตุสมผลขึ้นเป็นทางเลือกให้ลูกค้า”
วรัญญูกล่าวถึงการวางกลยุทธ์ด้านการให้บริการทั้งช่วงก่อนประมูล ระหว่างประมูล และหลังการประมูล ประกอบด้วย AUCT Friend หรือเพื่อนประมูล ให้บริการคำแนะนำลูกค้าที่ใช้บริการหน้าลานในทุกขั้นตอนของการประมูล ตั้งแต่การลงทะเบียนร่วมประมูล การเลือกชมรถ การใช้บริการสินเชื่อ การใช้บริการขนย้ายจนถึงการรับรถ พร้อมทั้งมีบริการฝากขายรถสำหรับลูกค้าทั่วไป และ AUCT Prestige เป็น loyalty program สำหรับลูกค้าสมาชิก
ขณะเดียวกันบริษัทยังมีบริการอู่เพื่อนประมูลหรือ AUCT Garage ช่วยอำนวยความสะดวกลูกค้าในการซ่อมแซมหรือบำรุงรักษารถที่ประมูลได้ และ AUCT Finn ซึ่งเป็นบริการสินเชื่อก่อนและหลังประมูลสำหรับลูกค้าที่ต้องการรีไฟแนนซ์และต้องการสินเชื่อประมูลรถ รวมถึง AUCT Property บริการฝากขาย เช่า ซื้อ อสังหาริมทรัพย์ และ AUCT Insure บริการประกันภัยรถยนต์ทุกประเภท พร้อมทั้งเปิดสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) เพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการใช้บริการตรวจสภาพ ต่อภาษี พ.ร.บ. และประกันภัยรถยนต์
“การบริการสำหรับลูกค้าหมายถึงคนที่ซื้อรถ ส่วนคนที่นำรถเข้ามาขายเราก็เรียกลูกค้าและพาร์ตเนอร์ เพราะเป็นคนให้ซัพพลายเออร์ซึ่งอาจจะเรียกว่าคู่ค้าก็ได้ โดยการบริการของเราก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่วนใหญ่เป็นภาพการประเมินที่ใช้ประสบการณ์เป็นหลัก แต่หลังเข้าตลาดฯ เราเริ่มพูดถึงเรื่องข้อมูลและพัฒนาการส่งมอบข้อมูลให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลภาพรวมธุรกิจเทรนด์สินค้าซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถวางแผนและคาดการณ์ตลาดได้ รวมถึงการให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับตัวสินค้าจากเดิมที่ไม่มีการตรวจสภาพสินค้าจนมีคำว่าตาดีได้ตาร้ายเสีย หรือต้องมาเคาะรถ หลังจากเราเริ่มให้ข้อมูลก็ต้องพิสูจน์ตัวเองระดับหนึ่งกว่าเต็นท์รถจะเชื่อถือเรา”

นอกจากนั้น วรัญญูยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีที่รองรับการบริการสำหรับผู้ซื้อและผู้ขายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการประมูลออนไลน์ด้วยระบบ AUCT Live ซึ่งเป็นการประมูลออนไลน์แห่งแรกของประเทศไทยที่ผู้เข้าร่วมประมูลสามารถประมูลผ่านช่องทางออนไลน์บนโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตที่มีภาพและเสียงแบบเรียลไทม์ ด้วยระบบที่บริษัทพัฒนาขึ้นเองและปรับปรุงใช้งานมากว่า 9 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาเวอร์ชั่นใหม่ให้มีความทันสมัยและตอบสนองการใช้งานดียิ่งขึ้น
ขณะที่บริษัทยังพัฒนาระบบนับเวลาถอยหลังการประมูล AUCT BID รองรับการประมูลที่มีความหลากหลายทั้งรถยนต์ จักรยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ สินค้าแบรนด์เนม และอื่นๆ ซึ่งช่วยกลุ่มลูกค้าที่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาและการเดินทางร่วมประมูล โดยระบบ AUCT BID สามารถดำเนินการประมูลตลอด 24 ชั่วโมง ในรูปแบบการกำหนดเวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุดการประมูลในสินค้าแต่ละชนิด รวมถึงที่ผ่านมาบริษัทยังมีการพัฒนาซอฟท์แวร์ใหม่สำหรับการประมูลทรัพย์สินขององค์กรและหน่วยงานต่างๆ เช่น ระบบการประมูลคลื่นความถี่แบบ multi-brand รองรับการประมูล 5G ตามหลักเกณฑ์การเสนอราคาภายใต้กฎการประมูลของสำนักงาน กสทช. ระบบการประมูลด้วยโมบายแอปพลิเคชันสำหรับการรถไฟแห่งประเทศไทย
“เราเริ่มพัฒนา AUCT Live ของเราในปี 2559 แต่ยังมีคนใช้งานไม่มากประมาณ 5-10% เพราะลูกค้ายังชอบเข้ามาที่ลานประมูลและเคาะราคารถเองมากกว่า แต่โควิด-19 ทำให้ลูกค้าได้ลองใช้ออนไลน์จนปัจจุบันสัดส่วนเพิ่มเป็น 70% ซึ่งระหว่างทางเราพัฒนาระบบและปรับฟังก์ชันต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยปีหน้าจะเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่ทั้งความเร็วและหน้าตาเว็บไซต์เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งหลักๆ จะทำให้ลูกค้าของเราใช้งานได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น สนุกขึ้น”
วรัญญูมั่นใจในข้อได้เปรียบด้านประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางธุรกิจที่สั่งสมกว่า 34 ปี ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเงิน กลุ่มผู้ค้ารถยนต์ รวมถึงฐานลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยมีช่องทางการประมูลที่ครอบคลุมทั้งสถานที่ประมูลรถ การประมูลสัญจร ระบบ E-Auction และคลังสินค้าทั่วประเทศพร้อมสร้างการเติบโตจากสินค้าหลากหลายและกระจายรายได้ผ่านบริการเสริมต่างๆ เช่น บริการขนย้าย สินเชื่อ ตรอ.
“การแข่งขันค่อนข้างรุนแรงและมีหลายรูปแบบ แต่สิ่งสำคัญในการทำธุรกิจนี้อยู่ที่ความเชื่อถือ ซึ่งเราสามารถพิสูจน์ตัวเองได้จากการทำธุรกิจที่ผ่านมาปีนี้เป็นปีที่ 35 และยังพัฒนาตลอดเวลา โดยเรามองความจริงใจเป็นเรื่องสำคัญในการสร้างการเติบโตพร้อมกับลูกค้า แทนที่จะพยายามสร้างยอดขายให้ได้เร็วที่สุดหรือได้กำไรมากที่สุด แต่เราเน้นการให้ข้อมูลและกล้าสื่อสารตรงไปตรงมากับลูกค้ามากกว่า ซึ่งถือเป็นคีย์หลักนอกจากความเชื่อถือ ประสบการณ์ และบริการหลังการขายที่เราให้ลูกค้า”
ซีอีโอวัย 42 ปี ตอกย้ำความสำคัญของทีมงานที่มีส่วนร่วมขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ด้วยหลักการบริหารที่เปิดโอกาสให้ทีมงานได้ลองผิดลองถูกและนำความผิดพลาดเป็นบทเรียนการทำงาน รวมถึงรับฟังความคิดเห็นของพนักงานทุกระดับ โดยเฉพาะทีมทำงานประจำพื้นที่สถานประมูลต่างๆ ซึ่งใกล้ชิดกับลูกค้ามากที่สุดและเป็นเสมือนตัวแทนสื่อสารภาพลักษณ์ขององค์กรโดยตรง

“เราวางเป้าหมายเติบโตเฉลี่ย 5-10% แต่สิ่งสำคัญกว่ารายได้เรามองเรื่องภายในว่า ทีมงานของเรา 500 คนเติบโตอย่างไร โดยเราให้ความสำคัญกับเรื่องความ fair ไม่ว่าปัญหาอะไร เงินก้อนเล็กหรือใหญ่แค่ไหนเป็นเรื่องรอง หลักๆ คือ เรา fair กับลูกค้า คู่ค้า พนักงาน และบริษัท ซึ่งเป็นสิ่งที่เราย้ำกับทีมงานตลอด โดยหลักบริหารของผมกับคุณเทพทัยต่างกันสิ้นเชิง เพราะคุณพ่อเป็นผู้ก่อตั้งจะมีความสามารถบริหารจัดการงานแต่ละเรื่องแบบลงลึก ส่วนผมจะเป็นแนวบริหารจัดการทีม ซึ่งผมเชื่อในความเชี่ยวชาญของพนักงานที่สามารถร่วมกันสร้าง output ที่ดีที่สุด ดังนั้น โจทย์ของเราจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพคนและการรับฟังความเห็นด้วยการสัญจรไปสาขาต่างๆ ซึ่งเป็นหน้างานที่ใกล้ชิดกับลูกค้าและเจอปัญหามากที่สุด”
เรื่อง: พรพรรณ ปัญญาภิรมย์ ภาพ: วรัชญ์ แพทยานันท์
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ทศพล คุณะเพิ่มศิริ ลดเสี่ยงอุบัติเหตุด้วย DTCENT


