<h2>ซีพี ออลล์ จัดสัมมนา ดึง 3 ผู้บริหาร SME รุ่นใหม่ ร่วมให้วัคซีนกลยุทธ์ธุรกิจ หนุนเอสเอ็มอีปรับตัวยืนหยัดความเปลี่ยนแปลง “Think for Growth : SME ยุควิกฤติโควิด-19...ทำอย่างไรให้รอด”<strong> </strong></h2>
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ จัดงานสัมมนาออนไลน์ “Think for Growth : SME ยุควิกฤติโควิด-19...ทำอย่างไรให้รอด” โดยมีวิทยากรและเจ้าของธุรกิจ SME มากประสบการณ์มาร่วมส่งต่อองค์ความรู้และแบ่งปันโอกาสดีๆ แก่ผู้ประกอบการ SME ประกอบด้วย ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี ผู้ร่วมก่อตั้งร้าน “Penguin Eat Shabu” กิตติพงษ์ สุขเคหา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แรบบิท เบสท์ ฟู๊ด จำกัด และธวัชชัย สหัสสพาศน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซดา พริ้นติ้ง จำกัด

<img class="alignnone size-full wp-image-52087" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/ธนพงศ์-วงศ์ชินศรี.jpg" alt="" width="600" height="400" />

<strong>ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี</strong> ถ่ายทอดกลยุทธ์ในหัวข้อ “How to รอดของ SME ยุคใหม่” ว่า สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องรู้จัก เพื่อให้รอดภายใต้สถานการณ์วิกฤต คือ “วิชาตัวเบา” หรือการลีน (Lean) เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง เริ่มจากหาจุดคุ้มทุนที่รายได้เท่ากับรายจ่ายต่อเดือน และบริหารกระแสเงินสดให้ดี เช่น ทำบัญชีตรวจสอบกระแสเงินสดเป็นประจำ ผ่อนผันกับซัพพลายเออร์ สร้างรายได้หลายช่องทาง และหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม

<span style="color: #993300;">“การลดค่าใช้จ่ายแบบฉับพลันอย่างการลดเงินเดือนหรือจำนวนคน อาจทำให้พนักงานรู้สึกไม่มั่นคง ส่งผลต่อความแข็งแรงขององค์กรได้ ผู้ประกอบการจึงต้องเปลี่ยนสิ่งที่ไม่เกิดมูลค่า หรือ Waste ให้เป็นมูลค่า หรือ Value โดยอิงหลัก 7 Waste เพื่อปรับกระบวนการการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น แล้วนำเวลาที่เหลือไปสร้างรายได้ใหม่ และก่อให้เกิดคุณค่าแก่ลูกค้าโดยตรง”</span> ธนพงศ์ระบุ

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรประเมินสถานการณ์จากกระแสเงินสดด้วย โดยเฉพาะธุรกิจที่ยังประสบปัญหาขาดทุนอยู่ หากมีกระแสเงินสดเพียงพอต่อการใช้จ่ายได้ 3 เดือน ควรหยุดดำเนินธุรกิจเพื่อรักษากระแสเงินสดที่เหลือ แล้วหาช่องทางเตรียมตัวทำธุรกิจใหม่

แต่หากยังมีกระแสเงินสดเพียงพอถึง 6 เดือน ควรเตรียมแผนสำรอง รองรับความไม่แน่นอน เช่น การปิดร้านจากมาตรการล็อคดาวน์ ซึ่งจะยิ่งทำให้สภาพคล่องลดลง ขณะเดียวกัน ธุรกิจที่ยังสร้างกำไรได้และมีกระแสเงินสดเพียงพออย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไป ยังต้องปรับกลยุทธ์ต่อเนื่อง ขยายช่องทางขายใหม่ เจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงเตรียมแผนสำรองในการทำธุรกิจใหม่ล่วงหน้า

“จากประสบการณ์ดูแลธุรกิจเพนกวินอีทชาบูได้ยึด 6 หลักสำคัญที่ทำให้ธุรกิจยังยืนหยัดได้แม้เจอวิกฤต ได้แก่ อย่ามัวขายในสิ่งที่มีให้ขาย แต่ขายในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ เช่น จัดแคมเปญขายชาบูแถมหม้อ สามารถรับประทานชาบูที่บ้านได้, อยากเป็นที่จดจำต้องอย่าทำเหมือนคนอื่น, อยากให้คนไม่ลืม ต้องตะโกนตลอดเวลา มีวินัยในการลงคอนเทนต์เป็นประจำ เพิ่มโอกาสในการรับรู้และซื้อสินค้า, อย่าขายท่ามาตรฐานให้ขายแบบมีชั้นเชิง

เล่าเรื่องให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย, ปรับตัวไม่พอ ต้องปรับให้เร็วกว่าคนอื่น และทำธุรกิจอย่าคิดรอดไปคนเดียว ซึ่งร้านได้ทำ Collaboration Campaign เช่น ร่วมกับผู้ประกอบการโรงแรมในภูเก็ต จัดโปรโมชั่นแถมแพ็กเกจที่พัก ตลอดจนรวมกลุ่มกับผู้ประกอบการร้านอาหาร ร่วมแบ่งปันองค์ความรู้และจัดงานแฟร์สร้างรายได้ในช่วงล็อคดาวน์”

<img class="alignnone size-full wp-image-52086" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/กิตติพงษ์-สุขเคหา.jpg" alt="" width="600" height="412" />

ขณะที่ <strong>กิตติพงษ์ สุขเคหา</strong><strong> </strong>เจ้าของธุรกิจ “บะหมี่ถ้วยร้อน” ผู้ร่วมเสวนาหัวข้อ “SME รู้แล้วรอด...ยอดขายปัง” เปิดเผยว่า หลังธุรกิจเดิมได้รับผลกระทบอย่างหนักจึงพยายามหาทางออกด้วยการทำสินค้าที่จำเป็นสำหรับทุกคน แม้ในสถานการณ์การแพร่ระบาด ประกอบกับมาตรการล็อคดาวน์ทำให้ไม่สามารถเข้าร้านอาหารได้

ดังนั้น กิตติพงษ์จึงเกิดไอเดียออกผลิตภัณฑ์บะหมี่ถ้วยร้อน และสร้างจุดเด่นให้สินค้าสามารถรับประทานได้ทุกที่ รสชาติอร่อย และตัวถ้วยมีนวัตกรรมทำความร้อนได้ถึง 96 องศาเซลเซียส สร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภคตอบโจทย์ความต้องการช่วงโควิด-19 ซึ่งก่อนวางจำหน่ายบริษัทได้จดสิทธิบัตรบะหมี่ถ้วยร้อนแล้ว แต่ไม่ได้ปิดกั้นหากผู้ประกอบการอื่นจะออกผลิตภัณฑ์ลักษณะคล้ายกัน

ขณะเดียวกันแบรนด์ยังเร่งสร้างกระแสและยอดจำหน่ายในช่วงแรกให้รวดเร็วที่สุดเพื่อสร้างการจดจำในกลุ่มลูกค้า ซึ่งการนำสินค้าเข้าวางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ช่วยเป็นสปริงบอร์ดสร้างการเติบโตได้กว่าสิบเท่าตัว ทั้งนี้ ทางเซเว่น อีเลฟเว่น ยังให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง อาทิ ยกเว้นค่าธรรมเนียมแรกเข้าสำหรับผู้ประกอบการ SME ออกแบบกลยุทธ์การจัดวางสินค้าให้ขายดี รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกันและให้องค์ความรู้เรื่องการตลาดกับผู้ประกอบการ

<img class="alignnone size-full wp-image-52088" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/ธวัชชัย-สหัสสพาศน์.jpg" alt="" width="600" height="400" />

เช่นเดียวกับ <strong>ธวัชชัย สหัสสพาศน์ </strong>เจ้าของธุรกิจสิ่งพิมพ์ของขวัญ หนึ่งในผู้ร่วมเสวนากล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมางานเทศกาลต่างๆ โดยเฉพาะงานรับปริญญาหายไปตลอดทั้งปีทำให้ธุรกิจได้รับผลกระทบ และบริษัทต้องยึดหลักปรับ/เปลี่ยน/เร็ว ได้แก่ การปรับการทำงานที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น การเปลี่ยนวิธีการที่คิดว่าไม่เหมาะกับสถานการณ์ออก และการใช้ความเร็วเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยอาศัยทรัพยากรที่มีอยู่อย่างเครื่องจักรพิมพ์ และสร้างดีไซน์ที่แตกต่างให้สินค้า

“ยกตัวอย่างเช่น หน้ากากผ้าพิมพ์ลายที่จับคู่เข้ากับชุดได้ เจาะตลาดวัยรุ่นในช่วงหน้ากากอนามัยขาดแคลน และผ้าห่มที่สามารถพิมพ์ชื่อลูกบนผืนผ้าได้ เจาะกลุ่มแม่และเด็ก ร่วมกับการสื่อสารให้สินค้าของโซดา พริ้นติ้งเป็นของขวัญที่มีชิ้นเดียวในโลก โดยหน่ว

ยงานสำคัญที่เข้ามาช่วยสนับสนุนธุรกิจคือ SME D Bank ที่ให้คำแนะนำทั้งการจัดทำโครงสร้างบัญชี แนวคิดอุตสาหกรรมสีเขียว รวมถึงให้ความช่วยเหลือในช่วงโควิด-19”

ทั้งนี้ การจัดสัมมนาดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานของเซเว่น อีเลฟเว่นที่มุ่งมั่นให้การสนับสนุนและส่งเสริม SME มาอย่างต่อเนื่อง โดย SME ที่เข้าร่วมงานจะได้รับฟังแนวทางการสร้างโอกาสให้ธุรกิจ จากพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญอย่างสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

พร้อมประสบการณ์ดำเนินธุรกิจจากเจ้าของธุรกิจ SME ที่ประสบความสำเร็จ รวมถึงสามารถลงทะเบียนร่วมจับคู่ธุรกิจกับเซเว่น อีเลฟเว่น ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง และ eXta plus ร้านยาเพื่อชุมชนได้ด้วย

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/people/power-women/วรรณิภา-ภักดีบุตร-นำทั.html">“วรรณิภา ภักดีบุตร” นำทัพโอสถสภา ฝ่าวิกฤตโควิด-19</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

&nbsp;

ซีพี ออลล์ จัดสัมมนาเปิดแนวคิด SME รุ่นใหม่หาทางรอดยุคโควิด-19

<h2>JWD รุกบริการใหม่ Cold Chain Express Delivery ตอบโจทย์ซัพพลายเชนสำหรับธุรกิจร้านอาหาร จับมือพาร์ทเนอร์นักธุรกิจรุ่นใหม่ Penguin Eat Shabu และ FoodStory เผยเทรนด์ร้านอาหารและฟู้ดเดลิเวอรี่หลังคลายล็อคดาวน์ยังขยายตัว</h2>
JWD  ส่องเทรนด์ร้านอาหารและฟู้ดเดลิเวอรี่ ‘Penguin Eat Shabu’ ร้านชาบูชื่อดัง ชี้หลังคลายมาตรการล็อคดาวน์ แม้ยอดขายหน้าร้านทยอยเพิ่มขึ้น แต่ยังกระจายความเสี่ยงรุกให้บริการเดลิเวอรี่เพื่อพัฒนาเป็นรายได้หลัก ส่วน ‘FoodStory’ ผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นจัดการร้านอาหาร ชี้ โควิด-19 กระตุ้นผู้ประกอบการต้องปรับตัวพึ่งพาแอปพลิเคชั่นเพื่อให้บริการเดลิเวอรี่และจัดซื้อวัตถุดิบ รองรับการสั่งซื้อล่วงหน้าแบบ Pre-Order ขณะที่ JWD พัฒนาโมเดลศูนย์รวมวัตถุดิบและขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วนพิเศษ Cold Chain Express Delivery

ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนระดับอาเซียน กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 ได้ปรับตัวจากการขายหน้าร้านมาให้บริการแบบเดลิเวอรี่ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยเฉพาะนำเสนอเซ็ตเมนูอาหารสดแบบสั่งซื้อล่วงหน้า เช่น นำเสนอเซ็ตชาบูพร้อมปรุงแบบเดลิเวอรี่ถึงบ้าน เพื่อให้ลูกค้าสั่งซื้อล่วงหน้าไปปรุงรับประทานเองที่บ้าน และในขณะเดียวกันก็ปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบบริหารจัดการร้านด้วยเทคโนโลยีฟู้ด แอปพลิเคชั่น เช่น การสั่งซื้อและบริหารสต๊อกวัตถุดิบ, จองคิว เป็นต้น

บริษัทฯ จึงร่วมมือกับพาร์ทเนอร์คือ ซีเจ โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) รุกบริการใหม่ ‘JWD Cold Chain Express Delivery’ หรือการจัดส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วนพิเศษ แบบแช่เย็น (Chilled) และแช่แข็ง (Frozen) ที่แตกต่างจากฟู้ด เดลิเวอรี่ ทั่วไป โดยใช้รถที่ควบคุมอุณหภูมิระหว่างการขนส่งเพื่อรักษาคุณภาพอาหารและคงความสดใหม่ ซึ่งต่อยอดจากความเชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และการให้บริการธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น

&nbsp;

<figure><img class="wp-image-31596 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/06/03-JWD-63-06-22.jpg" alt="JWD " width="600" height="400" /><figcaption> ชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD</figcaption></figure>

นอกจากนี้ JWD อยู่ระหว่างการพัฒนาโมเดลศูนย์รวมวัตถุดิบและขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วน สำหรับซัพพลายเชนธุรกิจอาหารบนมาร์เก็ตเพลส เพื่อรองรับเครือข่ายร้านอาหารบนแอปพลิเคชั่น FoodStory  ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 10,000 ร้าน โดยทำหน้าที่ให้บริการตั้งแต่การจัดเตรียมและรวบรวมวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์แหล่งต่างๆ มาไว้ที่คลังสินค้าห้องเย็นย่านบางนาเพื่อจัดหมวดหมู่ ก่อนดำเนินการส่งไปยังร้านอาหารสาขาต่างๆ ตามออเดอร์ที่ได้รับตรงตามระยะเวลาที่กำหนด ทำให้ร้านอาหารที่ใช้แพลตฟอร์ม FoodStory Market ได้รับสินค้าที่คงคุณภาพความสดใหม่ตรงตามเวลาที่กำหนด ทั้งยังช่วยประหยัดต้นทุนด้านการขนส่งเนื่องจากเป็นการรวมศูนย์การจัดการวัตถุดิบไว้ในคลังสินค้าห้องเย็น JWD ที่เดียวและสามารถรวมทุกออเดอร์การจัดส่งสินค้าเข้าด้วยกันไม่ว่าจะเป็นของสดหรือของแห้ง

“เราเริ่มให้บริการ Cold Chain Hub &amp; Express Delivery ตั้งแต่ต้นปีนี้ ถือว่ามีผลตอบรับที่น่าพอใจ มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 40-60% โดยปัจจุบันเรามีฐานลูกค้าที่ให้บริการจัดส่งวัตถุดิบและอาหารพร้อมปรุง ทั้งหมดกว่า 100 ร้าน ที่อยู่ในเครือข่ายแอปพลิเคชั่น FoodStory และคาดว่าสิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,200 ร้าน” ชวนินทร์ กล่าว

<img class="alignnone wp-image-31589 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/06/JWD-รุกบริการใหม่-จับมือพันธมิตรธุรกิจร้านอาหาร-03.jpg" alt="JWD " width="600" height="750" />

&nbsp;

<strong>จับมือพาร์ทเนอร์นักธุรกิจรุ่นใหม่</strong>

<strong>ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี</strong> ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารร้าน Penguin Eat Shabu เปิดเผยว่า ร้าน Penguin Eat Shabu เปิดให้บริการแล้วกว่า 5 ปี หลังจากที่เกิด โควิด-19 ปัจจุบันมีร้านที่กลับมาเปิดให้บริการรวมทั้งหมด 7 สาขา โดยในช่วงที่รัฐบาลและกรุงเทพมหานคร (กทม.) ประกาศปิดศูนย์การค้าเพื่อควบคุมโรคระบาด ทางร้านต้องปรับตัวมาพัฒนาเมนูรองรับบริการเดลิเวอรี่ อาทิ ข้าวราดกระเพาวากิว, ชุดชาบูพร้อมปรุง ฯลฯ และเข้าร่วมกับแอปพลิเคชั่นฟู้ดเดลิเวอรี่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อน โดยเลือกให้บริการเดลิเวอรี่แบบ Pre-Order (สั่งซื้อล่วงหน้าและจัดส่งวันรุ่งขึ้น) ซึ่งมีผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า

อย่างไรก็ตามในระยะแรกทางร้านทดลองจัดส่งอาหารเอง ปรากฏว่าเกิดความล่าช้าอยู่บ้าง จึงตัดสินใจเป็นบิสซิเนส พาร์ทเนอร์กับ FoodStory ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นบริหารจัดการร้านอาหาร และบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจโลจิสติกส์ เพื่อให้บริการจัดส่งอาหารแก่ลูกค้าที่สั่งซื้อแบบ Pre-Order และจัดส่งโดยรถควบอุณหภูมิ

<figure><img class="wp-image-31594 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/06/01-Penguin-Eat-Shabu-63-06-22.jpg" alt="JWD" width="600" height="400" /><figcaption> ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารร้าน Penguin Eat Shabu</figcaption></figure>

“หลังจากผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ให้ลูกค้านั่งทานอาหารที่ร้านได้ พบว่าสาขาที่อยู่นอกห้างสรรพสินค้ามียอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนสาขาในห้างสรรพสินค้ามียอดขายที่ดีขึ้นแต่ไม่เท่ากับช่วงก่อนเกิด โควิด-19 โดยสังเกตว่าลูกค้าปรับพฤติกรรมไม่มาเป็นกลุ่มใหญ่ เน้นความสะอาด อย่างไรก็ตามทางร้านยังคงมุ่งเน้นให้บริการเดลิเวอรี่ต่อไปเพื่อเป็นรายได้หลักอีกช่องทางหนึ่งที่จะกระจายความเสี่ยง โดยมีแผนพัฒนาเมนูใหม่ๆ เพิ่มเติมจากเมนูชาบูเดลิเวอรี่ และร่วมมือกับพาร์ทเนอร์มากขึ้น” ธนพงศ์ กล่าว

ด้าน <strong>ฐากูร ชาติสุทธิผล</strong> ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีฟวิ่ง โมบาย จำกัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นระบบบริหารจัดการร้านอาหารแบบครบวงจรภายใต้ชื่อ FoodStory กล่าวว่า ได้รุกให้บริการแอปพลิเคชั่น FoodStory มาเป็นระยะเวลาเกือบ 8 ปี เพื่อตอบสนองผู้ประกอบการที่ต้องการนำแอปพลิเคชั่นมาใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ และแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบบริหารจัดการร้าน โดยพบว่าผู้ประกอบการร้านอาหารให้ความสนใจและปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีแอปพลิเคชั่นได้ดี ทั้งการใช้งานเพื่อบริหารจัดการร้านและบริการฟู้ดเดลิเวอรี่ ส่งผลให้ปัจจุบันมีร้านอาหารที่ใช้แอปพลิเคชั่นของบริษัทฯ แล้วกว่า 10,000 ร้าน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 25,000 ร้าน ภายในสิ้นปีนี้

แอปพลิเคชั่นดังกล่าว ประกอบด้วย 1. ระบบการขายหน้าร้าน ซึ่งเหมาะกับธุรกิจร้านอาหาร ร้านบุฟเฟ่ต์หรือร้านคาเฟ่ โดยถูกพัฒนาให้เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อโอกาสสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น อาทิ การแจ้งเมนูใหม่หรือโปรโมชั่นใหม่แบบเรียลไทม์, บริการจองคิว, บริการสั่งอาหารล่วงหน้า ฯลฯ และ 2. ระบบบริหารจัดการร้าน เช่น สั่งซื้อวัตถุดิบล่วงหน้าทางออนไลน์ (สั่งวันนี้ ส่งพรุ่งนี้) จากซัพพลายเออร์ที่รวบรวมไว้ใน FoodStory Market และเชื่อมต่อกับระบบบจัดการสต๊อกวัตถุดิบ (Inventory Management)

โดยมี JWD เป็นพาร์ทเนอร์ด้านโลจิสติกส์ ให้บริการรวบรวมและจัดส่งวัตถุดิบต่าง ๆ จากซัพพลายเออร์ไปยังร้านอาหารตามที่มีคำสั่งซื้อล่วงหน้า และจัดส่งโดยรถควบคุมอุณหภูมิแบบด่วนพิเศษ

<figure><img class="wp-image-31595 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/06/02-Food-Story-63-06-22_1.jpg" alt="JWD" width="600" height="400" /><figcaption> ฐากูร ชาติสุทธิผล ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีฟวิ่ง โมบาย จำกัด</figcaption></figure>

ทั้งนี้ ผลกระทบจาก โควิด-19 ได้กระตุ้นให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร ต้องปรับตัวใช้แอปพลิเคชั่นเพื่อให้บริการเดลิเวอรี่และสั่งซื้อวัตถุดิบทางออนไลน์เพื่อประหยัดเวลา และปัจจุบันแม้ร้านอาหารกลับมาให้บริการทานในร้านได้ แต่ความต้องการใช้แอปพลิเคชั่นยังมีแนวโน้มเติบโต เนื่องจากผู้ประกอบการได้เห็นถึงประโยชน์ อาทิ การเพิ่มยอดขายเดลิเวอรี่ การสั่งอาหารและชำระเงินออนไลน์ การจองคิว ฯลฯ

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/%e0%b8%aa%e0%b8%ab%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%92%e0%b8%99%e0%b9%8c%e0%b8%af-%e0%b8%ab%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%87%e0%b8%a7%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8%9a.html">สหพัฒน์ฯ ห่วงว่างงานทุบกำลังซื้อซึมยาว</a>

<hr />

<article id="post-31147" class="post-31147 post type-post status-publish format-standard has-post-thumbnail hentry category-finance-and-investment category-news tag-11599 tag-150 tag-7473 tag-9068 tag-11601 tag-11600">
<div class="body-content post-content-wrap post-detail">

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความด้านธุรกิจ ติดตามได้ที่ Facebook: Forbes Thailand Magazine</a><strong> </strong>

</div>
</article>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events