สมาร์ท ซิตี้ เป็นแนวทางพัฒนาเมืองที่หลายเมืองเริ่มต้นไปแล้วหลายปีก่อนหน้า โดยปี 2561 นี้มีสถาบันที่วัดดัชนีเกี่ยวกับความเป็นเมืองอัจฉริยะคือ IESE Business School ในสเปนทำการศึกษาปัจจัยที่เกี่ยวข้องและสรุปว่า New York สหรัฐอเมริกาคือเมืองอัจฉริยะที่ดีที่สุดในโลก เฉือนชนะ London ประเทศอังกฤษ แชมป์เก่าไปได้
ชีวิตในเมืองอัจฉริยะรอบโลก
สิ่งที่ New York พุ่งเป้าพัฒนาอย่างเข้มข้นคือเรื่องของการประหยัดทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ด้วยความเป็นเมืองใหญ่ที่มีประชากรกว่า 8.5 ล้านคน สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเรื่องจำเป็น New York Government ตัดสินใจปูพรมติดตั้งมิเตอร์น้ำอัจฉริยะที่รับส่งสัญญาณวิทยุได้ให้กับอสังหาฯ 8 แสนแห่ง ซึ่งอุปกรณ์นี้สามารถเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นบนมือถือของผู้อยู่อาศัยและตรวจสอบข้อมูลได้ 4 ครั้งต่อวัน ฟังดูเหมือนเกินความจำเป็น แต่จริงๆ แล้วอสังหาฯ นั้นมักจะมีปัญหาน้ำรั่วโดยไม่รู้ตัว แถม New York ยังออกข้อบังคับควบคุมอาคารให้นำน้ำฝนกลับมาใช้ใหม่ในอัตราที่กำหนดด้วยNew York ยังใช้เทคโนโลยีกับการจัดการขยะ เมืองนี้มีถังขยะอัจฉริยะชื่อ The BigBelly ที่ติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับปริมาณขยะในถัง เพื่อนำข้อมูลมาบริหารจัดการรอบเวลาและเส้นทางการเก็บขยะอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการออกรถไปเก็บขยะทั้งที่ขยะยังไม่เต็มถังซึ่งทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน ขณะเดียวกันก็ไม่เก็บน้อยเกินไปจนทำให้ถังขยะล้นในขณะที่ สิงคโปร์ เมืองอัจฉริยะอันดับ 6 ของโลกโดย IESE Business School เน้นพัฒนาการขนส่งที่สะดวกสบาย ผ่านแอพพลิเคชั่น MyTransport.SG ที่บอกเส้นทางเดินรถและตารางเดินรถไว้ทั้งหมด ขนส่งมวลชนที่ตรงเวลาทำให้คนเมืองวางแผนชีวิตได้ง่ายและประหยัดเวลา ส่วนก้าวต่อไปของสิงคโปร์คือการใช้เทคโนโลยีรองรับสังคมผู้สูงอายุของประเทศ ด้วยแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวกับสุขภาพจำนวนมาก และมองไปถึงยานยนต์ไร้คนขับแล้วเพื่อให้ผู้สูงอายุเดินทางสะดวกอีกหนึ่งเมืองอัจฉริยะ Reykjavik เมืองหลวงของไอซ์แลนด์ กระโดดขึ้นมาเป็นอันดับ 5 ของทำเนียบ โดยรัฐได้สร้างโครงสร้างพื้นฐานของการติดต่อสื่อสารอย่างการวางสายไฟเบอร์โครงข่ายอินเทอร์เน็ตครอบคลุมครัวเรือน 100% ด้วยความเร็วสูงถึง 500 เมกะบิตต่อวินาที และมีนโยบายลดใช้พลังงานโดยกระตุ้นให้ประชาชนใช้รถเมล์มากขึ้น ผ่านแอพพลิเคชั่น Straeto ที่ช่วยคำนวณหาเส้นทางรถเมล์ที่ดีที่สุดที่ควรใช้ นอกจากนั้นยังร่วมมือกับบริษัท Zipcar และ ON Power เพื่อสนับสนุนแอพฯ ร่วมเดินทาง (Ride Sharing) ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนน
สมาร์ท ซิตี้ คืออะไรกันแน่?
จากตัวอย่างเมืองอัจฉริยะทั้งหมดจะเห็นได้ว่าแต่ละเมืองไม่ได้เดินตามแผนเดียวกันแบบก้าวต่อก้าว แต่ยังมีพื้นฐานบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน โดย ผศ.ดร.นพพร ลีปรีชานนท์ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวบนเวที Delta Future Industry Summit 2018 เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 61 ว่า สมาร์ท ซิตี้คือเมืองที่ได้รับการบริหารจัดการด้วยนวัตกรรมนวัตกรรมที่นำมาปรับใช้กับเมืองอัจฉริยะจะทำให้เมืองมีประสิทธิภาพขึ้นทุกด้าน ทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมผังเมืองและการจราจรเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เมืองควรพัฒนาเพื่อให้เป็น สมาร์ท ซิตี้ที่มีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างการจัดการ เช่น Barcelona ประเทศสเปน อ่านเรื่องผังเมือง The Eixample ได้ใน Instragram@forbesthailand ด้านบนเมื่อลงลึกไปในการจัดการโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้เมืองมีประสิทธิภาพ รัฐจึงต้องจัดการวางโครงสร้างสาธารณูปโภคจำเป็นให้ครอบคลุมทั่วทั้งเมือง ไม่ว่าจะเป็นประปา ไฟฟ้า การจัดจราจร การจัดการขยะ ไฟทางสาธารณะ ระบบสื่อสาร ฯลฯ และเมื่อต้องบริหารให้มีประสิทธิภาพก็จะต้องรู้ข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์ได้ทันท่วงที เป็นที่มาของเทคโนโลยี Big Data ที่มักจะนำมาปรับใช้กับเมืองอัจฉริยะ นำไปสู่การพัฒนาอุปกรณ์ IoT(Internet of Things) ใช้ในเมืองเพื่อเป็นจุดเชื่อมโยงส่งต่อข้อมูลให้ผู้บริหารเมือง