ไฮไลต์การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2567

<h2>เข้าดำรงตำแหน่งได้ไม่ถึงปี อนาคตของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน อดีตนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ยังคงไม่แน่นอน เฉกเช่นสถานการณ์การเมืองไทยซึ่งบั่นทอนความมั่นใจของนักลงทุนที่มีต่อระบบเศรษฐกิจไทยที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พาให้ดัชนีตลาดหุ้นตกลง 15% นับตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ทั้งยังถูกซ้ำเติมด้วยค่าเงินบาทที่อ่อนตัว ความมั่งคั่งโดยรวมของบรรดามหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งของไทยจึงลดลงเกือบ 12% เหลือเพียง 1.53 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ จากเดิม 1.73 แสนล้านเหรียญเมื่อปีที่ผ่านมา</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มหาเศรษฐี 39 คนบนทำเนียบปีนี้มีความมั่งคั่งลดลงจากปี 2023 มีเพียงแค่ 7 คนเท่านั้นที่สวนกระแสอย่างท้าทาย โดยผู้ที่มั่งคั่งทะยานขึ้นสูงสุดจนแซงขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ได้แก่ เฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว ที่มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 2.6 พันล้านเหรียญ รวมเป็น 3.6 หมื่นล้านเหรียญ อานิสงส์จากการรายได้ของเครื่องดื่ม Red Bull ที่เติบโตกว่า 1.1 หมื่นล้านเหรียญในปี 2023 สืบเนื่องจากยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังทั่วโลกทะลุ 1.2 หมื่นล้านกระป๋อง &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พี่น้องเจียรวนนท์&nbsp;แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่ครองอันดับ 1 มานานเกือบสิบปี ในที่สุดก็ถูกโค่นลงไปที่อันดับ 2 ด้วยมูลค่าความมั่งคั่ง 2.9 หมื่นล้านเหรียญในปี 2024 น้อยลงจาก 3.4 หมื่นล้านเหรียญเมื่อปี 2023 สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากราคาหุ้นที่ตกลงของบริษัท China’s Ping An Insurance ที่พวกเขาถือครอง มีรายงานว่าบริษัทฯ ดังกล่าวขาดทุน 2.7 พันล้านเหรียญในปี 2023 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนรายชื่อ 5 อันดับแรกคนอื่นๆ ไม่ได้เปลี่ยนแปลง แม้แต่ละคนจะมีความมั่งคงลดลงก็ตาม มหาเศรษฐีผู้ครองอาณาจักรเครื่องดื่ม เจริญ สิริวัฒนภักดี ต้องเผชิญความจริงอันน่าเศร้า เมื่อมูลค่าทรัพย์สินของเขาลดลงกว่า 1 ใน 4 เหลือเพียง 1 หมื่นล้านเหรียญเท่านั้น ทว่าเขายังคงเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 3 ของไทยในปีนี้&nbsp; &nbsp;&nbsp;สำหรับอันดับ 4 ที่ไม่ได้ทิ้งห่างกันมากนักคือ&nbsp;ครอบครัวจิราธิวัฒน์ ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สิน 9.9 พันล้านเหรียญ ลดลง 20% เทียบกับปีที่ผ่านมา ข่าวใหญ่ล่าสุดของพวกเขาคงเป็นการที่กลุ่มเซ็นทรัลกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของห้างสรรพสินค้า Selfridges ในลอนดอนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สารัชถ์ รัตนาวะดี มหาเศรษฐีธุรกิจพลังงานและโทรคมนาคมนั้นมีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่ปรากฏตัวบนทำเนียบเมื่อ 6 ปีก่อน น่าเสียดายที่ปีนี้นับเป็นปีแรกที่ความมั่งคั่งของเขาตกลงเหลือเพียง 9.2 พันล้านเหรียญ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มหาเศรษฐีคนอื่นๆ ที่มีมูลค่าทรัพย์สินลดลงมหาศาล ได้แก่ สมโภชน์ อาหุนัย ความมั่งคั่งของเขาลดลงถึง 2 ใน 3 ทำให้เขาตกลงจาก 10 อันดับแรกมาอยู่ที่อันดับ 32 หุ้นของบริษัท Energy Absolute ซึ่งเขาเป็นผู้กุมบังเหียนร่วงหนักสืบเนื่องจากความวิตกกังวลเรื่องหนี้สินจากการขยับขยายไปยังตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังมี Aloke Lohia แห่ง Indorama Ventures ที่สูญเสียทรัพย์สินไปถึง 310 ล้านเหรียญจากปี 2023 เหลือเพียง 1.2 พันล้านเหรียญในปีนี้ สืบเนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในจีนและยุโรปที่หดตัวลง &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ตลาดเครื่องดื่มบรรจุขวดที่เติบโต โดยเฉพาะเครื่องดื่มชูกำลัง ช่วยเติมมูลค่าทรัพย์สินของ 4 มหาเศรษฐีให้เพิ่มขึ้นสวนทางรายชื่อส่วนใหญ่บนทำเนียบ อันได้แก่ เสถียร เสถียรธรรมะ และณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์เครื่องดื่มคาราบาว, อนันท์ รักอริยะพงษ์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Sappe และตัน ภาสกรนที ผู้ก่อตั้งอิชิตัน กรุ๊ป &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังมี 2 มหาเศรษฐีผู้ล่วงลับไปในปีที่ผ่านมา คนแรกคือเพชร โอสถานุเคราะห์ อดีตซีอีโอและรองประธานโอสถสภา ส่วนคนต่อมาคือชัยวัฒน์ แต้ไพสิฐพงษ์ อดีตประธานบริษัทเบทาโกร &nbsp; &nbsp;&nbsp;มูลค่าทรัพย์สินต่ำสุดบนทำเนียบปีนี้ลดลงเหลือเพียง 550 ล้านเหรียญ จากเดิม 590 ล้านเหรียญเมื่อปีที่ผ่านมา&nbsp; &nbsp; สำหรับ 10 อันดับ มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2024 มีดังต่อไปนี้ &nbsp; &nbsp; 1. เฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว ทรัพย์สิน&nbsp;3.6 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 1.32 ล้านล้านบาท &nbsp; &nbsp; 2. พี่น้องเจียรวนนท์ ทรัพย์สิน&nbsp;2.9 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 1.06 ล้านล้านบาท &nbsp; &nbsp; 3. เจริญ สิริวัฒนภักดี ทรัพย์สิน 1.0 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 3.68 แสนล้านบาท &nbsp; &nbsp; 4. ครอบครัวจิราธิวัฒน์ ทรัพย์สิน&nbsp;9.9 พันล้านเหรียญ หรือ&nbsp;3.64 แสนล้านบาท &nbsp; &nbsp; 5. สารัชถ์ รัตนาวะดี ทรัพย์สิน&nbsp;9.2 พันล้านเหรียญ หรือ 3.38 แสนล้านบาท &nbsp; &nbsp; 6. ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ทรัพย์สิน&nbsp;3.8 พันล้านเหรียญ หรือ&nbsp;1.39 แสนล้านบาท &nbsp; &nbsp; 7. อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา และครอบครัว ทรัพย์สิน 3.6 พันล้านเหรียญ หรือ&nbsp;1.32 แสนล้านบาท &nbsp; &nbsp; 8. วานิช ไชยวรรณ ทรัพย์สิน&nbsp;3.3 พันล้านเหรียญ หรือ&nbsp;1.21 แสนล้านบาท &nbsp; &nbsp; 9. ครอบครัวโอสถานุเคราะห์ ทรัพย์สิน&nbsp;2.2 พันล้านเหรียญ หรือ&nbsp;8.10 หมื่นล้านบาท &nbsp; &nbsp; 10. ประยุทธ มหากิจศิริ ทรัพย์สิน&nbsp;2.15 พันล้านเหรียญ หรือ&nbsp;7.91 หมื่นล้านบาท หมายเหตุ: ใช้อัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 2 ก.ค. 67 คือ 36.824 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.forbes.com/sites/naazneenkarmali/2024/07/02/thailands-50-richest-2024-tycoons-face-a-reality-check-as-combined-wealth-declines-12-to-153-billion/" alt="Thailand’s 50 Richest 2024: Tycoons Face A Reality Check As Combined Wealth Declines 12% To $153 Billion">Thailand’s 50 Richest 2024: Tycoons Face A Reality Check As Combined Wealth Declines 12% To $153 Billion</a> ​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

50 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2567

<h2>หลายปีที่ผ่านมา ทำเนียบมหาเศรษฐีไทยมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยเฉพาะในปี 2567 นี้ข้อมูลจาก Forbes พบว่า ความมั่งคั่งรวมของเหล่ามหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดของประเทศไทยลดลงเกือบ 12% เหลือเพียง 1.53 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก 1.73 แสนล้านเหรียญในปีที่แล้ว สาเหตุเพราะดัชนีหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลง 15% นับตั้งแต่ปีที่แล้ว และยังมีผลกระทบจากเงินบาทที่อ่อนค่า</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่ช่วงที่ผ่านมา มีทั้งการแพร่ระบาดของ COVID-19 ประเด็นอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้น ปี 2563-2567 เหล่า 5 มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในไทย ทรัพย์สินเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน​ อันดับ 1 เฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัวมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ:&nbsp;3.6 หมื่นล้านเหรียญ / 1.32 ล้านล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เฉลิม อยู่วิทยา เจ้าของร่วม Red Bull เครื่องดื่มชูกำลังอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งขายได้มากกว่า 1.2 หมื่นล้านกระป๋องทั่วโลกในปี 2023 ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สินทรัพย์ยังคงเพิ่มขึ้น โดยครอบครัวอยู่วิทยาถือหุ้นอยู่ 51% ซึ่งในจำนวนนี้มีหุ้นจำนวนเล็กน้อยที่เป็นของเฉลิม ลูกชายคนโตของผู้ร่วมก่อตั้งกระทิงแดงผู้ล่วงลับไปแล้วอย่าง ‘เฉลียว อยู่วิทยา’​ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/GqpmNiJss2aYbcUUTwzJ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="GqpmNiJss2aYbcUUTwzJ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,720"></figure></div>&nbsp; &nbsp;&nbsp;อันดับ 2 พี่น้องเจียรวนนท์​มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 2.9 หมื่นล้านเหรียญ / 1.06 ล้านล้านบาท &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พี่น้องเจียรวนนท์ ประกอบไปด้วยสามพี่น้อง รวมถึงครอบครัวของมนตรี เจียรวนนท์ บุตรชายคนที่ 2 ของท่านเจี่ย เอ็กชอ ผู้ก่อตั้งเจียไต๋ ต้นกำเนิดธุรกิจของเครือซีพี ที่เริ่มจากการเปิดร้านจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ที่นำเข้าจากจีนให้เกษตรกรไทยในปี 1921 โดย&nbsp;‘ธนินท์ เจียรวนนท์’ (ในภาพ) เป็นประธานและซีอีโอของซีพีมาเป็นเวลา 48 ปี จนกระทั่งเขาก้าวลงจากตำแหน่งในปี 2017 แต่ยังคงเป็นประธานอาวุโส โดยมี สุภกิต และศุภชัย ลูกชายของเจ้าสัวธนินท์ เป็นประธานและซีอีโอของซีพี ตามลำดับ&nbsp; &nbsp; ทั้งนี้ สาเหตุหนึ่งที่มูลค่าสินทรัพย์ของกลุ่ม&nbsp;พี่น้องเจียรวนนท์ลดลงมาจากกรณีที่บริษัท Ping An Insurance ของจีนรายงานผลขาดทุนในธุรกิจบริหารสินทรัพย์ของบริษัทในปี 2023 มูลค่า 2.7 พันล้านเหรียญ ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัทด้วย<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/2NoWBmh6o89jsCxD4AQ3.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="2NoWBmh6o89jsCxD4AQ3.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="720,720"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; อันดับ 3 เจริญ สิริวัฒนภักดี มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.0 หมื่นล้านเหรียญ / 3.68 แสนล้านบาท &nbsp; &nbsp; &nbsp;‘เจริญ สิริวัฒนภักดี’ ผู้กุมบังเหียนไทยเบฟเวอเรจ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในหลากหลายแบรนด์ เช่น เบียร์ช้าง นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ Fraser &amp; Neave ไปจนถึง AWC ซึ่งอยู่ในตลาดหุ้นไทย และเป็นเจ้าของโครงการมิกซ์ยูสใจกลางกรุงเทพฯ อย่าง One Bangkok&nbsp;อีกทั้งยังมีอาณาจักรค้าปลีก ได้แก่ เครือไฮเปอร์มาร์เก็ต บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ซึ่งเข้าซื้อกิจการในปี 2016 ด้วยมูลค่ามากกว่า 6 พันล้านเหรียญ แต่ในปี 2567 ยังพบว่า&nbsp;ความมั่งคั่งของเขาหดหายไปราว 1 ใน&nbsp; 4 ของมูลค่าในปีก่อน ​<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/A2SNwi7C8HdpPeeD2NXv.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="A2SNwi7C8HdpPeeD2NXv.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2" origin-size="720,720"></figure></div>​ อันดับ 4 ครอบครัวจิราธิวัฒน์มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 9.9 พันล้านเหรียญ / 3.64 แสนล้านบาท &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ครอบครัวจิราธิวัฒน์ เจ้าของกลุ่มเซ็นทรัล เป็นผู้พัฒนาห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศในแง่ของพื้นที่เช่าสุทธิ&nbsp;ในปี 2020 ได้นำธุรกิจส่วน&nbsp;Central Retail เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และขยายธุรกิจค้าปลีกในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยปี&nbsp;2023 กลุ่มเซ็นทรัลกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในห้างสรรพสินค้า Selfridges ในลอนดอน ปี 2024 เข้าซื้ออาคารห้างสรรพสินค้า KaDeWe จากบริษัท Signa ในออสเตรีย<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/GSKaDMGUsLaNcJ5Sgia9.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="GSKaDMGUsLaNcJ5Sgia9.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3" origin-size="720,720"></figure></div> อันดับ 5 สารัชถ์ รัตนาวะดีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 9.2 พันล้านเหรียญ / 3.38 แสนล้านบาท &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สารัชถ์ รัตนาวะดี ดำรงตำแหน่งซีอีโอของกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศไทยเมื่อพิจารณาจากกำลังการผลิตติดตั้ง โดยปี 2021 ได้เข้าถือหุ้นใน InTouch Holdings ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมที่มี Advanced Info Service (AIS) อยู่ นอกจากนี้ บริษัท&nbsp;Gulf Energy ของเขายังได้ร่วมทุนกับ Binance เปิดตัวกระดานแลกเปลี่ยนคริปโทฯ ในประเทศไทย<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/XfcJgb2Jb26UtZn3dvbb.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="XfcJgb2Jb26UtZn3dvbb.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="4" origin-size="720,720"></figure></div> ​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ:&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/forbes-lists/thailand-richest/thailand-50-richest-of-2024" alt="50 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2567"></a><a href="https://forbesthailand.com/forbes-liststhailand-richest/10-thailand-richest-2024" alt="10 อันดับ มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2024">10 อันดับ มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2024</a> ​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

5 มหาเศรษฐีไทย ทรัพย์สินเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนในปี 2563 - 2567

10 อันดับ มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2024

<h2>Forbes.com เผยการจัดอันดับ 50 อภิมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2564 โดย 10 อันดับของอภิมหาเศรษฐีไทยประจำปีนี้ มีรายชื่อดังต่อไปนี้</h2>
10 อันดับ อภิมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2564

<img class="alignnone size-full wp-image-47900" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/01-ครอบครัวเจียรวนนท์.jpg" alt="" width="400" height="400" />

อันดับ 1
พี่น้องเจียรวนนท์

การเปลี่ยนแปลงอันดับ: อันดับคงที่
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: อาหาร
มูลค่าทรัพย์สิน: 9.48 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้น)

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-47901" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/02-เฉลิม-อยู่วิทยา.jpg" alt="" width="400" height="400" />

อันดับ 2 
เฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว

การเปลี่ยนแปลงอันดับ: อันดับคงที่
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: เครื่องดื่ม
มูลค่าทรัพย์สิน: 7.69 แสนล้านบาท

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-47902" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/03-เจริญ-สิริวัฒนภักดี.jpg" alt="" width="400" height="400" />

อันดับ 3 
เจริญ สิริวัฒนภักดี

การเปลี่ยนแปลงอันดับ: อันดับคงที่
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: เครื่องดื่มและอสังหาริมทรัพย์
มูลค่าทรัพย์สิน: 3.98 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้น)

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-47903" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/04-ตระกูลจิราธิวัฒน์.jpg" alt="" width="400" height="400" />

อันดับ 4 
ตระกูลจิราธิวัฒน์

การเปลี่ยนแปลงอันดับ: อันดับคงที่
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: ค้าปลีก
มูลค่าทรัพย์สิน: 3.64 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้น)

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-47914" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/สารัชต์-รัตนวะดี.jpg" alt="" width="400" height="400" />

อันดับ 5 
สารัชถ์ รัตนาวะดี

การเปลี่ยนแปลงอันดับ: อันดับคงที่
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: พลังงาน
มูลค่าทรัพย์สิน: 2.79 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้น)

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-47906" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/8.ตระกูลโอสถานุเคราะห์-โอสถสภา.jpg" alt="" width="400" height="400" />

อันดับ 6 
ตระกูลโอสถานุเคราะห์

การเปลี่ยนแปลงอันดับ: ขึ้นจากอันดับ 8
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: เครื่องดื่ม
มูลค่าทรัพย์สิน: 1.09 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้น)

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-47913" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/สมโภชน์-อาหุนัย.jpg" alt="" width="400" height="400" />

อันดับ 7 
สมโภชน์ อาหุนัย และครอบครัว

การเปลี่ยนแปลงอันดับ: ขึ้นจากอันดับ 18
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: พลังงาน
มูลค่าทรัพย์สิน: 1.03 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้น)

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-47909" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/ปราเสริฐ-ปราสาททองโอสถ.jpg" alt="" width="400" height="400" />

อันดับ 8
นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ

การเปลี่ยนแปลงอันดับ: ขึ้นจากอันดับ 11
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: การแพทย์
มูลค่าทรัพย์สิน: 1.02 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้น)

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-47905" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/7.ประจักษ์-ตั้งคารวคุณ-01-ทีโอเอ-เพ้นท์-ประเทศไทย.jpg" alt="" width="400" height="400" />

อันดับ 9
ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ และครอบครัว
การเปลี่ยนแปลงอันดับ: ลงจากอันดับ 7
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: สีทาอาคาร
มูลค่าทรัพย์สิน: 1 แสนล้านบาท (ทรงตัว)

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-47908" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/10.ชูชาติ-เพ็ชรอำไพ-และ-ดาวนภา-เพชรอำไพ-เมืองไทย-แคปปิตอล-01.jpg" alt="" width="400" height="400" />

อันดับ 10
ชูชาติ เพ็ชรอำไพ และ ดาวนภา เพชรอำไพ

การเปลี่ยนแปลงอันดับ: อันดับคงที่
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: การเงิน
มูลค่าทรัพย์สิน: 9.42 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น)

หมายเหตุ: คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนวันที่ 18 มิถุนายน 2564 ที่ 1 เหรียญสหรัฐฯ : 31.40 บาท
&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-48014" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/Thai-richest-01-001.jpg" alt="" width="600" height="625" />

หมายเหตุ: อภิมหาเศรษฐี อันดับที่ 2, 7 และ 9 มีการอัปเดตข้อมูลโดยเพิ่ม “และครอบครัว” ซึ่งเป็นไปตามการนำเสนอข้อมูลจาก Forbes.com

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

10 อันดับ อภิมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2564

แม้ว่าในปีนี้สภาวะเศรษฐกิจจะไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไหร่ แต่ทรัพย์สินของผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย 50 อันดับแรกยังคงเพิ่มขึ้นจากเมื่อปี 2559 ถึง 16% เป็น 1.235 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแค่ 12% ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ สองในสามของมหาเศรษฐี 50 อันดับแรกของไทยมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น โดยกลุ่มที่มูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้นมากที่สุดคือกลุ่มอภิมหาเศรษฐีที่ติดอยู่ในห้าอันดับแรก ทั้งนี้เราได้รวบรวมเรื่องราวของ 6 มหาเศรษฐีไทยที่น่าสนใจจาก 50 รายชื่อมหาเศรษฐีไทย ในแง่ทิศทางการลงทุนรวมไปถึงมูลค่าความมั่งคั่งของธุรกิจที่น่าสนใจ

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/e84ffe944230b84d44363b53c5a72b3d.png" alt="" />
เพชร โอสถานุเคราะห์: รอจังหวะ

มีการคาดการณ์ว่าการขายหุ้น IPO ของโอสถสภา ผู้ผลิตเครื่องดื่มชูกำลังขายดี M-150 และ ธุรกิจขายสินค้าอุปโภคบริโภคเก่าแก่ของไทยซึ่งมีอายุถึง 125 ปี จะเป็นดีล IPO ที่มีขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ของตลาดหุ้นไทย แต่เดิมบริษัทมีแผนจะเข้าตลาดในปี 2559 แต่ก็เลื่อนแผนขายหุ้นออกไปเนื่องจากภาวะตลาดหุ้นยังอ่อนแอ ในขณะที่มีการปรับเกณฑ์การเข้าจดทะเบียนให้เข้มงวดขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม คาดว่าโอสถสภา น่าจะขายหุ้น IPO ได้ในปีนี้ ซึ่งการชะลอแผนการเข้าตลาดดังกล่าวทำให้ครอบครัวโอสถานุเคราะห์ (อันดับที่ 24) มีเวลามากขึ้นในการตัดสินใจว่านอกจากธุรกิจเครื่องดื่มแล้ว จะนำบริษัทไหนในเครือที่มีมากถึงเกือบ 50 บริษัทพ่วงเข้าตลาดมาด้วย

ทั้งนี้ เพชร ซึ่งเป็นซีอีโอของโอสถสภา ถือหุ้นร่วมกับ รัตน์ซึ่งเป็นน้องชาย และ นิติ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง รวมกันเกือบสองในสามของบริษัท นอกจากจะรับหน้าที่อธิการบดีของมหาวิทยาลัยกรุงเทพซึ่งก่อตั้งโดยครอบครัวของเขาแล้ว เพชรยังเป็นนักสะสมงานศิลปะที่สะสมผลงานมานานกว่าสามทศวรรษแล้ว และไม่นานมานี้เขา “เพิ่งซื้อผลงานของปีกัสโซชิ้นแรก” มาเก็บไว้ในคอลเล็คชั่นส่วนตัวด้วย เพชรกำลังเตรียมสร้างพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยชื่อ “แสนแสบ” ซึ่งเขาบอกว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะเป็นของขวัญที่เขามอบให้กับประเทศไทย

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/17cc68c70ef16ee7ceb610252703ff9d.png" alt="" />
วิชัย ศรีวัฒนประภา: ช็อปก่อนขึ้นเครื่อง

ธุรกิจท่องเที่ยวของไทยที่บูมขึ้นมา ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยมากเป็นประวัติการณ์ถึง 32.6 ล้านคนในปี 2559 ซึ่งกว่าหนึ่งในสี่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน และจากการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติทำให้ยอดขายของร้านค้าปลอดภาษี King Power ของวิชัยในปีที่แล้วโตถึง 20% เป็น 2.4 พันล้านเหรียญ ซึ่งส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินของเขาเพิ่มขึ้นถึง 1.45 พันล้านเหรียญ และทำให้เขาขยับขึ้นมาติดอันดับหนึ่งใน 5 อภิมหาเศรษฐีของไทยเป็นครั้งแรก แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่นไปเสียหมด เพราะรัฐบาลทหารได้เริ่มเอาจริงกับการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญจากจีนมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วและกำลังพิจารณาที่จะเลิกการผูกขาดกิจการร้านค้าปลอดภาษีในสนามบินของ King Power ในปี 2020

อย่างไรก็ตาม ปีที่แล้ววิชัยได้ขยายอาณาจักรธุรกิจออกไปจากร้านค้าปลอดภาษี โดยทุ่มเงิน 225 ล้านเหรียญเพื่อซื้อหุ้น 21% ใน Thai Air Asia นอกจากนี้ วิชัยซึ่งเป็นแฟนกีฬาฟุตบอลตัวยงก็ยังสามารถพลิกสถานะของสโมสร Leicester City จนคว้าแชมป์รายการ Premiere League ได้สำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีรายงานข่าวว่าเขาได้ทำข้อตกลงเข้าซื้อ OH Leuven ซึ่งเป็นทีมฟุตบอลชั้นรองของเบลเยี่ยมโดยไม่เปิดเผยราคาอีกด้วย

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/23b0007902b8c8aa9caf15059aa1ab29.png" alt="" />
ชูชาติ เพ็ชรอำไพ และ ดาวนภา เพชรอำไพ: เงินติดล้อ

ธุรกิจของเมืองไทย ลิสซิ่ง ผู้ให้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยซึ่งมีลูกค้า 1 ล้านคนและมีสาขาถึง 2,000 สาขากำลังไปได้สวย พอร์ตสินเชื่อของบริษัทเติบโตขึ้นกว่า 80% เป็น 695 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2559 ราคาหุ้นทะยานขึ้นถึง 60% ตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้สินทรัพย์รวมของผู้ก่อตั้งบริษัทมีมูลค่าเกิน 1 พันล้านเหรียญเป็นครั้งแรก คู่สามีภรรยาซึ่งลาออกจากการทำงานธนาคารมาเปิด บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่งในปี 2535 รั้งอันดับที่ 19 พร้อมกับสินทรัพย์มูลค่า 1.4 พันล้านเหรียญ ชูชาติ นักสะสมไวน์ตัวยงซึ่งเป็นเจ้าของไวน์ชั้นดี 2,000 ขวดในห้องเก็บไวน์ส่วนตัวกล่าวว่า เขาและภรรยาตั้งเป้าการเติบโตของบริษัทในปีนี้ไว้ที่ 50% และวางแผนจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 600 แห่ง

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/c203997c38f5dfdd89e0178568dd006c.png" alt="" />
ศุภชัย เจียรวนนท์: รุ่นลูกก็มาแรง

เครือเจริญโภคภัณฑ์ กลุ่มบริษัทธุรกิจการเกษตรขนาดใหญ่ซึ่งบริหารงานโดยตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย ได้ประกาศการส่งมอบตำแหน่งบริหารสูงสุดขององค์กรให้กับทายาทรุ่นต่อมาเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ธนินท์ เจียรวนนท์ หลังจากที่ดำรงตำแหน่งประธานและซีอีโอตลอด 48 ปีที่ผ่านมา ได้แต่งตั้งสุภกิต วัย 53 ปี บุตรชายคนโต และศุภชัย วัย 50 ปี บุตรชายคนเล็ก ให้ดำรงตำแหน่งประธานและซีอีโอของเครือตามลำดับ สุภกิต ศิษย์เก่าจาก New York University รับหน้าที่บริหารงานในบริษัทสำคัญๆ ของเครือ ส่วนศุภชัยซึ่งสำเร็จการศึกษาจาก Boston University เริ่มต้นชีวิตการทำงานที่ธุรกิจค้าปลีกของบริษัทอย่าง สยามแม็คโคร และต่อมาได้ขยายไปคุมธุรกิจโทรคมนาคมของในเครืออย่างทรูซึ่งยังคงต้องดิ้นรนสร้างผลประกอบการให้มีกำไร ทั้งๆ ที่เครือซีพีได้ทุ่มเงินลงทุนไปแล้วหลายพันล้านเหรียญฯ

เมื่อเร็วๆ นี้ศุภชัยได้ประกาศแผน “ซีพี 4.0” ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมบริษัทโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นหลัก ศุภชัยกล่าวว่า “ผมมองว่าตัวเองเป็นทั้งนักธุรกิจมืออาชีพและผู้ประกอบการ” เชื่อกันว่าเจ้าสัวธนินท์ในวัย 77 ปีซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานอาวุโสกิตติมศักดิ์ยังคงเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจตัวจริง

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/bf27c9f56bf5d842d13bcbce1cec0a66.png" alt="" />
ณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ: เจ้าแม่เครื่องดื่มบำรุงกำลัง

แม้ในปีที่ตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศไทยทรุดตัวลง 3% แต่บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยผู้ผลิตเครื่องดื่มคาราบาวแดง ซึ่งเป็นเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทยนั้นยังคงมียอดขายเติบโตเป็น 2 เท่า ขณะที่หุ้นของบริษัททะยาน 55% ในช่วงระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา ผลักดันให้ณัฐชไม ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ ประกาศนำหุ้นเข้าตลาดเป็นครั้งแรก เธอเป็นเจ้าของหุ้น 26% ติดโผการจัดอันดับเป็นครั้งแรกในอันดับ 46 โดยมีทรัพย์สินมูลค่า 590 ล้านเหรียญ

หลังจากที่นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ หุ้นส่วนทางธุรกิจของเธอติดโผมาก่อนหน้านี้ในปี 2558 สำหรับสาวณัฐชไมแยกตัวออกมาจากธุรกิจผู้ให้บริการทางการเงินของครอบครัว เพื่อทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับเสถียร ก่อนที่ในปี 2542 จะก่อตั้งโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ซึ่งเป็นทั้งโรงเบียร์ขนาดเล็กและร้านอาหาร ถัดมา 2 ปี ทั้งคู่จับมือเป็นพันธมิตรกับ แอ๊ด คาราบาวศิลปินเพื่อชีวิตชื่อดัง เพื่อเจาะตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลัง

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/31f5a6e0de7db5722f2b4850ec0f8366.png" alt="" />
อนันต์ อัศวโภคิน: คดีวัดอลวน

เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ตกเป็นข่าวฉาวว่ามีเอี่ยวทางการเงินกับวัดพระธรรมกาย รายงานข่าวระบุว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษเรียกตัวนายอนันต์เข้าให้ข้อมูล เรื่องอาจจะมีการซุกสัญญาซื้อขายที่ดินร่วมกับอดีตประธานคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ที่กำลังรับโทษจำคุกข้อหาทุจริตภายในสหกรณ์อยู่ในเวลานี้ จากข้อกล่าวหาที่ว่า ได้ขายที่ดินไปให้กับอนันต์ในราคาถูกกว่าราคาตลาดอยู่มาก ต่อมาอนันต์ได้นำที่ดินไปขายต่อคิดเป็นกำไรมหาศาล และนำเงินที่ได้บริจาคให้กับวัดธรรมกาย รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า อนันต์รู้สึกงงที่โดนเรียกตัวไปสอบปากคำ (แต่เมื่อสอบถามไปก็ไม่มีการตอบรับที่จะแสดงความคิดเห็น) อย่างไรก็ดี อนันต์ได้ลาออกจากตำแหน่งประธาน คณะกรรมบริษัทของตนเอง 4 แห่งด้วยกัน คือ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ว่ากันว่าเป็นเพราะแรงกดดันจากธนาคารแห่งประเทศไทยนั่นเอง

ทั้งนี้ในการคำนวณมูลค่าทรัพย์สินเราใช้ราคาปิด และอัตราแลกเปลี่ยนของวันที่ 18 พฤษภาคม 2560 เป็นเกณฑ์

<hr />

<a href="https://goo.gl/BMD2Pp">คลิกอ่าน "การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทยประจำปี 2560" ฉบับเต็ม ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ มิถุนายน 2560 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="https://goo.gl/BMD2Pp"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/6575a36d8ebfe940e83cddc5920f28d3.png" alt="" width="248" height="327" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events