<h2>สัญชัย คูเอกชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยข้อมูลการวิจัยพบว่า อุปทานพื้นที่สำนักงานให้เช่าของกรุงเทพฯ จะขยายตัวขึ้นอย่างมากในช่วงหลังปี 2562</h2>
โดยปัจจุบัน กรุงเทพฯมีพื้นที่สำนักงานให้เช่ารวม 8.5 ล้านตร.ม. แบ่งเป็นออฟฟิศบิลดิ้งเกรดเอ 2.5 ล้านตร.ม. อีก 6 ล้านตร.ม. เป็นออฟฟิศเกรดบี โดยมีอัตราว่างค่อนข้างต่ำเพียง 6-7% ด้านอัตราค่าเช่าออฟฟิศเกรดเออยู่ที่ 700-1,300 บาท/ตร.ม. ขณะที่ออฟฟิศเกรดบีอยู่ที่ 450-900 บาท/ตร.ม. ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/ba73a5f8925735792917c9bb68782895.png" alt="" />

<strong>สัญชัย</strong> กล่าวว่า <span style="color: #ff0000;">ช่วงปี 2560-2562 คาดว่าจะมีสำนักงานให้เช่าแห่งใหม่เป็นซัพพลายเติมเข้าสู่ตลาดประมาณ 2.54 แสนตร.ม. โดยทำเลที่ตั้งมีการกระจายออกไปนอกซีบีดี (พื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ) มากขึ้น </span>อาทิ วิสซ์ดอม 101 (สถานี BTS ปุณณวิถี), ลาดพร้าว ฮิลส์ (สถานี MRT พหลโยธิน) ขณะที่โครงการสำนักงานให้เช่าในเขตซีบีดีมีเพียง 4 โครงการ คือ เกษร 2, กรุงศรี ทาวเวอร์, สิงห์ คอมเพล็กซ์ และ ภิรัช สาทร 15

<span style="color: #ff0000;">และโครงการออฟฟิศบิลดิ้งที่จะก่อสร้างเสร็จหลังปี 2562 ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีซัพพลายใหม่อีก 1.1 ล้านตร.ม. ในช่วง 8-10 ปีนับจากปี 2562 มีโครงการที่น่าจับตามองคือ <a href="http://forbesthailand.com/news-detail.php?did=1551">วัน แบงค็อก</a> ซึ่งจะเติมซัพพลายเข้าสู่ตลาดถึง 5 แสนตร.ม. เป็นโครงการขนาดใหญ่ซึ่งจะส่งผลต่อตลาดออฟฟิศอย่างมาก</span> นอกจากนี้ ออฟฟิศบิลดิ้งส่วนใหญ่ที่จะสร้างเสร็จหลังปี 2562 จะกลับมากระจุกตัวในเขตซีบีดีเช่นเดิม

“แม้จะมีอุปทานสำนักงานให้เช่าเข้ามามาก แต่ยังมีอุปสงค์เข้ามาสม่ำเสมอโดยเฉพาะตลาดต่างชาติ ซึ่งกลุ่มธุรกิจมาแรงที่ต้องการเข้ามาเปิดสำนักงานในไทยเริ่มเปลี่ยนเป็นธุรกิจเทคโนโลยีมากขึ้น ดังนั้นเชื่อว่าอัตราค่าเช่าของออฟฟิศยังจะปรับขึ้นประมาณ 3-5% ต่อปีได้อย่างต่อเนื่อง

ส่วนโครงการใหญ่อย่าง <strong>วัน แบงค็อก</strong> ตามแผนของโครงการจะมีออฟฟิศบิลดิ้งหลายอาคาร แต่เป็นการทยอยก่อสร้าง และเจ้าของโครงการมีความเชี่ยวชาญ รวมถึงเป็นผู้พัฒนาสำนักงานให้เช่าอีกหลายแห่งทั้งที่มีอยู่เดิมและกำลังก่อสร้าง ดังนั้นน่าจะมีความระมัดระวังในการวิเคราะห์ตลาดเพื่อไม่ให้กระทบโครงการเดิมของบริษัทด้วย จึงไม่น่ากังวลว่าจะทำให้เกิดภาวะออฟฟิศล้นตลาด” สัญชัยกล่าว

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/d93cd8f3cc9018da22d54a04b101fba6.png" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> สัญชัย คูเอกชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด</figcaption></figure>

&nbsp;
<h2>ค้าปลีกปรับตัวเป็นมิกซ์ยูส</h2>
สัญชัยกล่าวต่อถึงตลาดพื้นที่ค้าปลีกว่า ปัจจุบันพื้นที่ค้าปลีกในกรุงเทพฯ มีพื้นที่รวม 7.65 ล้านตร.ม. ส่วนใหญ่ 58% เป็นลักษณะศูนย์การค้า

แต่อนาคตพื้นที่ค้าปลีกจะเริ่มขยายตัวช้าลงเนื่องจากราคาที่ดินแพงขึ้นทำให้พัฒนาโครงการได้ยาก ดังนั้นจะเห็นการพัฒนาโครงการในแบบมิกซ์ยูส มีการผสมผสานการใช้งานแบบอื่นร่วมด้วยมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น <strong>Show DC</strong> ซึ่งไม่ใช่เพียงพื้นที่รีเทล แต่นำเสนอความเป็น Entertainment Complex หรือศูนย์รวมการแสดงและความบันเทิง

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/4647499d83c65b69dcacf086dfd51230.png" alt="" width="680" height="330" /><figcaption> Show DC ถนนพระราม 9 พื้นที่ค้าปลีกแห่งใหม่ที่มีลักษณะผสมผสานเป็น Entertainment Complex</figcaption></figure>

นอกจากนี้ การปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ค้าปลีกเดิม จะพยายามดึงดูดกำลังซื้อชาวต่างชาติ เพราะคนไทยเริ่มใช้จ่ายภายในศูนย์การค้าลดลง

ด้านอัตราค่าเช่า ณ ไตรมาส 2/60 ค่าเช่าพื้นที่รีเทลยังปรับตัวสูงขึ้นเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ดังนี้
<ul>
 	<li>พื้นที่ใจกลางเมือง อัตราค่าเช่า 3,200-3,300 บาท/ตร.ม./เดือน เติบโต 15%</li>
 	<li>พื้นที่รอบใจกลางเมือง อัตราค่าเช่า 2,700-2,800 บาท/ตร.ม./เดือน เติบโต 10%</li>
 	<li>พื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอก อัตราค่าเช่า 2,000 บาท/ตร.ม./เดือน เติบโต 40%</li>
</ul>

คอลลิเออร์สชี้หลังปี 2562 ออฟฟิศบิลดิ้งทะลัก 1.1 ล้านตร.ม.

<h2>คอลลิเออร์สชี้อสังหาฯ กรุงเทพฯสต๊อกคงตัวเท่าปีก่อน 3-4 หมื่นยูนิต ทำเลสายสีม่วงยังวิกฤติคอนโดฯโอเวอร์ซัพพลาย 8-9 พันยูนิต ดีเวลอปเปอร์เบรกโครงการถือที่ดินเปล่ารอพัฒนา พร็อพทูมอร์โรว์เปิดธุรกิจใหม่ เอเย่นต์อสังหาฯ-Property Tech ลดค่ามัดจำห้องชุดให้เช่า</h2>
บริษัท พร็อพทูมอร์โรว์ จำกัด เปิดตัว 2 ธุรกิจใหม่บริษัท Agent และ Property Tech โดยภายในงานมีการจัดเสวนาตอบรับอสังหา ยุค 4.0 <strong>สุรเชษฐ กองชีพ</strong> รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนา <strong>บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด </strong>เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์กรุงเทพฯและปริมณฑล ปัจจุบันมีสต๊อกเหลือขายประมาณ 3 หมื่นยูนิต หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ทรงตัวเท่ากับปีก่อน

ซึ่งถือว่าสถานการณ์ภาพรวมยังไม่โอเวอร์ซัพพลาย เพราะอสังหาฯในกรุงเทพฯสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ปีละ 5 หมื่นยูนิต สต๊อกสร้างเสร็จเหลือขายหากไม่มีการสร้างเพิ่มจะระบายได้หมดภายใน 1 ปี แต่ผู้ประกอบการยังไม่นิ่งนอนใจ ต่างพยายามระบายสต๊อกเต็มที่ผ่านโปรโมชั่นต่างๆ

<span style="color: #ff0000;">อย่างไรก็ตาม บางทำเลมีซัพพลายเหลือขายมากกว่าที่ควร เช่น แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง เตาปูน-บางใหญ่ ยังมีซัพพลายคอนโดมิเนียมเหลือขาย 8-9 พันยูนิต แม้จะไม่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่เมื่อสต๊อกยังไม่ลดลงทำให้บริษัทจัดสรรต่างชะลอโครงการและเลือกจะถือครองที่ดินเปล่ารอจังหวะไปก่อน</span>

ยกเว้นบางโครงการที่มีความมั่นใจจึงจะเปิดตัวโครงการ เช่น เดอะ โพลิแทน รีฟ สถานีสะพานพระนั่งเกล้า พัฒนาโดยบมจ.เอเวอร์แลนด์ ซึ่งเฟสแรก 1 พันกว่ายูนิตมียอดขายแล้ว 90% ทำให้เปิดเฟสที่สองต่อเนื่องอีก 2 พันกว่ายูนิต

สุรเชษฐกล่าวเพิ่มเติมว่า แนวรถไฟฟ้าสายอื่นที่อยู่ระหว่างก่อสร้างที่ต้องระมัดระวังในการลงทุนซื้อคอนโดมิเนียม ได้แก่ สีเขียวส่วนต่อขยายแบริ่ง-สมุทรปราการ ช่วงถัดจากสถานีเอราวัณเป็นต้นไป ซึ่งยังมีโครงการแนวราบราคาใกล้เคียงคอนโดฯเป็นทางเลือกให้ผู้ซื้อ ทำให้คอนโดฯมีโอกาสโอเวอร์ซัพพลาย

รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ซึ่งวางเส้นทางตามทางรถไฟคู่ขนานกับถนนวิภาวดี-รังสิต เป็นบริเวณที่มีชุมชนอยู่อาศัยเบาบาง จึงไม่ใช่ทำเลเหมาะสมในการลงทุนคอนโดฯ

ด้าน <strong>สุธาทร สุทธิสนธิ์</strong> ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร <strong>บริษัท พร็อพทูมอร์โรว์ จำกัด</strong> ผู้พัฒนาเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์ <a href="http://www.prop2morrow.com/">www.prop2morrow.com</a> เปิดเผยว่า บริษัทมีการขยายธุรกิจใหม่เพิ่มอีก 2 ธุรกิจ คือ PropVestors เป็นบริการนายหน้าอสังหาฯ ซื้อ ขาย ปล่อยเช่า และร่วมลงทุนกับนักลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพ และอีกหนึ่งธุรกิจคือ Propa Chill ซึ่งจะเป็นบริการในลักษณะ Property Tech

<strong>กรณ์กวินท์ พีระเดชไพศาล</strong> ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร<strong> บริษัท เอวีพี 24 เอ็นเทอร์ไพรซ์ จำกัด</strong> ผู้พัฒนา Propa Chill กล่าวว่า Propa Chill จะใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาของผู้เช่าห้องชุดที่ต้องจ่ายค่ามัดจำระยะเวลา 3 เดือนเพื่อคุ้มครองห้องในกรณีห้องชุดเสียหายหรือบอกเลิกสัญญา ซึ่งเป็นข้อจำกัดทำให้ผู้เช่าไม่สะดวกในการเช่าห้องชุดแห่งใหม่

“เรากำลังติดต่อเป็นพันธมิตรกับสถาบันการเงินเพื่อมาสนับสนุนบริการนี้ ผลจะทำให้ผู้เช่าจ่ายค่ามัดจำน้อยลงและจ่ายง่ายขึ้น ขณะที่เจ้าของห้องจะยังได้รับความคุ้มครองห้องเหมือนเดิม คาดว่าจะสามารถเปิดตัวระบบที่แก้ไขปัญหานี้ได้ภายในสิ้นปี” กรณ์กวินท์กล่าว

ทั้งนี้ พร็อพทูมอร์โรว์ประเมินว่ามูลค่าอสังหาริมทรัพย์สะสมทั่วประเทศปัจจุบันมีประมาณ 8.5 แสนยูนิต ในอีก 2 ปีคาดว่าจะแตะ 1 ล้านยูนิต ซึ่ง 10% ในจำนวนนี้เป็นคอนโดฯสำหรับปล่อยเช่า หรือคิดเป็น 1 แสนยูนิต ทำให้มองว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจในการทำธุรกิจ

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events