‘ธัญชนก วัชโรทัย’ Blue Voyage พาทะเลไทยให้โลกจดจำ - Forbes Thailand

‘ธัญชนก วัชโรทัย’ Blue Voyage พาทะเลไทยให้โลกจดจำ

FORBES THAILAND / ADMIN
16 Jun 2025 | 10:46 AM
READ 513

11 ปีแห่ง Blue Voyage คือภาพสะท้อนของ “วิสัยทัศน์” และ “ความมุ่งมั่น” ในการยกระดับทะเลไทยให้เป็นที่ยอมรับบนเวทีโลก เพราะ ‘ธัญชนก วัชโรทัย’ ไม่ได้แค่สร้างบริษัทเรือยอชต์ แต่สร้าง “มาตรฐานใหม่” ให้กับการท่องเที่ยวทางทะเลของประเทศไทย


    จากเรือมือสองเพียงลำเดียว สู่อาณาจักรยอชต์หรูชั้นนำของเอเชีย นี่คือเรื่องราวของ “Blue Voyage” หนึ่งในแบรนด์ที่ถูกยกย่องว่ามีบทบาทสำคัญในการยกระดับการท่องเที่ยวทางทะเลของไทยไปสู่มาตรฐานระดับนานาชาติ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ คือ “ออมมี่” ธัญชนก วัชโรทัย ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ บริษัท บลู โวยาจ กรุ๊ป (Blue Voyage Group) ที่ได้รับสมญานามว่าเป็น “The Queen of Yachts” ผู้มองเห็นศักยภาพในท้องทะเลไทย และกล้าฝันไกลเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด


เริ่มต้นจากความฝัน-ความกล้า

    “แรงบันดาลใจของออมมาจากช่องว่างในตลาด และความฝันที่อยากสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับการท่องเที่ยวไทย” ธัญชนก เล่าย้อนไปประมาณปี 2014 ซึ่งการล่องเรือยอชต์ยังไม่เป็นที่นิยม และยังไม่มีการดำเนินการอย่างมืออาชีพในประเทศไทย จึงเกิดความคิดว่า.. “ทำไมเราไม่ทำให้การล่องเรือยอชต์หรูเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของการท่องเที่ยวไทยล่ะ” นั่นคือจุดประกายแรก เพราะอยากนำเสนอความงดงามของทะเลไทยในมุมที่ต่างออกไป โดยเน้นลูกค้าระดับลักชัวรี่


    Blue Voyage จึงถือกำเนิดขึ้นมาจากความต้องการที่อยากนำเสนอความงดงามของประเทศไทยให้โลกได้รู้จักผ่านมุมมองที่เน้นความหรูหราอย่างพิถีพิถัน ความใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่เริ่มต้น เธอเล่าว่าไม่ได้ต้องการแค่สร้างบริษัทเรือยอชต์ แต่ต้องการรังสรรค์ “ความรู้สึก” และประสบการณ์ที่ยังคงประทับอยู่ในใจผู้คนยาวนานหลังการเดินทางสิ้นสุดลง

    เธออาศัยความกล้าฝันและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน รวมทั้งมั่นใจในเสน่ห์ของทะเลไทย ควบคู่บริการแบบไทยที่เป็นเอกลักษณ์ สามารถสร้างประสบการณ์ที่โดดเด่นและน่าจดจำ ให้กับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้อย่างแท้จริง

    ความฝันและความกล้าทำให้เธอตัดสินใจใช้เงินเก็บทั้งหมดที่มี ประมาณ 2 ล้านบาท ซื้อเรือจากอเมริกา โดยเป็นเรือครุยเซอร์มือสอง ยี่ห้อ Regal ขนาด 26 ฟุต และนั่นก็เป็นการเริ่มต้นของ Blue Voyage ในปี 2014 ไม่มีนักลงทุน ไม่มีทีมงาม ไม่มีแบ็กอัปใดๆ มีเพียงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่า “ทะเลไทยสวยติดอันดับโลก และสมควรได้รับการนำเสนอในรูปแบบที่มีคุณภาพและระดับสากล”

    แน่นอนว่าช่วงแรกของธุรกิจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ บริษัทยังเล็กมาก ทำให้เธอต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งหมด ตั้งแต่ศึกษาระบบเรือ ออกแบบเว็บไซต์ ทำโซเชียลมีเดีย รับโทรศัพท์รับจองลูกค้า ทำบัญชี วางแผนการตลาด คัดเลือกและฝึกอบรมลูกเรือ รวมถึงลงพื้นที่ดูแลงานปฏิบัติการในแต่ละวันอย่างใกล้ชิด “พูดได้เต็มปากว่าทุกจุดในธุรกิจ ออมลงมือทำมาหมดแล้ว แม้กระทั่งล้างเรือเอง”

    ในฐานะผู้หญิงที่ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมเดินเรือ ซึ่งเดิมทีมักมีผู้ชายเป็นผู้นำ เธอยอมรับว่าต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการพิสูจน์ตัวเอง ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ได้ ทั้งในสายตาของพนักงานในบริษัท พันธมิตรธุรกิจ และลูกค้า คือต้องเก่งให้มากกว่าธรรมดา ต้องแม่น ต้องแกร่ง และที่สำคัญที่สุดคือต้อง “ลงมือทำให้เห็น” ไม่ใช่แค่พูดให้ฟัง

    ลูกค้ากลุ่มแรกๆ คือพลังใจสำคัญ พวกเขาประทับใจกับประสบการณ์ที่เธอสร้างขึ้นอย่างตั้งใจและใส่ใจในทุกรายละเอียด ทำให้ลูกค้าบอกต่อแบบปากต่อปาก กลายเป็นพลังที่เงินซื้อไม่ได้


    จากเรือลำเล็กๆ ในวันนั้น Blue Voyage ค่อยๆ เติบโตทีละก้าว จนสามารถขยายทีม เพิ่มจำนวนเรือ (fleet) เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และวันนี้ ได้รับความไว้วางใจให้เป็นพันธมิตรกับโรงแรมระดับโลก อาทิ Four Seasons, Ritz-Carlton Reserve, Amanpuri, Banyan Tree และ Anantara และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมให้บริการลูกค้า VIP จากทั่วทุกมุมโลก

    “คำว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ ไม่เคยอยู่ในพจนานุกรมของออม ออมพูดได้แค่คำว่าทำได้ และต้องสำเร็จ ในโลกของผู้ประกอบการ ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ แค่คุณต้องกล้าคิด ลงมือทำ และไม่ยอมแพ้ เพราะทุกความสำเร็จล้วนเริ่มจากความเชื่อมั่นว่าเราทำได้”


บริการครบวงจรรองรับการพักผ่อนอย่างมีสไตล์

    Blue Voyage เป็นบริษัทให้บริการเช่าเหมาลำเรือยอชต์แบบครบวงจรในประเทศไทย โดยมีจุดให้บริการหลักอยู่ที่พัทยา ภูเก็ต กระบี่ เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า เรียกได้ว่ามีกองเรือครอบคลุมทุกประเภท ตั้งแต่เรือไม้แบบดั้งเดิม (Traditional Longtail Boat), เรือมอเตอร์ยอชต์ (Motor Yacht), เรือสปีดโบ๊ตดีไซน์หรู (Luxury Speedboat), เรือใบ Catamaran ไปจนถึง Superyacht ชื่อ For your eyes only ขนาด 102 ฟุต ซึ่งได้รับขนานนามว่าเป็นเรือซูเปอร์ยอชต์ให้เช่าที่ดีที่สุดในประเทศไทย ทุกลำมาพร้อมกัปตันและลูกเรือมืออาชีพที่ผ่านการฝึกอบรมตามมาตรฐานสากล เพื่อมอบบริการระดับเฟิร์สคลาสอย่างแท้จริง


    บริการที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มไฮเอนด์ ไม่ว่าจะเป็นบริการเช่าเหมาลำเรือยอชต์ส่วนตัวแบบครึ่งวัน Half day trip และรายวัน Full Day trip แพ็คเกจล่องเรือแบบค้างคืนตั้งแต่ 1 คืนไปจนถึง 14 คืน เพื่อการท่องเที่ยวในจุดหมายปลายทางทางทะเลชั้นนำของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น การดำน้ำตื้น ทริปตกปลา การล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกดิน การเที่ยวตามหมู่เกาะต่างๆ หรือการพักผ่อนกลางทะเลอย่างมีสไตล์ ซึ่งลูกค้าสามารถออกแบบเส้นทางและกิจกรรมได้ตามความต้องการ

    รวมไปถึงการจัดอีเวนต์และโอกาสพิเศษบนเรือยอชต์ ด้วยบริการระดับโรงแรมห้าดาวบนเรือ โดยในทุกทริปจะมีบริการเครื่องดื่ม ผลไม้ เซต Afternoon Tea การบริการจากทีมงานมืออาชีพ กัปตัน ลูกเรือ บัตเลอร์ ที่พร้อมดูแลความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของลูกค้าในทุกเส้นทางของการเดินทาง


อุปสรรคสำคัญ เรือยอชต์ = ของใหม่เมืองไทย

    อุปสรรคหลักในช่วงแรกของ Blue Voyage คือการที่แนวคิดการท่องเที่ยวด้วยเรือยอชต์หรูยังใหม่มากสำหรับเมืองไทย โดยเฉพาะลูกค้าชาวไทยยังไม่เข้าใจ หรือไม่มั่นใจในรูปแบบบริการ จึงต้องใช้เวลาในการให้ความรู้ตลาดและสร้างความเชื่อมั่นพอสมควร

    อีกทั้งการหาบุคลากรที่มีทักษะและใจรักงานบริการมาตรฐานสูงก็เป็นอีกความท้าทาย เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้ในประเทศไทยตอนนั้นยังเล็กมาก ต้องสร้างทีมขึ้นมาเองแทบทั้งหมด ต้องลงทุนฝึกอบรมคนรุ่นใหม่ให้มีความรู้และมาตรฐานสากล นอกจากนี้ ในฐานะผู้บริหารหญิงอายุน้อย จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองให้คนในแวดวงที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายให้การยอมรับ

    แต่ถึงอย่างอย่างนั้น Blue Voyage ก็ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค และกล้าที่จะปฏิวัติวงการ สร้างมาตรฐานใหม่ที่สูงกว่าเดิมเพื่อนิยาม คำว่า “คุณภาพ” ให้ทั้งวงการท่องเที่ยว

    อันดับแรก มุ่งมั่นรักษาคุณภาพและความปลอดภัยของบริการอย่างไม่มีประนีประนอม พิสูจน์ให้เห็นด้วยการลงรายละเอียดทุกจุดเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าจริงๆ จนพวกเขาก็กลายเป็นกระบอกเสียงที่ช่วยบอกต่อความประทับใจไปยังคนอื่นๆ

    อันดับต่อมา ให้ความสำคัญกับการสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น จับมือกับโรงแรมรีสอร์ตระดับห้าดาว บริษัททัวร์ และหน่วยงานรัฐ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

    นอกจากนี้ ธัญชนกยังอาศัยความเป็นคนชอบเดินทาง จึงเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากรอบโลกเพื่อนำสิ่งที่ที่ดีที่สุดมาใช้และพัฒนาบริษัท เก็บฟีดแบ็กทุกอย่างจากลูกค้ามาพัฒนา ทั้งด้านการบริการ เส้นทางท่องเที่ยว และกิจกรรมบนเรือ เพื่อให้แน่ใจว่าจะดีขึ้นในทุกๆ วัน ด้วยแนวทางเหล่านี้ ทำให้สามารถก้าวข้ามช่วงตั้งต้นที่ยากลำบากมาได้ จน Blue Voyage ยืนหยัดอย่างมั่นคงในวันนี้

    อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ยังคงมีความท้าทาย เว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ รายงานผลประกอบการของกลุ่ม “บลู โวยาจ” ในปี 2024 ไว้ดังนี้

    -บริษัท บลู โวยาจ กรุ๊ป แอนด์ เซาท์ฟลีท ชิปยาด จำกัด รายได้ 3,419,784.87 บาท

    -บริษัท บลู โวยาจ (ไทยแลนด์) จำกัด รายได้ 80,235,344.19 บาท


เทรนด์เรือยอชต์หรูในไทยกำลังมา

    ธัญชนกบอกอีกว่า ในช่วงเกือบสิบปีที่ผ่านมา เธอได้เห็นวิวัฒนาการของธุรกิจนี้อย่างมาก เมื่อก่อนการเช่าเรือยอชต์ในประเทศไทยแทบจะไม่อยู่ในความคิดของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ และคนไทยหลายคนมองว่าเป็นเรื่องไกลตัวหรือฟุ่มเฟือยที่สงวนไว้สำหรับคนเพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้น อีกทั้งผู้ให้บริการที่ได้มาตรฐานสากลก็มีน้อยมาก เรียกว่าตลาดยังไม่เกิดก็ว่าได้

    “แต่ปัจจุบันภาพรวมเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน การล่องเรือยอชต์สุดหรูได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอย่างเป็นทางการแล้ว นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เปิดใจและให้ความสนใจกับประสบการณ์รูปแบบนี้มากขึ้น มีผู้ประกอบการหลายรายเข้ามาลงทุนในธุรกิจนี้ เกิดการแข่งขันเชิงบวกที่กระตุ้นให้ทุกคนยกระดับคุณภาพบริการ โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวหลักอย่างภูเก็ต สมุย หรือกระบี่ เราเห็นเรือยอชต์แล่นอยู่ในน่านน้ำไทยมากขึ้น โครงสร้างพื้นฐานเองก็พัฒนาไปมาก มีมารีน่าใหม่ๆ เกิดขึ้นเพื่อรองรับเรือขนาดใหญ่ รัฐบาลและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ก็มีบทบาทในการโปรโมตการท่องเที่ยวทางทะเลหรูหรานี้มากขึ้นเช่นกัน”


ชูจุดแข็งหัวใจบริการแบบไทย

    ภายใต้การแข่งขันในวงการนี้ ธัญชนกมองว่าจุดแข็งหลักของ Blue Voyage คือ “การผสานสิ่งที่ดีที่สุดของสองโลกเข้าด้วยกัน” หมายถึงการผสานความปลอดภัยมาตรฐานสากล เข้ากับหัวใจการบริการแบบไทยได้อย่างลงตัว

    “เราไม่จำเป็นต้องถูกกว่าใคร เพราะว่าสิ่งที่เราโฟกัส คือ Deliver The Best of The Best นั่นคือเราต้องการส่งมอบสิ่งที่ดี่ที่สุด เราต้องดีจนไม่สามารถมีใครเทียบได้ ไม่ใช่แค่ลูกค้าเท่านั้นที่เชื่อเรา แต่คนในวงการเรือยอชต์เอง ก็ยังต้องยกให้ Blue Voyage เป็นต้นแบบ”



    เธอยังบอกอีกว่า นอกจากเรื่องประสบการณ์ลูกค้าแล้ว บริษัทยังไม่เคยลดทอนคุณภาพหรือความปลอดภัย ทุกองค์ประกอบถูกดูแลอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงรักษาเรือ การฝึกอบรมพนักงาน ที่มีมาตรฐานภายในที่สูงมาก และยึดถืออย่างสม่ำเสมอ

    “อีกหนึ่งจุดเด่นคือ เราเป็นเจ้าของและบริหารจัดการเรือทุกลำเอง ซึ่งหมายความว่าเราสามารถควบคุมคุณภาพการบริการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันบนทุกๆ เที่ยวเรืออย่างไร้รอยต่อ ตามมาตรฐานเดียวกัน” ธัญชนกย้ำ

    ในฐานะผู้บุกเบิกตลาด Blue Voyage ยังมี first-mover advantage ที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและพันธมิตรมาอย่างยาวนาน ซึ่งช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและเชื่อถืออย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้น Blue Voyage ยังได้รับการพูดถึงและตีพิมพ์ในสื่อต่างๆ มากมาย ระดับนานาชาติ ทั้งในอเมริกา ยุโรป และเอเชีย พร้อมได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในบริษัทเรือยอชต์ที่ทรงอิทธิพลของโลก


    “เมื่อรวมทุกปัจจัยเข้าด้วยกัน ทั้งวิสัยทัศน์ แรงบันดาลใจ ความตั้งใจ และทีมงานที่หลงใหลในสิ่งที่ทำ ดิฉันเชื่อว่า Blue Voyage จะไม่เพียงเป็นผู้นำในเอเชีย แต่จะเป็นชื่อที่โลกจดจำในฐานะแบรนด์ไทยที่ยกระดับมาตรฐานของทั้งวงการ Yachting industry”


เดินหน้ารังสรรค์ ‘ประสบการณ์’ ให้ผู้คน

    สำหรับแนวทางต่อไปของ Blue Voyage ธัญชนกบอกว่าน่าจะขยายเรือไปเรื่อยๆ ขณะที่ตอนนี้เธอเป็น Creative Director ของบริษัท บลู โวยาจ กรุ๊ป แอนด์ เซาท์ฟลีท ชิปยาด จำกัด และได้ขยายธุรกิจมาทางด้านอู่ต่อเรือด้วย ซึ่งเธอเอนจอยในการได้ดีไซน์เรือเอง ควบคุมการผลิตเอง ได้เลือกทุกๆ อย่างบนเรือเอง ไม่ว่าจะเป็นหนัง หมอน แมททีเรียลต่างๆ

    “ตอนนี้เราได้รับความไว้วางใจในการช่วยต่อเรือให้กับโรงแรม 5 ดาว เช่น โฟร์ซีซั่น เกาะสมุย ภูเล เบย์ อะ ริทซ์ คาร์ลตัน รีเซิร์ฟ, บันยันทรี, โรงแรมอนันตรา ส่วนมากโรงแรม 5 ดาว ในประเทศไทยจะไว้ใจเรา ให้เราผลิตและดูแลลูกค้าให้เขา ซึ่งตอนนี้เราได้โฟกัสธุรกิจตรงนี้ด้วย”

    “I want to build the legacy not just the business จุดประสงค์ที่ออมสร้าง Blue Voyage ขึ้นมาเพราะต้องการที่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการท่องเที่ยวทางทะเลของประเทศไทย และต้องการที่จะ redefine yachting industry ของเมืองไทย” ธัญชนกย้ำ

    เธอให้มุมมองว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดทศวรรษที่ผ่านมา คือข้อพิสูจน์ว่าความพยายามของเธอไม่สูญเปล่า “จากธุรกิจที่แทบไม่มีใครรู้จัก ตอนนี้การล่องเรือยอชต์กลายเป็นหนึ่งในภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวลักชัวรี่ของไทยที่กำลังเติบโตอย่างมาก ไม่เพียงแต่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ แต่ยังเป็นการยกระดับแบรนด์ประเทศไทยบนเวทีโลกด้วย”

    แม้วันนี้ Blue Voyage จะกลายเป็นบริษัทชั้นนำของเอเชียแล้ว แต่ธัญชนกย้ำว่า “ดีที่สุด” สำหรับเธอ คือแค่ “จุดเริ่มต้น” เท่านั้นเพราะวิสัยทัศน์ของเธอ ไม่ใช่แค่การสร้างบริษัท แต่คือการรังสรรค์ “ประสบการณ์” ที่ตราตรึงในใจคน และเปลี่ยนทะเลไทยให้กลายเป็นความทรงจำที่ไม่มีวันจาง



ภาพ: Blue Voyage



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : "ธัญชนก วัชโรทัย" กับธุรกิจที่รัก Blue Voyage

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine