<h2 class="p3">คิง เพาเวอร์ มหานคร เปิดตัว ‘มหานคร สกายวอล์ค’ (Mahanakhon Skywalk) แลนด์มาร์คท่องเที่ยวระดับโลกแห่งใหม่ จุดชมวิวชั้นดาดฟ้าแบบ 360 องศาที่สูงที่สุดในประเทศไทย ที่ความสูงถึง 314 เมตร พร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการวันนี้</h2>
มหานคร สกายวอล์ค ตั้งอยู่บนชั้น 74, 75 และ 78 ของอาคารคิง เพาเวอร์ มหานคร โดยมีไฮไลท์อยู่ที่จุดชมวิวชั้นดาดฟ้าแบบ 360 องศา ทั้งภายในและภายนอกอาคาร ตื่นตาตื่นใจไปกับหนึ่งในพื้นกระจกลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และ รูฟ ท็อปบาร์ (Rooftop Bar)  ที่สูงที่สุดในประเทศไทย
พร้อมโดยสารลิฟท์ความเร็วสูงที่มาพร้อมจอแอนิเมชั่นขนาดใหญ่ ที่จะพาทุกท่านขึ้นไปยังจุดชมวิวชั้น 74 ภายในระยะเวลาเพียง 50 วินาที โดยตั้งเป้าสร้างปรากฎการณ์จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระดับสากลแห่งใหม่ และเป็น Global Landmark Destination 
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คิง เพาเวอร์ มหานคร กล่าวว่า มหานคร สกายวอล์ค เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญและความภาคภูมิใจของ คิง เพาเวอร์ บริษัทของคนไทย ที่พร้อมยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทย ด้วยการสร้างปรากฎการณ์ใหม่ด้านเดสติเนชั่นแห่งการท่องเที่ยวระดับโลก กับสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ล่าสุดใจกลางกรุงเทพมหานคร จุดชมวิวชั้นดาดฟ้าแบบ 360 องศา และ Rooftop Bar ที่สูงที่สุดในประเทศไทย ด้วยความสูง 314 เมตร เหนือพื้นดิน
โดยตั้งเป้าให้มหานคร สกายวอล์ค เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และการใช้จ่ายภายในประเทศในระยะยาว พร้อมทั้งเสริมสร้างภาพลักษณ์อันดีให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย และธุรกิจค้าปลีกในประเทศอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ มหานคร สกายวอล์ค ประกอบด้วย

<ul class="ul1">
 	<li class="li3">ชั้น 1: ล็อบบี้ ทางเข้าหลัก และเป็นจุดจำหน่ายบัตรเข้าชมมหานคร สกายวอล์ค ตกแต่งด้วยเรื่องราวของกรุงเทพมหานครตลอดทางเดินก่อนถึงลิฟท์ความเร็วสูงที่จะนำท่านขึ้นไปยังชั้น 74 ภายใน 50 วินาที</li>
 	<li class="li3">ชั้น 74: จุดชมวิวภายในอาคาร (Indoor Observation Deck) เพลิดเพลินไปกับความงามของสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในกรุงเทพมหานครผ่านระบบเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) กับมุมมองกรุงเทพมหานคร แบบ 360 องศา พร้อมส่งโปสการ์ดจากตู้ไปรษณีย์ ที่สูงที่สุดในประเทศไทย</li>
 	<li class="li3">ชั้น 75: บริเวณชั้นลอย ห้องน้ำ และจุดขึ้นลิฟท์แก้ว</li>
 	<li class="li3">ชั้น 78:  ชั้นดาดฟ้า (Rooftop) และจุดชมวิวภายนอกอาคาร (Outdoor Observation Deck) โดยมีไฮไลท์คือ พื้นกระจกลอยฟ้า (Glass Tray) ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นกระจกลอยฟ้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สูงเหนือพื้น 310 เมตร, จุดชมวิวชั้นดาดฟ้าแบบ 360 องศา, รูฟท็อปบาร์ (Rooftop Bar) ที่สูงที่สุดในประเทศไทย พร้อมเครื่องดื่มและค็อกเทลสูตรพิเศษ</li>
</ul>
มหานคร สกายวอล์ค ตั้งอยู่บนตึกคิง เพาเวอร์ มหานคร สถานีบีทีเอสช่องนนทรี เปิดให้บริการในเวลา 10.00 – 24.00 น. (เปิดให้เข้าชมรอบสุดท้าย 23.00 น.)
บัตรเข้าชมแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

<ul class="ul1">
 	<li class="li3">บัตรสำหรับจุดชมวิวภายในอาคาร ชั้น 74
บัตรผู้ใหญ่ราคา 850 บาท และบัตรเด็กต่ำกว่า 12 ปี/ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ราคา 250 บาท</li>
 	<li class="li3">บัตรสำหรับจุดชมวิวภายในและภายนอกอาคาร ชั้น 74 และ 78
บัตรผู้ใหญ่ราคา 1,050 บาท และบัตรเด็กต่ำกว่า 12 ปี/ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ราคา 450 บาท</li>
</ul>
พบกับโปรโมชั่นพิเศษฉลองช่วงเปิดตั้งแต่ 16 พฤศจิกายน 2561 – 31 มกราคม 2562 ซื้อบัตรเข้าชมจุดชมวิวภายใน และภายนอกอาคารในราคา *765 บาทเท่านั้น (จากราคา 1,050 บาท) ที่จุดจำหน่ายบัตรเข้าชมมหานคร สกายวอล์ค ชั้น 1
*ข้อกำหนดและเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

คิง เพาเวอร์ มหานคร เผยโฉม ‘มหานคร สกายวอล์ค’ จุดชมวิวชั้นดาดฟ้าแบบ 360 องศา และรูฟท็อปบาร์ที่สูงที่สุดในไทย

<h2>ตึกสูงที่สุดในประเทศไทยโครงการ “มหานคร” หลังก่อสร้างเสร็จพร้อมอยู่ ขยับราคาห้องชุด 50 ยูนิตสุดท้ายราคาเฉลี่ย 4.94 แสนบาท/ตร.ม. หรือ 60-296 ล้านบาทต่อยูนิต ราคาพุ่ง 115% เพซฯ ยอมรับตลาดซูเปอร์ลักซัวรี่แข่งขันหนัก ยื้อลูกค้าด้วยจุดขาย “วิวสูงที่สุดในกรุงเทพฯ”</h2>
นฤมล จุฑาประทีป ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสื่อสารองค์กรและการตลาด บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการมหานคร ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูส โรงแรม ที่พักอาศัย และร้านค้ารีเทล สูง 77 ชั้น บนถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ส่วนที่พักอาศัยของอาคารคือ คอนโดมิเนียม เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก จำนวน 209 ยูนิต ได้ก่อสร้างเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ มียอดพรีเซลแล้ว 75% และทยอยโอนให้กับลูกค้าแล้ว 50% ของโครงการ

<figure><img style="width: 340px; height: 527px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/2ef5b7735539695046b7bbde5e00c570.png" alt="" width="340" height="527" /><figcaption> นฤมล จุฑาประทีป ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสื่อสารองค์กรและการตลาด บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)</figcaption></figure>

เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก มีห้องชุดแบบ 2-4 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 125-844 ตร.ม. โดยห้องชุดจำนวน 50 ยูนิตที่เหลือ บริษัทได้ปรับราคาเฉลี่ยขึ้นเป็น 4.94 แสนบาท/ตร.ม. ราคาต่อยูนิต 60-296 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงการได้ตกแต่งห้องตัวอย่างบนอาคารจริงทั้งหมด 4 ห้อง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าชมตัวอย่างห้องจริงและวิวทิวทัศน์จริงจากตึกมหานคร

นฤมล กล่าวว่า ราคาในช่วงเปิดตัวครั้งแรกตั้งแต่เมื่อปี 2553 ซึ่งขณะนั้นโครงการเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก ยังเปิดขายแบบสิทธิการเช่า (leasehold) เปิดพรีเซลด้วยราคา 2.3 แสนบาท/ตร.ม. ต่อมาปรับเปลี่ยนเป็นแบบขายกรรมสิทธิ์ (freehold) ทั้งหมด และได้ปรับราคาขึ้นมาจนถึง 4.94 แสนบาท/ตร.ม. ในปัจจุบัน ถือเป็นโครงการระดับซูเปอร์ลักซัวรีใจกลางกรุงเทพฯ

<figure><img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/7b45d23cada02f3fe07e7c94b7baf396.png" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> ห้องตัวอย่างแบบ 4 ห้องนอนบนโซนสกาย เรสซิเดนซ์ชั้น 58</figcaption></figure>

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการแข่งขันของคอนโดฯ ระดับซูเปอร์ลักซัวรีในระยะหลังมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นมาก ด้วยมีหลายโครงการหรูที่ก่อสร้างขึ้นบนทำเลทอง แต่เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก ยังมั่นใจว่ามีจุดขายจากการเป็นโครงการที่บริหารด้วยเชนโรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน ซึ่งจะทำให้ลูกบ้านได้รับบริการระดับเดียวกับโรงแรม 5 ดาว และโดยเฉพาะ โซนสกาย เรสซิเดนซ์ บนชั้น 57-72 ของโครงการมีความสูงเหนือพื้นดิน 216-300 เมตร ทำให้เป็นที่พักอาศัยที่สูงเหนือกว่ายอดตึกสูงหลายแห่งของกรุงเทพฯ พร้อมด้วยวิวห้องชุดแบบพาโนรามา 270 องศา จึงน่าจะเป็นจุดขายที่โดดเด่นสำหรับโครงการนี้

“การตลาดเราเน้นจัดงานชมโครงการแบบพิเศษเป็นกลุ่มเล็กๆ ไม่เกิน 40 ท่าน มีทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างประเทศที่ให้ความสนใจ และใช้สื่อออนไลน์ที่ตรงกลุ่มเป้าหมายลูกค้าระดับไฮเอนด์เป็นหลัก ขณะนี้อยู่ระหว่างตัดสินใจว่าจะมีการนำโครงการไปโร้ดโชว์ต่างประเทศหรือไม่ ซึ่งประเทศที่สนใจ เช่น รัสเซีย ฮ่องกง อังกฤษ” นฤมลกล่าว

<img style="width: 680px; height: 456px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/e02ed8467d347a55aad48e02a6c51fc9.png" alt="" />

<figure><img style="width: 680px; height: 452px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/127e631015f94b62a8e5f7cc96d8f93b.png" alt="" width="680" height="452" /><figcaption> ห้องตัวอย่างตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์จากชนินทร์ ลิฟวิ่ง</figcaption></figure>

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/580405778d25934489eae2e9521ddc89.png" alt="" />

<figure><img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/2988283479a6d1dede82ee0e43b78299.png" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> วิวจากชั้น 58 ของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก มองเห็นวิวตั้งแต่ราษฎร์บูรณะ สาทร เจริญกรุง และริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา</figcaption></figure>

&nbsp;

Forbes Facts
<ul>
 	<li>นฤมลกล่าวเสริมว่า 60-70% ของลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อห้องชุดแล้วเป็นชาวต่างชาติ</li>
 	<li>ห้องชุดราคาสูงสุดของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอกที่ปิดการขายแล้วคือ เพนท์เฮาส์พื้นที่ใช้สอย 800 ตร.ม. บนชั้น 70 ราคาขาย 500 ล้านบาท หรือคิดเป็นราคาเฉลี่ย 6.25 แสนบาท/ตร.ม.</li>
 	<li>Forbes Thailand รายงานว่า ปัจจุบันคอนโดมิเนียมราคาแพงที่สุดในไทยยังคงเป็นโครงการ 98 Wireless พัฒนาโดยบมจ.แสนสิริ ราคาเฉลี่ย 5.8 แสนบาท/ตร.ม. รองลงมาคือ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ในโครงการไอคอนสยาม ราคาเฉลี่ยราว 5 แสนบาท/ตร.ม. และ เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก ด้วยราคาเฉลี่ย 4.94 แสนบาท/ตร.ม. ทำให้ขยับขึ้นมาเป็นโครงการอันดับ 3 ที่แพงที่สุดในไทย</li>
 	<li>สำหรับส่วนของ โรงแรมบางกอก เอดิชั่น บนชั้น 1-20, ส่วนสกายบาร์และจุดชมวิวบนชั้น 74-77 และตึกรีเทล 6 ชั้น มหานคร คิวบ์ ที่แยกส่วนออกมา คาดว่าจะเปิดบริการได้ช่วงไตรมาส 1 ปี 2561 เลื่อนจากแผนเดิมที่คาดว่าจะเปิดบริการได้กลางปี’60</li>
</ul>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events