อสังหาฯ พึ่งดีมานด์ต่างชาติ กลุ่มลักชัวรีรุ่ง

<h2 class="p3">นับตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนใหม่ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้เริ่มทำงานอย่างต่อเนื่องภายใต้ 216 นโยบายมุ่งเปลี่ยน กรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ขึ้นสำหรับทุกคน</h2>
นโยบายดังกล่าวในการปรับปรุง กรุงเทพฯ ครอบคลุม 9 ด้าน ได้แก่ ความปลอดภัยสาธารณะ ศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การขนส่งสาธารณะ สุขภาพ โครงสร้างพื้นฐานและแผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน การศึกษา และการบริหารจัดการ  
ซีบีอาร์อี บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ให้ความเห็นว่า ด้วยประสบการณ์ของผู้ว่าฯ ในฐานะอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  จึงเป็นที่คาดว่านโยบายมีแนวโน้มที่จะส่งผลในทางที่ดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพราะมาจากมุมมองของผู้ที่มีความรู้ด้านอสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาเมืองในกรุงเทพฯ 


<figure><img class="wp-image-66740 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/รัฐวัฒน์-คูวิจิตรสุวรรณ-CBRE.jpg" alt="การพัฒนาเมืองของ &quot;กรุงเทพฯ&quot; ที่กำลังเปลี่ยนไป " width="678" height="480" /><figcaption> รัฐวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ หัวหน้าแผนกวิจัยและที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย</figcaption></figure>
หลายนโยบายมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและเครือข่ายขนส่งสาธารณะ ในขณะที่ลดค่าใช้จ่ายและแก้ไขปัญหาในระดับ "เส้นเลือดฝอย" ไปในเวลาเดียวกัน แต่ยังมีนโยบายที่น่าสนใจอื่น ๆ ที่ทางบริษัทเชื่อว่าจะส่งผลอย่างมากต่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 
รัฐวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ หัวหน้าแผนกวิจัยและที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า “นโยบายหนึ่งที่จะส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อการพัฒนาเมืองหากมีการนำมาบังคับใช้ คือ นโยบายในการแก้ไขการวางผังเมืองและกฎหมายควบคุมอาคารให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน ข้อบังคับหลายเรื่องค่อนข้างล้าสมัยแล้วและไม่ได้สอดคล้องกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน ซึ่งทำให้เป็นอุปสรรคในการพัฒนาด้านการวางผังเมืองอย่างเป็นระบบ” 
หลายคนกล่าวว่ากรุงเทพฯ ได้สูญเสียเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์เรื่องร้านอาหารริมทางหรือสตรีทฟู้ดไปแล้ว เมื่อมีข้อกำหนดในการดูแลความสะอาดเรียบร้อยของทางเท้าโดยไม่ได้จัดหาพื้นที่ใหม่ให้พ่อค้าแม่ค้าที่ต้องย้ายออกจากพื้นที่เดิม    
นโยบายใหม่นี้ไม่เพียงมีเป้าหมายที่จะสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อจัดหาพื้นที่สำหรับหาบเร่แผงลอยที่เหมาะสมในเมืองเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการจัดถนนคนเดินในพื้นที่ที่มีผู้คนเดินเท้าหนาแน่นอีกด้วย 
กรุงเทพฯ จะฟื้นคืนสตรีทฟู้ดและสร้างศูนย์อาหารในทำเลต่างๆ ซึ่งให้ความสะดวกต่อพนักงานในอาคารสำนักงานและผู้อยู่อาศัยในแต่ละพื้นที่ ส่งผลให้ทำเลนั้นๆ มีความน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้อสังหาริมทรัพย์โดยรอบและผู้ที่มาเยือน    
นอกจากนี้ หากจะเพิ่มเติมจากนโยบายของผู้ว่าฯ ชัชชาติ  ซีบีอาร์อีเชื่อว่า การควบคุมดูแลเรื่องความสะอาดของพื้นที่และอาหารจะเป็นแรงผลักดันที่สำคัญในการส่งเสริมและยกระดับอาหารข้างทางสู่มาตรฐานสากล รวมถึงส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีของชาวกรุงเทพฯ และผู้ที่มาเยือน 


<figure><img class="wp-image-66742 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/20220522_Canva_ชัชชาติ.jpg" alt="" width="720" height="405" /><figcaption> ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนปัจจุบัน</figcaption></figure>
“อัตราเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นในกรุงเทพฯ ได้ส่งผลให้บัณฑิตจบใหม่จำนวนมากต้องนำรายได้ส่วนใหญ่ไปจ่ายค่าที่พักและค่าเดินทาง ทำให้มีเงินเหลือสำหรับการออมและการใช้จ่ายอื่น ๆ เพียงเล็กน้อย ซึ่งไม่ได้ส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจ หนึ่งในนโยบายของผู้ว่าฯ ชัชชาติ คือการสร้างที่พักอาศัยชั่วคราวสำหรับนักเรียนนักศึกษาจบใหม่ (Housing Incubator) ที่มีอายุ 18-25 ปีให้สามารถเช่าอาศัยได้ด้วยค่าเช่าที่ต่ำเป็นระยะเวลา 5 ปี ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้สามารถประหยัดเงินได้มากขึ้นและตั้งตัวได้” รัฐวัฒน์กล่าว
อีกทั้งยังได้กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า “แผนงานที่วางไว้คือการแปลงอาคารเก่าที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ในเชิงพาณิชย์แล้วหรืออาคารที่รอการพัฒนาในย่านใจกลางธุรกิจให้เป็นที่พักอาศัยชั่วคราว อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้จะส่งผลโดยตรงต่อตลาดให้เช่าที่พักอาศัยทั่วกรุงเทพฯ ทำให้การแข่งขันเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มที่จะมีผลต่อราคาค่าเช่าที่พักอาศัยที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักศึกษาจบใหม่” 
ยังมีอีกหลายนโยบายของผู้ว่าฯ ที่เราจะต้องรอดูว่าจะมีการดำเนินการตามแผนที่วางไว้หรือไม่ และนโยบายใดบ้างที่จะดำเนินการเป็นอันดับแรกๆ แต่สิ่งที่เรากำลังเห็นอยู่ คือ ความชัดเจนมากขึ้นของการจัดการงบประมาณและนโยบายรายเขตที่ชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่รอการแก้ไขทั่วกรุงเทพฯ
สิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้คือส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมจากภาคเอกชน และหวังว่าสโลแกนของผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์จะเป็นไปตามที่ตั้งไว้ว่า ทำงาน ทำงาน ทำงาน 
อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/people/entrepreneurs/%e0%b8%98%e0%b8%b1%e0%b8%8a%e0%b8%9e%e0%b8%a5-%e0%b8%a8%e0%b8%b8%e0%b8%a0%e0%b8%81%e0%b8%a3-%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%a2%e0%b8%b2-pharmax.html">“ธัชพล ชลวัฒนสกุล” และ “ศุภกร พันธุกานนท์” สานฝันเครือข่ายร้านยา สร้างที่พึ่งให้ชุมชน</a>

<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a style="color: #003300;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

การพัฒนาเมืองของ "กรุงเทพฯ" ที่กำลังเปลี่ยนไป

<h2>ซีบีอาร์อี บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ได้สรุปเหตุการณ์ที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นในปีนี้ในภาคธุรกิจต่างๆ ของ ตลาดอสังหาฯ ​เมื่ออีกหนึ่งปีที่ท้าทายกำลังจะสิ้นสุดลง</h2>
เป็นที่ชัดเจนว่าตลาดคอนโดมิเนียมในโซนกลางเมือง ชะลอการเปิดตัวลงอย่างมาก ในขณะที่ดีมานด์ของบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ด้านตลาดค้าปลีกต้องเผชิญกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่ำสุดในรอบหลายปี  ขณะที่ในตลาดโรงแรม เราได้เห็นความคิดสร้างสรรค์ในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์โควิด  สำหรับตลาดสำนักงานนั้นเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการที่ผู้เช่าสำนักงานเปลี่ยนแปลงความต้องการในเรื่องพื้นที่และมีการย้ายทำเลที่ตั้ง

<img class="alignnone size-full wp-image-56322" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/รัฐวัฒน์_คูวิจิตรสุวรรณ_CBRE.jpg" alt="" width="400" height="283" />

รัฐวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ หัวหน้าแผนกวิจัยและที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย เผยว่า “นับเป็นครั้งแรกที่ตลาดคอนโดมิเนียมในย่านใจกลางกรุงเทพฯ ไม่ได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ติดต่อกันสองไตรมาสตั้งแต่ไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 3 ของปีนี้   แม้ว่าตลาดคอนโดมิเนียมในย่านมิดทาวน์และชานเมืองจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่อยู่บ้าง แต่ก็ยังน้อยกว่าระดับปกติ จำนวนยูนิตของคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวในช่วง 9 เดือนแรกของปีมีเพียง 11,760 ยูนิต ลดลงร้อยละ 72 จากปี 2562 และลดลงร้อยละ 37 จากปี 2563”

ผู้คนต้องการเพิ่มพื้นที่ที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับให้เข้ากับความต้องการที่หลากหลาย รวมถึงการอยู่อาศัยในชุมชนที่มีความหนาแน่นต่ำ ทำให้โครงการบ้านแนวราบได้รับความสนใจและเป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้นในปีนี้

ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลให้ผู้พัฒนาโครงการบางรายมีจำนวนบ้านพร้อมขายไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ซื้อ  การพัฒนาโครงการใหม่และปรับการออกแบบให้ตรงกับความต้องการของผู้ซื้อรายใหม่นั้นอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีก่อนที่จะเปิดตัว หรืออาจนานกว่านั้นหากผู้พัฒนาโครงการจำเป็นต้องซื้อที่ดินด้วย

ในตลาดค้าปลีก หากย้อนกลับไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคตกลงมาสู่จุดต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2541 เป็นผลมาจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นและส่งผลกระทบทางการเงินในเชิงลบ รวมถึงการที่ธุรกิจหยุดชะงักและไม่มีสัญญาณที่แสดงถึงการปรับตัวดีขึ้นในตลาด 

สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ส่งผลให้ผู้ค้าปลีกจำนวนมากต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วและลดค่าใช้จ่ายให้น้อยลง ดังนั้น เราจึงเห็นรูปแบบการค้าปลีกที่มีความยืดหยุ่นและขนาดเล็กลง เช่น ฟู้ดทรัค คลาวด์คิทเช่น และป๊อปอัป สโตร์ ได้ทั่วไปในกรุงเทพฯ

ด้านตลาดโรงแรมนั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นตลาดที่มีความสร้างสรรค์มากที่สุดในแง่ของการปรับให้เข้ากับมาตรการข้อจำกัดและพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป จากที่มีการเปลี่ยนจากการเข้าสถานที่กักตัวทางเลือก (ASQ) ไปเป็นระบบเทสต์ แอนด์ โก (Test and Go) หรืออื่นๆ ที่จะต้องปรับตัวตามสถานการณ์โควิด

เนื่องจากต้องเปลี่ยนไปเป็นตลาดที่พึ่งพานักท่องเที่ยวในประเทศเกือบทั้งหมด การเข้าพักแบบ Staycation โปรโมชั่นและแพ็คเกจสำหรับคนไทยถือเป็นสิ่งสำคัญ ในการที่จะพยายามดึงอัตราการเข้าพักให้กลับมาดีขึ้น

จากข้อมูลของ STR  อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อวันจากห้องที่ขายได้จริง (ADR) ของโรงแรมในกรุงเทพฯ ลงไปต่ำกว่า 2,000 บาทเป็นครั้งแรกในรอบมากกว่าทศวรรษเมื่อเดือนมีนาคม และเกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายน

“นอกจากนี้ ธุรกิจต่างๆ ไม่สามารถดำเนินการได้ตามปกติมาเกือบสองปีแล้ว ทำให้ตลาดอาคารสำนักงานได้รับผลกระทบอย่างมากจากการลดขนาดพื้นที่และการย้ายพื้นที่ของผู้เช่าที่ถูกผลกระทบทางศรษฐกิจ ซึ่งมากกว่าปี 2563  ปริมาณการใช้พื้นที่สำนักงานใหม่ที่เปรียบเทียบในแต่ละปีนั้นติดลบเป็นระยะเวลาสามไตรมาสติดต่อกันในปีนี้ รวมติดลบ 80,026 ตารางเมตร และเราไม่ได้เห็นการตัวเลขติดลบเช่นนี้ในตลาดสำนักงานในกรุงเทพฯ มาตั้งแต่วิกฤตการเงินช่วงปี 2541”

“ในปี 2563 เราต้องเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 อีกระลอกหนึ่งก่อนช่วงเทศกาลวันหยุดสิ้นปี  ความกังวลเกี่ยวกับสายพันธุ์โอมิครอนที่เพิ่มสูงขึ้นในปีนี้กระตุ้นให้รัฐบาลและภาคธุรกิจต่างต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะตอบสนองต่อความไม่แน่นอนนี้อย่างไร ขึ้นอยู่กับการดำเนินการของรัฐบาลเพื่อจัดการกับสถานการณ์และทิศทางของตลาดที่จะตอบสนองต่อสถานการณ์โควิด-19 ในครั้งนี้” รัฐวัฒน์ กล่าวสรุป

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7.html">ที่สุดแห่ง ‘ความล้มเหลวด้านเทคโนโลยี’ ปี 2021</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

สรุปภาพรวม "ตลาดอสังหาฯ" ปี 2564 กับอีกหนึ่งปีที่ท้าทาย

<h2>ธุรกิจรีสอร์ท-โรงแรม “วีรันดา” เปิดตัวโครงการ “วีรันดา เรสซิเดนซ์ หัวหิน” คอนโดฯ ติดหน้าหาดหัวหิน-ติดเขาตะเกียบ เริ่ม 3.99 ล้านบาท ชูจุดขายที่ดินผืนใหญ่แปลงสุดท้ายบนหาดหัวหิน โบรกเกอร์ CBRE เผยซัพพลายคอนโดฯใหม่ติดหาดหัวหินหมดจากตลาด ขณะที่ห้องชุดรีเซลราคา 1-1.5 แสนบาท/ตร.ม.</h2>
วีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท แอนด์ สปา จำกัด ผู้พัฒนารีสอร์ท โรงแรม และอสังหาริมทรัพย์แบรนด์ วีรันดา เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทเตรียมเปิดขายโครงการใหม่ คือ วีรันดา เรสซิเดนซ์ หัวหิน มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมบนเนื้อที่ 14 ไร่ จำนวน 263 ยูนิต ติดหาดหัวหินและเขาตะเกียบ หน้าหาดกว้าง 60 เมตร ราคาเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท

<img style="width: 680px; height: 430px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/6fd66b9cf7d3cd980de735aec56429f0.png" alt="" />

วีรวัฒน์กล่าวว่า คอนโดฯแห่งนี้มีจุดขายด้านทำเล เนื่องจากที่ดินแปลงใหญ่ที่ติดกับชายหาดหัวหินเหลือขายน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นแปลงเล็กและมีราคาแพงซึ่งจะทำให้ราคาขายห้องชุดแตะ 2 แสนบาท/ตร.ม.หากมีการพัฒนา ขณะที่วีรันดา เรสซิเดนซ์ หัวหิน ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1.15 แสนบาทต่อตร.ม.เท่านั้น รวมถึงมีการออกแบบที่ดีเน้นการดีไซน์ เล่นระดับเหมือนภูเขาและมีพื้นที่สระว่ายน้ำรวม 4 ไร่

นอกจากนี้ ภายในบริเวณจะมีส่วนโรงแรมวีรันดา 3 ไร่ จำนวน 39 ห้อง ซึ่งทำให้ผู้ซื้อสะดวกสบายในการพักอาศัย สามารถใช้บริการรูมเซอร์วิสลักษณะเดียวกับโรงแรม และให้แขกของครอบครัวพักในโรงแรมได้

<img style="width: 680px; height: 430px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/be40c87008fd038c55c40f13afede250.png" alt="" />

รายละเอียดโครงการ วีรันดา เรสซิเดนซ์ หัวหิน
<ul>
 	<li>เนื้อที่รวม 14 ไร่ แบ่งเป็น ที่พักอาศัย 11 ไร่ และโรงแรม 3 ไร่</li>
 	<li>ที่พักอาศัย 5 อาคาร 263 ยูนิต และโรงแรม 2 อาคาร 39 ห้อง</li>
 	<li>ความสูง 3, 4 และ 7 ชั้น</li>
 	<li>รูปแบบห้องชุด 1, 2, 3 ห้องนอน (พื้นที่ใช้สอย 41-148 ตร.ม.) ไฮไลต์ห้อง Penthouse และ Sky Pool Duplex 160-297 ตร.ม.</li>
 	<li>สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สตีมรูม สปา ที่จอดรถซูเปอร์คาร์</li>
 	<li>ราคา 9 หมื่น – 1.4 แสนบาทต่อตร.ม.</li>
 	<li>เปิดขาย เมษายน 2560 เริ่มก่อสร้าง Q1/61 สร้างเสร็จ Q4/62</li>
</ul>
<img style="width: 680px; height: 249px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/cf964680cbaccdcf46a584c3c750cc4c.png" alt="" />

วีรวัฒน์กล่าวว่า ธุรกิจหลักของวีรันดาฯยังคงเป็นการพัฒนาโรงแรมและรีสอร์ท หลังก่อตั้งมากว่า 13 ปีมีธุรกิจโรงแรมในพอร์ตแล้ว 5 แห่ง ได้แก่ แบรนด์วีรันดา รีสอร์ท ในหัวหิน เชียงใหม่ และพัทยา, โซ โซฟิเทล แบงค็อก และร็อคกี้บูติครีสอร์ท เกาะสมุย จำนวนรวมประมาณ 700-800 ห้อง โดยการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายครั้งนี้เป็นแห่งที่ 3 ต่อจากโครงการ วีรันดา เรสซิเดนซ์ พัทยา มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท มียอดขาย 80% ซึ่งมีกำหนดการสร้างเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์ Q2-Q3 ปีนี้

สำหรับรายได้บริษัทไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เฉพาะธุรกิจหลักคือโรงแรม-รีสอร์ทในปี 2560 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% เนื่องจากการท่องเที่ยวประเทศไทยยังเติบโตได้ดีและเศรษฐกิจภายในประเทศยังส่งเสริม ยกเว้นในบางจังหวัดที่มีซัพพลายโรงแรมจำนวนมากอาจเกิดปัญหาในการทำธุรกิจบ้าง และบริษัทอยู่ระหว่างหารือที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 2 ปี

<figure><img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/345a7be2e847394a168fbabc8b40d24a.png" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> วีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท แอนด์ สปา จำกัด (ซ้าย) และ อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด (ขวา)</figcaption></figure>

ด้าน อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด ตัวแทนขายโครงการ วีรันดา เรสซิเดนซ์ หัวหิน กล่าวว่า โครงการจะเปิดพรีเซลในวันที่ 22-23 เมษายนนี้ ที่โรงแรมโซ โซฟิเทล แบงค็อก คาดว่าจะสร้างยอดขายได้ 30% ในวันพรีเซล และมียอดขาย 80-90% ภายใน 1 ปีหลังเปิดพรีเซล

เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากซัพพลายคอนโดฯ ติดหาดหรือใกล้หาดหัวหินมีเหลือน้อยมากจากซัพพลายสะสมประมาณ 9,900 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็นคอนโดฯสร้างเสร็จซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่ 7-8 ปีก่อน เนื่องจากที่ดินเหลือน้อยไม่สามารถพัฒนาเพิ่มได้ ราคารีเซลคอนโดฯติดหาดหัวหินปัจจุบันอยู่ที่ 1-1.5 แสนบาทต่อตร.ม.

ส่วนภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในหัวหินและชะอำ ยอดขายโครงการส่วนใหญ่อยู่ที่ 70-80% โดยพบว่าคอนโดฯติดหาดระดับพรีเมียมราคา 1 แสนบาท/ตร.ม.ขึ้นไปมีดีมานด์สูง ขณะที่ซัพพลายเหลือขายมักจะเป็นคอนโดฯระดับกลางราคาประมาณ 5-6 หมื่นบาท/ตร.ม. และไม่ติดชายหาด ซึ่งเปิดตัวจำนวนมากช่วงปี 2558 ทำให้การระบายซัพพลายกลุ่มตลาดนี้ทำได้ช้า

คอนโดฯติดหาดหัวหิน “วีรันดา” เปิดราคาเริ่ม 3.99 ล้าน CBRE แนะซัพพลายเหลือน้อย-โอกาสลงทุน

<h2>แผนกวิจัย ซีบีอาร์อี เผยภาพรวมตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพมหานครในปี 2559 ว่าเติบโตได้ดีตลอดปี เนื่องจากพื้นที่สำนักงานที่เพิ่มขึ้นใหม่ที่มีปริมาณจำกัด และมีปริมาณการใช้พื้นที่มากอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเช่าพื้นที่สำนักงานปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นและทำให้อัตราพื้นที่ว่างลดต่ำลงกว่าเดิมอีกด้วย</h2>
แม้ประเทศไทยจะอยู่ในช่วงไว้อาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในวันที่ 13 ตุลาคม แต่ภาคธุรกิจยังคงมีความเคลื่อนอยู่ไหวอย่างต่อเนื่อง ปริมาณการใช้พื้นที่สำนักงานยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนคาดว่าจะแตะที่ระดับ 1.8 แสนตารางเมตรภายในสิ้นปีนี้

นอกจากนี้ แผนกวิจัย ซีบีอาร์อี ยังพบว่าความต้องการเช่าพื้นที่สำนักงานล่วงหน้า (pre-leasing) ซึ่งเริ่มเห็นตั้งแต่ปี 2558 ยังคงมีอยู่มาก จากที่ก่อนหน้านั้นการตกลงเช่าพื้นที่ล่วงหน้าก่อนอาคารจะแล้วเสร็จเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก

ในปี 2559 ค่าเช่าพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ ปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ย 6.5% โดยค่าเช่าพื้นที่สำนักงานระดับเกรดเอและเกรดบีเพิ่มสูงขึ้นราว 8% และ 5% ตามลำดับ อาคารภิรัชทาวเวอร์ แอท เอ็มควอเทียร์ สามารถปล่อยเช่าพื้นที่ได้ในราคา 1 พันบาทต่อตารางเมตรต่อเดือนสำหรับพื้นที่แบบมาตรฐานขนาดเล็กที่ไม่มีการตกแต่งภายใน และถือเป็นหนึ่งในอาคารสำนักงาน 3 แห่งที่การก่อสร้างแล้วเสร็จในกรุงเทพฯ ที่สามารถปล่อยเช่าได้ในระดับนี้

ด้าน อาคารปาร์ค เวนเชอร์ ซึ่งสามารถปล่อยเช่าได้ในอัตรา 1 พันบาทต่อตารางเมตรไปตั้งแต่เมื่อปี 2556 นั้นได้ทำลายสถิติใหม่ในปีนี้ด้วยอัตราค่าเช่า 1.3 พันบาทต่อตารางเมตรสำหรับพื้นที่แบบมาตรฐานขนาดเล็กที่ไม่มีการตกแต่งภายในเช่นกัน

<img style="width: 680px; height: 457px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/3f4cad4a2f42aee44aaf8958329b0abf.png" alt="" />

นิธิพัฒน์ ทองพันธุ์ หัวหน้าแผนกพื้นที่สำนักงาน ซีบีอาร์อี ประเทศไทย เปิดเผยว่า ปริมาณพื้นที่สำนักงานใหม่ที่แล้วเสร็จในปี 2559 มีทั้งสิ้น 1.51 แสนตารางเมตร โดยในช่วงไตรมาส 4 จะมาจาก 2 อาคารด้วยกันคือ อาคารใหม่ของไทยรัฐและโอสถสภา ซึ่งมีพื้นที่รวมกัน 2.6 หมื่นตารางเมตรและเป็นอาคารที่เจ้าของใช้พื้นที่เอง ทำให้มีพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ ทั้งหมดรวม 8.54 ล้านตารางเมตร คิดเป็นพื้นที่เพิ่มขึ้น 1.7% ต่อปี

ปีนี้เป็นครั้งแรกที่เริ่มเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของอาคารสำนักงานที่ล้าสมัย เช่น การรื้อถอน อาคารเคี่ยนหงวน 1 และ อาคารวานิสสา ซึ่งส่งผลให้ปริมาณพื้นที่สำนักงานให้เช่าในกรุงเทพฯ ลดลง 2.8 หมื่นตารางเมตร นิธิพัฒน์ คาดว่าจะเห็นกระแสดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเพราะเจ้าของอาคารสำนักงานที่เปิดมานานพิจารณาทางเลือกต่างๆ ท่ามกลางราคาที่ดินใจกลางเมืองที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และค่าเช่าที่ปรับตัวสูงขึ้น

ถึงแม้จะมีพื้นที่สำนักงานเพิ่มขึ้น แต่อัตราการใช้พื้นที่โดยรวมก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน เป็น 91.8% ในปัจจุบัน โดยตลอดปี 2559 ปริมาณการใช้พื้นที่สำนักงานเป็นไปตามที่คาดการณ์ซึ่งน่าจะแตะที่ระดับ 1.8 แสนตารางเมตร โดยลดลงเล็กน้อยจากปี 2558 แต่ก็มากพอที่จะทำให้อัตราพื้นที่ว่างโดยรวมในตลาดลดลง 0.8% ต่อปี

ด้านความต้องการเช่าพื้นที่ล่วงหน้ายังคงมีอยู่มาก เห็นได้ชัดจาก อาคารเกษร ทาวเวอร์ และ อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2 ปี 2560 ที่ต่างประสบความสำเร็จในการปล่อยเช่าพื้นที่ล่วงหน้าเช่นเดียวกับ อาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ ที่สามารถปล่อยเช่าพื้นที่ก่อนอาคารสร้างแล้วเสร็จมากกว่า 6 เดือน

<img style="width: 680px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/d0cb7301a5cbe6cdb9116516c3ce6875.png" alt="" />

ในขณะที่ผู้พัฒนาโครงการจำนวนหนึ่งมีแผนที่จะพัฒนาที่ดินที่ถือครองอยู่ให้เป็นอาคารสำนักงาน ซึ่งคาดว่าโดยรวมแล้วจะทำให้มีพื้นที่สำนักงานให้เช่าเพิ่มขึ้นประมาณ 1 ล้านตารางเมตร แต่จะมีพื้นที่สำนักงานเพียง 4.63 แสนตารางเมตรเท่านั้นที่มีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2562   ซีบีอาร์อีจึงเชื่อว่าอัตราการใช้พื้นที่โดยรวมในตลาดอาคารสำนักงาน รวมถึงค่าเช่า จะยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้านี้

&nbsp;

โดย
แผนกวิจัย ซีบีอาร์อี

ซัพพลายใหม่ที่จำกัดและการใช้พื้นที่ต่อเนื่อง ส่งผลค่าเช่าพื้นที่สำนักงานกรุงเทพฯ โตทั้งปี 2559

ที่มา | แผนกวิจัย ซีบีอาร์อี ไตรมาส 1 ปี 2558 
 
จากรายงานการสำรวจ ค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่สำนักงานระดับเกรดเอทั่วโลก (Global Prime Office Occupancy Costs) โดยแผนกวิจัย ซีบีอาร์อี พบว่า กรุงเทพมหานครเป็นหนึ่งในทำเลสำนักงานที่ถูกที่สุดในโลก ในขณะที่เมืองอื่นในเอเชียยังคงเป็นทำเลสำนักงานที่แพงที่สุดในโลก โดยมี 4 เมืองในเอเชียติด 5 อันดับแรกของสำนักงานที่แพงที่สุดในโลก และทำเลสำนักงานที่แพงที่สุดในโลกใน คือ West End ของ London 
 
ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2558 ค่าเช่าเฉลี่ยสำนักงานระดับเกรดเอในกรุงเทพฯ ปรับตัวสูงขึ้น 3.2% ต่อปี มาอยู่ที่ระดับ 859 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ในขณะที่ระหว่างปี 2558 ถึงปี 2560 จะมีพื้นที่สำนักงานใหม่ที่แล้วเสร็จในปริมาณที่จำกัด ปัจจุบันมีพื้นที่สำนักงานไม่ถึง 4 แสนตารางเมตรกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง โดย 3.2% ของพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สำนักงานระดับเกรดเอ นอกจากนี้ ปริมาณการใช้พื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ ในไตรมาส 1 มีราว 6.5 หมื่นตารางเมตร คิดเป็นเพิ่มขึ้น 17% ต่อปี 
 
&ldquo;การใช้พื้นที่ในไตรมาสดังกล่าวมากจากการใช้พื้นที่ของบริษัทที่เป็นเจ้าของอาคารเองเป็นหลัก ด้วยปริมาณความต้องการใช้พื้นที่และจำนวนพื้นที่สำนักงานที่มีจำกัดได้ส่งผลให้ราคาค่าเช่าในสำนักงานทุกเกรดและทุกทำเลปรับตัวสูงขึ้นระหว่าง 3% - 12% ต่อปี&rdquo; James Pitchon กรรมการบริหาร - หัวหน้าแผนกวิจัย ซีบีอาร์อี ประเทศไทย 
 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" height="560" src="/uploads/userfiles/images/JUNE%202015/2558-06-23---%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81-01-re.jpg" width="603" /> 
กรุงเทพฯ รั้งอันดับที่ 105 จาก 127 เมือง ที่แผนกวิจัย ซีบีอาร์อี ทำการสำรวจค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่สำนักงานระดับเกรดเอทั่วโลกในช่วงไตรมาส 1 ปี 2558&nbsp; โดยแคนเบอร์ร่าในออสเตรเลียเป็นเพียงเมืองเดียวในเอเชียแปซิฟิคที่มีค่าเช่าต่ำกว่ากรุงเทพฯ โดยอยู่ในอันดับที่ 111 
&nbsp; 
5 อันดับของทำเลที่มีค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่สำนักงานระดับเกรดเอที่แพงที่สุดในโลก ได้แก่ ย่าน West End ของ London 8,058 บาท ต่อ ตรม.ต่อเดือน,&nbsp; ตามมาด้วย Hongkong (Central) ที่ราคา 7,669 บาท ตรม.ต่อเดือน, Beijing (Financial Street) 5,907 บาท ต่อ ตรม.ต่อเดือน, Beijing (CBD) 5,657 บาท ตรม.ต่อเดือน และ New Delhi (Connaught Place -CBD)&nbsp; 4,735 บาท ตรม.ต่อเดือน
<hr />

	ที่มา: แผนกวิจัย ซีบีอาร์อี

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events