6 หน่วยงานประกาศมาตรการสกัด 'บัญชีม้านิติบุคคล' แบบครบวงจร

กรมพัฒนาธุรกิจฯ ออก 6 มาตรการด่วน หวังแก้ปัญหา ‘บริษัทผี-นอมินี-บัญชีม้านิติบุคคล’

<h2>​​ </h2>พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น หรือ PRI ประเมิน 5 เมกะเทรนด์โลกแห่งความเปลี่ยนแปลง พร้อมประกาศทิศทางธุรกิจปี 2566 ขยายอาณาจักรเพิ่มเซ็กเมนต์ใหม่-คลอดธุรกิจใหม่-บุกต่างจังหวัด ตั้งเป้าปี 2566 บริหารนิติบุคคลและบริหารงานขายรวมกันทะลุ 150 โครงการ พร้อมกวาดรายได้ทั้งปี 1,300 ล้านบาท เติบโตจากปี 2564 เกือบ 3 เท่า &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จตุพร วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI ผู้นำธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่แบบครบวงจร เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ทั่วโลก มีเมกะเทรนด์ที่อาจเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับบริการอสังหาริมทรัพย์ใน 5 ด้านหลัก ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.การเปลี่ยนแปลงมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ (Shifting Economic Power) การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกขยับมาเป็นทางเอเชียมากขึ้น ไทยเป็นประเทศเป้าหมายทั้งการลงทุนและการท่องเที่ยวของเหล่ามหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดซื้อ-ขาย-เช่าอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ปัญหาใหญ่ของโลกนำมาสู่การใช้พลังงานสะอาดเพิ่มขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้มีความต้องการ EV Charger ตลอดจนโซลาร์เซลล์ในที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น นิติบุคคลโครงการอาจต้องมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนผ่านในกลุ่มโครงการดั้งเดิม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี (Technological Breakthrough) เทคโนโลยีเข้ามากลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และมีบทบาทต่อธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตมากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4.การเปลี่ยนแปลงทางสังคม (Social Change) ทั่วโลกก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ความต้องการการบริการสำหรับผู้สูงวัยจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ&nbsp;&nbsp;&nbsp; 5.การเป็นเมืองอย่างรวดเร็ว (Rapid Urbanization) ประชากรย้ายถิ่นฐานไปยังหัวเมืองต่างๆ มากขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการบริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ขยายไปตามพื้นที่ใหม่ๆ มากขึ้น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/01/yfw8KZ7CGc3YaBCkaJgJ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="yfw8KZ7CGc3YaBCkaJgJ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="650,433" style="" data-index="0"></figure></div> <h3>ตั้งเป้าตอบโจทย์ผู้บริโภคตลอดช่วงชีวิต </h3> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในปี 2566 บริษัทจึงมีแผนการเติบโตภายใต้แนวคิด “Super Living Service” ขยายขอบเขตธุรกิจบริการใหม่ๆ ทั้งกลุ่มต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ในหลากหลายมิติ ได้แก่ 1.การเพิ่มบริการในเซ็กเมนต์ใหม่ เช่น การขยายบริการบางกลุ่มธุรกิจจากเซ็กเมนต์ทั่วไป สู่เซ็กเมนต์ระดับลักชัวรี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.การเปิดตัวธุรกิจใหม่ มุ่งเน้นธุรกิจที่จะช่วยเติมเต็มความครบวงจรของงานบริการ และธุรกิจที่สอดคล้องกับทิศทางเมกะเทรนด์โลก และ 3.การบุกตลาดต่างจังหวัด วางแผนส่งบริษัทย่อยบุกให้บริการในพื้นที่ทั้ง 4 ภูมิภาคหลักของประเทศ ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคอีสานที่ จ.ขอนแก่น และเขาใหญ่ ภาคกลางตอนล่างและภาคใต้ที่ หัวหิน และ จ.ภูเก็ต และภาคตะวันออก ที่ จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“Pain Point หลักของผู้บริโภคต่องานบริการในที่อยู่อาศัย คือเรื่องความกระจัดกระจาย ผู้บริโภคต้องใช้เวลามหาศาลในการไปเสาะหาผู้ให้บริการหลายๆ เจ้า บางบริการต้องออกไปต่อคิวรอรับบริการข้างนอก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วิสัยทัศน์ของพรีโม จึงเป็นการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ผ่านการ Expanding, Growing แล้ว Connecting รวบรวมบริการทุกอย่างให้เป็น Super Living Service มีทุกบริการครบจบในที่เดียว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พร้อมดูแลทั้งลูกค้าโครงการ ลูกค้ารายย่อย ทุกเจเนอเรชั่น ทุกจังหวะชีวิต ก้าวสู่การเป็น Happy Maker ผู้สร้างความสุขที่สร้างความสะดวกสบายในที่พักอาศัย ประหยัดเวลาซึ่งเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ของผู้บริโภค” จตุพรกล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/01/Y7dnGfk1rPeAoC46BjZz.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="Y7dnGfk1rPeAoC46BjZz.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="650,433" style="" data-index="1"></figure></div> <h3>ขยายอาณาจักร Super Living Service </h3> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การขยายอาณาจักร Super Living Service ของบริษัท จะมีทั้งการสร้างการเติบโตด้วยตัวเอง (Organic Growth) และการเติบโตทางลัด (Inorganic Growth) ผ่านการจับมือร่วมทุนกับพันธมิตร (Joint Venture) กับผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจนั้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตลอดจนการพิจารณาซื้อกิจการ (M&amp;A) ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนั้นอยู่แล้ว เพื่อสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยยกทัพบริษัทในเครือ มองหาพันธมิตรที่จะเข้ามาเติมเต็มความครบวงจรภายในปีนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp; โดยช่วงไตรมาส 2/2566 บริษัทจะเริ่มนำร่องบุกต่างจังหวัดนอกพื้นที่ EEC เป็นครั้งแรก ที่จังหวัดภูเก็ต โดยทยอยส่งบริษัทย่อยในปัจจุบันทั้ง 8 บริษัท เข้าไปดำเนินธุรกิจ ได้แก่ 1.บริษัท พรีโม แมเนจเม้นท์ จำกัด และ 2.บริษัท คราวน์ เรสซิเดนซ์ จำกัด ให้บริการบริหารนิติบุคคล ดูแลคุณภาพชีวิตลูกค้าทั้งระดับทั่วไปและระดับลักชัวรี เช่น โครงการวิลลาาในพื้นที่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.บริษัท แพสชั่น เรียลเตอร์ จำกัด ให้บริการนายหน้าซื้อ-ขาย-ปล่อยเช่า และพัฒนาโครงการ 4.บริษัท อูโน่ เซอร์วิส จำกัด ดูแลบริการงานด้านความสะอาด 5.บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จำกัด ให้บริการบริหารงานก่อสร้างโครงการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;6.บริษัท ยูพีเอ็ม ดีไซน์ สตูดิโอ จำกัด ให้บริการออกแบบสถาปัตยกรรมทั้งภายในและภายนอกอาคารแก่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 7.บริษัท วายด์ อินทีเรีย จำกัด ให้บริการตกแต่งภายในครบวงจร และ 8.บริษัท แฮมป์ตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ แมเนจเมนท์ จำกัด ดำเนินงานบริหารจัดการสินทรัพย์ (Asset Management) ช่วยบริหารจัดการผู้เช่าหรือผู้เข้าพัก สร้างรายได้หรือผลตอบแทนให้เป็นไปตามเป้าหมายของเจ้าของโรงแรมหรือที่พักอาศัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ทุกธุรกิจของเรา ทั้งธุรกิจดั้งเดิมและธุรกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้บริโภคตั้งแต่ตอนยังโสด ตอนแต่งงาน ตอนมีครอบครัว ตอนทายาทเริ่มเติบโต เราจะเป็น Happy Maker ที่มีบริการตอบโจทย์ผู้บริโภคตลอดช่วงชีวิต หรือ Lifetime” จตุพร กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังจากนี้ บริษัทยังมีแผนพิจารณาการขยายธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภครายย่อยเป็นหลัก อาทิ ธุรกิจร้านสะดวกซัก (Wash &amp; Dry) รวมถึงรักษาระดับการเติบโตในกลุ่มธุรกิจทั้ง 8 ที่ให้บริการอยู่แล้วในปัจจุบัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย ณ สิ้นปี 2566 ตั้งเป้าจะมีโครงการที่เข้าไปบริหารนิติบุคคลและโครงการที่เข้าไปบริหารงานขายรวมกันมากกว่า 150 โครงการ ขณะเดียวกัน ตั้งเป้ารายได้ทั้งปี 2566 ไว้ที่ 1,300 ล้านบาท เติบโตจากปี 2564 ถึงราว 173.06% หรือเกือบ 3 เท่าตัว อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/cardx-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%87-smes-%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD-1-000-%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97" alt="CardX จับมือ บสย. เสริมแกร่ง SMEs ด้วยวงเงินสินเชื่อ 1,000 ล้านบาท">CardX จับมือ บสย. เสริมแกร่ง SMEs ด้วยวงเงินสินเชื่อ 1,000 ล้านบาท</a>​<hr class="__se__solid">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine

“พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น” พลิกโฉมบริการเกี่ยวเนื่องกลุ่มอสังหาฯ

<h2>พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ตั้งหลักสูตรอบรมบุคลากรภายในบริษัท ฝึกทักษะงานบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ผ่านสถาบัน PLUS Eduplex จับมือ “นายเลิศบัตเลอร์” และ “สมิติเวช” สร้างหลักสูตรตอบสนองโครงการไฮเอนด์และกระแสเวลเนส ชี้บุคลากรบริหารงานอาคารที่มีคุณภาพขาดแคลน</h2>
บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทรับบริหารจัดการโครงการจัดสรรและที่ปรึกษาซื้อ-ขาย-เช่า ในเครือ บมจ.แสนสิริ ก่อตั้งสถาบันอบรมบุคลากรภายในบริษัทภายใต้ชื่อ PLUS Eduplex

สุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า สถาบันดังกล่าวเป็นการต่อยอดการฝึกอบรมภายในบริษัทที่พัฒนามาตลอด 20 ปี บริษัทได้ลงทุนราว 10 ล้านบาทต่อปีเพื่อสร้างเป็นหลักสูตรที่ชัดเจนสำหรับใช้ฝึกอบรมบุคลากรให้เชี่ยวชาญในสายงานของตน

โดย Plus Eduplex แบ่งเป็น 5 คณะ และ 1 ศูนย์พัฒนา ได้แก่ คณะบริหารจัดการทรัพยากรอาคารและวิศวกรรม, คณะบริหารจัดการที่พักอาศัยและความปลอดภัย, คณะบริหารการขาย, คณะบริหารจัดการบริการและเวลเนสนานาชาติ, คณะผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และศูนย์บ่มเพาะความเป็นเลิศด้านงานวิจัยเชิงกลยุทธ์และบริหารจัดการผู้นำรุ่นใหม่

วิธีการเรียนการสอน พลัสฯ ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในหลักสูตรด้วย โดยให้พนักงานที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละเรื่องจัดทำวิดีโอคลิปเป็นสื่อการสอน เช่น วิธีการยาแนวกระเบื้อง (งานช่างบำรุงอาคาร) และใช้คลิปนี้เป็นสื่อการสอนออนไลน์ หรือเทคโนโลยีแชทบ็อทเป็นพี่เลี้ยงพนักงานใหม่ที่ยังไม่ทราบขั้นตอนการทำงาน สามารถสอบถามปัญหาในแชทบ็อทเพื่อให้ได้คำตอบวิธีการตอบสนองลูกค้าที่ถูกต้อง พร้อมกับได้เรียนรู้งานไปในตัว นอกจากนี้ จะมีการทำโครงการพัฒนาบุคลากรที่ให้ผู้บริหารมืออาชีพเป็นโค้ชดูแลโครงการ

สุวรรณีกล่าวว่า ปัจจุบัน พลัสฯ มีพนักงานทั้งหมดกว่า 2,000 คน บริหารงานโครงการ 218 แห่ง ซึ่งปี 2562 คาดว่าสถาบัน PLUS Eduplex จะสามารถจัดอบรมพนักงานได้ 200 คน พนักงานที่เข้าร่วมงานกับพลัสฯ จะต้องผ่านหลักสูตรพื้นฐานตามข้อบังคับของสายงานนั้นๆ เช่น วิศวกรจะต้องผ่านพื้นฐานทั้งหมด 15 หลักสูตร และแต่ละสายงานต้องผ่านการอบรมประมาณ 3-6 เดือน

<figure><img class="wp-image-1709" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/11/คุณสุวรรณี-แนวตั้ง.jpg" alt="" width="400" height="453" /><figcaption> สุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด</figcaption></figure>

ส่วนการเป็นพันธมิตรกับ นายเลิศบัตเลอร์ และ โรงพยาบาลสมิติเวช นั้น จะเป็นการสร้างหลักสูตรในคณะบริหารจัดการบริการและเวลเนสนานาชาติ ตอบรับกับโครงการเวลเนสที่จะเป็นเทรนด์อนาคต รวมถึงโครงการระดับไฮเอนด์ที่กำลังเติบโตสูงและลูกค้ามักจะต้องการบัตเลอร์ส่วนตัวไว้คอยบริการ

สำหรับเป้าหมายอนาคต สุวรรณีมองว่าปี 2562 PLUS Eduplex จะสามารถเปิดหลักสูตรได้ครบทั้งหมด และพนักงาน 95% ของบริษัทจะผ่านการอบรมภายในปี 2563 ก่อนที่ปี 2564 บริษัทพิจารณาจะเปิดหลักสูตรเหล่านี้ให้คนภายนอกได้เข้าเรียนด้วย ทั้งนี้ ยังไม่มีรายละเอียดที่เปิดเผยได้

“ปี 2557-2560 อสังหาฯ มีการเติบโตสูง โดยเฉพาะโครงการระดับบนตารางเมตรละ 2 แสนบาทขึ้นไปเติบโตถึง 50% แต่ตลาดแรงงานภาคบริการเติบโตเพียง 5% ต่อปี ในจำนวนนี้แรงงานภาคธุรกิจบริหารจัดการอสังหาฯ มีสัดส่วนเพียง 0.5% เท่านั้น” สุวรรณีกล่าว “โดยเฉพาะงานบริหารอาคาร บุคลากรที่มีคุณภาพมีจำนวนค่อนข้างน้อย อาจเป็นเพราะคนทั่วไปยังไม่ค่อยรู้จักสายอาชีพนี้”

สุวรรณีเปิดเผยว่าอัตราการลาออกของพนักงาน (turnover rate) ในสายงานบริการบริหารจัดการอสังหาฯ นั้นอยู่ที่ราว 15% ซึ่งพลัสฯ มีอัตราที่ใกล้เคียงตลาด

ทั้งนี้ Willis Towers Watson บริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล มีการรายงานเมื่อปี 2560 ว่า ประเทศไทยมีอัตราการลาออกของพนักงานเฉลี่ย 12% ทุกอุตสาหกรรม จะเห็นได้ว่างานบริการบริหารจัดการอสังหาฯ นั้นมีอัตราการลาออกที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย ผนวกกับภาวะขาดแคลนแรงงานคุณภาพ ทำให้งานบริหารโครงการมีความท้าทายด้านบุคลากรสูง

&nbsp;
<h3>Forbes Facts</h3>
<ul>
 	<li>ปัจจุบัน 218 โครงการที่พลัสฯ บริหารอยู่แบ่งเป็นโครงการของแสนสิริ 80% และโครงการอื่นๆ 20% หรือหากแบ่งตามระดับราคา จะเป็นโครงการระดับไฮเอนด์ 20% โครงการระดับกลาง 60% และโครงการระดับกลางล่าง 20%</li>
 	<li>ปี 2562 พลัสฯ คาดว่าจะมีงานบริหารโครงการเข้ามาในพอร์ตเพิ่มอีก 10-20 แห่ง</li>
</ul>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events