<h2>“เรียลแอสเสท” จับมือเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้นโตเกียว “Sotetsu GROUP”  ตั้งบริษัทร่วมทุน “เรียลพาร์ทเนอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด” ลุยตลาดคอนโดฯในเมือง นำร่องโปรเจ็กต์แรก “THE STAGE  Mindscape Ratchada – Huai Khwang” กระแสตอบรับแรงเกินเป้า โชว์จุดขายทำเลเป็นต่อ ใกล้ MRT สถานีห้วยขวางเพียง 250 เมตร เริ่มต้น 2.89 ล้านบาท</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-51700" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/THE-STAGE-Mindscape-Ratchada-–-Huai-Khwang01_re.jpg" alt="" width="600" height="374" />

บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทประสบความสำเร็จกับการเปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ “The Stage” ย่านเตาปูนไปเมื่อหลายปีก่อน ล่าสุดบริษัทได้รับการทาบทามจากบริษัท โซเทสสึ  เรียลเอสเตท (Sotetsu Real estate Co.,Ltd) ที่เป็นบริษัทในเครือของบริษัทโซเทสสึ กรุ๊ป (Sotetsu Holdings Co.,Ltd.) ถือหุ้นอยู่ 100% และเป็นกลุ่มธุรกิจรายใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเซคชั่นที่ 1 ของประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมลงทุนจัดตั้งบริษัทใหม่ที่ชื่อว่า บริษัท เรียลพาร์ทเนอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด

สำหรับการ Joint Venture ในครั้งนี้เป็นการดึงความเชี่ยวชาญของทั้งสองบริษัทมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวร่วมกัน โดยกลุ่มโซเทสสึ กรุ๊ป เป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวที่ก่อตั้งมานานกว่า 104 ปีแล้ว เป็นกลุ่มธุรกิจบริการครบวงจรที่เติบโตตามกาลเวลาผ่านการพัฒนาธุรกิจบริการต่างๆ รวมถึงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามแนวเส้นทางรถไฟ ปัจจุบันบริษัทโซเทสสึ โฮลดิ้ง ที่ได้รับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเซคชั่นที่ 1 มีทุนจดทะเบียน 3.88 หมื่นล้านเยนและมีบริษัทในเครือมากถึง 30 บริษัท ครอบคลุมธุรกิจขนส่งมวลชน ธุรกิจขายส่งสินค้า (Merchandising) อสังหาริมทรัพย์และโรงแรม

ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขายรวมสูงถึง 221.1 พันล้านเยน โดยธุรกิจด้านระบบขนส่งมวลชนคิดเป็น 30.4 พันล้านเยน (14% ของยอดขายทั้งหมด) ส่วนธุรกิจขายส่งสินค้า มีมูลค่า 102.2 พันล้านเยน (46% ของยอดขายทั้งหมด) และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 611 พันล้านเยน (30.8% ของยอดขายทั้งหมด)

เบื้องต้นบริษัทจะเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่สร้างความแตกต่างในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าทั้งปัจจุบันและอนาคต สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายและพฤติกรรมของคนเมืองรุ่นใหม่ ทำให้มีทางเลือกใหม่ของการจับจองเป็นเจ้าของโครงการที่ให้ความสะดวกสบายทั้งในการเดินทาง การใช้ชีวิตเต็มที่ ตรงกับ
ไลฟ์สไตล์ที่เลือกได้

“ปัจจัยของความสำเร็จในการร่วมทุนครั้งนี้ คือ แบรนด์ที่แข็งแกร่งของกลุ่มบริษัทเรียลแอสเสทผนวกกับฐานะทางการเงินที่มั่นคงและโนว์ฮาวในการพัฒนาโปรเจ็กต์ที่อยู่อาศัยของกลุ่มโซเทสสึ จะเป็นปัจจัยดึงดูดให้ผู้ซื้อทั้งกลุ่มเรียลดีมานด์และนักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่น ทั้งด้านการออกแบบ การก่อสร้างโครงการ ศักยภาพทำเล สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการตลอดจนบริการหลังการขายที่ครอบคลุมความเข้าใจในไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค ที่จะนำไปสู่การพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของแต่ละกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด รวมถึงแผนการลงทุนโครงการใหม่ๆร่วมกันในอนาคต” บดินทร์ธรกล่าว
<h3><img class="alignnone size-full wp-image-51703" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/บดินทร์ธร-จึงรุ่งเรืองกิจ03_re.jpg" alt="" width="600" height="400" /></h3>
<h3>ประเดิมโครงการแรกย่านรัชดา</h3>
ประเดิมเปิดตัวโครงการร่วมทุนแรกคือ THE STAGE  Mindscape Ratchada – Huai Khwang ตั้งอยู่บนถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ ซอย 6 ห่างจากรถไฟฟ้าสถานี MRT ห้วยขวาง ประตู 1 ประมาณ 250 เมตร และสามารถเดินทางเพื่อไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS ได้ที่อโศกเพียงแค่ 4 สถานีเท่านั้น โดยโครงการออกแบบเป็นคอนโดมิเนียมระดับ Upper Class  สูง 29 ชั้น มีจำนวนห้องชุดทั้งหมด 477 ยูนิต

ล่าสุดโครงการได้รับกระแสตอบรับดีทำยอดขายเกินกว่าเป้าหมายที่วางแผนไว้ โดยเน้นความคุ้มค่าในราคาเริ่มต้นเพียงตารางเมตรละ 1 แสนต้นๆ เท่านั้นหรือเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท ถือว่าเป็นราคาที่จับต้องได้เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยในโซนนี้กว่า 130,000 บาทต่อตารางเมตร และในขณะเดียวกันผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าในโซนนี้ยังเป็นที่ต้องการของตลาดโดยผลตอบแทนรวมสูงกว่า 5%

“เพื่อเน้นจุดยืนในด้านการเป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ The STAGE Mindscape Ratchada-Huai Khwang จึงได้มีการเพิ่มช่องทางการขาย ผ่าน “Line my Shop” โดยโครงการกำลังจะเปิดขายห้องซีรี่ย์ใหม่ New Expanding Terrace ในวันที่ 15 ต.ค.2564 นี้ พร้อมกับจะเปิดให้จองครั้งแรกเวลา 10.30 น. เฉพาะการจองผ่านช่องทางนี้อีกด้วย”

บดินทร์ธรกล่าวเสริมว่า  Line my Shop เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางด้านการขายสินค้าบน LINE OA ให้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะมีฟีเจอร์การใช้งานต่างๆ มากมายตั้งแต่การสั่งซื้อ จ่ายเงิน ติดตามสถานะ ไปจนถึงลูกค้าได้รับสินค้า นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถรับชมห้องตัวอย่างผ่านออนไลน์แบบ 360° Virtual Tour รวมทั้งยังสามารถหาข้อมูลโครงการผ่านช่องทาง REAL ASSET App ได้อีกด้วย

ส่วน Facilities ภายในโครงการถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Millennial ที่ทำงานประจำออฟฟิศและทำงานแบบ Work from Home ดังนั้นพื้นที่ส่วนกลางส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เช่น Co-Passion Space, Fitness และยังมี White Ion Bath Onsen แยกชาย-หญิง เพิ่มความสดชื่น และผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงาน รวมถึงสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge ระบบ Ozone และ Salt Chlorine พร้อมพื้นที่ออกกำลังกายภายนอกอาคารสำหรับ Jogging Track, Multiscape และ Playing Court โดยควบคุมการใช้ Facilities ด้วยระบบ IOT เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนกลาง เพราะหากไม่มีการใช้งานไฟจะเปิดแค่ 50%

ขณะเดียวกันเพื่อรองรับการใช้ชีวิตในคอนโดฯของคนเมืองรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปค่อนข้างเร็ว ทั้งรูปแบบการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน และไลฟ์สไตล์ส่วนตัว เรียลแอสเสทจึงได้ต่อยอดธุรกิจด้วยการ Co-Partner กับ “Bottomless” ซึ่งมีความเป็น specialist ตัวจริงด้านกาแฟมากถึง 16 ปี จนกระทั่งพัฒนามาเป็นโรงคั่ว นำเข้าเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ดีจากทั่วโลก เปิดร้านกาแฟร่วมกันภายใต้ชื่อ “Mindscape Café by Bottomless” รวมทั้งได้ Co-Partner กับ Kochii เปิดตัว “Guild @ Mindscape by Kochii” สถานที่รวมตัวกันของคนที่มีความชื่นชอบคล้ายกันทั้งด้าน Content Creator และสาย Esports  ประกอบด้วยพื้นที่ Co-Working, ห้องสตูดิโอ สำหรับถ่ายงานต่างๆ ทั้ง streaming, podcast และ review station รวมทั้งจัดเป็น e-sports academy

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/it/emma-by-axa-%e0%b9%82%e0%b8%94%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b8%e0%b8%87%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2-%e0%b9%81%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%8b%e0%b9%88%e0%b8%b2-%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%8a.html">บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เปิดตัวแอปพลิเคชัน “EMMA by AXA”</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

&nbsp;

“เรียลแอสเสท” จับมือ “Sotetsu Group” เขย่าตลาดคอนโดฯ รัชดาฯ-ห้วยขวาง

นามสกุลจึงรุ่งเรืองกิจ ทำให้หลายคนนึกถึงไทยซัมมิทกรุ๊ป ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ และบางคนอาจนึกไปถึงนักการเมือง แต่คงมีไม่มากนักที่จะนึกถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ครอบครัวนี้คาดหวังให้เป็นพอร์ตธุรกิจใหญ่ในอนาคต โดยฝากความหวังไว้กับทายาทคนเล็ก “เบอร์ดี้-บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ”

https://youtu.be/tjBXqf_f4rU

&nbsp;

<hr />

รับชมบทสัมภาษณ์ของบุคคลที่น่าสนใจ กดติดตามแชลเนลวิดีโอของเราบนยูทูบได้ที่ <a href="https://www.youtube.com/user/ForbesThai">Forbes Thailand Magazine</a>

8 คำถามกับ "บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ" คนเล็กภารกิจใหญ่ปั้นพอร์ตอสังหาฯ (Video)

<h2>"บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ทายาทคนเล็กของครอบครัวจึงรุ่งเรืองกิจ อาจทำให้หลายคนนึกถึงไทยซัมมิทกรุ๊ปและบางคนอาจนึกไปถึงนักการเมือง แต่คงมีคนไม่มากนักจะนึกถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ครอบครัวนี้คาดหวังให้เป็นพอร์ตธุรกิจใหญ่ในอนาคต โดยฝากความหวังไว้กับเขา</h2>
หนุ่มน้อยหน้าตาดีบุคลิกเงียบขรึม พูดน้อยแต่ยิ้มเก่ง และดูเป็นกันเองกับแขกผู้มาเยือน ปัจจุบันเขาเป็นผู้บริหารเบอร์ 1 ของบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด อีกธุรกิจของตระกูล “จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่เริ่มก่อร่างสร้างตัวจนมีพอร์ตการลงทุนไปแล้ว 1.8 หมื่นล้านบาท

พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาแล้ว 14 โครงการ ใช้เวลาในการพัฒนามา 8 ปี (เริ่มต้นปี 2554) เดิมทีผู้บริหารเรียลแอสเสทฯ คือ สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ บุตรชายคนรองของ สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ

แต่มาปัจจุบันโครงสร้างการวางตัวทายาทธุรกิจของกลุ่มเปลี่ยนไป เมื่อบุตรชายคนโต-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เคยบริหารไทยซัมมิทกรุ๊ปผันตัวไปเล่นการเมืองทำให้ สกุลธร-บุตรชายคนรองต้องเข้าไปบริหารไทยซัมมิทกรุ๊ป

เรียลแอสเสทฯ ที่สกุลธรเคยดูแลจึงกลายมาเป็นภารกิจของ บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือเบอร์ดี้ บุตรชายคนเล็กของครอบครัว เข้ามารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เต็มตัวตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งตอนนั้นเขาอายุเพียง 24 ปี ปัจจุบันก็ยังถือว่าเป็นซีอีโออายุน้อยเพียง 26 ปีเท่านั้น

“ครอบครัวผมมี 5 คน มีพี่ชาย 2 คน พี่สาว 2 คน และผมเป็นคนเล็ก” บดินทร์ธร เริ่มบทสนทนากับ Forbes Thailand ด้วยการลำาดับพี่น้องตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ ทายาทเจ้าแม่ชิ้นส่วนยานยนต์ สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ

<figure><img class="wp-image-27618 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/03/บดินทร์ธร-03.jpg" alt="บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ คนเล็กภารกิจใหญ่ปั้นพอร์ตอสังหาฯ" width="600" height="273" /><figcaption> โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ของเรียลแอสเสทฯ ส่วนใหญ่เน้นตลาดกลางค้อนข้างบน กับจุดเด่นด้านการออกแบบสไตล์โมเดิร์น</figcaption></figure>

เพราะครอบครัวเริ่มรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างเป็นรูปธรรม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จึงเป็นธุรกิจในความคาดหวังที่ต้องการให้มีพอร์ตรายได้ที่ใหญ่ขึ้น อาจไม่เท่าอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ที่เริ่มมีความไม่แน่นอน แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมีความสำคัญมากขึ้นเพราะย่อมดีกว่าหาก “จึงรุ่งเรืองกิจ” สามารถขยายธุรกิจอื่นขึ้นมาเป็นสัดส่วนที่น่าพอใจ เพื่อกระจายความเสี่ยงควบคู่ไปกับการปรับตัวของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์
<h2>ความท้าทายช่วงตลาดชะลอตัว</h2>
เมื่อต้องเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดในบริษัทน้องใหม่ที่คาดหวังการเติบโตให้เป็นพอร์ตใหญ่อีกธุรกิจของครอบครัว คนทั่วไปอาจมองว่า นี่คือแรงกดดันลึกๆ จากภารกิจที่ต้องสร้างการเติบโตแต่บดินทร์ธรกลับไม่ได้กังวลในข้อนี้

“ไม่คิดว่าเป็นภาระ คิดว่าเป็นโอกาสมากกว่า แล้วก็ทำให้เราได้มาลองอะไรใหม่ๆ และเป็นการท้าทายตัวเอง ทุกธุรกิจทุกเจ้าของกิจการก็อยากทำให้ธุรกิจมันโตอยู่แล้ว เป็นเป้าหมายที่ต้องทำให้ได้ แต่ตอนนี้โดยเฉพาะปี 2562 อย่างที่ทราบกันวงการอสังหาฯ อาจไม่ได้เติบโตมากนักจากปีก่อนเราก็คิดว่าจะพยายามรักษาการเติบโตให้ได้อย่างน้อยก็เท่าเดิม ซึ่งโปรไฟล์ที่ผ่านมาของบริษัทถือว่าเรามาไกลพอสมควร”

นอกจากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ตามปกติแล้ว เรียลแอสเสทฯ ยังพยายามทำโครงการของบริษัทให้ยั่งยืนและเติบโตไปเรื่อยๆ โดยเผยว่าใน 1-2 ปีนี้อาจจะเพิ่มการลงทุนโครงการที่สร้างรายได้ประจำ (recurring income) เพิ่มขึ้น ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น แต่ที่เห็นพัฒนาเพิ่มขึ้นเพราะบริษัทยังไม่ค่อยมีพอร์ตนี้มากนัก

ที่ผ่านมาเพิ่งมีเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ที่เอกมัย โครงการปาร์ค 19 เรสซิเด้นท์ ซึ่งถือว่าสัดส่วนยังน้อยเมื่อเทียบกับอสังหาริมทรัพย์ที่เรียลแอสเสทฯ พัฒนามาทั้งหมดทยอยปั้นพอร์ตรายได้ประจำ

“เป้าหมายของครอบครัวแค่ทำโครงการอะไรแล้วขายออกไป แต่เราอยากเก็บแอสเสทให้ด้วยในอนาคต โครงการขายเสร็จก็กำไรจบไปในโครงการ แต่ในอนาคตอยากทำให้แอสเสทของครอบครัวยั่งยืน โดยโครงการที่น่าจะได้เห็นในอีก 2 ปีข้างหน้า คือจะเริ่มพัฒนาโรงแรม ที่กำลังดูอยู่ คือ แอร์พอร์ตโฮเทล สุวรรณภูมิ ใกล้สนามบิน”

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-27614 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/03/บดินทร์ธร-01.jpg" alt="บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ คนเล็กภารกิจใหญ่ปั้นพอร์ตอสังหาฯ" width="600" height="236" />

ทั้งนี้บดินทร์ธรเผยถึงความยากของซีอีโอเจนวายไม่ใช่การบริหารแต่เขามองว่าเรื่องที่ยากคือการที่ต้องดูตลาดต้องอ่านให้ออก เพราะบางทำเลยังคงไปได้แต่อาจไม่ตรงกับความต้องการที่ตลาดมีกำลังซื้อไม่ถึง

“ถ้าให้ดูภาพรวมคิดว่าเนื่องจากราคาที่ดินค่อนข้างสูงแล้ว กำลังซื้อในบางทำเลโดยเฉพาะใจกลางเมืองอาจเรียกว่าไปตามไม่ทัน”

นี่ต่างหากคือความยากที่ว่าจะพัฒนาสินค้าออกมาอย่างไรให้ตรงกับความต้องการและกำลังซื้อที่ตลาดรับได้ซึ่งปัจจัยเรื่องที่ดินนี้เองทำให้ผู้ประกอบการหลายราย กระจายไปตามทำเลรอบๆ เมืองมากขึ้น แต่ถึงแม้จะยากและดูเหมือนกำลังซื้อปรับตัวไม่ทัน แต่บดินทร์ธรก็ยืนยันว่า การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลักของครอบครัว

“เราลงทุนและทุ่มเวลากับธุรกิจนี้พอสมควร ต่อไปเราก็คิดว่าพยายามให้อสังหาฯ ของครอบครัวยั่งยืนเติบโตต่อไปเรื่อยๆ”

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-27615" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/03/บดินทร์ธร-02.jpg" alt="" width="600" height="364" />

ก่อนจบการพูดคุยในวันนั้น ซีอีโอคนสุดท้องของครอบครัวจึงรุ่งเรืองกิจบอกว่า นอกเหนือจากความสำเร็จและการเติบโตด้านรายได้เขายังรู้สึกภูมิใจในมิติของการเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์คือ

“การที่เราสามารถพัฒนาที่อยู่อาศัยให้คนหลายร้อยคนมาอยู่ได้ อันนี้เป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจที่สุด นับจากที่เราเริ่มไปดูที่ดินซึ่งอาจจะรกร้างหรือเป็นตึกเก่าๆ มาถึงวันที่สร้างเสร็จ เราออกแบบมาเป็นหน้าตาที่เราวางแผนไว้ เสร็จแล้วได้เห็นคนที่เข้ามาอยู่อาศัย เรามีความสุขอย่างบอกไม่ถูก”

นั่นคือความรู้สึกลึกๆ ของบดินทร์ธร กับ 2 ปีในฐานะผู้นำเรียลแอสเสทฯ เขายังสนุกกับงานและมีความสุขกับผลลัพธ์ที่ได้ นับจากนี้ไปเขายืนยันว่าจะเดินหน้าพัฒนาธุรกิจที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด และเปิดกว้างมากขึ้นพร้อมเผยว่า

ขณะนี้บริษัทกำลังมีการเจรจาเรื่องการขยายธุรกิจทั้งโรงแรม และคอนโดมิเนียม โดยคาดว่ามีโอกาสที่ต่างชาติจะเข้ามาร่วมทุนด้วย ซึ่งอาจเป็นกลุ่มทุนจากญี่ปุ่น และอาจได้เห็นการร่วมธุรกิจกันภายใน 2 ปีข้างหน้านี้

ภาพ: บจ.เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/people/ชนาพรรณ-จึงรุ่งเรืองกิจ.html">อ่านเพิ่มเติม: ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ “Build to Be” พิสูจน์ฝีมือ</a></li>
</ul>

<hr />

<a href="https://bit.ly/3b7v0Ic">คลิกเพื่อติดตามบทความทางด้านเศรษฐกิจและธุรกิจอื่นๆ ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับกุมภาพันธ์ 2563 ในรูปแบบ e-Magazine</a>

<a href="https://bit.ly/3b7v0Ic"><img class="alignnone wp-image-26493" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/new-COVER-81-FEBRUARY-17-1-63-.jpg" alt="" width="300" height="394" /></a>

บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ คนเล็กภารกิจใหญ่ปั้นพอร์ตอสังหาฯ

อาณาจักรค่าย “สิงห์” ธุรกิจเครื่องดื่ม-อาหารเก่าแก่ของตระกูล “ภิรมย์ภักดี” มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยพระยาภิรมย์ภักดี บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งธุรกิจยุคเริ่มแรกเมื่อปี 2477 ในปัจจุบัน 86 ปีผ่านไป อาณาจักรบุญรอดจากจุดเริ่มต้นด้วยเบียร์สิงห์ ได้ขยับขยายกิจการใหญ่โตมีบริษัทในเครือกว่า 150 บริษัท มีพนักงานรวมกันเกือบ 2 หมื่นคน
กลุ่มบุญรอดในปัจจุบันแบ่งสายธุรกิจออกเป็น 6 กลุ่มหลัก โดยกลุ่มที่ทำรายได้สูงสุดคือกลุ่มธุรกิจการค้าด้วยยอดขายกว่า 1.2 แสนล้านบาทในปี 2562 คือบริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ที่มี “เต้-ภูริต ภิรมย์ภักดี” นั่งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และวันนี้ไม่เพียงทำรายได้สูงสุดในกลุ่ม แต่ยังครองส่วนแบ่งตลาดเบียร์อันดับ 1 ของประเทศ เช่นเดียวกับน้ำดื่มและโซดา ก้าวย่างในการเติบโตของบุญรอดเทรดดิ้ง ภายใต้การบริหารของสิงห์หนุ่ม เต้-ภูริต เจเนอเรชั่นที่ 4 ของภิรมย์ภักดี จึงเป็นบทเรียนน่าสนใจในฐานะผู้นำตลาดเครื่องดื่มไทยที่ครองแชมป์ต่อเนื่องมายาวนาน
บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ คนเล็กภารกิจใหญ่ปั้นพอร์ตอสังหาฯ นามสกุลจึงรุ่งเรืองกิจ ทำให้หลายคนนึกถึงไทยซัมมิทกรุ๊ป ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ และบางคนอาจนึกไปถึงนักการเมือง แต่คงมีคนไม่มากนักจะนึกถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ครอบครัวนี้คาดหวังให้เป็นพอร์ตธุรกิจใหญ่ในอนาคต โดยฝากความหวังไว้กับทายาทคนเล็กรายนี้
พีท ริมชลา เล็งโอกาสลับคม HTECH พื้นฐานด้านวิศวกรรมจากโรงงานผลิตชิ้นส่วนนาฬิกาสู่หนึ่งในทีมงานร่วมโปรเจกต์ของกระทรวงกลาโหมแห่งสหรัฐอเมริกา กับไมล์ทางความรู้นอกตำราของ Mr. Cutting Tools นับหนึ่งธุรกิจผลิตชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์และเครื่องมือตัดโลหะจากเพชรรายแรกของไทย พร้อมรุกตลาดฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย
ชัยวัฒน์ นันทิรุจ Disruptor นวัตกรรมแพ็กเกจจิ้ง เอกา โกลบอล หรือชื่อเดิม เอกา แพค บริษัทผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบคงรูปที่กำลังจะมาแทนที่แพ็กเกจจิ้งแบบกระป๋อง เป็นธุรกิจมาแรงของคนไทยที่รุกเข้าเทกโอเวอร์โรงงานในจีน-อินเดีย ก้าวสู่อันดับ 1 ของเอเชียในฐานะ disruptor แพ็กเกจจิ้ง ซึ่งนักสร้างแบรนด์เรียกเขาว่า “Elon Musk แห่งนวัตกรรมหีบห่อบรรจุภัณฑ์”
ภายในฉบับพบ Heroes of Philanthropy ทำเนียบมหาเศรษฐีใจบุญประจำปีนี้ และร่วมอ่านบทความและเรื่องราวธุรกิจอันหลากหลายเพื่อสร้าง “แรงบันดาลใจของผู้ใฝ่ความสำเร็จ” จาก Forbes Thailand ฉบับกุมภาพันธ์ 2563


<hr />

<img class="alignnone wp-image-26271" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/FB081-EBOOKRES150.jpg" alt="" width="480" height="630" /> <img class="alignnone wp-image-26272" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/FB081-EBOOKRES150-01.jpg" alt="" width="480" height="630" /> <img class="alignnone wp-image-26273" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/FB081-EBOOKRES150-02.jpg" alt="" width="480" height="630" />

นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับกุมภาพันธ์ 2563 - ภูริต ภิรมย์ภักดี สิงห์หนุ่มเจนฯ 4 นำจุดเปลี่ยนบุญรอดเทรดดิ้ง

<h2>เรียลแอสเสท อสังหาริมทรัพย์ในเครือไทยซัมมิท วางเป้าปี 2562 ปิดยอดขาย-ยอดโอน 2.7 พันล้านบาท เปิดตัวใหม่ 2 โครงการแนวราบย่านกิ่งแก้วและบางนา แผนระยะยาวจัดโครงสร้างองค์กร ดึงออฟฟิศบิลดิ้งจากไทยซัมมิทเข้าพอร์ต เล็งโอกาสทางธุรกิจด้านโลจิสติกส์และการออกกำลังกาย หวังเปิดไอพีโอได้ภายในปี 2565</h2>
บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยถึงการเติบโตของบริษัทหลังจากก้าวสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มานาน 7 ปีว่า ปัจจุบัน เรียลแอสเสทมีการพัฒนาโครงการสะสม 12 โครงการ มูลค่ารวม 1.4 หมื่นล้านบาท โดยยังอยู่ระหว่างขายประมาณ 7 พันล้านบาท เช่น โครงการเดอะ สเตจ เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์, ลาวีค สุขุมวิท 57, เอสทีค ทองหล่อ เป็นต้น

ในปี 2562 เรียลแอสเสทยังคงมีแผนพัฒนาต่อเนื่อง โดยจะมีการเปิดตัว 2 โครงการแนวราบ ได้แก่ โครงการเซนส์ กิ่งแก้ว ทาวน์โฮมและบ้านแฝด เนื้อที่โครงการ 23 ไร่ จำนวน 150 ยูนิต มูลค่า 800 ล้านบาท และโครงการวิรัณยา บางนา บ้านเดี่ยวจำนวน 150 ยูนิต เนื้อที่โครงการ 40 ไร่ มูลค่า 1.9 พันล้านบาท

ด้านเป้าหมายทั้งยอดขายและยอดรับรู้รายได้ตั้งเป้าเท่ากันที่ 2.7 พันล้านบาท โดยบริษัทมีแบ็กล็อกอยู่แล้ว 3.9 พันล้านบาท ซึ่งจะโอนภายในปีนี้ 2.2 พันล้านบาทจากโครงการลาวีค สุขุมวิท 57 คอนโดมิเนียมลักชัวรีราคาเริ่มต้นยูนิตละ 10.9 ล้านบาทที่เตรียมทยอยโอนหลังสร้างเสร็จช่วงปลายไตรมาส 3

<figure><img class="size-full wp-image-7082" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/04/14cedae3acb0212c34e1e8cf82e3d1cd.jpg" alt="" width="750" height="552" /><figcaption> โครงการเอสทีค ทองหล่อ เปิดตัวเมื่อปี 2561</figcaption></figure>

บดินทร์ธรกล่าวต่อว่า ปีนี้บริษัทมีงบลงทุนซื้อที่ดิน 3 พันล้านบาท เพื่อจัดซื้อที่ดินเตรียมพัฒนาโครงการสำหรับปี 2563 คาดว่าจะมีการจัดซื้อที่ดินเนื้อที่ 4 ไร่ บริเวณถนนรัชดาภิเษก ราคาที่ดินราว 7 แสนบาทต่อตร.ว. เตรียมพัฒนาเป็นโครงการแนวสูงมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท เปิดขายในราคาประมาณ 1.5 แสนบาทต่อตร.ม. และยังคงมองหาที่ดินเพิ่มเติมสำหรับพัฒนาบ้านแนวราบ คาดว่าปี 2563 จะเปิดตัวได้อีก 3 โครงการ

“เราพยายามจะขึ้นโครงการแนวสูงให้ถี่ขึ้นเป็นปีละ 1 โครงการ จากเมื่อก่อนมีการพัฒนาทุก 2-3 ปี เพื่อให้ยอดโอนเข้ามาสม่ำเสมอ ส่วนแนวราบต้องการเปิดให้ได้ปีละอย่างน้อย 2-3 โครงการ” ซีอีโอเรียลแอสเสทกล่าว

ทั้งนี้ ที่ดินในพอร์ตของเรียลแอสเสท บดินทร์ธรกล่าวว่ามีสะสมไว้ไม่มากนัก ปัจจุบันมีที่ดินเนื้อที่ 180 ไร่ที่ถนนกิ่งแก้วซึ่งกำลังทยอยแบ่งแปลงพัฒนา แต่ที่ดินและสินทรัพย์ที่ถือทั้งในนามไทยซัมมิทและในนามส่วนตัวของครอบครัวจึงรุ่งเรืองกิจยังมีอยู่ เช่น ที่ดินใน จ.ชลบุรี ซึ่งถ้าหากมีความเหมาะสมก็สามารถโอนเข้ามาเพื่อพัฒนาได้

&nbsp;
<h2>โอนพอร์ตเช่า เตรียมเปิดไอพีโอ</h2>
สำหรับบดินทร์ธรเป็นลูกชายคนสุดท้องวัย 26 ปีของตระกูลที่เข้ามารับตำแหน่งนี้แทนพี่ชาย สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อ 1 ปีก่อน โดยเขาวางเป้าหมายระยะยาวของบริษัท ต้องการจะสร้างยอดขายให้ได้ 4-5 พันล้านบาท ยอดโอน 4 พันล้านบาท และมีแบ็กล็อกรอโอน 7 พันล้านบาทภายในปี 2565 เพื่อเตรียมตัวเปิดไอพีโอในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

<figure><img class="size-full wp-image-7080" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/04/IMG_30042019_133639_900_x_480_pixel-e1556606291232.jpg" alt="" width="800" height="427" /><figcaption> บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซีอีโอคนใหม่ของเรียลแอสเสท ในงานเปิดตัวโรงภาพยนตร์ Real Asset IMAX ณ ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์</figcaption></figure>

นอกจากการขยายโครงการอสังหาฯ เพื่อขายในแต่ละปี บดินทร์ธรยังมีไอเดีย ‘restructure’ องค์กร ดึงพอร์ตอสังหาฯ ให้เช่าที่น่าสนใจที่ยังอยู่ในนามไทยซัมมิทหรือนามบุคคลเข้ามาอยู่ภายใต้เรียลแอสเสท เพื่อจะเป็นฐานรายได้ที่ดีให้กับบริษัทโดยมีโครงการที่จ่อโอนย้ายคือ ตึกไทยซัมมิท ถ.เพชรบุรี มูลค่าโครงการราว 3 พันล้านบาท และออฟฟิศบิลดิ้งใน London ประเทศอังกฤษ มูลค่าโครงการ 60 ล้านปอนด์ซึ่งถือในนามส่วนตัวของครอบครัว

บดินทร์ธรยังมองหาสินทรัพย์อื่นๆ ที่จะเข้ามาเสริมพอร์ตรายได้ค่าเช่าก่อนเปิดไอพีโอ เช่น ธุรกิจโรงแรม แต่คาดว่าจะใช้กลยุทธ์ควบรวมกิจการมากกว่าพัฒนาใหม่ ซึ่งยังไม่ได้มีการเจรจาในตลาดแต่มองหาโรงแรมที่มีมูลค่าราว 4 พันล้านบาทอยู่ในขณะนี้

&nbsp;
<h2>วิสัยทัศน์ระยะยาว โลจิสติกส์-เทรนด์ออกกำลังกาย</h2>
ซีอีโอเรียลแอสเสทกล่าวต่อว่า ด้านมุมมองระยะยาวของเขาต่อบริษัทนี้ ต้องการต่อยอดแนวคิดใหม่ให้กับธุรกิจในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า

“ส่วนตัวผมพยายามจะดูอะไรที่ใหม่กว่าบ้านและคอนโดฯ เช่น โลจิสติกส์ เพราะเทรนด์อี-คอมเมิร์ซกำลังมาแรง หรือพื้นที่สำหรับออกกำลังกายและกีฬาที่มาได้ทั้งครอบครัวและมีคุณภาพดี เนื่องจากตอนนี้พื้นที่แบบนี้ในกรุงเทพฯ มีแค่สวนลุมพินี สวนรถไฟ และสกายเลน สุวรรณภูมิ ครอบคลุมพื้นที่ไม่ได้ทั่วถึง เราจึงอยากดีไซน์พื้นที่แบบนี้ให้สังคมได้ใช้” บดินทร์ธรกล่าว

ทายาทหนุ่มยังมีแนวคิดด้านการใช้เทคโนโลยีในโครงการอีกด้วย โดยเขากำลังศึกษาเทคโนโลยี AI ที่สนับสนุนระบบ Facial Recognition เพื่อนำมาใช้ในการสแกนใบหน้าลูกบ้านในโครงการ ช่วยรักษาความปลอดภัยและเพิ่มความสะดวก ซึ่งหวังว่าจะได้เป็นโครงการแรกในไทยที่มีระบบ Facial Recognition ใช้งาน รวมถึงการใช้โดรนเพื่อดูแลความเรียบร้อยในโครงการ เช่น ใช้โดรนตรวจสอบสภาพสวนส่วนกลางในโครงการแนวราบที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งการใช้โดรนจะลดกำลังแรงงานคนสวนไปได้มาก

&nbsp;

Forbes Facts

บดินทร์ธรเป็นน้องชายคนสุดท้องของตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ รองจากพี่สาวและพี่ชายอีก 4 คน คือ ชนาพรรณ, ธนาธร, รุจิรพรรณ และ สกุลธร เขาเรียนจบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์จาก University of London ก่อนเรียนต่อปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์อสังหาริมทรัพย์และการเงินที่ The London School of Economics and Political Science (LSE) หลังเรียนจบบดินทร์ธรกลับเมืองไทย ทำงานในตำแหน่งผู้จัดการความสัมพันธ์สินเชื่อที่ธนาคารทหารไทย 2 ปี ก่อนรับตำแหน่งในธุรกิจครอบครัว

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="http://forbesthailand.com/people/ชนาพรรณ-จึงรุ่งเรืองกิจ.html">ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ "Build to Be" พิสูจน์ฝีมือ</a></li>
 	<li><a href="http://www.forbesthailand.com/forbes-life-detail.php?did=2139">ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พลิกตำราบริหารความเสี่ยงครั้งใหม่ที่ 'ขั้วโลกใต้'</a></li>
</ul>

"เรียลแอสเสท" จัดพอร์ตธุรกิจดึงออฟฟิศไทยซัมมิทเข้าบริษัท มอง “โลจิสติกส์-ออกกำลังกาย” โอกาสระยะยาว

<h2>ตลาดลักชัวรีคอนโดมิเนียมที่กำลังคึกคัก กลับร้อนแรงขึ้นมาทันที เมื่อ 'เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์' ภายใต้การนำของ บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงที่กำลังเป็นที่จับตามอง</h2>
ด้วยฝีไม้ลายมือที่เหนือชั้นใช้เวลาเพียง 7 ปี ก็สามารถปลุกปั้น “เรียลแอสเสทดีเวลลอปเม้นท์” ให้กลายเป็นดีเวลลอปเปอร์ชั้นนำของประเทศไทย ประกาศลั่นกลองรบครั้งใหม่ด้วยการเปิดตัว “AESTIQ Thonglor” คอนโดมิเนียมสุดหรูระดับ Ultimate Luxury ในฐานะไอคอนนิคแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของทองหล่อที่พรั่งพร้อมด้วยสุนทรียะแห่งการอยู่ที่อาศัยที่สะท้อนตัวตนของผู้อาศัยได้อย่างไร้ที่ติ

หลังจากก่อนหน้านี้ได้พิสูจน์ผลงานคุณภาพจากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในไพร์มโลเคชั่นทั่วกรุงเทพฯ สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในทุกกลุ่มโปรดักส์มากกว่า 10 โครงการด้วยวิสัยทัศน์ของแม่ทัพหนุ่มแห่งเรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ ที่เชื่อว่าหัวใจของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้ประสบความสำเร็จนั้นไม่ได้อาศัยแค่จุดเด่นด้านใดด้านหนึ่ง แต่เกิดจากการหลอมรวมหลากหลายองค์ประกอบแห่งความใส่ใจเข้าด้วยกัน ทั้งทำเลที่ตั้งโครงการที่ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิต การออกแบบที่ใส่ใจ

ทุกรายละเอียดสู่ผลงานดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น การเลือกวัสดุคุณภาพเกรดพรีเมี่ยมตลอดจนการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง อย่างทีมสถาปนิกมืออาชีพและบริษัทออกแบบชั้นนำของประเทศ หลอมรวมกลายเป็นผลงานมาสเตอร์พีชมากมาย

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างความแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ พิสูจน์ให้เห็นแล้วผ่านโครงการ LAVIQ Sukhumvit 57 แม้จะเป็นครั้งแรกที่เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ลุกขึ้นมาลุยตลาดลักชัวรีคอนโดมิเนียมแต่ด้วยแนวคิดที่ผสมผสานความหรูหรากับความยูนีคไว้ได้อย่างกลมกล่อมพร้อมนำเทคโนโลยีต่างๆ และแบรนด์เนมระดับHi-End มาประยุกต์ใช้ในโครงการอย่างลงตัว ทำให้ LAVIQ Sukhumvit 57 ประสบความสำเร็จอย่างงดงามจนใครๆ ต่างจับตามอง

<img style="width: 638px; height: 280px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/60dc91a2b5241ae01063e45f570d1834.jpg" alt="" />

จากความสำเร็จของ LAVIQ Sukhumvit 57 ได้กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญสู่การต่อยอด AESTIQ Thonglor คอนโดมิเนียมระดับ Ultimate Luxury อีกหนึ่งผลงานอันแสนภาคภูมิใจของเรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ ที่ยังคงคอนเซปท์ในการคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อมอบสุนทรียะแห่งการอยู่อาศัยในทุกมิติ โดดเด่นด้วยทำเลที่ตั้งอันเปี่ยมไปด้วยศักยภาพของคนทุกเจนฯ อย่างทองหล่อ สุดยอดทำเลพักอาศัยในฝันของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชีวิตกำลังดื่มด่ำกับความสำเร็จและต้องการให้ที่อยู่อาศัยเป็นเครื่องสะท้อนตัวตนที่สมบูรณ์แบบ เป็นเจ้าของชีวิตที่อิสระเปี่ยมไปด้วยไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ทั้งชาวไทยและต่างชาติ อยู่ในจุดศูนย์กลางของการเดินทางที่แสนสะดวกสบาย เหมาะทั้งการอยู่อาศัยเองและการซื้อเพื่อการลงทุน เพราะทองหล่อเป็นทำเลทองที่ใครๆ ต่างหมายตา ราคาที่ดินไม่เพียงเพิ่มขึ้นทุกปี แต่ยังเป็น Rare Area ที่หายากขึ้นทุกวัน

นอกจากทำเลที่ตั้งจะชวนให้ไม่อาจปฏิเสธที่จะเป็นเจ้าของแล้ว การเผยโฉมของ AESTIQ Thonglor ซึ่งเกิดจากการผสานคำระหว่าง “Aesthetic” (สุนทรียภาพ) กับ “Unique” (ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว) ยังไม่ธรรมดาเพื่อให้สมกับคอนเซปท์ที่ว่า “A Reflection of you” ทุกรายละเอียดของโครงการจึงเต็มไปด้วยแนวคิดที่ตกผลึกอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่การออกแบบอาคารให้มีรูปทรง Façade กั้นด้วยกระจก Curtain Wall สะท้อนแนวคิด Futuristic ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโลกแห่งอนาคต โดดเด่นสมเป็นไอคอนนิคแลนด์มาร์กของย่าน

<img style="width: 638px; height: 381px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/d59b65f9e89efc5db838af99f1616e8d.jpg" alt="" />

ขณะเดียวกันยังมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ภายในโครงการเพื่อสนองการใช้ภายในโครงการเพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น Private Lift ในทุกยุคยูนิคโดยผู้อาศัยสามารถขึ้นมาถึงห้องพักของตนเองได้โดยไม่ต้องเดินผ่านพ้น ที่ Corridor ส่วนกลางในแต่ละชั้นแต่อย่างใด พร้อมกันนี้ยังมอบประสบการณ์เหนือชั้นยิ่งกว่าด้วยระบบที่จอดรถยนต์ 2 แบบทั้ง Auto Parking และ Conventional Parking ในสัดส่วนมากกว่า 100% ของห้องพักในส่วนของพื้นที่อยู่อาศัย ทางโครงการอาศัยแนวคิดการออกแบบอย่างเหนือชั้นด้วยการออกแบบให้เป็น Cluster ก่อให้เกิดห้องมุมในสัดส่วนที่มากกว่าปกติ ช่วยเพิ่มมุมมองที่แตกต่างในการอยู่อาศัยได้ชื่นชมทัศนียภาพ ที่งดงามของทิวทัศน์เมืองได้เต็มที่ที่สุด

<img style="width: 638px; height: 302px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/224683fce3ff9ff18b847846db71de8d.jpg" alt="" />

นอกจากนี้ยังสามารถเปิดรับลมธรรมชาติเพื่อช่วยระบายอากาศธรรมชาติให้ความรู้สึกปลอดโปร่งสบายต่างจากการใช้ชีวิตในคอนโดมิเนียมทั่วไปเช่นเดียวกับสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการพรั่งพร้อมเหนือกว่าคำว่า “ครบครัน” แต่รังสรรค์มาอย่างเข้าใจในสิ่งที่ผู้อยู่อาศัยมองหาสะกดทุกสายตาด้วย Reflection Pool สระว่ายน้ำบนชั้นที่ 30 เพียงพอที่จะชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของ Bangkok Skyline ได้อย่างเต็มอิ่มมาพร้อมความยาวของสระที่ต่อเนื่องถึง 25 เมตรเหมาะสำหรับผู้ที่รักในการว่ายน้ำ ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลาง ออกแบบให้อยู่ด้านหน้าโครงการเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถพักผ่อนในบรรยากาศ Cityscape ของย่านที่ไม่เคยหลับใหลได้อย่างเต็มอิ่ม สร้างจุดเด่นเพื่อให้เกิดการใช้พื้นที่ในรูปแบบที่แตกต่างออกไปด้วยการทำ “Step Garden” เป็น Main Vertical Circulation ซึ่งนำแนวคิด Terrace มา Integrate ใช้กับบันได

<img style="width: 638px; height: 415px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/9eaaf76382d8458ab8477c42a1a6ff29.jpg" alt="" />

<img style="width: 638px; height: 342px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/eb41cba3178c2e8042bae78070f5c002.jpg" alt="" />

นอกจากนี้เพื่อให้สมกับเป็นโครงการที่ตกผลึกจากไอเดียคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริงทางโครงการยังเพิ่มแนวคิดรักษ์โลกเข้าไปด้วยการนำรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% เข้ามาใช้เป็น Luxury Car Service ภายในโครงการ เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ที่จอดรถ Super Car &amp; Super Bike and Bicycle, Shuttle Service, EV Charging Station, Golf &amp; Bike Simulator, Private Theater, Private Onsen, Panoramic Gym, Sky Social Club ฯลฯ รวมทั้งยังมีบริการเสริมอื่นๆ ที่ดูแลโดย Concierge Service

ผลผลิตแห่งความมุ่งมั่นและประสบการณ์ที่จะมอบที่สุดแห่งสุนทรียะในแบบที่เป็นคุณให้เกิดขึ้นจริง พร้อมแล้วที่จะเผยโฉมให้ได้สัมผัสทุกมุมมอง ณ “AESTIQ Thonglor” สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ <a href="http://www.aestiq.com">www.aestiq.com</a> หรือ โทร 1232

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events