<h2>ก.ล.ต. กล่าวโทษนายบุญ วนาสิน ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กรณีบอกกล่าว เผยแพร่ หรือให้คำรับรองข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความอันอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวกับบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (THG) และรายงานการดำเนินการต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อเดือนตุลาคม 2567 และดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม กรณีการให้สัมภาษณ์ของนายบุญ ผ่านสื่อมวลชนแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 ว่า ตนและครอบครัวไม่เคยนำหุ้น THG ที่ถือไปจำนำหรือกู้เพื่อขอสินเชื่อทั้งในและนอกตลาด ไม่กล้าทำ เพราะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ นั้น แต่จากการตรวจสอบพบพยานหลักฐานที่พิจารณาได้ว่า การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่พบว่านายบุญและบุคคลในกลุ่มวนาสินมีการจำนำหุ้น THG ไว้กับบุคคลหลายรายในจำนวนที่มีนัยสำคัญ และหุ้นดังกล่าวบางส่วนได้ถูกบังคับจำนำไปขายทอดตลาดแล้ว และส่วนที่เหลือมีโอกาสสูงที่จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นของบุคคลอื่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดังนั้น โดยที่นายบุญและกลุ่มวนาสินเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ของบริษัท THG การให้สัมภาษณ์ของนายบุญตามที่กล่าวข้างต้น ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ของ THG จะยังคงมีนายบุญและกลุ่มวนาสินเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ THG อันดับ 2 ต่อไป จึงเข้าข่ายเป็นการบอกกล่าว เผยแพร่ หรือให้คำรับรองข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความอันอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวกับบริษัท THG โดยประการที่น่าจะทำให้มีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ หรือต่อการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 240 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) ซึ่งมีระวางโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน ก.ล.ต. จึงได้กล่าวโทษนายบุญ ต่อ บก.ปอศ. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้รายงานการดำเนินการตามข้างต้นต่อ ปปง. เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป เนื่องจากความผิดดังกล่าวเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ภายหลังการกล่าวโทษของ ก.ล.ต. กระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาต่อไปเป็นการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ และการพิจารณาของศาลยุติธรรม ตามลำดับ โดย ก.ล.ต. จะติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดี และจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ในกระบวนการภายหลัง ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษแล้ว ภาพ: ก.ล.ต. เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/thg-set-sep-2024" alt="สรุปปม ‘รายการต้องสงสัย’ และเส้นทางของ THG หลังราคาหุ้นบางช่วงร่วงเกือบ 20%">สรุปปม ‘รายการต้องสงสัย’ และเส้นทางของ THG หลังราคาหุ้นบางช่วงร่วงเกือบ 20%</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ก.ล.ต. กล่าวโทษ ‘หมอบุญ’ ต่อ บก.ปอศ. กรณีเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จฯ เคส THG

<h2>ช่วงที่ผ่านมา กระแสข่าวที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากคือ ศาลออกหมายจับนายแพทย์บุญ วนาสิน ในข้อหาฉ้อโกง และฟอกเงิน คาดว่าอาจมีมูลค่าความเสียหายกว่า 7,500 ล้านบาท ล่าสุดทาง THG ซึ่งเคยมีหมอบุญดำรงตำแหน่งในบริษัทฯ จึงได้ออกมาชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุว่า จากกรณีที่ว่าศาลออกหมายจับ นายแพทย์บุญ วนาสิน ในข้อหาฉ้อโกง และฟอกเงิน รวมถึงนางจารุวรรณ วนาสิน ภรรยาของนายแพทย์บุญ และนางสาวนลิน วนาสิน บุตรสาวของนายแพทย์บุญ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนของ กรณีนายแพทย์บุญ วนาสิน ที่บางสื่อนำเสนอว่า ได้นำเงินส่วนตัวเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ (โครงการที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุ) นั้นไม่เป็นความจริง โดย โครงการดังกล่าว เป็นการลงทุนของบริษัท ธนบุรี เวลบีอิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ THG&nbsp;โดยบริษัทฯ ถือหุ้นเกือบทั้งหมดในบริษัทฯ นี้ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนถึงปัจจุบัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนกรณีที่นายแพทย์บุญ วนาสิน ชักชวนนักลงทุนในธุรกิจทางการแพทย์ 5 โครงการ ได้แก่&nbsp; &nbsp; 1) โครงการสร้างศูนย์มะเร็งย่านปิ่นเกล้า &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2) โครงการเวลเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3) โครงการโรงพยาบาลในลาว 3 แห่ง &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4) โครงการเข้าร่วมทุนกับโรงพยาบาลในเวียดนาม &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;5) โครงการสร้าง Medical intelligence<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/WLFQ6xrwamBiZ8efhkSG.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-index="2" data-file-name="WLFQ6xrwamBiZ8efhkSG.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px; transform: rotate(0deg);"><figcaption style="margin-top: 0px;"><div>นายแพทย์บุญ วนาสิน อดีตกรรมการและประธานกรรมการของ THG</div></figcaption></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทางบริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่าการชักชวนนักลงทุนต่าง ๆ ให้เข้าลงทุนในโครงการต่าง ๆ ข้างต้นนั้น เป็นการดำเนินการโดยนายแพทย์บุญ วนาสินแต่เพียงผู้เดียว บริษัทฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ มี 2 โครงการที่ THG เข้าไปเกี่ยวข้องในช่วงแรก ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ศูนยมะเร็งย่านปิ่นเกล้า โดยได้เข้าทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในโครงการร่วมทุนเพื่อสร้างศูนย์มะเร็ง ศูนย์ดูแลฟื้นฟูผู้ป่วยหลังผ่าตัด ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุครบวงจร และศูนย์ดูแลสุขภาพองค์รวม ย่านปิ่นเกล้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- แผนการสร้างโรงพยาบาลในนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม มีการศึกษาความเป็นไปได้ในเข้าลงทุน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 โครงการนี้ THG ได้พิจารณาแผนความเป็นไปได้ของโครงการทั้งสองอย่างละเอียดแล้ว และตัดสินใจไม่ดำเนินการลงทุนในทั้งสองโครงการ โดยการให้ข่าวเกี่ยวกับโครงการทั้งสองดังกล่าวเป็นการให้ข่าวโดยนายแพทย์บุญ วนาสิน เอง ซึ่งบริษัทฯ ไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการให้ข่าวดังกล่าวแต่อย่างใด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ นายแพทย์บุญ วนาสิน ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการและประธานกรรมการของ THG ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2565 และปัจจุบันไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดๆ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารงานของบริษัทฯ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนของกรรมการปัจจุบัน ทั้งนางจารุวรรณ และนางสาวนลิน ยังดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการของบริษัทฯ ซึ่งขณะนี้ทั้ง 2 ท่าน ได้เข้ามอบตัวต่อตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ โดยให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยชี้แจงว่าลายมือชื่อในเอกสารที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาดังกล่าวถูกปลอมแปลง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุด ทาง THG มิได้รับการติดต่อเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงใดๆ จากทั้ง 2 ท่าน และยังไม่ได้แสดงเจตจำนงลาออกจากตำแหน่งกรรมการของบริษัทฯ ซึ่งจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในปัจจุบัน และตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย การที่ทั้งสองท่านถูกแจ้งข้อกล่าวหา ยังมิได้ส่งผลให้ทั้งสองท่านขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ เนื่องจากข้อกล่าวหาดังกล่าวยังอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาทางกฎหมาย และยังไม่มีคำตัดสินถึงที่สุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ทั้งนางจารุวรรณ และนางสาวนลิน ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้มีอำนาจตามหนังสือรับรองของบริษัทฯ ดังนั้น จึงไม่มีอำนาจกระทำการใดๆ ในนามของบริษัทฯ ซึ่งจะสามารถผูกพันบริษัทได้ การดำเนินงานของบริษัทฯ ยังคงดำเนินต่อไปตามปกติ และไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการดำเนินธุรกิจ หรือการปฏิบัติงานของบริษัทฯ แต่บริษัท จะมีการติดตามกรณีต่างๆ อย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หากมีข้อมูลเพิ่มเติมหรือความคืบหน้าใดๆบริษัทจะเร่งดำเนินการแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและนักลงทุนทราบทันที ภาพ: THG, Forbes Thailand เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/tfpa-partnerd-bank-of-thailand-providing-financial-knowledge-to-thai-people" alt="หนี้ครัวเรือนไทยพุ่ง 91.4% ต่อ GDP สมาคม TFPA จับมือ ‘แบงก์ชาติ’ สร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินให้ประชาชน"></a><a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/tfpa-partnerd-bank-of-thailand-providing-financial-knowledge-to-thai-people" alt="หนี้ครัวเรือนไทยพุ่ง 91.4% ต่อ GDP สมาคม TFPA จับมือ ‘แบงก์ชาติ’ สร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินให้ประชาชน"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/tcg-transforns-to-nacga" alt="บสย. พร้อม Transforms สู่ สถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ NaCGA"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/bch-confident-revenue-2024-reach-12-billions-baht" alt="BCH มั่นใจรายได้ปี 67 แตะ 1.2 หมื่นล้าน ผลจากครึ่งปีหลังเป็นช่วง High-Season ธุรกิจโรงพยาบาล">BCH มั่นใจรายได้ปี 67 แตะ 1.2 หมื่นล้าน ผลจากครึ่งปีหลังเป็นช่วง High-Season ธุรกิจโรงพยาบาล</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

THG เร่งแจง ‘ไม่มีส่วนร่วม’ กรณีหมอบุญชวนลงทุน ย้ำโครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ เป็นของบริษัทย่อย

<h2>สัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวร้อนในวงการหุ้นคงหนีไม่พ้น บมจ. ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ THG ที่ออกมารายงานว่าเจอ ‘รายการต้องสงสัย’ ทั้งมีคำสั่งซื้อออกไปแต่ไม่มีหลักฐานว่าได้รับของที่สั่ง ไปจนถึงการให้เงินกู้กับบริษัทในเครือตระกูลวนาสินของหมอบุญ มูลค่ารวมหลักร้อยล้านบาท ทำให้ราคาหุ้นของ THG ปรับตัวลดลงกว่า 20% ในช่วงที่ผ่านมา</h2> THG กับรายการต้องสงสัยมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท&nbsp; &nbsp; &nbsp;ย้อนไปวันที่ 20 ก.ย. หลังจากตลาดหุ้นปิดทำการ ทาง บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เจ้าของเครือโรงพยาบาลธนบุรีได้ส่งรายงานมาที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าตรวจพบ ‘รายการอันควรสงสัย’ ของ 2 บริษัทย่อย ได้แก่&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;1) บริษัท โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง จำกัด หรือ THB (THG ถือหุ้น 83.03% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ THB)&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;2) บริษัท ที เอช เฮลท์ จำกัด หรือ THH (THG ถือหุ้น 51.22% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ THH)&nbsp; &nbsp; &nbsp;ในรายงานพบว่า มีรายการที่น่าสงสัยเกี่ยวกับ 2 บริษัทย่อยนี้โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;- เงินกู้ให้ บริษัท ราชธานีพัฒนาการ (2014) จำกัด หรือ RTD&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp; นับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2565 ถึงปี 2566 บริษัทย่อยทั้ง THB และ THH ให้กู้ยืมเงินแก่ บริษัท ราชธานีพัฒนาการ (2014) จำกัด หรือ RTD ซึ่งเป็นบริษัทที่มีกลุ่มครอบครัววนาสินเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (40.80% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ RTD) รวมทั้งสิ้น 6 รายการ คิดเป็นยอดเงินรวม 145 ล้านบาท&nbsp; &nbsp; &nbsp; - เงินกู้ให้ บริษัท ไทย เมดิเคิล กรุ๊ป จำกัด&nbsp; &nbsp; &nbsp; ในปี 2566 ทาง THB ให้กู้ยืมเงินแก่ บริษัท ไทย เมดิเคิล กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ RTD เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (กลุ่มครอบครัววนาสิน และ RTD ถือหุ้น 36.1% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด) รวมทั้งสิ้น 1 รายการ คิดเป็นยอดเงินรวม 10 ล้านบาท&nbsp; &nbsp; &nbsp; - คำสั่งซื้อที่ไม่รับมอบสินค้าจริง&nbsp; &nbsp; &nbsp; ในปี 2566 THH สั่งซื้อสินค้าจาก Scientific Software Solutions บริษัทมีการจดทะเบียนจัดตั้งในสิงคโปร์ ที่ตั้งขึ้นในปีเดียวกัน แต่ไม่มีการรับมอบสินค้าจริง รวม 2 รายการ คิดเป็นยอดเงิน 55 ล้านบาท(ณ ปัจจุบัน ยอดหนี้คงค้างของรายการทั้งหมดนี้อยู่ที่ 105 ล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น)&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;ทางบริษัท THG ได้รายงานว่าข้อมูลเหล่านี้ได้ส่งเรื่องเข้ามาที่คณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทฯ เมื่อ 23 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยการทำรายการที่น่าสงสัยทั้งหมดนี้ กระทำโดยฝ่ายบริหารบางส่วนของบริษัทย่อย ซึ่งเป็นการกระทำนอกอำนาจหน้าที่ ไม่ได้ทำตามระเบียบและประกาศที่เกี่ยวข้อง ที่สำคัญไม่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการของบริษัท THG&nbsp; &nbsp; &nbsp;จากข่าวเหล่านี้ผลกระทบที่เห็นชัดเจนคือ เช้าวันที่ 23 ก.ย. 2567 หุ้นของ THG ร่วงลงแรงจากวันก่อนหน้าที่ราคา 25.25 บาท/หุ้น โดยระหว่างวันมาเจอจุดต่ำสุดที่ 19.10 บาทต่อหุ้น ถือว่าร่วงลงกว่า 24.3% แต่ภายในสัปดาห์เดียวกันก็กลับมาทะลุ 20 บาทต่อหุ้นได้<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/2A4fjwNvbEoDWLbfqD7q.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="1" data-file-name="2A4fjwNvbEoDWLbfqD7q.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> THG ใต้ร่ม&nbsp;'รพ.รามคำแหง-ตระกูลวนาสิน' จะเดินหน้าต่ออย่างไร&nbsp; &nbsp; &nbsp;ที่ผ่านมา THG เจ้าของเครือโรงพยาบาลธนบุรี มีผู้ก่อตั้งคือ นายแพทย์บุญ วนาสิน (หมอบุญ) ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งกรรมการ และประธานกรรมการของ THG ก่อนจะลาออกช่วงเดือน ส.ค. 2665 โดยมีการแต่งตั้ง นางจารุวรรณ วนาสิน (ภรรยาของหมอบุญ) ขึ้นเป็นกรรมการทดแทน และประธานกรรมการ (มีผล 27 ส.ค. 2565)&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์การตรวจพบรายการที่น่าสงสัยในปี 2567 นี้ กลับพบว่า (25 ก.ย. 67) THG ได้พิจารณาและมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายแพทย์เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์ (ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริษัท กิตติมศักดิ์ของโรงพยาบาลรามคำแหง) ขึ้นเป็นประธานกรรมการบริษัท THG แทน นางจารุวรรณ วนาสิน ซึ่งยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทอยู่&nbsp; &nbsp; &nbsp;แน่นอนว่าฝั่งโรงพยาบาลรามคำแหง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ THG โดยอยู่อันดับที่ 1 ซึ่งถือหุ้นอยู่ 24.59% ส่วนกลุ่มครอบครัววนาสิน มีการถือหุ้นทางตรงและทางอ้อมรวม 21.51% ใน THG (ถือผ่าน RTD)&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;ขณะที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในคณะกรรมการฯ ของ THG ตัวองค์กรก็ประกาศเร่งมือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น สอบสวนข้อเท็จจริง สั่งโยกย้ายบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการทำรายการอันควรสงสัยนี้ ฯลฯ&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp; ในส่วนการเงิน THG อยู่ระหว่างวิเคราะห์ผลกระทบต่อผลการดำเนินงาน ฐานะการเงิน รวมถึงความเสี่ยงในด้านต่างๆ และมีการแจ้งเรื่องนี้กับผู้สอบบัญชีของบริษัทฯ แล้วตั้งแต่ 13 ก.ย. 67 ที่ผ่านมา ซึ่งหากมีผลกระทบจะแจ้งในงบการเงินรวมของไตรมาส 3 ที่กำลังจะจัดทำ และเปิดเผยให้ผู้ลงทุนทราบต่อไป&nbsp;<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/GhPL6B8N4q98LyX9GyLw.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="GhPL6B8N4q98LyX9GyLw.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> ตลท. ติดตามใกล้ชิด นักวิเคราะห์มอง Q3/67 THG อาจขาดทุน&nbsp; &nbsp; &nbsp;นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ โฆษกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงกรณี THG ว่า การตรวจสอบในเชิงลึกกรณีที่เกิดขึ้น ต้องเป็นบริษัทฯ เพราะบริษัทเป็นผู้เสียหายซึ่งมีหน้าที่ต้องไปแจ้งความดำเนินการ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบริษัท&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;“ตลท. เป็นผู้รับข้อมูลเหมือนผู้ลงทุนทั่วไป ดังนั้นเมื่อข้อมูลที่ชี้แจงไม่ชัดเจน เราต้องติดตามเพื่อให้ชัดเจน สิ่งที่เราต้องทำคือ ให้บริษัทยืนยันออกมาว่าอะไรคือจริง อะไรคือเท็จ หากผู้มีอำนาจในการเปิดเผยสารสนเทศของบริษัทยืนยันมา ต้องเชื่อถือตามนั้น หากเขาเปิดเผยไม่ถูกต้องถือว่ามีความผิดต่อกฎหมายหลักทรัพย์” รองรักษ์ กล่าว&nbsp; &nbsp; &nbsp;ทั้งนี้ หากมีความเสียหายเกิดขึ้น ตลท. คงเข้าไปดูในงบการเงินว่า ไตรมาส 3/67 (คาดว่า พ.ย. 67) มีการสะท้อนผลกระทบที่เกิดขึ้นหรือไม่ มีหมายเหตุกรณีเหล่านี้อย่างไร หากพบว่ามีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ และตลท. ต้องเข้าไปดูในรายละเอียด เช่น ผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตอย่างไร&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp; ขณะที่ ‘มินทรา รัตยาภาส’ นักวิเคราะห์อาวุโส กลุ่มการแพทย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี เล่าถึงผลกระทบจากกรณี ‘รายการควรต้องสงสัย’ มองว่าเป็นปัจจัยลบที่เกิดจากปัญหาการควบคุมภายในบริษัท THG อาจมีผลต่อภาพลักษณ์และอันดับเครดิตขององค์กร ส่วนผลกระทบในเชิงมูลค่าจากความเสียหายที่เกิดขึ้น อาจเป็นการตั้งสำรองหนี้ในไตรมาส 3 ปี 2567 คือเงินต้นและดอกเบี้ยราว 110 ล้านบาท&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;อย่างไรก็ตาม ในภาพรวม THG อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างธุรกิจ 2 ส่วนที่ยังขาดทุนอยู่ คือ โรงพยาบาลบำรุงเมืองและ Jin wellbeing (ที่พักอาศัยผู้สูงอายุ) ที่มีผลการดำเนินงานขาดทุน และเป็นต้นทุนและค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งจะเป็นตัวฉุดภาพรวมรายได้ให้เติบโตช้า ในไตรมาส 3/67 มีโอกาสขาดทุน ทั้งนี้ บล.กรุงศรีปรับคาดการณ์กำไรสุทธิของ THG ปี 2567 ลดลง 69% มาอยู่ที่ 122 ล้านบาท&nbsp; เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/forbes-life/the-eye/thai-masterpieces-in-christies-20th-2-st-century-sales" alt="‘คริสตีส์ ฮ่องกง’ ฉลองเปิดบ้านใหม่จัดประมูลศิลปะศตวรรษที่ 20-21 พางานมาสเตอร์พีซไทยเคียงข้างตำนานระดับโลก"></a><a href="https://forbesthailand.com/newsmarketing/ohkajhu-prepare-to-sell-no-more-than-159-million-ipo-shares" alt="อ่านกลยุทธ์ โอ้กะจู๋ ธุรกิจผักออร์แกนิกรายได้พันล้าน ขยายแบรนด์ใหม่ เน้น ‘ย่อให้เล็ก’ เพิ่มการเข้าถึง"></a><a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/global/us-doj-sues-visa-for-monopolizing-debit-payments" alt="กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นฟ้อง Visa ชี้ผูกขาดการชำระเงิน ทำราคาสินค้าพุ่ง"></a><a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/thailand-wellness-and-healthcare-expo-2024-success" alt="ย้ำแกร่งธุรกิจสุขภาพไทย! Thailand Wellness &amp; Healthcare Expo 2024 ปิดฉากงดงาม เงินสะพัดกว่า 227 ล้านบาท"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/bh-vitallife-sep-2024" alt="รพ. บำรุงราษฎร์ รีแบรนด์ ‘ศูนย์สุขภาพฯ VitalLife’ ในรอบ 24 ปี รุกขยายกลุ่มต่างชาติ คาดรายได้ปี 67 โตเกิน 10%">รพ. บำรุงราษฎร์ รีแบรนด์ ‘ศูนย์สุขภาพฯ VitalLife’ ในรอบ 24 ปี รุกขยายกลุ่มต่างชาติ คาดรายได้ปี 67 โตเกิน 10%</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

สรุปปม ‘รายการต้องสงสัย’ และเส้นทางของ THG หลังราคาหุ้นบางช่วงร่วงเกือบ 20% 

<h2>‘บมจ. ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป’ หรือ THG ลงนามเอ็มโอยูกับ ‘วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาฯ’ ร่วมมือยกระดับมาตรฐานการพัฒนาและผลิตสกัดกัญชง กัญชา เพื่อใช้ทางการแพทย์ ครอบคลุมต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ</h2>
- THG โครงการจัดตั้งโรงสกัดสารจากกัญชาที่มีมาตรฐานในระดับการแพทย์ (Medical Grade) คาดมีมูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท
- ศูนย์วิจัยยาเสพติด วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาฯ ดำเนินงานตั้งแต่ปี 2515 
- ป.ป.ส. เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนทุนในโครงการ ‘ศูนย์วิจัยยาเสพติด’

นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเผยว่า จากวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่ต้องการยกระดับมาตรฐานกัญชงและกัญชาในประเทศไทยเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการนำไปใช้ในทางการแพทย์ ที่ต้องให้ความสำคัญตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาสายพันธุ์ที่ดี เพาะปลูก การสกัดสารสำคัญ การนำสารสกัดไปใช้เพื่อการผลิตเวชภัณฑ์ยาที่ได้มาตรฐาน

ล่าสุด THG  จึงได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) กับศูนย์วิจัยยาเสพติด วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่นำไปสู่ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และสนับสนุนการเพาะปลูก วิจัย สกัด และตรวจวิเคราะห์ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพระดับ Medical Grade สามารถนำไปใช้ทางการแพทย์และจำหน่ายเชิงพาณิชย์ และยังส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาด้านการศึกษาพืชกัญชงและกัญชาเพิ่มมากขึ้น

<img class="alignnone wp-image-43807 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/THG_005.jpg" alt="THG" width="600" height="400" />

โดยบริษัทฯ พร้อมสนับสนุนด้านการจัดหาเทคโนโลยีในการจัดตั้งโรงสกัดสารจากกัญชาที่มีมาตรฐานในระดับการแพทย์ (Medical Grade) สามารถสกัดสารสำคัญต่างๆ อย่างมีคุณภาพและมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง ตลอดจนการตรวจสอบคุณภาพ ตรวจสอบระดับสารสำคัญต่างๆ ตรวจสอบสารปนเปื้อน เพื่อนำไปสู่การออกใบรับรองมาตรฐานระดับ Medical Grade นอกจากนี้จะสนับสนุนการจัดหาเทคโนโลยีด้านการผสมสารสกัดจากพืชกัญชง กัญชาและการพัฒนาเวชภัณฑ์ยาเพื่อใช้ทางการแพทย์ รวมถึงดูแลด้านการตลาด และการจัดจำหน่าย

“ในระยะแรกเรามุ่งไปที่การสนับสนุนด้านการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ ปัจจัยสนับสนุนการปลูก และการจัดตั้งโรงสกัดสารจากกัญชาที่ได้มาตรฐาน จากนั้นจะเป็นการขยายการปลูก และกำลังการผลิต คาดว่าโครงการนี้จะมีมูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาท โดยอาจมีพันธมิตรร่วมกันลงทุน โดยเชื่อว่าความร่วมมือนี้จะเป็นประโยชน์กับการแพทย์ไทย ที่จะเปิดโอกาสให้คนได้เข้าถึงทางเลือกในการรักษาโรค โดยมีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ได้มาตรฐาน อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนภาควิชาการ เพิ่มขีดความสามารถการวิจัย ส่งเสริมการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง” นายแพทย์บุญ กล่าว

<img class="alignnone wp-image-43806 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/THG_004.jpg" alt="THG" width="600" height="400" />

ศาสตราจารย์ ดร.สถิรกร พงศ์พานิช คณบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า  ‘ศูนย์วิจัยยาเสพติด’ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาฯ (Drug Dependence Research Center (DDRC) เริ่มดำเนินงานตั้งแต่ปี 2515 จนถึงปัจจุบัน นับเป็นเวลา 49 ปี โดยองค์การอนามัยโลกได้แต่งตั้งให้เป็น WHO Collaborating Centre for Research and Training in Drug Dependence (WHOCC) แห่งเดียวในประเทศไทย

‘ศูนย์วิจัยยาเสพติด’ มีวิสัยทัศน์เป็นองค์กรชั้นนำในการศึกษาวิจัย การสร้างนวัตกรรม และการเชื่อมโยงข้อมูล/องค์ความรู้ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับสากล ด้านปัญหายาเสพติดรวมถึงผลเกี่ยวเนื่อง และผลกระทบด้านสุขภาพที่สำคัญ ‘ศูนย์วิจัยยาเสพติด’ ได้ขยายการดำเนินงานไป ณ โครงการพัฒนาที่ดินจุฬาฯ – สระบุรี ภายใต้โครงการวิจัยกัญชา: เชิงสังคมและเชิงวิทยาศาสตร์และแนวทางกฎหมายตามยุทธศาสตร์ความมั่นคงของประเทศ สนับสนุนทุนโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) จึงเป็นที่มาของการวิจัยกัญชาเพื่อพัฒนาสายพันธุ์ที่เหมาะสมสำหรับใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ การเพาะปลูกแบบชีวภาพ รวมทั้งการสร้างระบบ วิธีการ ติดตามควบคุมกัญชา

สำหรับการวิจัยและพัฒนากัญชาของศูนย์วิจัยยาเสพติด วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาฯ ในช่วงที่ผ่านมา เริ่มต้นตั้งแต่การพัฒนาสายพันธุ์ที่เหมาะกับสภาพอากาศในประเทศไทยเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ
มีสารสกัดในสัดส่วนที่เหมาะสมเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ซึ่งจำเป็นต้องมีระบบการควบคุมดูแลที่ดี ตั้งแต่กระบวนการเพาะปลูก การเตรียมดินและปุ๋ยชีวภาพ เพาะปลูกในอุณหภูมิและระดับความชื้นที่เหมาะสม การพัฒนาสายพันธุ์และเมล็ดพันธุ์ การสกัดสารที่สำคัญต่างๆ และการวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ

<img class="alignnone wp-image-43805 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/THG_003.jpg" alt="THG" width="600" height="400" />

ศาสตราจารย์ ดร. จิตรลดา อารีย์สันติชัย รองคณบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาฯ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยาเสพติด กล่าวว่า ศูนย์วิจัยยาเสพติดแห่งนี้ ในระยะแรกประสบความสำเร็จในการปลูกแบบชีวภาพ ควบคุมปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อการปลูกกัญชา การพัฒนาสายพันธุ์กัญชา ที่สามารถเพาะปลูกกลางแจ้ง (Outdoor) ภายใต้สภาพภูมิอากาศร้อนชื้น ตลอดจนได้ทดลองเพาะปลูกกัญชาในรูปแบบต่างๆ ทั้งการเพาะปลูกในพื้นที่ในร่ม (Indoor) และเพาะปลูกในโรงเรือน (Greenhouse) ตลอดถึงการศึกษาปรับปรุงสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับการเพาะปลูกรูปแบบต่างๆ และวิธีการจัดเก็บสารสกัดที่สำคัญต่างๆ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ มุ่งสู่เมดิคัลเกรด เพื่อประโยชน์สูงสุดทางการแพย์

“เรายินดีที่ THG เข้ามาร่วมมือและให้การสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาการผลิต สกัดกัญชงและกัญชารวมถึงกระท่อมและพืชเสพติดอื่น เพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ในระดับพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม ซึ่งจะต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้สายพันธุ์ที่ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งต่อยอดสู่การจัดตั้งโรงสกัด การจัดตั้งห้องแล็บเพื่อเป็นศูนย์ทดสอบ การจัดหาเทคโนโลยีด้านการปรุงและการผลิต รวมถึงการจัดจำหน่าย เพื่อดำเนินการอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ” ศาสตราจารย์ ดร.จิตรลดา กล่าว

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/hr/ais-academy-%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7-learndi-%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%92%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%99-%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%84.html">AIS Academy เปิดตัว “LearnDi” พัฒนาคน องค์กร ให้แข็งแกร่ง</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘THG’ จับมือ ‘ศูนย์วิจัยยาเสพติด วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาฯ’ ยกระดับกัญชง กัญชา

<h2>ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ THG ลงนาม MOU มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สนับสนุนวิจัยกัญชาใช้ในทางการแพทย์เพื่อการดูแลรักษาคนไข้ บรรเทาอาการเจ็บป่วย ร่วมยกระดับวงการแพทย์ไทย</h2>
นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เผยว่า  บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพการให้บริการทางการแพทย์ โดยการนำนวัตกรรมต่างๆ ที่เกิดจากงานวิจัยมาใช้ในการดูแลรักษาคนไข้และพัฒนาวงการแพทย์ไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น โดยล่าสุด THG ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ร่วมกับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (มศว) ในการสนับสนุนงานวิจัยกัญชาร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยมหิดลและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางการแพทย์เช่นเดียวกับที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในต่างประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทฯ พร้อมให้การสนับสนุน รวมทั้งให้คำปรึกษา เพื่อนำไปสู่การพัฒนากระบวนการผลิต สกัดและใช้พืชกัญชาและกัญชงที่มีคุณภาพมาตรฐาน เพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์ และบำบัดโรค ภายใต้การควบคุมและดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขที่มุ่งขับเคลื่อนการใช้กัญชาทางการแพทย์ เพื่อนำมาใช้ส่งเสริมกับการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทย รวมถึงผลักดันกัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจในอนาคต

“เราพร้อมให้การสนับสนุนเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการวิจัยครั้งนี้ เพื่อนำสารสกัดจากกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และร่วมพัฒนาวงการแพทย์ไทยมีความก้าวหน้า ซึ่งจำเป็นต้องมีการวิจัยโดยทีมผู้เชี่ยวชาญเพื่อพัฒนาสายพันธุ์กัญชา สกัดสารจากกัญชา และศึกษาปริมาณการใช้สารสกัดจากกัญชาในระดับที่เหมาะสมต่อการรักษาโรคแต่ละชนิด เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการดูแลรักษาคนไข้ต่อไป” นายแพทย์บุญกล่าว

<figure><img class="wp-image-32786 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/นายแพทย์บุญ-วนาสิน.jpg" alt="ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป" width="600" height="400" /><figcaption> นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG</figcaption></figure>

ด้าน รศ.ดร.สมชาย สันติวัฒนกุล อธิการบดี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า บทบาทหน้าที่ของ มศว จะร่วมกับทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดลและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศึกษาวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งครอบคลุมถึงการคิดค้น การผลิต พัฒนาสายพันธุ์จากพืชกัญชาและกัญชงที่จะเป็นวัตถุดิบให้มีคุณภาพมาตรฐานสากล การทดลองทางการแพทย์ต่างๆ รวมถึงดำเนินการวิจัยและจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาคนไข้ การวัดผลการรักษาคนไข้แต่ละกลุ่มโรคและอาการเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์

สำหรับการศึกษาวิจัยพืชกัญชาและกัญชงครั้งนี้ คาดหวังจะนำไปสู่การใช้เป็นสูตรตำรับยาและบำบัดรักษาโรคเพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานทางการแพทย์ ส่งเสริมความมั่นคงด้านเวชภัณฑ์ยา และนำมาใช้เสริมประสิทธิภาพกับการรักษาโรคด้วยแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนปัจจุบันเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในการรักษาอาการเจ็บป่วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกัญชามีทั้งคุณประโยชน์และสามารถให้โทษต่อร่างกายได้ จึงมีความจำเป็นต้องศึกษาวิจัยเพื่อนำไปใช้อย่างถูกต้องภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

<figure><img class="wp-image-32787 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/สมชาย-สันติวัฒนกุล.jpg" alt="ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป" width="300" height="450" /><figcaption> รศ.ดร.สมชาย สันติวัฒนกุล อธิการบดี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ</figcaption></figure>

“การนำกัญชามาใช้ในทางการแพทย์ยังจำเป็นต้องทำการวิจัยเพิ่มเติม โดยอาจจัดตั้งศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสายพันธุ์กัญชาแบบครบวงจร การศึกษาพัฒนากระบวนการสกัดสารจากกัญชาและกัญชงที่ได้คุณภาพมาตรฐาน การศึกษาปริมาณที่เหมาะสมในการนำสารสกัดจากกัญชาและกัญชง เช่น สาร THC (Tetrahydrocannabinol), สาร CBD (Cannabidiol) เป็นต้น มาใช้ในการรักษาโรคโดยไม่ทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย ตลอดจนการศึกษาวิจัยผลการตอบสนองต่อการรักษาในคนไข้แต่ละราย นอกจากนี้ยังต้องรอการปลดล็อกด้านข้อกฎหมายต่างๆ เนื่องจากในปัจจุบันกัญชายังจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 สามารถนำไปศึกษาวิจัยเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น” รศ.ดร.สมชาย กล่าว

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/commentaries/special-report/%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%9a%e0%b8%b8%e0%b8%8d-%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%9b%e0%b8%b5%e0%b8%81%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b8%b5-%e0%b9%80%e0%b8%ae%e0%b8%a5%e0%b8%97.html">นพ. บุญ วนาสิน ติดปีกธนบุรี เฮลท์แคร์ Digital Medicine</a>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ยกระดับการแพทย์ไทยหนุนวิจัยกัญชา

THG เปิดเวทีประเมินศักยภาพไทยรับมือโควิด-19 แนะเร่งคลาย "ล็อกดาวน์" ฟื้นฟูเศรษฐกิจ

<h2>ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) ขยายโรงพยาบาลแห่งที่สองของเครือในต่างประเทศ ร่วมทุนบริษัทอสังหาฯ ท้องถิ่นเปิด “โรงพยาบาล Ar Yu” มูลค่าลงทุน 2 พันล้านบาท โดยเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในเมียนมา หวังจับกลุ่มลูกค้าระดับกลางบนขึ้นไป</h2>
นพ.ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ รองประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเผยความคืบหน้าการลงทุน โรงพยาบาล Ar Yu ของเครือในกรุง Yangon ประเทศเมียนมาว่า โรงพยาบาลได้ก่อสร้างเสร็จพร้อมให้บริการตั้งแต่เดือนมีนาคม 2562 โดยเป็นโรงพยาบาลขนาด 200 เตียง นับเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของเมียนมา ปัจจุบันได้รับการตอบรับที่น่าพอใจ มีผู้ป่วยนอก (OPD) ใช้บริการวันละประมาณ 200 คน และมีผู้ป่วยใน (IPD) แล้ว 25-26 คน

โครงการนี้เป็นโครงการร่วมทุนระหว่างกลุ่มธนบุรีฯ ถือหุ้น 40% กับกลุ่ม Ga Mone Pwint Company Limited (GMP) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่นของเมียนมาถือหุ้น 50% และอีก 10% ถือหุ้นโดย Aryu Ananta Medical Services Company Limited ซึ่งเป็นบริษัทร่วมกันของทีมแพทย์ที่ร่วมงานในโรงพยาบาลนี้

<figure><img class="size-full wp-image-8003" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/DSC_7599-e1558886269889.jpg" alt="" width="538" height="800" /><figcaption> โรงพยาบาล Ar Yu โครงการร่วมทุนของ THG กับกลุ่มทุนเมียนมา</figcaption></figure>

โรงพยาบาล Ar Yu มีมูลค่าลงทุน 75 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2 พันล้านบาท) เป็นอาคารสูง 11 ชั้น ตั้งอยู่บนที่ดินเช่าสัญญาเช่า 50+10+10 ปี ในกรุง Yangon จำนวนเตียงให้บริการ 200 เตียง ห้องผ่าตัด 8 ห้อง ห้องตรวจโรคทั่วไป 35 ห้อง จำนวนบุคลากรกว่า 400 คน โดย 120 คนในจำนวนนี้เป็นแพทย์ มีเครื่องมือ-อุปกรณ์ศูนย์รักษาเฉพาะทางพร้อมบริการ เช่น ศูนย์หัวใจ ศูนย์กุมารเวชศาสตร์ ศูนย์หู คอ จมูก ศูนย์กระดูกและข้อ เป็นต้น

&nbsp;
<h2>ดึงลูกค้าชาวเมียนมากลุ่มกลางบน</h2>
นพ.ธนาธิปกล่าวต่อว่า การลงทุนครั้งนี้เริ่มศึกษามาตั้งแต่ 5 ปีก่อน เนื่องจากเห็นว่ามีชาวเมียนมาบางส่วนบินไปเข้ารับการรักษาหรือตรวจสุขภาพที่ประเทศไทย ในโรงพยาบาลธนบุรีเองมีลูกค้าชาวเมียนมาราว 20-30 คนต่อวัน คิดเป็น 4-5% ของทั้งหมด

Oxford Business Group ยังรายงานข้อมูลปี 2561 ด้วยว่า ชาวเมียนมาระดับกลางถึงบนมีการเดินทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสู่ประเทศไทย สิงคโปร์ และอินเดีย ซึ่งคิดเป็นเม็ดเงินราว 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี

“ผมมาเดินสำรวจโรงพยาบาลเอกชนที่นี่มีอยู่ 7-8 แห่ง เกือบทั้งหมดเป็นโรงพยาบาลท้องถิ่น มีแห่งเดียวที่เป็นทุนอินโดนีเซีย และทั้งหมดมีขนาด 100 กว่าเตียงเท่านั้น อุปกรณ์และการบริหารก็ยังไม่ดีพอ จึงคิดว่าเรามีโอกาส หากสามารถทำโรงพยาบาลที่ดีไซน์อาคารได้ดีกว่า สะอาด เป็นระเบียบ พัฒนาคนให้บริการได้ดี และโรงพยาบาลไทยถือเป็น perception ที่ดีอยู่แล้วในการทำให้คนไข้เกิดความไว้วางใจ” นพ.ธนาธิปกล่าวถึงการตัดสินใจร่วมทุนกับบริษัทท้องถิ่น

<figure><img class="size-full wp-image-8004" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/IMG_20190524_133018-01-e1558886861652.jpeg" alt="" width="800" height="600" /><figcaption> แผนกยา</figcaption></figure>

ด้าน Dr.Nway Nu Wai ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาล Ar Yu และทายาทบริษัท GMP เปิดเผยว่า บริษัทของครอบครัวเชี่ยวชาญการลงทุนห้างสรรพสินค้า และต้องการขยายไปสู่ธุรกิจการแพทย์ เมื่อพบว่าโรงพยาบาลเอกชนในเมียนมายังมีคุณภาพไม่ดีพอ

“ครอบครัวมีการพูดคุยกับกลุ่มทุนด้านธุรกิจโรงพยาบาลจากหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ไทย แต่สุดท้ายตัดสินใจร่วมทุนกับ THG เพราะโรงพยาบาลบริการในราคาเหมาะสมกับตลาดของเราและมีคุณภาพ และแนวทางการบริหารของ THG มีการส่งทีมงานทั้งทีมเข้ามาช่วยจัดการดูแลเองโดยตรง” Dr.Nway กล่าว

เธอประเมินด้วยว่า ประชากร Yangon ราว 6 ล้านคนนี้น่าจะเป็นคนระดับกลางบนขึ้นไปราว 30% ของทั้งหมด ซึ่งจะเป็นกลุ่มเป้าหมายของโรงพยาบาล Ar Yu โดยเป็นผู้มีรายได้ 1,200-2,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน

<figure><img class="size-full wp-image-8005" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/IMG_20190524_134009-01-e1558886910340.jpeg" alt="โรงพยาบาล Ar Yu" width="800" height="600" /><figcaption> เครื่องซีที สแกน</figcaption></figure>

นพ.ธนาธิปเสริมว่า ค่ารักษาพยาบาลของ Ar Yu ค่ารักษา OPD จะอยู่ที่เฉลี่ย 1,200 บาท/ครั้ง ส่วนค่าห้องพักฟื้นมีตั้งแต่ 2,000-8,000 บาทต่อคืน โดยมีห้องวีไอพีไว้คอยบริการ

เป้าหมายของโรงพยาบาล Ar Yu นอกจากจะดึงลูกค้ากลุ่มที่รักษาอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนอื่น ยังต้องการดึงลูกค้าที่ปัจจุบันบินไปรักษาพยาบาลที่ไทยให้มาที่นี่แทนอีกด้วย ซึ่งกลุ่มนี้ไม่เพียงแต่เป็นประชากรใน Yangon ยังหมายรวมถึงคนไข้จากทั้งประเทศ

&nbsp;
<h2>คู่แข่งเปิดใหม่-ปรับตัวรับดีมานด์ “ไม่ง่าย”</h2>
ข้อมูลจากผู้บริหารโรงพยาบาล Ar Yu ระบุว่า นอกจากกลุ่มธนบุรีฯ แล้ว ก่อนหน้านี้มีเครือโรงพยาบาลไทยเข้ามาเปิดกิจการในเมียนมาเช่นกัน แต่เป็นในลักษณะเล็กกว่าโรงพยาบาล โดยรพ.บำรุงราษฎร์และรพ.สมิติเวช มีเปิดคลินิกตรวจสุขภาพและส่งตัวผู้ป่วยสู่ไทย รวมถึงรพ.กรุงเทพที่เปิดศูนย์ส่งตัวผู้ป่วยรับการรักษาต่อที่ไทยเช่นกัน

<figure><img class="size-full wp-image-8006" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/IMG_20190524_135323-01-e1558886971303.jpeg" alt="" width="800" height="600" /><figcaption> ห้องเดี่ยวมาตรฐานในโรงพยาบาล Ar Yu ราคาประมาณ 2,000 กว่าบาทต่อคืน</figcaption></figure>

แม้ว่าจะมีความต้องการในตลาด แต่ใช่ว่าจะลงทุนได้ง่าย โดยนพ.ธนาธิปกล่าวว่า การลงทุนในเมียนมามีความท้าทาย หลักๆ มาจากเรื่องข้อกฎหมายการลงทุนและระเบียบธรรมเนียมปฏิบัติทางราชการ ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนต่างชาติต้องมีพาร์ทเนอร์ที่ดีและเข้าถึงระบบนิเวศได้จริง
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/commentaries/thought-leaders/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2.html">โอกาสความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับเมียนมา</a></li>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/people/dine-with-the-boss/%E0%B8%A0%E0%B8%8D-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%B1.html">ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ เติมความอัจฉริยะให้ "บำรุงราษฎร์"</a></li>
</ul>
นอกจากนี้ ธุรกิจการแพทย์ยังอิงกับตัวบุคลากรเป็นหลัก ซึ่งโรงพยาบาล Ar Yu เกิดขึ้นได้จากการดึงตัวบุคลากรการแพทย์ชาวเมียนมาที่ดำเนินธุรกิจคลินิกแห่งหนึ่งอยู่แล้วมาร่วมหุ้น โดยเป็นแพทย์ที่จบจากต่างประเทศทั้งสิ้น และนพ.ธนาธิปเชื่อว่า หากมีโอกาสทำงานในประเทศบ้านเกิด แพทย์เมียนมาที่ยังคงทำงานอยู่ในต่างประเทศจะเลือกเดินทางกลับมา เป็นโอกาสเสริมศักยภาพธุรกิจในเมียนมาของบริษัท

&nbsp;
<h2>เห็นกำไรสุทธิภายในปี 2563</h2>
ด้านการคืนทุนของโรงพยาบาล Ar Yu รวมถึงโรงพยาบาล Welly ในจีนที่บริษัทร่วมลงทุนและเปิดบริการมาแล้ว 1 ปีครึ่ง นพ.ธนาธิปเชื่อว่าโรงพยาบาลในต่างประเทศทั้งสองแห่งจะเริ่มแสดง EBITDA เป็นบวกภายในสิ้นปีนี้ และน่าจะเห็นกำไรสุทธิเข้ามาใน bottom line ของบริษัทได้ในสิ้นปี 2563

ส่วนภาพรวมผลประกอบการของ THG นพ.ธนาธิปคาดว่าจะเริ่มกลับมาเติบโตในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ หลังจากที่โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมืองมีรายได้เป็นขาขึ้น รวมถึงโรงพยาบาลธนบุรี บูรณาและศูนย์สุขภาพ Jin Wellness Institute ในโครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ จะสร้างเสร็จพร้อมให้บริการราวเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้

&nbsp;

Forbes Facts
<ul>
 	<li>โรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดใน Yangon เป็นโรงพยาบาลรัฐขนาด 1,000 เตียง</li>
 	<li>เมียนมายังไม่มีระบบประกันสุขภาพของเอกชน ยกเว้นเป็นวงเงินประกันสุขภาพที่นายจ้างออกให้ลูกจ้างซึ่งมักจะมีสวัสดิการนี้ในองค์กรข้ามชาติ</li>
 	<li><a href="http://www.gmp-myanmar.com/business.php">Ga Mone Pwint</a> เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจหลากหลาย เน้นหนักด้านอสังหาฯ โดยเป็นผู้พัฒนาห้างสรรพสินค้า 5 แห่ง โรงแรมขนาด 220 ห้อง และคอนโดมิเนียม ทำธุรกิจเทรดดิ้งสินค้าวัสดุก่อสร้างตกแต่งภายใน เสื้อผ้า รถยนต์ ฯลฯ รวมถึงธุรกิจรับพัฒนาแบรนด์สินค้า</li>
</ul>

ธนบุรี เฮลท์แคร์ เจาะตลาดเมียนมา เปิด "โรงพยาบาล Ar Yu" รับลูกค้าระดับกลางบน

สรรธน จิตติกานต์ (ที่ 5 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่สื่อสารองค์กร บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ THG รับมอบโล่แสดงความขอบคุณจาก ศ.คลิกนิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร (ที่ 4 จากขวา) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เนื่องในโอกาสที่บริษัทฯ ร่วมสนับสนุนการประชุมวิชาการร่วมคณะแพทยศาสตร์สามสถาบัน พ.ศ. 2560 (จุฬาฯ-รามาฯ-ศิริราช) หรือ JCMS 2017 ในหัวข้อ Hand in Hand towards Healthy Society พร้อมทั้งจัดแสดงไฮไลท์การให้บริการดูแลสุขภาพแบบครบวงจรภายใต้แนวคิด &lsquo;ปกป้องดูแลสุขภาพทุกช่วงชีวิต อย่างครบวงจร&rsquo; อาทิ รพ.ธนบุรีและ รพ.ธนบุรี 2, การบริการดูแลรักษาพยาบาลนอกพื้นที่, การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ เครื่องเวชภัณฑ์ และเครื่องมือเครื่องใช้ทางการแพทย์และทันตกรรม, โครงการ Jin Wellbeing County เพื่อให้บริบาลและเป็นที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุ&nbsp; ฯลฯ โดยมี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ (ที่ 3 จากขวา) รัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการ ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ (ที่ 4 จากซ้าย) คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา (ขวาสุด) คณบดีคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา (ที่ 2 จากขวา) คณบดี คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ร่วมเป็นเกียรติ ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events