<h2>ชาญอิสสระ กางแผนปี 68 ลุยเปิด 6 โครงการหรูระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มูลค่ารวมกว่า 16,000 ล้านบาท ผนึกกำลัง BDMS ขยายไลน์ธุรกิจสุขภาพ - ความงาม เสริมทัพการเติบโต พร้อมมุ่งสู่ปรัชญาการดำเนินธุรกิจด้วยนิยาม 'Live Excellence' ที่ถ่ายทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ธีราภรณ์ ศรีเจริญวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI&nbsp;เผยว่า ปี 2568 บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักปรัชญา สัจจะเป็นหลัก สามัคคีเป็นเลิศ สุขภาพยิ่งใหญ่ ซึ่งถือเป็นปรัชญาของกลุ่มชาญอิสสระ ที่ถ่ายทอดมาอย่างยาวนานจากรุ่นสู่รุ่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;"เรามี DNA 3 อย่างที่สำคัญ ได้แก่ Trusty ความน่าเชื่อถือ มีความซื่อสัตย์ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า คู่ค้า มาตลอดระยะเวลา 70 ปี&nbsp;Synergy ความร่วมมือร่วมใจอย่างมีคุณภาพด้วยการทำงานเป็นทีมทั้งภายในกับภายนอกองค์กร และ Creativity ที่เราภูมิใจในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบที่แตกต่าง มีความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้มีที่อยู่อาศัย โรงแรม ที่มีเอกลักษณ์ มีความอยู่สบาย ด้วยฟังก์ชั่นที่ครบครัน” ธีราภรณ์ กล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/jbmD5XpyLKxygn2ytfgp.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="jbmD5XpyLKxygn2ytfgp.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp; &nbsp; &nbsp;ทั้งนี้&nbsp;คุณค่าของความเป็น 'Live Excellence'&nbsp;จึงมีองค์ประกอบของ Empathy&nbsp;เข้าใจผู้บริโภคจากมุมมองที่หลากหลาย จนสามารถพัฒนา ออกแบบโปรดักส์ที่ตอบโจทย์ของลูกค้า สร้างความเป็นอยู่และสิ่งแวดล้อมที่ดีในการอยู่อาศัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังคิด พร้อมนำ&nbsp;Innovation นวัตกรรมใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดี เกิดความสุขที่ยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสังคม และความเป็น Craftmanship ที่กลุ่มชาญอิสสระพร้อมทุ่มเทเวลา และกลั่นกรองในการพัฒนาโปรดักส์ออกมาเพื่อให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุด สร้างความแตกต่าง และถูกใจลูกค้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน ดิฐวัฒน์ อิสสระ กรรมการและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2568 นี้ กลุ่มชาญอิสสระ เตรียมเปิดโครงการใหม่มูลค่ารวมกว่า 16,000 ล้านบาท เป็นลักชัวรี่คอมมูนิตี้ ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เริ่มจากบริเวณพระราม 9 - กรุงเทพกรีฑา มี 2 โครงการ คือ โครงการ อิสสระ เรสซิเดนท์ บนที่ดิน 19 ไร่ จำนวน 23 ยูนิต และ โครงการบ้านอิสสระ บนที่ดิน 21 ไร่ จำนวน 67 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 5,123 ล้านบาท โครงการมิกซ์ยูสบนเกาะภูเก็ต ศรีพันวา ลากูน&nbsp;บนที่ดิน 62 ไร่ มูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท ที่มีทั้งโรงแรมหรูวิลล่า และคอมมูนิตี้ ย่านเชิงทะเล​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/Jwdr6reeSTHreSfK4tGy.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="3" data-file-name="Jwdr6reeSTHreSfK4tGy.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;The Sky Series เวิลด์คลาสลักชัวรี่วิลล่า บนที่ดินกว่า 2 ไร่ จำนวน 4 หลังมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท, โครงการ อิสสระ วิลล์ หัวหิน (ISSARA VILLE) ลักชัวรี่พูลวิลล่า หัวหิน บนที่ดิน 4 ไร่ จำนวน 8 ยูนิต มูลค่าโครงการ 144 ล้านบาท รวมถึง โครงการซาซ่าส์ หัวหิน (SASA HUA HIN) A NEW STYLISH BEACH CONDOMINIUM บนที่ดิน 3 ไร่ จำนวน 248 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,706 ล้านบาท ที่ได้ทั้งวิวทะเล และวิวสนามกอล์ฟแบบเต็มๆ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/8fwLqTbfNHhpUpVhtVL8.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="4" data-file-name="8fwLqTbfNHhpUpVhtVL8.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับธุรกิจโรงแรม มุ่งหน้าขยายสู่ Wellness ระดับ World Class โดยผนึกกำลังความร่วมมือกับ BDMS เพื่อให้ศรีพันวาเป็นที่พักผ่อน ผสมผสานไปกับการดูแลสุขภาพกายและใจ ให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) อย่างแท้จริง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เร็วๆ นี้ โรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ BDMS Wellness Clinic&nbsp;ในการมอบประสบการณ์ด้านสุขภาพที่ครอบคลุมร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ ผสานความเป็นเลิศทางการแพทย์ และการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล เพื่อให้เข้ากับการพักผ่อนที่หรูหราและสงบสุขของศรีพันวา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยจะมีโปรแกรมดูแลสุขภาพและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้บริการด้านต่างๆ อย่างใกล้ชิด ลดการใช้สารเคมี เน้นการใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก ส่งเสริมการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การออกกำลังกาย และใช้ชีวิตที่คำนึงถึงธรรมชาติ” ดิฐวัฒน์ กล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/ABrXUFwzws7BhMsHUvkq.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="1" data-file-name="ABrXUFwzws7BhMsHUvkq.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ยังเตรียมพัฒนาโปรดักส์ใหม่ในกลุ่มของธุรกิจดูแลสุขภาพผิว ด้วยแนวคิด Skin Vacation นวัตกรรมใหม่เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุง, พักผ่อน ซึ่งใช้ สารสกัดจากธรรมชาติมาเป็นส่วนผสม โดยคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2568 โดยมี ปลาเข็ม กรัชเพชร อิสสระ รับตำแหน่ง เป็นแบรนด์ไดเร็กเตอร์ ภายใต้แบรนด์&nbsp;BABA SKIN CLUB&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตามจากนโยบาย และกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่กล่าวไปข้างต้น กลุ่มชาญอิสสระเชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุน ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ตรงตามนิยามของความเป็นชาญอิสสระ&nbsp;'Live Excellence' ได้เป็นอย่างดี​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/nfibPiwM2P5mq7xxffE2.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="2" data-file-name="nfibPiwM2P5mq7xxffE2.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> ภาพ : ชาญอิสสระ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/travel/property/awc-swissotel-bangkok-ratchada" alt="AWC ทุ่ม 8,704 ล้าน เข้าซื้อและปรับโฉม ‘สวิสโซเทล กรุงเทพ รัชดา’ เตรียมรีแบรนด์เป็น JW Marriott">AWC ทุ่ม 8,704 ล้าน เข้าซื้อและปรับโฉม ‘สวิสโซเทล กรุงเทพ รัชดา’ เตรียมรีแบรนด์เป็น JW Marriott</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

'ชาญอิสสระ' ชี้ ปี 68 ลุยเปิด 6 โครงการหรู มูลค่า 16,000 ล้าน! พร้อมจับมือ BDMS ดันโรงแรมสู่ Wellness ระดับ World Class หนุนรายได้โต

<h2>‘แสนสิริ’ เปิดตัว ‘เวีย 61’ ลักชัวรี่คอนโด มูลค่าโครงการ 1.2 พันล้าน ในย่านซุปเปอร์ไพร์มโลเคชั่น สุขุมวิท 61 ที่เชื่อมต่อทองหล่อ-เอกมัย โดยมีราคาขายยูนิตละ 10-50 ล้าน พร้อมตั้งเป้ายอดขาย 480 ล้าน ภายในสิ้นปี หลังเปิดให้เริ่มจองสิทธิ์ได้ช่วงปลายเดือนกันยายน 2567 </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สมัตถ์คม ต่างวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เผยว่า การเปิดโครงการตัว เวีย 61 (Via 61)&nbsp;ลักชัวรีคอนโดมิเนียมแบบ Low-Rise ซึ่งเป็นอาคารสูง 8 ชั้น&nbsp;และมีชั้นใต้ดิน 1 ชั้น&nbsp;มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท มี location ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 61 และมีเพียง 61 ยูนิตเท่านั้น พร้อมสร้างความต่างด้วยการชูจุดเด่นของการเป็นคอนโด Pet Friedly ที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ มี&nbsp;Facilities ต่างๆ บนชั้นดาดฟ้ารองรับไลฟ์สไตล์เหนือระดับ รวมถึงที่จอดรถจำนวนมากถึง 108%&nbsp;โดยคอนโดแห่งนี้จะมีราคาจำหน่ายแต่ละยูนิตอยู่ที่ 10.9 - 50 ล้านบาท คิดเป็นราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 219,000 บาท/ตารางเมตร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราพบว่าดีมานด์ของกลุ่มลูกค้าลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรี มีความต้องการรูปแบบห้องที่มีขนาดใหญ่ (2 ห้องนอนขึ้นไป) ซึ่งมีซัพพลายอยู่น้อยมากในตลาด โดยเฉพาะในซอยสุขุมวิท 61 แห่งนี้ ไม่มีพื้นที่สำหรับคอนโดแล้วและที่สำคัญสุขุมวิท 61 ยังถือเป็นทำเลศักยภาพ หาที่ดินที่จะทำโครงการใหม่ยากมาก ทำเลนี้จึงเหมาะสำหรับการซื้อเก็บไว้เป็นสินทรัพย์หรือเพื่อลงทุน ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคตได้อย่างคุ้มค่า และจากข้อมูลของแสนสิริ เราพบว่าราคาค่าเช่าของห้องพักในเซ็กเมนต์เดียวกัน หากเป็น 1 ห้องนอน จะอยู่ที่ 50,000 บาท/เดือนและสำหรับ 2 ห้องนอนอยู่ที่ 100,000 บาท/เดือน คิดเป็นผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (Rental Yield) จะอยู่ที่ 5-6% ต่อปี ทั้งนี้ แสนสิริจะจัด Exclusive Sales เวีย 61 วันที่ 28-29 กันยายนนี้ ที่ CEIL by Sansiri (ซอยเอกมัย 12) เป็นการเปิดให้จองสิทธิ์พร้อมกัน 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย จีน ไต้หวัน เมียนมา ฮ่องกง และสิงคโปร์ ตั้งเป้ายอดขายกว่า 480 ล้านบาทภายในปีนี้ โดยมั่นใจได้ว่าจะ SOLD OUT ทุกยูนิตที่นำมาขายอย่างแน่นอน” สมัตถ์คม กล่าว <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/wRRZDrfe3fkkZiZoLA88.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="wRRZDrfe3fkkZiZoLA88.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปัจจุบัน พบว่ากลุ่มลูกค้า HNWI (High-Net Worth Individual) ยังคงมีดีมานด์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะย่านไพร์มโลเคชั่นใจอย่างสุขุมวิท-ทองหล่อ-เอกมัย ที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มคนรุ่นใหม่และชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก ด้วยการเดินทางที่สะดวกสบาย เชื่อมต่อ Mass Transit และเชื่อมต่อไปยังจุดต่างๆ ได้อย่างสะดวก และยังเป็นย่านที่อยู่อาศัยและแหล่งไลฟ์สไตล์ของกลุ่ม Top Millionaire ย่านที่อยู่อาศัยคุณภาพสูงเช่นเดียวกับหลายพื้นที่ในมหานครของโลก อย่าง ฟิฟธ์ อเวนิว ในนิวยอร์ก, เคนซิงตัน ในลอนดอน, เซาท์บีช ในไมอามี และ เดอะ พีค ในฮ่องกง โดยเฉพาะซุปเปอร์ไพร์มโลเคชั่นอย่างสุขุมวิท 61 ที่ได้รับรางวัลซอยน่าอยู่ที่สุดในกรุงเทพฯ มีความเงียบสงบ ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งร้านอาหาร คอมมูนิตี้มอลล์ โรงพยาบาล ซุปเปอร์มาร์เกต โรงเรียนนานาชาติ และสถานทูต และที่สำคัญแทบไม่มีที่ดินเหลือให้พัฒนาโครงการได้แล้ว รวมถึงการขออนุมัติ EIA เพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการในย่านดังกล่าวนี้ทำได้ยาก หากไม่ใช้ผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่มีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชาชน &nbsp; เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/property/thai-millionaires-are-interested-in-investing-in-japanese-real-estate" alt="ผลสำรวจเผย เศรษฐีไทย 4.5 หมื่นคน สนใจลงทุนอสังหาฯ ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ลงทุนในราคา 4-5 ล้าน และ 10-25 ล้านบาท"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/property/porsche-design-tower-bangkok" alt="ผลสำรวจเผย เศรษฐีไทย 4.5 หมื่นคน สนใจลงทุนอสังหาฯ ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ลงทุนในราคา 4-5 ล้าน และ 10-25 ล้านบาท">ผลสำรวจเผย เศรษฐีไทย 4.5 หมื่นคน สนใจลงทุนอสังหาฯ ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ลงทุนในราคา 4-5 ล้าน และ 10-25 ล้านบาท</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

แสนสิริ ปักหมุดเพิ่มย่านทองหล่อ-เอกมัย เปิดตัว ‘เวีย 61’ ลักชัวรีคอนโด ราคาขายห้องละ 10-50 ล้าน 

<h2>Master Plan 101 ฉลองความสำเร็จ 25 ปี เปิดอาณาจักรแบบบ้านใหม่สุดอลังการ “The Empire One” มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับมั่งคั่ง UHNWIs (Ultra-high-net-worth individuals) สร้างประสบการณ์ซูเปอร์ลักชัวรีของการอยู่อาศัย เอกสิทธิ์หลังเดียวในโลก&nbsp;</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อนันต์กร อมรวาที กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์ แปลน 101 จำกัด เผยว่า ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านหรูระดับราคาตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป ในไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ย 30% ต่อปี โดยสะท้อนมาจากตัวเลขของบริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายในปี 2565 ได้ที่ 700 ล้านบาท ปี 2566 ยอดขาย 1,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายยอดขายในปีนี้ไว้ที่ 1,200 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 20% ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายฐานลูกค้าในตลาดภูมิภาคทั่วประเทศ จากเดิมที่เน้นให้บริการลูกค้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก ขณะที่ภาพรวมยอดขายในครึ่งปีแรกเป็นผลงานที่ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปี 2566 และคาดว่าจะสร้างการเติบโตด้านยอดขายได้เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากมีจำนวนลูกค้าที่เซ็นสัญญาแล้วเป็นจำนวนมาก 25 ปีแห่งความสำเร็จ สู่บริษัทรับสร้างบ้านหรูเบอร์หนึ่ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หัวใจสำคัญที่ทำให้มาสเตอร์ แปลน 101 ประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องตลอด 25 ปี&nbsp;คือการไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ในการเป็นผู้นำที่สามารถชี้เทรนด์ตลาด สามารถนำเสนอดีไซน์การออกแบบบ้านใหม่ๆ ได้อย่างหลากหลายทุกสไตล์ เช่น นีโอคลาสสิก คลาสสิก คอนเทมโพรารี และโมเดิร์น โดยที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้พัฒนาแบบบ้านราคา 500 ล้านบาทขึ้นไป เป็นรายแรกในตลาดรับสร้างบ้านหรูที่สร้างความสำเร็จด้านยอดขาย และได้รับการยอมรับเป็นอย่างมากจากลูกค้า รวมทั้งยังมีแบบบ้าน CUSTOM MADE ที่ออกแบบใหม่ตามความต้องการของลูกค้าอีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ 25 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถสร้างผลงานที่ได้รับการการันตีเป็นจำนวนมากที่สุด จากประสบการณ์สร้างบ้านหรูมามากกว่า 300 หลัง โดยปัจจุบันเป็นการสร้างพร้อมกันทั่วประเทศกว่า 44 หลัง ซึ่งเป็นบ้านที่มีระดับราคามากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป กว่า 10 หลัง และบริษัทยังมีผลงานการสร้างบ้านที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดถึง 5,000 ตร.ม. นับจากจำนวนบ้านที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมกันนี้ยังมีผลงานการก่อสร้างบ้านหรูก่อสร้างแล้วเสร็จที่มีมูลค่ารวมกันสูงที่สุด และเป็นบริษัทรับสร้างบ้านหรูที่มียอดขายต่อปีมากที่สุด ที่สำคัญได้มีการสร้างผลงานที่เป็นแลนด์มาร์ก (Landmark) กระจายเกือบทุกจังหวัดทั่วประเทศ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/j9auUVvLytF8E4CvvuKZ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="j9auUVvLytF8E4CvvuKZ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> ​เปิด 4 กลยุทธ์ ผู้นำตลาดกว่า 2 ทศวรรษ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แผนสร้างการเติบโตของธุรกิจ มาสเตอร์ แปลน 101 มุ่งเน้นไปที่ 4 กลยุทธ์หลัก คือ&nbsp;1. การพัฒนาโปรดักส์ใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย&nbsp;2. บริการสร้างบ้านแบบครบจบในที่เดียว&nbsp;ที่มาพร้อมบริการออกแบบ ก่อสร้าง ตกแต่ง และจัดสวน เพื่อความสะดวกสบาย คุ้มค่า และเข้าพักอาศัยได้เร็วขึ้น โดยให้บริการภายใต้แบรนด์ Master Plan 101, MTPd, Perfetto และ Landnaissance&nbsp;3. มาตรฐานงานก่อสร้างที่ได้รับการรับรองระบบ ISO9001:2015&nbsp;4. การพัฒนาคุณภาพของทีมงาน ซึ่งที่ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการพาองค์กรเติบโต โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ใช้งบประมาณเป็นจำนวนมากสำหรับการพัฒนาบุคลากร สร้างระบบการทำงานที่มีคุณภาพระดับสูงสำหรับบ้านหรู เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายและความสำเร็จไปพร้อมกัน“แนวโน้มพฤติกรรมความต้องการของลูกค้าในตลาดรับสร้างบ้านหรูเปลี่ยนแปลงไปจาก 10 ปีที่แล้วเป็นอย่างมาก ที่เห็นได้ชัดเจน คือกลุ่มลูกค้ามีอายุน้อยลง และประสบความสำเร็จเร็วขึ้น รวยมากขึ้น ทำให้มีความต้องการที่หลากหลาย ดังนั้น บริษัทฯ จึงเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาแบบบ้านใหม่ ๆ มารองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ในช่วงราคาตั้งแต่ 30 ล้านบาท ขึ้นไป” อนันต์กร กล่าว&nbsp; แบบบ้านหรูมูลค่ากว่า 1,000 ล้าน เอกสิทธิ์หนึ่งเดียวในโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรับสร้างบ้านหรู และผู้นำเทรนด์แบบบ้าน บริษัทฯ ได้ดีไซน์แบบบ้านใหม่ “The Empire One” ที่มีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งพัฒนามาเป็นพิเศษพร้อมลิขสิทธิ์เพียงหลังเดียวเท่านั้น ความโดดเด่นของ “The Empire One” เป็นบ้านสไตล์ Euro Classic จากยุค Renaissance สร้างบนที่ดินขนาดเริ่มต้น 15 ไร่ ที่ทั้งดีไซน์และทุกรายละเอียดของบ้านสามารถสะท้อนตัวตน รสนิยม และความประณีตในการใช้ชีวิตของครอบครัวตระกูลใหญ่ โดยมีทั้งสวนและลานจัดเลี้ยง Castle Garden ที่ตกแต่งสไตล์ราชวงศ์อังกฤษ รองรับงานเลี้ยงได้มากกว่า 1,000 คน ส่วนบริเวณโถงทางเข้าบ้านพื้นที่กว่า 500 ตร.ม. มีความสูง 21 เมตร และเปิดโล่ง (Open Space) เทียบเท่าความสูงของตึก 5 ชั้น รวมถึง Luxury Garage ติดแอร์ ที่จอดซูเปอร์คาร์ได้มากถึง 25 คัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะสำหรับลูกค้า ทั้งยังตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักธุรกิจระดับประเทศ นักธุรกิจคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จ และครอบครัวตระกูลใหญ่ รวมถึงกลุ่มที่มีทรัพย์สินมากกว่า 5,000 ล้านบาทขึ้นไป หรือ UHNWIs (Ultra-high-net-worth individuals) อีเวนต์แห่งปี Exclusive Time 2024&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การเปิดตัวแบบบ้านใหม่มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท เป็นเพียงหนึ่งในกลยุทธ์ของมาสเตอร์ แปลน 101 เท่านั้น ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรม “Exclusive Time 2024” ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเป็นงานสำหรับคนที่กำลังวางแผนสร้างบ้าน ที่เตรียมจัดขึ้นในวันที่ 8-19 กรกฎาคม 2567 ที่โชว์รูม มาสเตอร์ แปลน 101 ถนนลาดพร้าว ซึ่งมีพื้นที่กว่า 2,000 ตร.ม. พร้อมข้อเสนอพิเศษเป็นส่วนลดและโปรโมชั่น สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเข้ารับคำปรึกษาฟรี ได้แก่ งบประมาณการก่อสร้าง การตกแต่ง และจัดสวน เป็นต้น ได้ที่ <a href="https://lin.ee/O03fwV1">MTP1 Line Official Account</a> จำกัดสิทธิ์เพียง 4 ครอบครัวต่อวัน เท่านั้น&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/2Mn1RJ53XhDi4x4AxKL4.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="1" data-file-name="2Mn1RJ53XhDi4x4AxKL4.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> ​ ​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/property/estar-shows-q-1-2024-sales-510-million-baht-ready-3-new-projects-rayong-bangkok-1-600-million-baht" alt="ESTAR โชว์ยอดขาย Q1/67 ทะลุ 510 ลบ. พร้อมเปิด 3 โครงการใหม่ ระยอง-กรุงเทพ มูลค่ารวม 1,600 ลบ.">ESTAR โชว์ยอดขาย Q1/67 ทะลุ 510 ลบ. พร้อมเปิด 3 โครงการใหม่ ระยอง-กรุงเทพ มูลค่ารวม 1,600 ลบ.</a>​​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Master Plan 101 ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับซูเปอร์ลักชัวรี เปิดตัว “The Empire One” แบบบ้านหรูมูลค่ากว่า 1,000 ล้าน  

<h2>“ณพน เจนธรรมนุกูล” นำสัมมากรบุกตลาดซูเปอร์ลักชูรี ตอบรับความต้องการในตลาดที่มีสูง แต่ยังคงเต็มไปด้วยความท้าทาย </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีที่บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยรายแรกๆ ของประเทศไทยดำเนินธุรกิจมา บริษัทได้เน้นตลาดบ้านระดับราคาตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไปเป็นหลัก แต่ยังไม่เคยเข้าไปทำตลาดบ้านลักชูรีหรือระดับราคาตั้งแต่ 20 ล้านบาท จนกระทั่ง ณพน เจนธรรมนุกูล กรรมการผู้จัดการ&nbsp;บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) ได้เข้ามาบริหาร และปรับเปลี่ยนองค์กร ขยายตลาดเพิ่มฐานลูกค้าใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไปในปีที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การเข้าสู่เซกเมนต์นี้ของสัมมากรได้ดำเนินการผ่านการร่วมทุนกับบริษัท แอสเซท โปร กรุ๊ป จำกัด กลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์ โดยพัฒนาโครงการ Providence Lane Ekkamai-Ramintra ซึ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวขนาด 3 ชั้น&nbsp;พร้อมลิฟต์และสระว่ายน้ำส่วนตัว จำนวน 12 ยูนิต ราคา 39-60 ล้านบาท บนทำเลเอกมัย-รามอินทรา และล่าสุดสัมมากรได้ขยับเซกเมนต์มาพัฒนาบ้านในราคาเกือบแตะ 100 ล้านบาท ในโครงการ Park Heritage จำนวน 32 ยูนิต ราคา 59-98 ล้านบาท ในซอยพัฒนาการ 20 ที่ลงทุนพัฒนาเอง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราต้องการหนีจากการแข่งขันในตลาดที่มีราคาต่ำกว่า 20 ล้านบาท และต้องการขับเคลื่อนบริษัทให้มีรายได้&nbsp;สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มองหาโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะเซกเมนต์ซูเปอร์ลักชูรีที่มีดีมานด์มากขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากราคาคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองที่ปรับตัวสูง และพื้นที่ของคอนโดมิเนียมระดับราคา 100 ล้านบาทไม่เพียงพอกับการอยู่จริงหรือไม่หรูหราเท่ากับบ้านเดี่ยว 100 ล้านบาท”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ณพนกล่าวว่าการสร้างบ้านระดับอัลตราลักชูรีเองไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายจริงที่เกินงบประมาณที่ตั้งไว้ คุณภาพไม่ได้ตามคาดหวัง กรอบเวลาในการก่อสร้างยาวนานที่อาจเกินกว่า 2 ปีไปจนถึง 5 ปี ซึ่ง pain point เหล่านี้ทำให้ดีมานด์หันมาเลือกซื้อบ้านในโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการของบริษัทที่น่าเชื่อถือ เพราะมั่นใจในแบรนด์และคุณภาพที่มอบให้ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/U3mnpAQF18224MgoVEz3.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="U3mnpAQF18224MgoVEz3.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/unqEhjN8Hebv2uXv34Mq.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="unqEhjN8Hebv2uXv34Mq.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ตลาดบ้านอัลตราลักชูรีมีความท้าทาย เพราะผู้ซื้อต่างมีทางเลือก มีตัวตน และต้องการความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง การทำสินค้าที่ตรงใจผู้ซื้อเป็นโจทย์ที่ยากมาก ต้องลงรายละเอียดแทบไม่ต่างจากการทำโรงแรม 6 ดาว แต่ตลาดนี้ยังมีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง และจะมีดีมานด์เข้ามาเพิ่มขึ้น&nbsp;เพราะมีกลุ่มผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อสูงเพิ่มขึ้น ประกอบกับเทรนด์การซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนมีมากขึ้น เพราะการซื้ออสังหาริมทรัพย์สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ในอนาคต ในขณะที่ราคาบ้านปรับสูงขึ้นตามราคาที่ดินที่แพงขึ้นและมีน้อยลงในทำเลดีๆ และหายากหลายทำเล”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การทำตลาดบ้านในเซกเมนต์นี้ให้ประสบความสำเร็จ สิ่งแรกคือทำเลที่ตั้งต้องอยู่ในทำเลไพรม์ ที่ดินหายาก ต่อมาคือวัสดุและองค์ประกอบต่างๆ ต้องมีคุณภาพระดับไฮเอนด์&nbsp;เหมาะกับราคา แนวคิด องค์ประกอบ และสิ่งต่างๆ ภายในโครงการต้องมีครบถ้วน ที่สำคัญคือความเป็นส่วนตัวโดยจำนวนยูนิตจะต้องมีไม่มากเกินไป และแต่ละหลังต้องให้ความเป็นส่วนตัวสูงแก่ผู้อยู่อาศัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การอยู่อาศัยใกล้ชิดกับธรรมชาติ มีบรรยากาศแห่งการพักผ่อน นับได้ว่าเป็นอีกปัจจัยที่เป็นเทรนด์ใหม่ ที่สำคัญคือการพัฒนาบ้านให้ตรงกับความต้องการ และสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้เฉพาะลูกค้าแต่ละราย ฟังก์ชันในบ้านต้องปรับเปลี่ยนได้ ดีไซน์ต้องไม่ฉูดฉาด เพื่อง่ายต่อการตกแต่งภายใน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับทิศทางในการพัฒนาโครงการบ้านหรู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับราคา 40 ล้านบาทขึ้นไป บริษัทวางแผนพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีดีมานด์ที่พร้อมจะซื้อสินค้า โดยมองทำเลใกล้เมือง ไม่ว่าจะเป็นโซนพระราม 9 ถนนพัฒนาการ ถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา เพราะเป็นโซนที่เข้าเมืองได้ง่าย มีสิ่งอำนวยความสะดวกและร้านอาหารรองรับความต้องการ &nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/us4Q2sj1cuR2RwPdavNA.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="us4Q2sj1cuR2RwPdavNA.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> ​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;: <a href="https://www.forbesthailand.com/people/dine-with-the-boss/kirk-leekasem-new-gen-ceo-se" alt="เกริก ลีเกษม ซีอีโอเจนใหม่สปีด SE ด้วยเทคโนโลยี">เกริก ลีเกษม ซีอีโอเจนใหม่สปีด SE ด้วยเทคโนโลยี</a>​​<a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/e05f13b4-8402-40df-acea-d1073274e800" alt="คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2566 ในรูปแบบ e-magazine">คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2566 ในรูปแบบ e-magazine</a>​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/cMB6YdkJ7jd7PPwXSBD7.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="cMB6YdkJ7jd7PPwXSBD7.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div>

"ณพน เจนธรรมนุกูล" สัมมากรบุกตลาดซูเปอร์ลักชัวรี ท่ามกลางความท้าทาย

<h2>เพิ่งจัดเอ็กซ์คลูซีพเปิดให้ชมห้องชุดล็อตสุดท้ายในโครงการ คิง เพาเวอร์ มหานคร ส่วนของ “ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก” ที่อาคาร คิง เพาเวอร์ มหานคร</h2>
หลังเปลี่ยนมือเจ้าของจาก เพซ ดีเวลลอปเมนท์ เป็นกลุ่มคิง เพาเวอร์ ซึ่งในตอนแรกเผยว่าดีลซึอขายโครงการนี้เฉพาะในส่วนพื้นที่รีเทลด้านหน้าโครงการ ส่วนของโรงแรม และโซนพื้นที่ชมวิวบนยอดอาคาร แต่ล่าสุดพื้นที่ขายส่วนเรสซิเดนเซส 20% ที่เหลือก็รวมเป็นส่วนของคิง เพาเวอร์ด้วย

โดยช่วงเย็นวันที่ 24 กรกฎาคม “คิง เพาเวอร์ มหานคร” ได้จัดกิจกรรมพิเศษนำทีมสื่อมวลชนขึ้นเยี่ยมชมพื้นที่เรสซิเดนเซส ในโครงการซึ่งเป็นกิจกรรมส่งเสริมการขาย เนื่องจากคิง เพาเวอร์ฯ ได้กลับมาทำตลาดใหม่ในส่วนของพื้นที่ “เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก” ที่ยังเหลือราว 20% จำนวนกว่า 40 ยูนิต ออกมาขายใหม่เป็นการรีเซลโครงการ ซึ่งคิง เพาเวอร์ รับโอนพื้นที่ส่วนดังกล่าวรวมอยู่ในดีลการซื้อตึกมหานครเมื่อปี 2561

พื้นที่เรสซิเดนเซสที่เปิดขายใหม่นี้มีราคาขายที่ 3.1 แสนบาทต่อตารางเมตร โดยพื้นที่ห้องเล็กสุดขนาด 135 ตารางเมตรราคาเริ่มต้นที่ 42 ล้านบาท โดยเป็นคอนโดมิเนียมพักอาศัยแบบฟรีโฮลด์

เรสซิเดนเซสแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางสาทรย่านศูนย์กลางธุรกิจ-การเงินของกรุงเทพฯ ติดกับสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี โดยที่พักอาศัยระดับอัลตราลักชัวรี่แห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น 23-73 เป็นห้องชุดขนาดตั้งแต่ 2-4 ห้องนอน พื้นที่ตั้งแต่ 135- 447 ตารางเมตร

นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถเลือกเนรมิตอาณาจักรส่วนตัวบนชั้น 59 เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้ถึงกว่า 1,100 ตารางเมตร ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้มองหาที่พักอาศัยอันหรูหราสง่างาม ใจกลางเมือง บนโลเคชั่นที่หาไม่ได้อีกแล้วในกรุงเทพฯ

<img class="alignnone wp-image-12437 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/เดอะ-ริทซ์-คาร์ลตัน-เรสซิเดนเซส-บางกอก-03.jpg" alt="ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก" width="638" height="479" />

นอกเหนือจากการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงสุดและบริการชั้นเลิศระดับโลกของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน แล้ว แต่ละเรสซิเดนซ์ ยังโดดเด่นด้วยการออกแบบตกแต่งภายในโดยฝีมือของเดวิด คอลลินส์ สตูดิโอ

พร้อมมอบความสะดวกสบายเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์สุดเอ็กซ์คลูซีฟให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ ด้วยพื้นที่ต่างๆ อาทิ คลับเลาจน์ บนชั้น 54 สถานที่พบปะสังสรรค์ในแบบส่วนตัวสำหรับเพื่อนและครอบครัว ที่เจ้าของห้องพักสามารถใช้ห้องสมุด, บาร์, ห้องรับประทานอาหาร, ครัว, ห้องรับรอง, เลานจ์ ห้องประชุม และห้องชมโทรทัศน์ นอกจากนี้ยังสามารถผ่อนคลายกับห้องออกกำลังกาย, สระว่ายน้ำ, ห้องดูภาพยนตร์ส่วนตัว, มินิบาร์, ห้องบิลเลียด, ห้องเกม และห้องเด็กเล่น เพิ่มเติมจากความสะดวกสบายอื่นๆ บนชั้น 7 ได้อีกด้วย

<img class="alignnone wp-image-12436 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/เดอะ-ริทซ์-คาร์ลตัน-เรสซิเดนเซส-บางกอก-02.jpg" alt="ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก" width="638" height="479" />

 Marc Begassat กรรมการผู้จัดการ คิง เพาเวอร์ มหานคร กล่าวว่า “นี่คือโอกาสสุดพิเศษที่จะได้เป็นเจ้าของที่พักอาศัยในอาคารที่นับเป็นแลนด์มาร์คอันโดดเด่นของกรุงเทพฯ และหนึ่งในอาคารที่สูงที่สุดของประเทศไทย เราได้สร้างจุดหมายปลายทางซึ่งเป็นศูนย์รวมของการบริการที่ล้ำเลิศ ร้านอาหารที่โดดเด่นด้วยดีไซน์และรสชาติอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกเข้าไว้ด้วยกัน เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้มอบประสบการณ์การใช้ชีวิตอันเหนือระดับในเมือง ที่หาได้เฉพาะที่คิง เพาเวอร์ มหานคร เท่านั้น”

&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/property/%e0%b8%84%e0%b8%b4%e0%b8%87-%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c-%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%a3-%e0%b8%88%e0%b8%b8%e0%b8%94%e0%b8%8a.html">คิง เพาเวอร์ มหานคร เผยโฉม ‘มหานคร สกายวอล์ค’ จุดชมวิวชั้นดาดฟ้าแบบ 360 องศา และรูฟท็อปบาร์ที่สูงที่สุดในไทย</a></li>
</ul>

ล็อตสุดท้าย"ริทซ์ คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส" ราคาใหม่ 3.1 แสนบาท/ตร.ม.

9 ปี “เจ้าพระยา เอสเตท” เมกะโปรเจ็กต์ริมน้ำ 3.2 หมื่นล้าน สร้างเสร็จพร้อมโอน

<h2>ชาญอิสสระเปิดตัว อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9 มูลค่าโครงการ 2 พันล้านบาท บ้านเดี่ยวหรู ราคาเริ่มต้น 100 ล้านบาท เจาะตลาดนิช มาร์เก็ต CBRE ชี้ซัพพลายบ้านระดับไฮเอนด์ในกรุงเทพฯ เหลือเพียง 271 ยูนิต</h2>
สงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้พัฒนาโครงการ อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9 มูลค่าโครงการ 2 พันล้านบาท โดยเป็นโครงการ บ้านเดี่ยวหรู ระดับซูเปอร์ลักชัวรีจำนวน 20 ยูนิต บนเนื้อที่ดิน 9 ไร่ ทำเลถนนพระราม 9 ซอย 13

สงกรานต์กล่าวว่า ทำเลดังกล่าวถือเป็นทำเลพื้นที่ New CBD หรือศูนย์กลางธุรกิจใหม่ ใกล้แหล่งงานและโรงเรียนนานาชาติ สามารถเข้าออกได้ทั้งถนนพระราม 9 รัชดาภิเษก ใกล้ย่านเอกมัย-ทองหล่อ และทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา รวมถึงแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-หัวลำโพง) และรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมฯ - มีนบุรี) ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง

"ถ้าเทียบกับซื้อที่ดินออกแบบก่อสร้างเองก็จะขาดเรื่องสังคมเพื่อนบ้านรวมถึงความปลอดภัย และค่าออกแบบก่อสร้างบ้านระดับนี้ก็จะราคาสูงกว่าซื้อในโครงการ" สงกรานต์กล่าว

<figure><img class="wp-image-4533 size-full" title="บ้านเดี่ยวหรู โครงการ อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/A2-e1549889733608.jpg" alt="" width="400" height="500" /><figcaption> โครงการ อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9</figcaption></figure>

อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9 แบ่งแปลงที่ดินเนื้อที่ 113-208 ตารางวาต่อยูนิต ก่อสร้างบ้านเดี่ยว 3 ชั้นพื้นที่ใช้สอย 700-842 ตารางเมตร ฟังก์ชัน 4-5 ห้องนอน 5-6 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 4-8 คัน ราคาเริ่ม 100 ล้านบาท มียอดขายแล้ว 60% และบริษัทคาดว่าจะสามารถปิดการขายทั้งโครงการได้ภายในสิ้นปีนี้

ดิฐวัฒน์ อิสสระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจ บมจ.ชาญอิสสระฯ กล่าวต่อว่า โครงการนี้มองกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่วัย 30-40 ปีที่ต้องการอยู่อาศัยแบบครอบครัวขยายหลายเจเนอเรชั่น ขณะเดียวกันก็ต้องการทำเลใกล้เมือง
<ul>
 	<li><a href="http://forbesthailand.com/commentaries/insights/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB.html">เปิดวิเคราะห์ตลาดอสังหาฯ สุดหรูในเมืองไทย Luxurious Living นิยามชีวิตเหนือระดับ</a></li>
</ul>
สำหรับข้อมูลตลาดบ้านหรูระดับซูเปอร์ลักชัวรี กลุ่มราคา 70 ล้านบาทขึ้นไป อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดนี้มีซัพพลายเหลือ 7 โครงการ จำนวน 271 ยูนิตที่เปิดขายในพื้นที่สุขุมวิท สาทร กรุงเทพฯ ชั้นกลาง คือ รัชดา-พระราม9 พัฒนาการตอนต้น และชานเมือง คือ เกษตรนวมินทร์ กรุงเทพกรีฑา บางนา โดยมองว่าซัพพลายที่จะเกิดขึ้นใหม่ค่อนข้างยาก เพราะบ้านเดี่ยวเซ็กเมนต์นี้ต้องการทำเลที่เหมาะสม

<img class="alignnone size-full wp-image-4534" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/B5-e1549889788389.jpg" alt="" width="800" height="640" />

เมธินทร์ จันทรอุไร กรรมการบริหาร บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด หรือ A49 ผู้ออกแบบโครงการอิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9 กล่าวถึงการออกแบบโครงการนี้ว่า จุดเด่นอยู่ที่การวางผังบ้านให้เป็นบ้านล้อมสวน และอาศัยเงาจากบ้านข้างเคียง ทำให้สามารถบังแดดให้กับสวนได้ 80% ของช่วงเวลากลางวัน สวนจึงไม่ร้อน ใช้ได้จริง รวมถึงลดความร้อนให้ตัวบ้านไปในตัว

นอกจากนี้ ยังออกแบบให้เหมาะกับบ้านคนรุ่นใหม่ โดยบนชั้น 3 จะมีห้องนั่งเล่นรองสำหรับให้ครอบครัวรุ่นลูกสามารถมีพื้นที่ส่วนตัวด้วยเช่นกัน อีกทั้งใช้วัสดุที่เน้นการดูแลง่าย เช่น พื้นอะลูมิเนียมลายไม้ และติดตั้งเทคโนโลยีโซลาร์รูฟช่วยประหยัดไฟฟ้า

<figure><img class="wp-image-4535 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/IMG_20190211_162235_1-01-e1549889821114.jpeg" alt="" width="800" height="600" /><figcaption> (ที่ 2 จากซ้าย) สงกรานต์ อิสสระ, (ที่ 3 จากซ้าย) เมธินทร์ จันทรอุไร, (ที่ 2 จากขวา) อลิวัสสา พัฒนถาบุตร และ (ที่ 1 จากขวา) ดิฐวัฒน์ อิสสระ</figcaption></figure>

&nbsp;

ชาญอิสสระเปิด บ้านเดี่ยวหรู เริ่มต้น 100 ล้าน ย่านถนนพระราม 9 เจาะนิช มาร์เก็ต

<h2>เบน เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย Nicholas Clayton ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเครือโรงแรมคาเพลลา ประจำภูมิภาคเอเชีย แถลงความคืบหน้าการนำแบรนด์โรงแรมหรู “Capella” เปิดให้บริการในประเทศไทยช่วงกลางปี 2561โดยงบก่อสร้างราว 2.5 พันล้านบาท</h2>
Capella Bangkok หนึ่งในไฮไลท์ของโครงการ mix-used ภายในโครงการ เจ้าพระยา เอสเตท โครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่สุดในมือ คันทรี่ กรุ๊ป มูลค่าโครงการ 32,000 ล้านบาท ที่ประกอบด้วย Capella Bangkok, Four Seasons Bangkok และ Four Seasons Private Residences Bangkok ซึ่งมีพื้นที่ติดด้านแม่น้ำทอดยาวกว่า 350 เมตร

โดย วันที่ 8 มีนาคม 2560 นี้  ตัวแทนระดับสูงจากทั้งสองฝ่ายได้เป็นสักขีพยานในพิธีสิ้นสุดงานโครงสร้าง (Topping-off ceremony) ที่ชั้น 13 และให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าของโครงการร่วมกัน

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/bb59a5f6afee3a2f391847c118f06a4c.png" alt="" />

“เราเจาะจงเลือกเครือโรงแรมคาเพลลาให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเจ้าพระยาเอสเตท เพราะต้องการที่จะยกระดับมาตรฐานของความเหนือระดับไปอีกขั้น ซึ่งการที่เรามีแบรนด์โรงแรมชั้นนำของโลกถึง 2 แบรนด์รวมอยู่ภายในโครงการเดียวพบไม่บ่อยนัก” เบน เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าว

ด้าน Nicholas Clayton ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เครือโรงแรมคาเพลลา ประจำภูมิภาคเอเชีย กล่าวแนะนำถึงแบรนด์ Capella Bangkok แบรนด์ระดับโลกที่เตรียมให้บริการครั้งแรกในประเทศไทยกลางปี 2561 เขาย้อนรอยที่มาของแบรนด์ Capella ซึ่งกำเนิดขึ้นเมื่อ 14 ปีก่อน สร้างและบริหารโรงแรมหรูที่ให้การบริการระดับสูงดั่งเช่นโลโก้ของ Capella ที่ประกอบด้วย ดาว 2 ดวง ดวงบนคือผู้เข้าพักและดวงเล็กคือ Capella พนักงานบริษัทที่มอบบรรยากาศการเข้าพักระดับสูงสุด

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/f3fa7a4289643ff9cb6a038492264169.png" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> Nicholas Clayton ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเครือโรงแรมคาเพลลา ประจำภูมิภาคเอเชีย</figcaption></figure>

Nicholas กล่าวเพิ่มเติมว่าตลอดระยะเวลา 14 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ Capella บนโลกนี้มีเพียง 10 แห่งทั่วโลกและ 3 แห่งกำลังเปิดตัวเอเชีย โดยมี พันธมิตรธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์สำคัญคือบริษัท Pontiac Land (แห่งตระกูล Kwee จากสิงคโปร์ ซึ่งติดอันดับ 6 จากอันดับ 50 มหาเศรษฐีแห่งสิงคโปร์ที่จัดอันดับโดย Forbes เมื่อปี 2559) เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในภูมิภาคนี้

“โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ แห่งนี้ คือ 1 ใน 3 โรงแรมใหม่ในเอเชียที่จะเปิดให้บริการในช่วง 15 เดือนนี้ เริ่มจากโรงแรม Capella Shanghai ที่จะเปิดให้บริการในช่วงกลางปี 2560 ต่อด้วย Capella Ubud ในช่วงปลายปี 2560 และปิดท้ายด้วยโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ ที่จะเปิดให้บริการในช่วงกลางปี 2561" Nicholas Clayton กล่าวและเสริมถึงการออกแบบ Capella Bangkok ถึงความตั้งใจที่จะสะท้อนเสน่ห์ของทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นสายน้ำประวัติศาสตร์ที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร ผสานไปกับสไตล์ที่โดดเด่น และบริการระดับโลกที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย

<figure><img class="size-full wp-image-7962" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/Capella-Ixtapa-e1558611051261.jpeg" alt="" width="800" height="511" /><figcaption> Capella Ixtapa Resort and spa ที่เม็กซิโก</figcaption></figure>

<figure><img class="size-full wp-image-7963" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/Capella-Singapore-e1558611072295.jpg" alt="" width="800" height="450" /><figcaption> Capella Singapore</figcaption></figure>

การออกแบบและเลือกทำเลในการสร้างโรงแรมในกลุ่ม Capella คือหนึ่งในหัวใจสำคัญต่อรายรับที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Capella Ixtapa Resort and Spa ที่เม็กซิโก หรือ Capella Singapore บนพื้นที่ขนาดใหญ่บนเกาะสิงคโปร์ ให้บริการห้องพัก 112 ห้อง เฉลี่ยราคาต่อคืน 875 ดอลล่าร์สิงคโปร์ โดยปีที่ผ่านมามียอดการจองเข้าพักถึง 70%

ทั้งนี้ เบน เตชะอุบล ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าของโครงการ เจ้าพระยา เอสสเตท ในส่วน Four Seasons Private Residence นั้น ได้ก่อสร้างถึงชั้น 28 จากความสูง 73 ชั้น ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรราว 320,000 บาท มียอดจองแล้ว 60% เป็นสัดส่วนมาจากชาวไทย 55% และชาวต่างประเทศ 45 % ซึ่งในปี 2560 นี้เบนหวังยอดจากการจองเพิ่มขึ้นราว 10% ก่อนการเปิดโครงการอย่างเป็นทางการปลายปี 2561

&nbsp;

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events