ผู้บริหารหญิงแห่งธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้า ที่คร่ำหวอดในวงการกว่า 20 ปี และมีบทบาทสำคัญในการสร้างแบรนด์งานแสดงสินค้าของ “อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์” ให้เป็นที่รู้จักทั้งในไทยและอาเซียน
เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเพิ่งจัดงาน International Healthcare Week (IHW) 2025 งานด้านสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กรุง Kuala Lumpur ประเทศมาเลเซีย มีผู้เข้าร่วมงานถึง 24,000 คน
“เราร่วมงานกับสมาคมแล้วก็เครือข่าย Informa ในต่างประเทศ...ทีมงานเป็นคนไทยทั้งหมด และสร้างทีมงานในมาเลย์ฯ 3 คนให้ช่วยซัพพอร์ตเวลาติดต่อรัฐบาลหรือดำเนินงานในพื้นที่” รุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ และผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศฟิลิปปินส์ กล่าวถึงโชว์ที่ผ่านมาซึ่งได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม เจ้าของงานเดิมอย่างอินโดนีเซียขอให้กลับไปจัดงานที่นั่น ส่วนฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นประเทศที่เธอเพิ่งได้รับตำแหน่งผู้จัดการก็บอกว่า อยากให้จัดแบบนี้บ้าง
ในช่วงเริ่มต้นอาชีพ รุ้งเพชรทำงานกับบริษัทเอกชนซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับการจัดงานแสดงสินค้า ทำงานโอเปอเรชั่น และผันตัวมาทำงานการตลาด ผู้จัดการโครงการ และเป็นหนึ่งในผู้จัดงานรุ่นบุกเบิกการจัดงานแสดงสินค้าในอินเดีย
“ที่นี่เป็นแห่งที่ 3...ก่อนหน้านี้ทำธุรกิจอาหารสัตว์ของบริษัทลูกค้าด้านการตลาด การขายวัตถุดิบอยู่ 6 ปี เป็นบริษัทอเมริกา และเจ้านายเก่าชวนกลับมาบอกว่า โตจากวงการนี้ก็กลับมาพร้อมความรู้ด้านอาหาร เทคนิคต่างๆ ของ pet food
“เราชอบทำงานที่ interact กับคน งานด้านบริการ ด้วยความรู้ exhibition แบ่งเป็นทีมเซลส์ ทีมการตลาด ทีม operation คือทีมที่อยู่หน้างาน เตรียมบูธ รับลูกค้าวันงานจริง ด้วย background ตัวนั้นทำให้เราเข้าใจว่าถึงวัน exhibition ต้อง deliver อะไรก็สะสมมา แต่ความได้เปรียบคือ ตั้งแต่บริษัทแรกที่ศูนย์สิริกิติ์ก็ดูงานที่มากกว่า 50% ของผู้ออกร้านเป็นชาวต่างชาติและ visitor เป็นต่างชาติ แต่ industry ตอนนั้นเป็นปศุสัตว์ food ความเป็นอยู่ การกิน สั่งสมความรู้มาเรื่อยๆ พอมาทำ food ingredient ที่นี่เป็นสิ่งที่เราอิน ถนัด และขยายเป็น healthcare”
งานแสดงสินค้าจัดในนาม “อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Informa Public Limited Company (Informa PLC) บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ London มีแบรนด์การจัดงานแสดงสินค้ามากกว่า 450 แบรนด์ ดำเนินธุรกิจ 5 กลุ่ม หนึ่งในนั้นคือ การจัดงานแสดงสินค้า

ปรับพอร์ตสร้างงาน
ก่อนหน้านั้นพอร์ตในความรับผิดชอบของเธอมีแค่ด้านอาหาร “ไปเห็นงาน CPHI เป็นงานที่อินโดนีเซีย เหมือน (ความนิยม) ตกลงมา เจ้านายบอกไปดูสิว่าทำไม ตอนนั้นมี background ทำ food ingredient ที่อินโดฯ ลองเปลี่ยน character จากคนอินโดฯ เป็นเรา และปีแรกพบว่าเขา protect country คนเข้าไปก็ขายไม่ได้มีกฎหมาย เลยบอกว่าถ้าจะทำงานเป็นอินเตอร์มาจัดที่ไทย...งานนั้น visitor ส่วนใหญ่เป็นอินโดฯ เลยคิดว่าถ้าจะให้งานมีรสชาติของต่างประเทศต้องเป็นประเทศที่เดินทางง่าย สะดวก ก็ย้ายมา (ไทย)
“อินโดนีเซียประชากร 250 ล้านคน บ้านเรา 65 ล้าน ต้อง debate ประมาณหนึ่ง พาร์ตเนอร์ที่อินโดฯ ไม่อยากปล่อยงาน...พอ survey ลูกค้าบอกว่ายังขายไม่ได้เลยจะจัดงานอีกแล้ว น่าจะจัดปีเว้นปี เราก็เลยลองประเทศใหม่ พอมียาแล้วในกลุ่มบริษัทอินฟอร์มามีงาน medical device, medical lab เข้ามาพอดีก็เลย propose ว่าทำเป็น healthcare แม้ไม่ overlap กันเสียทีเดียว แต่ปัจจุบันโรงพยาบาลเริ่มผลิตยา ร้านขายยาก็เริ่มขายเครื่องมือแพทย์ ทำไมเราไม่ทำเป็น comprehensive healthcare…เดี๋ยวนี้คนเดินทางคิดว่างานใหญ่พอไหมที่จะไป ก็เลย propose เป็น International Healthcare Week คอนเซ็ปต์นี้ขึ้นมา”
งาน IHW จัดขึ้นครั้งแรกในไทยปี 2567 ปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 2 แต่เป็นครั้งแรกในประเทศมาเลเซียเมื่อกลางเดือนกรกฎาคม ปี 2568 มีผู้เข้าร่วมงาน 24,000 คน (เพิ่มจากปีที่แล้วซึ่งมีผู้ร่วมงาน 21,000 คน) มีบริษัทจากมาเลเซียเข้าร่วมงาน 34 แห่งจากทั้งหมด 700 บริษัท ประการสำคัญคือ มีผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐและรัฐมนตรีมาแสดงวิสัยทัศน์ในพิธีเปิดงาน ชวนให้รู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นและการให้ความสำคัญของภาครัฐมาเลเซีย

รุ้งเพชรบอกว่า ตอนที่คิดว่าจะย้ายสถานที่จัดงานจากไทยไปมาเลเซียก็มีคนคัดค้านเยอะ รวมทั้งผู้ออกบูธ เพราะประชากรแค่ 33 ล้านคน ขณะที่ประเทศไทยมี 65 ล้านคน
“แต่เราก็เอาข้อ positive อธิบายให้ฟัง แต่เราไปคนเดียวไม่ได้ ทาง Informa มาเลย์ฯ มีทีมรองรับ...เราก็หาว่าใครคือพาร์ตเนอร์ ซึ่งไม่ง่าย...มีหน่วยงานที่มองและเข้าใจ commercialize และเป็นเจ้าของ venue ด้วย เราเลยคุยกับ MATRADE ข้อดีของมาเลย์ฯ คือ เขาพูดได้ทั้งภาษาจีนและอังกฤษ มีโรงแรม...การส่งออกจะขายไป Middle East ก็ส่งมาที่นี่ก่อนและส่งออกไป...ประเทศที่มายากอย่างอินโดนีเซีย ประชากร 2 ร้อยกว่าล้านก็อยู่ใกล้ สิงคโปร์ก็มาง่าย...ไปมาเลย์ฯ อาจได้กรุ๊ปที่มาไม่ถึงเรา แต่สะดวกในการเดินทาง และค่าใช้จ่ายระหว่างมาเลย์กับไทยต้นทุนพอกัน”
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติเธอบอกว่า ในแถบนี้ประเทศที่มีศักยภาพและพื้นที่ใหญ่พอสำหรับจัดโชว์ขนาดใหญ่มี 3 ประเทศคือ ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์
“สิงคโปร์ค่าตั๋วเครื่องบินไม่แพง แต่ค่าที่พัก อาหาร ค่าใช้จ่ายสูง exhibition ต้องการทั้ง quality และ volume สิงคโปร์ก็น่าสนใจ ถ้างานใหญ่จริงดึงคน 2 วันก็ work เราต้องดู exhibitor ที่เดินทางด้วย จาก 2 คน อาจเหลือ 1 คน แต่งานใหญ่ๆ เราจัดที่นั่นก็ success คนมองว่าสิงคโปร์เป็น regional มีความเป็น English hub มากกว่าไทย
“ในส่วน exhibition ประเทศไทยมาลำดับที่ 1 อยู่แล้ว แต่ด้วยความไม่แน่นอนและปัญหาต่างๆ เช่น การเมือง ทำให้คนไม่แน่ใจว่ามาแล้วดีหรือเปล่า เราอาจจะพัฒนาช้าไปนิดหนึ่งใน speed ที่คนอื่นพัฒนาตามเราทัน อินโดฯ มี exhibition ใหญ่ขึ้นมา 2 แห่ง เวียดนามกำลังทำ ดึงนักลงทุนอย่างมาเลย์ฯ ก็ไม่นึกว่าเขาเร็วขนาดนี้ พอหลังจากเอางานไปลงก็สัมผัสได้ว่าเขาเห็นโอกาส...ภาครัฐให้ความสำคัญ และรัฐบาลให้แต่ละหน่วยเป็น revenue center ด้วย”

ปัจจุบันรุ้งเพชรรับผิดชอบงาน 2 ส่วน ส่วนแรกกลุ่มอาเซียน ดูแล 4 งานคือ Food Ingredient, Vitafoods, CPHI South East Asia (งานแสดงสินค้าเทคโนโลยี และการประชุมด้านอุตสาหกรรมผลิตยาและเวชภัณฑ์) และ Medtec Southeast Asia (งานแสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติด้านการออกแบบและผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์) ด้านปศุสัตว์ สัตว์น้ำ ดูแลในเวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ส่วนที่ 2 งานในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งมีปีละ 7 งาน
ปลายเดือนกรกฎาคม ปี 2568 ทีมงาน Forbes Thailand มีนัดสัมภาษณ์ผู้บริหารสาวที่ออฟฟิศบนถนนพหลโยธิน สัปดาห์ก่อนหน้านั้นเธอยังอยู่ที่มาเลเซียเพราะมีงาน International Healthcare Week (IHW) 2025 และในวันที่ให้สัมภาษณ์เดิมมีกำหนดการบินไปฟิลิปปินส์ตอนเย็น เพราะมีการจัดงานแสดงสินค้าและยานยนต์นานาชาติที่กรุง Manila แต่เลื่อนการเดินทางออกไปเป็นวันรุ่งขึ้นเนื่องจากพายุเข้าฟิลิปปินส์
ถามว่า ปีหนึ่งๆ อยู่ประเทศไทยกี่วัน รุ้งเพชรตอบพร้อมกลั้วหัวเราะน้อยๆ ว่า “ตั้งแต่มกราคมถึงพรุ่งนี้เป็นไฟลต์ที่ 48 ทั้งหมดมี 22 ทริปแล้ว ปีนี้หนักเอาการเพราะฟิลิปปินส์เรา push ค่อนข้างเยอะ แต่ exhibition ส่วนใหญ่จัดมกราคม-กรกฎาคม หลังจากนั้นไม่มีโชว์แล้ว จะมา focus ในเซาต์อีสต์เอเชีย cycle ของชีวิตเป็นแบบนี้...ถ้าร่างกายบอกว่าต้องพักจะอยู่ไทย วันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดจะอยู่ไทย”
รุ้งเพชรตอบพร้อมเปิดโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะมีไฟล์บันทึกไว้ว่าตั้งแต่ต้นปีบินไปต่างประเทศแล้วกี่ไฟลต์ เธอไล่เลียงตารางการจัดงานซึ่งจัดให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนในประเทศนั้นๆ ว่า หลังเดือนกรกฎาคมฟิลิปปินส์จะไม่นิยมจัดงาน และตั้งแต่ตุลาคมเริ่มช็อปปิ้งเตรียมงานคริสต์มาส ส่วนเวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ จัดงานช่วงต้นปีไม่ได้เพราะมีเทศกาลตรุษจีน ขณะที่ไทยต้องเว้นช่วงสงกรานต์ หลีกเลี่ยงวันหยุดนักขัตฤกษ์และวันหยุดยาว
บทบาทใหม่ที่ฟิลิปปินส์
เดือนกันยายน ปี 2567 รุ้งเพชรสวมหมวกอีกใบโดยเป็นผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ต ประเทศฟิลิปปินส์ ด้วยเหตุนี้ทำให้เธอต้องไปๆ มาๆ ทุก 2-3 สัปดาห์
“เนื่องจากเป็น emerging country เขาอยากให้เราไปดู ปีนี้ exhibition ของ Informa น่าจะใหญ่สุดในประเทศ จากที่ไม่มีชื่อ ไม่มีอะไรเลย เราไปก็ launch โชว์ใหม่ ก่อนนี้ก็ดูอยู่แล้ว 2 โชว์ พอเขาเห็นเราอิน เข้าใจ คุมทีมได้ เข้าใจ culture ของคนก็เลย assign เพิ่มให้ดูทั้งประเทศ เพิ่มงานนั้นงานนี้เข้ามา

“ที่ฟิลิปปินส์ (จัดงาน) เป็น exhibition เล็กๆ ย้อนกลับไปเมืองไทย 10 ปีก่อน ฟิลิปปินส์มีความยากคือ ไม่ว่า association ไหนที่เรา deal ด้วย เขามี exhibition ของตนเองอยู่แล้ว...strategy ที่ใช้คือ สมมติเราจัดที่มาเลย์ฯ ก็ให้ทีมฟิลิปปินส์ดึง buyer มางาน พอเขาเห็นว่าเราจัดงานใหญ่ ทีนี้จะง่ายต่อการทำงาน version ฟิลิปปินส์และทีมได้ฝึกว่าระดับ international ทำอย่างไร ลูกค้าก็ได้เห็น ส่วนที่ว่าจะทำธุรกิจไหนต้องใช้ market survey เพราะทุกธุรกิจมีผู้ประกอบการจัดอยู่แล้ว”
รุ้งเพชรบอกว่า การจัดงานจะยึดหลักที่ว่า งานไหนอินฟอร์มามีอยู่แล้วก็เอามาปรับใช้ ซึ่งจะง่ายต่อการดำเนินการ แต่ต้องทำให้เป็นโชว์เพื่อฟิลิปปินส์ไม่ใช่เซาต์อีสต์เอเชีย ฟิลิปปินส์มีประชากร 110 ล้าน มีความเป็นสากล บุคลิกของคนชอบการพบปะสังสรรค์ งานแสดงสินค้าจึงเป็นสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบ ส่วนงานที่มาเลย์ฯ เป็นอีกคอนเซ็ปต์ โดยบริษัทจะวางตนเองว่าเป็นเอเชีย
“งาน Vitafoods เดือนกันยายน เราดึง visitor จากหลากหลายประเทศในเอเชีย ถ้างานในฟิลิปปินส์ focus เลยว่าดึงคนในประเทศจาก Cebu, Luzon มา ทำเพื่อประเทศเขา บางงานประธานาธิบดีมาเปิดงานให้ด้วย เขาซัพพอร์ตหน่วยงานเอกชน ไม่ค่อยทำงานแข่งกับเอกชน (ภาครัฐ) ไม่ได้ให้เงินแต่ให้ความสำคัญและซัพพอร์ตผู้ประกอบการ...หวังว่าปีหน้าจะ launch เพิ่มอีก 2 งาน พอเราจัดงานได้ติดตลาด จะมี partner เข้ามาเอง บอกอยากทำงานกับ you อยากขายงานให้ เขา approach หวังให้เราซื้อ งาน exhibition จะโตได้ด้วยการมี international network หากเป็น local อย่างเดียวงานก็อยู่อย่างนั้น เขาเห็นเรามี network ในการทำ”
ภาพ: วรัชญ์ แพทยานันท์ และ Informa Markets
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : นิธิศ ชัยจรูญรัตน์ เจน 2 JRP กับโรดแมปธุรกิจโตยั่งยืน



