<h2>ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เตรียมก้าวสู่ปีที่ 80 เร่งเครื่อง Transformation องค์กรปรับฐานให้พร้อมรับความท้าทายทุกด้าน ปี 68 ตั้งเป้าหมายสินเชื่อโต 2-4% หลังจากปี 67 หดตัวไปถึง 6% ยอมรับว่าปีนี้สินเชื่อ SME สินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อบ้านจะทรงตัว และมองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังท้าทาย และต้องติดตามผลกระทบจากปัจจัยภายนอก</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY กล่าวว่า เศรษฐกิจปีนี้ยังคงมีความท้าทาย แม้ว่าเศรษฐกิจโลกอาจโตอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่ยังมีความไม่แน่นอนและความเสี่ยงในหลายด้าน เช่น นโยบายการค้า การเงิน เงินเฟ้อ ที่อาจจะกระทบการเติบโต โดยเศรษฐกิจไทยปี 2568 กรุงศรี คาดว่า GDP จะอยู่ที่ 2.7% จากแรงหนุนการใช้จ่ายภาครัฐ และ เอกชนลงทุนที่จะเติบโตในระดับกลาง และท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้น แต่มีปัญหาเชิงโครงสร้าง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ในปี 2568 ตั้งเป้าหมายธุรกิจในไทยว่าสินเชื่อจะต้องขยายตัว 2-4% จากปีก่อน (ปี 67 ติดลบ 6%) โดยมองว่าแรงหนุนหลักจะมาจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะเติบโต 5-7% ส่วนหนึ่งเพราะมีแรงฟื้นตัวจากปี 67 ที่ชะลอตัวมา แต่สินเชื่อ SME ปี 68 นี้จะยังทรงตัว จากความเปราะบางที่ยังคงอยู่ ขณะที่สินเชื่อรายย่อยคาดว่าจะทรงตัวเช่นกัน จากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ระดับสูง ทั้งสินเชื่อเช่าซื้อที่ปีก่อนหดตัวค่อนข้างมาก ดังนั้นปี 68 ต้องเติบโตสูงจึงจะกลับมาทรงตัวได้เช่นกัน นอกจากนี้สินเชื่อบ้านยังทรงตัวเช่นกัน มีเพียงสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่คาดว่าจะเติบโต 5-7%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม สินเชื่ออาเซียน แม้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของหลายประเทศจะสูงขึ้น แต่เมื่อธนาคารเพิ่งเข้าซื้อกิจการ จึงต้องดำเนินธุรกิจในการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง ปี 2568 คาดว่าจะเติบโต 3-5%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนของหนี้เสีย ธนาคารคาดว่าอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ratio ปี 2568 นี้คาดว่าอาจเพิ่มขึ้นมาที่ 3.25-3.50% มาจากความเสี่ยงของกลุ่ม SME ขนาดเล็ก และ SME ขนาดกลางในกลุ่มธุรกิจการค้า และอสังหาริมทรัพย์ ส่วนสินเชื่ออาเซียนยังได้รับผลกระทบจากธุรกิจในกัมพูชา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ปี 2568 ยังตั้งเป้าหมายของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.8-4.1% ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (cost-to-income ratio) จะอยู่ในระดับ Mid-40s%.&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในปี 2568 ถือเป็นปีที่ 80 ของกรุงศรี โดยปีนี้จะเร่งเครื่องสร้างการเติบโตอย่างสมดุลผ่านการทำ Corporate Transformation เพื่อสร้างรากฐานขององค์กรฝ่าความท้าทายและปัจจัยความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นทั่วโลก ผ่าน 3 กลยุทธ์สำคัญคือ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1) ONE Krungsri ในองค์กรต้องทำงานเป็นหนึ่งเดียว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2) การขยายเครือข่ายในอาเซียน ทั้งธุรกรรม บริการ และโซลูชันการเงินดิจิทัลที่ตอบโจทย์ลูกค้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3) ความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน โดยปรับเพิ่มเป้าหมายสินเชื่อโครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืนในปี 2573 ขึ้นสู่ 250,000 ล้านบาท (จากเดิมที่ 150,000 ล้านบาทและปัจจุบันสิ้นปี 67 อยู่ที่ 95,000 ล้านบาท)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ยังคงลงทุนในภาคส่วนสำคัญ เช่น เทคโนโลยีทั้งโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การวิเคราะห์ข้อมูล (Data analytics) และด้าน AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในทุกภาคส่วน รวมถึงการลงทุนในด้านบุคคลากรอย่างต่อเนื่อง &nbsp; &nbsp; ขณะที่หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาเหลือ 2% ต่อปี ปัจจุบันทางธนาคารฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาการลดอัตราดอกเบี้ยฯ แต่ยังระบุไม่ได้ว่าจะปรับลดลงทั้ง 2 ฝั่ง (ดอกเบี้ยสินเชื่อ และดอกเบี้ยเงินฝาก) หรือไม่ และยังไม่ได้ระบุว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยฯ ในกลุ่มลูกค้าไหนและช่วงเวลาใด&nbsp; &nbsp; ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา เมื่อกนง. มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทางกรุงศรีจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยฯ ตามเสมอ ซึ่งหากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยฯ ลงคาดว่าลูกค้ารายย่อยกลุ่มที่ได้ประโยชน์มักจะเป็นกลุ่มที่มีสินเชื่อบ้านแบบ floating rate (อัตราดอกเบี้ยลอยตัว)
 ภาพ: ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/krungsri-reveals-2024-profits-of-29-billion-baht-a-decrease-of-3-200-million-from-2023" alt="กรุงศรี เผย ปี 67 กำไร 2.9 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 3,200 ล้าน ผลจากการป้องกันความเสี่ยงและภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย">กรุงศรี เผย ปี 67 กำไร 2.9 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 3,200 ล้าน ผลจากการป้องกันความเสี่ยงและภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

กรุงศรีก้าวสู่ปีที่ 80 เร่ง Transformation องค์กร ตั้งเป้าปี 68 สินเชื่อโต 2-4% แม้เศรษฐกิจไทยยังท้าทาย

<h2>กรุงศรี ประกาศแต่งตั้ง นางสาวปาลิดา อธิศพงศ์ ดำรงตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 </h2> &nbsp; &nbsp; ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประกาศแต่งตั้ง นางสาวปาลิดา อธิศพงศ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ นางสาวปาลิดา มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์การทำงานในบริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจ รวมถึงในธุรกิจการเงินธนาคาร และการลงทุนในธุรกิจสตาร์ตอัปมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ร่วมงานกับกรุงศรี ฟินโนเวต ในปี 2561 นางสาวปาลิดาเป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์การลงทุนในสตาร์ตอัป และสร้างความร่วมมือระหว่างกรุงศรี พันธมิตร และสตาร์ตอัปให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในฐานะรักษาการกรรมการผู้จัดการบริษัทกรุงศรี ฟินโนเวต นางสาวปาลิดาจะดูแลและรับผิดชอบการวางกลยุทธ์ และบริหารพอร์ตการลงทุนในสตาร์ตอัปของกรุงศรี ฟินโนเวต ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง ตลอดจนต่อยอดความร่วมมือต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดร่วมกันทั้งกับสตาร์ตอัป องค์กรพันธมิตร และธนาคารกรุงศรี รวมทั้งจะยังคงสานต่อความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับสตาร์ตอัปอีโคซิสเต็มส์ในประเทศไทย ทั้งนี้การแต่งตั้งรักษาการผู้บริหารในครั้งนี้เป็นไปตามแผนสืบทอดตำแหน่งขององค์กร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นางสาวปาลิดา สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาเศรษฐศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ จากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ S.C. Johnson Graduate School of Management, Cornell University สหรัฐอเมริกา ภาพ:&nbsp;ธนาคารกรุงศรีศรีอยุธยา&nbsp; เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/tfpa-partnerd-bank-of-thailand-providing-financial-knowledge-to-thai-people" alt="หนี้ครัวเรือนไทยพุ่ง 91.4% ต่อ GDP สมาคม TFPA จับมือ ‘แบงก์ชาติ’ สร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินให้ประชาชน"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/bay-th-oct-2024" alt="กรุงศรีแต่งตั้ง 2 ผู้บริหารขึ้นรับตำแหน่งประธาน 'ธุรกิจรายย่อยฯ - เทคโนโลยีฯ' มีผล 1 ม.ค. 68">กรุงศรีแต่งตั้ง 2 ผู้บริหารขึ้นรับตำแหน่งประธาน 'ธุรกิจรายย่อยฯ - เทคโนโลยีฯ' มีผล 1 ม.ค. 68</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

กรุงศรีประกาศแต่งตั้ง 'ปาลิดา อธิศพงศ์' รักษาการกรรมการผู้จัดการ กรุงศรี ฟินโนเวต มีผล 1 ธ.ค. 67 นี้

<h2>กรุงศรีเผยกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปี 2567 อยู่ที่ 23,424 ล้านบาท ลดลง 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เหตุตั้งสำรองรับความเสี่ยงหนี้ ตอกย้ำการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบระมัดระวัง ภายใต้บริบทสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่ไม่เอื้ออำนวย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมากรุงศรี เดินหน้าให้ความช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าทั้งภาคธุรกิจและรายย่อยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความเปราะบางด้านเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ในปี 2567 นี้ ยังมองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น การเติบโตอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว และการเร่งตัวของการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่ช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม การเติบโตของเศรษฐกิจอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงในเชิงลบ ได้แก่ ผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม การแข็งค่าของเงินบาท และอุปสรรคเชิงโครงสร้าง อาทิ หนี้ครัวเรือนและความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิต จากแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจดังกล่าวข้างต้น กรุงศรียังคงคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2567 ที่ 2.4%สรุปผลประกอบการและฐานะการเงินที่สำคัญสำหรับ 9 เดือนแรกปี 2567 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- กำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของธนาคาร) จำนวน 23,424 ล้านบาท ลดลง 7.0%YoY โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ตามการตั้งสำรองที่รอบคอบระมัดระวัง &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ อยู่ที่ 82,848 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.6%YoY &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) เร่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ 4.33% จาก 3.70% 9 เดือนแรกปี 2566 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย จำนวน 33,464 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.2%YoY &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน อยู่ที่ 50,926 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.1%YoY &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ อยู่ที่ 43.8% ปรับตัวดีขึ้นจาก 44.2% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ 30 ก.ย. 67 อยู่ที่ 74,417 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.0% จากสิ้นเดือน มิ.ย. 67 ที่อยู่ 72,973 ล้านบาท​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) อยู่ที่ 3.20% เพิ่มขึ้นจากงวด 9 เดือนปี 2566 ที่อยู่ระดับ 2.48% &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 124.6% &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอยู่ที่ 35,258 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.6%YoY &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- เงินรับฝาก เพิ่มขึ้น 3.3% หรือจำนวน 60,009 ล้านบาท จากสิ้นเดือนธันวาคม 2566 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของเงินรับฝากประจำ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- เงินให้สินเชื่อรวม ลดลง 4.5% หรือจำนวน 90,268 ล้านบาท จากสิ้นเดือนธันวาคม 2566 สะท้อนการปรับลดลงของความเชื่อมั่นทางธุรกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภค รวมถึงการดำเนินการตามแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรมของกรุงศรี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ณ 30 ก.ย. 2567 กรุงศรีมีสินเชื่อรวม 1.93 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.90 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.72 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 318,770 ล้านบาท หรือเทียบเท่า 18.94% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของคิดเป็น 14.75% เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/bbl-q-3-2024" alt="แบงก์กรุงเทพเผย 9 เดือนแรกปี 67 มีกำไรสุทธิ 34,807 ล้านบาท โต 6.2%YoY ผลรายได้ดอกเบี้ยสุทธิยังโต">แบงก์กรุงเทพเผย 9 เดือนแรกปี 67 มีกำไรสุทธิ 34,807 ล้านบาท โต 6.2%YoY ผลรายได้ดอกเบี้ยสุทธิยังโต</a>​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

กรุงศรีเผยกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปี 2567 อยู่ที่ 23,424 ล้านบาท ลดลง 7% เหตุตั้งสำรองรับความเสี่ยงหนี้

<h2>กรุงศรี กรุ๊ป จับมือ กลุ่มเซ็นทรัล ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจครั้งสำคัญ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ล่าสุด บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน และ บัตรเซ็นทรัล เดอะวัน เฟิร์สช้อยส์  รับคะแนนสะสม The One Card เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตร ทุกร้านค้าในเครือบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด</h2>
"กรุงศรี กรุ๊ป เชื่อมั่นในการสร้างธุรกิจของเราให้เติบโตเคียงคู่ไปกับพันธมิตร ในโอกาสที่บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด มอบความไว้วางใจต่อสัญญาให้กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เป็นพันธมิตรผู้ให้บริการทางการเงินรายหลักของบริษัทฯ เราจึงได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์บัตร Co-brand ใหม่ล่าสุด" โนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ โนริอากิ โกโตะ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า กรุงศรี กรุ๊ป ในฐานะที่เป็นสมาชิกของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป หรือ MUFG กลุ่มสถาบันการเงินชั้นนำระดับโลก ยังมีแผนจะใช้เครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่งในระดับสากล รวมถึงเครือข่ายที่กว้างขวางของเราในฐานะผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำในประเทศไทย สนับสนุนความร่วมมือทางธุรกิจของเรากับบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นทั้งในประเทศและในระดับโลก

ด้าน ปริญญ์  จิราธิวัฒน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวเพิ่มเติมถึงความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกรุงศรี กรุ๊ป และบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า

“กลุ่มเซ็นทรัล ผู้นำด้านการประกอบธุรกิจของประเทศไทย ครอบคลุมทั้งกลุ่มธุรกิจค้าปลีก, กลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, กลุ่มธุรกิจค้าส่ง, กลุ่มธุรกิจโรงแรม และกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร  ตลอดระยะเวลา 70 ปี ของการดำเนินธุรกิจ กลุ่มเซ็นทรัล มีความมุ่งมั่นในการเลือกสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพ และพัฒนาการบริการที่ประทับใจ เพื่อมอบให้กับลูกค้าของเราตลอดมา"

"โดยการดำเนินการที่สำคัญ คือ การสร้างสรรค์ระบบรอยัลตี้ โปรแกรมอย่าง The 1 Card ที่เกิดขึ้นมากว่า 10 ปี และได้รับการพัฒนาสู่การเป็น Data Center ที่แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่มเซ็นทรัล เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถเข้าใจลูกค้าของเราได้มากยิ่งขึ้น”

“บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน” ยังเป็นการร่วมมือครั้งสำคัญของทุกกลุ่มธุรกิจในเครือ เพื่อร่วมส่งมอบความพิเศษสูงสุดให้กับลูกค้าที่ซื้อสินค้าในกลุ่มเซ็นทรัลไม่ว่าจะเป็นคะแนน The 1 Card สูงสุด 4 เท่า ส่วนลดและเอกสิทธิ์เฉพาะบัตรอีกมากมาย

พร้อมกันนั้น ยังจะเป็นบัตรเครดิตใบแรกที่สามารถสะสมคะแนน The 1 Card ได้ทุกที่ ไม่ใช่เฉพาะในเครือกลุ่มเซ็นทรัลเท่านั้น รวมถึงสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย ผ่าน “บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน” ที่มีให้เลือกถึง 4 รูปแบบ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันได้อย่างลงตัว

ฐากร ปิยะพันธ์ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ อธิบายเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของผลิตภัณฑ์บัตร Co-brand ใหม่ล่าสุด จากความร่วมมือของกรุงศรี และบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ว่า “แนวคิดหลักของบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน และบัตรเซ็นทรัล เดอะวัน เฟิร์สช้อยส์ คือ ถอดรหัสทุกไลฟ์สไตล์ กล่าวคือ สมาชิกบัตรจะได้รับสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้จ่ายในชีวิตและหลากหลายกว่าเดิม จากการผสานศักยภาพของทั้งกรุงศรี กรุ๊ป และ กลุ่มเซ็นทรัล รวมถึงพันธมิตรของเรา

โดยตั้งเป้าจะเจาะกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้นและเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยสิทธิประโยชน์ สุดพิเศษของทั้งสองผลิตภัณฑ์ ประกอบกับความเชี่ยวชาญอันยาวนานในธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลของ  กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า จะสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าของเราได้อย่างแน่นอน”

<img style="width: 640px; height: 426px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/0828c7d27ec5143f9c600571bd5f6ba2.jpg" alt="" />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events