คมความคิด จาก ตระกูลธุรกิจแนวหน้าของประเทศไทย ตอนที่ 1

<h2>Forbes เผยรายชื่อ 50 ตระกูลมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งแห่งสหรัฐฯ ประจำปี 2020 โดยมูลค่าทรัพย์สินรวมของพวกเขาทั้ง 50 อันดับเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับการจัดอันดับในปี 2015 ซึ่งมีมูลค่า 9.16 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ มาอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านเหรียญ </h2>
โดยตระกูลมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งอันดับที่ 50 มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 7.3 พันล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่าการจัดอันดับครั้งล่าสุดเมื่อ 5 ปีที่แล้วราว 6 พันล้านเหรียญ

สำหรับในปีนี้ ตระกูล Waltons ยังคงครองตำแหน่งตระกูลมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งอันดับ 1 ของประเทศ โดยทายาทของผู้ก่อตั้ง Walmart ธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่อย่าง Sam Walton และ Bud Walton ถือครองหุ้นของบริษัทราวร้อยละ 50 คิดเป็นมูลค่าของเงินปันผลกว่า 700 ล้านเหรียญต่อปี 

ด้านตระกูล Koch ครองอันดับ 2 ด้วยสัดส่วนการถือครองหุ้นร้อยละ 84 ใน Koch Industries ธุรกิจเคมีภัณฑ์รายใหญ่ ที่มีผลประกอบการมากถึง 1.15 แสนล้านเหรียญในปีที่ผ่านมา

ขณะที่ตระกูล Sacklers จาก Purdue Pharma ผู้ผลิตยาระงับปวด OxyContin ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากฝิ่นหรือโอปิออยล์ หลุดจากการจัดอันดับในปีนี้ หลังจากเผชิญกับการฟ้องร้องในปี 2019 ทั้งจากรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น รวมถึงโจทย์รายอื่นๆ ที่กล่าวหาว่าบริษัทดังกล่าวผลิตยาอันตรายและสนับสนุนให้เกิดวิกฤตยาโอปิออยด์ในสหรัฐฯ

<figure><img class="wp-image-39198" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/Mars.jpg" alt="การจัดอันดับ" width="720" height="383" /><figcaption> พี่น้อง Jacqueline Mars และ John Mars สืบทอดธุรกิจ Mars ของวงศ์ตระกูลในปี 1911</figcaption></figure>

นอกจากนี้ ยังมีตระกูลมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่ง ที่ประกอบธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีชื่อเสียง อาทิเช่น ตระกูล Mars ผู้ก่อตั้งบริษัทผู้ผลิต M&amp;Ms ขนมช็อคโกแลตและอาหารสัตว์ Pedigree, ตระกูล Brown เจ้าของแบรนด์วิสกี้ Jack Daniel, ตระกูล Dorrance ที่ประกอบธุรกิจซุปยี่ห้อ Campbell's Soup, ตระกูล Fisher เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า Gap และตระกูล Simplot และ Reyes ซึ่งต่างเป็นซัพพลายเออร์รายสำคัญให้แก่เชนฟาสต์ฟู้ดอย่าง McDonald’s 

ในปี 2020 นี้ ตระกูลเก่าแก่อย่าง <a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/sites/chasewithorn/2017/09/19/the-first-forbes-list-see-who-the-richest-americans-were-in-1918/?sh=6dd9f7c54c0d">Astor, Vanderbilt และ Ford</a> ก็ไม่ปรากฎรายชื่ออยู่ในการจัดอันดับ โดยมีสาเหตุมาจากการที่มูลค่าทรัพย์สินของพวกเขากระจายออกไปในทายาทหลายรุ่นอายุ

ด้านวงศ์ตระกูลใหม่ที่เพิ่งก้าวสู่แท่นมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งในช่วง 5 ทศวรรษที่ผ่านมา ได้แก่ ตระกูล Hughes ที่ดำเนินธุรกิจพื้นที่ห้องเก็บของให้เช่าภายใต้ชื่อบริษัท Public Storage ขณะที่ตระกูล Cathys เป็นเจ้าของกิจการเชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด Chick-fil-A ที่มีเมนูสร้างชื่อ คือ ไก่ทอด

โดยจากการจัดอันดับ 50 ตระกูลมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งแห่งสหรัฐฯ ประจำปีนี้มีเพียงตระกูล Chaos ตระกูลเดียวที่สืบเชื้อสายไต้หวัน-อเมริกัน และไม่ใช่ชนผิวขาว ที่เข้ามาตั้งรกรากในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 1980 และก่อตั้งธุรกิจเคมีภัณฑ์ Westlake Chemical บริษัทผู้ผลิตเม็ดพลาสติกโพลิเอททิลีนรายใหญ่ของประเทศ ที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์บรรจุอาหาร อาทิเช่น กล่องนม เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ว่าตระกูลมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งจะเป็นครอบครัวที่มีความสุข เพราะในปีนี้มีถึง 6 ตระกูลที่เผชิญกับ<a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/sites/denizcam/2020/12/17/more-money-more-problems-inside-the-bitter-family-feuds-of-americas-richest-billionaire-clans/?sh=59bd608f78ed">ปัญหาข้อพิพาทระหว่างครอบครัว</a> ในประเด็นที่ว่าด้วยกฎหมายการบริการจัดการทรัพย์สินในกองทรัสต์ (Trust Fund) การสืบทอดธุรกิจ ตลอดจนการฟ้องร้องในคดีฆาตรกรรม

โดย 10 <a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/sites/kerryadolan/2020/12/17/billion-dollar-dynasties-these-are-the-richest-families-in-america/?sh=63925531772c&amp;utm_source=FBPAGE&amp;utm_medium=social&amp;utm_content=4327476532&amp;utm_campaign=sprinklrForbesMainFB">อันดับตระกูลมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งแห่งสหรัฐฯ ประจำปี 2020</a> มีรายชื่อดังต่อไปนี้ 

<img class="alignnone size-full wp-image-39199" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/1..jpg" alt="" width="274" height="416" />

อันดับ 1 

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/walton-1/?sh=640189a86f3f">ตระกูล Walton</a>

มูลค่าทรัพย์สิน: 2.47 แสนล้านเหรียญ

แหล่งที่มาของรายได้: Walmart

<img class="alignnone size-full wp-image-39200" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/2-1.jpg" alt="" width="274" height="416" />

อันดับ 2  

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/koch/?sh=2bf27eb65a5b">ตระกูล Koch</a>

มูลค่าทรัพย์สิน: 1 แสนล้านเหรียญ

แหล่งที่มาของรายได้: Koch Industries

<img class="alignnone size-full wp-image-39201" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/3.jpg" alt="" width="274" height="416" />

อันดับ 3 

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/mars-1/?sh=69035be6c8ed">ตระกูล Mars</a>

มูลค่าทรัพย์สิน: 9.4 หมื่นล้านเหรียญ

แหล่งที่มาของรายได้: สินค้าอุปโภคและบริโภค

<img class="alignnone size-full wp-image-39202" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/4.-2.jpg" alt="" width="274" height="416" />

อันดับ 4 

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/cargill-macmillan-1/?sh=562429ea23b6">ตระกูล Cargill-MacMillan</a>

มูลค่าทรัพย์สิน: 4.7 หมื่นล้านเหรียญ

แหล่งที่มาของรายได้: Cargill Inc.

<img class="alignnone size-full wp-image-39203" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/5..jpg" alt="" width="274" height="416" />

อันดับ 5

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/lauder/?sh=4864d51a207b">ตระกูล Lauder</a>

มูลค่าทรัพย์สิน: 4 หมื่นล้านเหรียญ

แหล่งที่มาของรายได้: Estee Lauder

<img class="alignnone size-full wp-image-39204" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/6..jpg" alt="" width="274" height="416" />

อันดับ 6

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/sc-johnson/?sh=5cf5bd124720">ตระกูล S.C. Johnson </a>

มูลค่าทรัพย์สิน: 3.7 หมื่นล้านเหรียญ

แหล่งที่มาของรายได้: ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด

<img class="alignnone wp-image-39205" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/7..jpg" alt="" width="274" height="274" />

อันดับ 7

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/edward-johnson/?sh=6ea6aa86592d">ตระกูล (Edward) Johnson</a>

มูลค่าทรัพย์สิน: 3.6 หมื่นล้านเหรียญ

แหล่งที่มาของรายได้: ธุรกิจการจัดการด้านการเงิน

<img class="alignnone size-full wp-image-39206" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/8..jpg" alt="" width="274" height="416" />

อันดับ 8

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/cox/?sh=a0798157dfee">ตระกูล Cox</a>

มูลค่าทรัพย์สิน: 3.45 หมื่นล้านเหรียญ

แหล่งที่มาของรายได้: สื่อและโฆษณา

<img class="alignnone size-full wp-image-39207" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/9.-2.jpg" alt="" width="274" height="416" />

อันดับ 9

<a href="https://www.forbes.com/profile/pritzker/?sh=2be8da5870f2">ตระกูล Pritzker</a>

มูลค่าทรัพย์สิน: 3.25 หมื่นล้านเหรียญ

แหล่งที่มาของรายได้: การโรงแรมและการลงทุน

<img class="alignnone size-full wp-image-39208" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/10.-2.jpg" alt="" width="274" height="416" />

อันดับ 10

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/newhouse/?sh=7009cb5e6580">ตระกูล Newhouse</a>

มูลค่าทรัพย์สิน: 3 หมื่นล้านเหรียญ

แหล่งที่มาของรายได้: สื่อสิงพิมพ์

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Billion-Dollar Dynasties: These Are The Richest Families In America เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/10-อันดับ-บริษัทเอกชน-ใหญ่.html">10 อันดับ บริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ประจำปี 2020</a>

การจัดอันดับ 50 ตระกูลมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งแห่งสหรัฐฯ ประจำปี 2020

Eicher Motors Limited (EML) บริษัทเรือธงของ Eicher Group แห่งอินเดีย จับมือพันธมิตรธุรกิจ บริษัท เจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด เปิดตัว Royal Enfield เอ็กซ์คลูซีฟสโตร์แห่งแรกในประเทศไทยใจกลางกรุงเทพมหานคร

Royal Enfield แบรนด์รถจักรยานยนต์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกและเติบโตอย่างรวดเร็ว (ตระกูล LAL ติดอันดับที่ 40 ตระกูลผู้มั่งคั่งแห่งเอเชียจากการจัดอันดับของ Forbes โดย ตระกูล LAL มีมูลค่าทรัพย์สิน 4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ดูแล Eicher Motors ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว) ข้ามประเทศมาทำตลาดยังประเทศไทยซึ่งมีผู้ใช้รถจักรยานยนต์กว่า 1,690,000 คัน และยังติดอันดับประเทศผู้ใช้รถจักรยานยนต์อันดับ 5 ของโลก

แม้ส่วนมากของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในประเทศไทยคือขนาดเครื่องยนต์เล็ก แต่ด้วยเสน่ห์จากวันวานของ Royal Enfield จะดึงลูกค้าส่วนหนึ่งเหล่านี้ขยับรุ่นขึ้นมาเพื่อตอบสนองกับสมรรถนะที่มาขึ้นและสะท้อนรูปแบบการใช้ชีวิต ตลาดเมืองไทยจึงเป็นส่วนสำคัญซึ่งสอดคล้องกับแผนการตลาดระดับโลกของ Eicher Motors Limited (EML) ที่วางแผนการผลิตรถจักรยานให้ได้ถึง 900,000 คัน ภายในสิ้นปี 2561 ที่จะมาถึง ทั้งนี้ปี 2558 ที่ผ่านมา Royal Enfield ถูกจำหน่ายไปแล้วกว่า 450,000 คัน ทั่วโลก

“ปัจจุบัน Royal Enfield  เป็นหนึ่งในแบรนด์ยานยนต์ที่ทำกำไรได้มากที่สุดในโลก และเราเชื่อว่าการเติบโตในอนาคตของเรา จะมาจากตลาดในประเทศไทย ซึ่งมีการใช้รถจักรยานยนต์เพื่อใช้ในการเดินทางที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ความสำเร็จอย่างมากของเราในอินเดีย ทำให้เรามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะทำได้ดีในตลาดที่มีลักษณะเดียวกันอย่างประเทศไทย และอินโดนีเซีย ที่จะมีบทบาทสำคัญในการเติมเชื้อไฟให้การเติบโตในภูมิภาคเอเชียของเรา” Arun Gopal หัวหน้าฝ่ายธุรกิจสากลแห่ง Royal Enfield กล่าวระหว่างเปิดงาน

สำหรับพันธมิตรผู้ได้รับสิทธิ์การจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวของประเทศได้ บริษัท เจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด ผู้คร่ำหวอดในวงการรถจักรยานยนต์ของเมืองไทยเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเป็นการบริหารงานร่วมกันระหว่าง ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์ และ  ณัฐวุฒิ เจริญสุขวัฒนะ 2 กรรมการบริหาร โดย ณัฐวุฒิ เจริญสุขวัฒนะ ได้คาดการยอดจอดจำหน่าย Royal Enfield ไว้ที่ 200-400 คัน ในขวบปีแรกของการทำตลาดในประเทศไทย และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า

“ศูนย์ตัวแทน Royal Enfield  อย่างเป็นทางการหนึ่งเดียวแห่งแรกในไทยนี้ จะมอบประสบการณ์แบบ “Pure Motorcycling” หรือ “มอเตอร์ไซค์บริสุทธ์” ตามปรัชญาของแบรนด์ให้กับผู้เป็นเจ้าของ พื้นที่ขนาด 1,190 ตารางฟุตแห่งนี้จะมอบบรรยากาศเสมือนห้องรับรองสำหรับผู้ที่หลงใหลในการขี่จักรยานยนต์ ร้านนี้ไม่เพียงแต่จะมีเฉพาะรถจักรยานยนต์ของ Royal Enfield  เท่านั้น แต่ยังจะมีชุดเครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์เสริมครบครัน ทั้งอุปกรณ์ชุดป้องกันเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย พื้นที่ภายในร้านไม่ได้รับการออกแบบให้เป็นสถานที่เพื่อขายสินค้าเท่านั้น แต่ยังให้เป็นแหล่งรวมพลของคนที่ชอบในสิ่งเดียวกัน เพื่อให้สามารถพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนทัศนะในเรื่องรถจักรยานยนต์ด้วย”

ภายในงาน Royal Enfield ได้เปิดราคาอย่างเป็นทางการ โดย รถจักรยานยนต์รุ่นบุลเล็ต (Bullet) เปิดตัวที่ 179,800 บาท สำหรับรุ่น 500 ซีซี รุ่นคลาสสิค (Classic) 500 ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์แนวสตรีทเรโทร โด่งดังด้วยรูปลักษณ์ยุคหลังสงคราม ที่มีความงามเป็นอมตะ ราคาอยู่ที่ 189,800 บาท  และรุ่นคลาสสิค โครม (Classic Chrome) ราคา 198,800 บาท นอกจากนี้ ยังมีรอยัล เอ็นฟิลด์แนวคาเฟ่เรเซอร์ รุ่นคอนติเนนตัล จีที (Continental GT) ขนาด 535 CC. ในราคา 219,800 บาท

ทั้งนี้ภายในงานเปิดตัวได้รับเกียรติจาก นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ร่วมในงานเปิดตัว Royal Enfield เอ็กซ์คลูซีฟสโตร์ ขนาด 3,685 ตารางฟุต อย่างเป็นทางการ ณ ซอยสุขุมวิท 55 (ซอยทองหล่อ ตรงข้ามทองหล่อ 23) ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ให้บริการเต็มรูปแบบทุกวัน

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events