<h2>หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อ 28 มี.ค. 68 ที่ผ่านมา เกิดความเสียหายทั้งตึกสตง. ถล่ม คอนโดฯ ออฟฟิศ ตึกสูงเกิดรอยร้าว ช่วงที่ผ่านมาทั้งคปภ. และสมาคมประกันวินาศภัยไทยต่างประสานงานเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนด้านการประกันภัย และพร้อมประสานงานช่วยเหลือผู้เอาประกัน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุด ดร. สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เล่าถึงภาพรวมสถานการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ว่า ความเสียหายหลักเกิดขึ้นกับโครงสร้างอาคาร รถยนต์ ชีวิตคน บ้านอยู่อาศัย ซึ่งที่คาดว่าสัดส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดฯ และเคสตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ถล่ม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ปัจจุบันยังไม่สามารถรวบรวมความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพราะยังไม่มีการเคลมเข้ามาอย่างครบถ้วน แต่ทางสมาคมฯ ได้ แจ้ง และขอความร่วมมือกับสมาชิกฯ ว่าถ้ามีการแจ้งค่าเสียหายจากผู้เอาประกันจะมีการส่งเข้ามาที่ส่วนกลาง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นประเมินความเสียหายโดยรวมในแผ่นดินไหวครั้งนี้อาจจะไม่เกิน 100,000 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าช่วง COVID-19 ที่ปัจจุบันหนี้สินในกองทุนประกันวินาศภัยอยู่ที่ 80,000 ล้านบาท และสินไหมที่บริษัทประกันภัยต่างจ่ายออกไปแล้วคาดว่าไม่ต่ำกว่า 50,000-60,000 ล้านบาท (รวมแล้วราว 150,000 ล้านบาท)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ท้้งนี้ เชื่อว่าหลังจากนี้ บริษัทประกันภัยต่างๆ จะมีการบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับภัยแผ่นดินไหวมากยิ่งขึ้น รวมถึงอาจส่งต่อความเสี่ยงไปยังผู้รับประกันภัยต่อมากขึ้น โดยปกติแล้วบริษัทประกันภัยจะใช้สถิติที่เกิดขึ้นซึ่งใน 100 ปีที่ผ่านมาไม่มีภัยแผ่นดินไหวเกิดขึ้นในไทย แม้จะมีข้อมูลว่าอาจเคยเกิดแผ่นดินไหวเมื่อ 110 ปี ที่แล้ว แต่ขณะนั้นอาจยังไม่มีอาคารสูง และปัจจัยอื่นๆ เหมือนในปัจจุบัน แต่หลังจากนี้เชื่อว่าภัยแผ่นดินไหวจะเป็นอีกปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญในการรับประกันภัย​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/kLM7kNsh2NfNx5bP86ST.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="kLM7kNsh2NfNx5bP86ST.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""><figcaption><div>ที่มา สมาคมประกันวินาศภัยไทย</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า&nbsp;หนึ่งในครั้งที่ประกันภัยไทยต้องเผชิญความท้าทายสูง คือ ตอนเกิดภัยน้ำท่วมที่มีการเคลม 400,000 - 500,000 ล้านบาท ธุรกิจฯ ก็ยังผ่านมาได้ แม้ยังไม่ทราบความเสียหายที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ แต่ที่ผ่านมา คปภ. ได้สั่งการให้บริษัทประกันภัยทำ Stress Test ที่รวมถึงกรณีแผ่นดินไหวมาตลอดและพบว่าธุรกิจประกันภัยยังมีความสามารถในการรองรับสถานการณ์ได้อย่างต่อเนื่อง Photo by <a href="https://unsplash.com/@derekleej?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash" style="font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">Derek Lee</a> on <a href="https://unsplash.com/photos/grayscale-photo-of-man-in-black-jacket-sitting-on-chair-TfkWkEQ530g?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash" style="font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">Unsplash</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/other/tgia-earthquake-28-mar-2025" alt="เมื่อเกิดแผ่นดินไหว เคลมได้! ส.ประกันวินาศภัยไทย เผย 5 ประเภทประกันฯ ที่มีความคุ้มครองกรณีแผ่นดินไหว">เมื่อเกิดแผ่นดินไหว เคลมได้! ส.ประกันวินาศภัยไทย เผย 5 ประเภทประกันฯ ที่มีความคุ้มครองกรณีแผ่นดินไหว</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ส.ประกันวินาศภัยไทยคาด ‘แผ่นดินไหว ปี 68’ เสียหายไม่ถึงแสนล้านบาท ต่ำกว่ากรณี COVID-19

<h2>กรุงเทพประกันภัย มองประกันรถไฟฟ้ายังมีความเสี่ยงในระดับสูง แต่ปี 2568 นี้จะไม่ได้ปรับขึ้นเบี้ยฯ เพราะของบริษัทฯ ได้คำนวนรองรับความเสี่ยงไว้แล้วทำให้ ค่าเฉลี่ยเบี้ยฯ สูงกว่าตลาดราว 10-15% โดยปีนี้จะขยายตลาดประกันชั้น 2+ มากขึ้น โดยปรับขยายอายุรถถึง 25 ปี จากเดิมที่อยู่ 20 ปี นอกจากนี้ยังคงเป้าหมายเบี้ยประกันรับรวมจะอยู่ที่ 34,200 ล้านบาท เติบโต 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI กล่าวว่า ประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ยังมีความท้าทายหลายด้าน ทั้งจากความเสี่ยงที่อยู่ระดับสูง สะท้อนจาออัตราค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) ของบริษัทฯ ที่ปัจจุบันอยู่ระดับ 68% ซึ่งถือว่าลดลงจากช่วงก่อนหน้าที่อัตราส่วนรวมค่าสินไหมทดแทนและค่าใช้จ่ายดำเนินงานทั้งหมด (Combined Ratio) อยู่ที่ระดับ 100% หรือเปรียบเทียบกับช่วงแรกที่ Combined Ratio ไปถึง 120%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งที่การรับประกันภัยรถ EV ยังไม่ขาดทุนและ Loss ratio ยังไม่เกิน 100% มาจากการกำหนดราคาเบี้ยประกันรถ EV ของ BKI สูงกว่าตลาดเฉลี่ย 10-15% บางแบรนด์อาจสูงถึง 20% ซึ่งในปี 2568 นี้ยังไม่มีแผนในการปรับขึ้นเบี้ยฯ รถ EV&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ช่วงที่ผ่านมาไม่ได้บุกตลาดประกันรถ EV มากนัก แต่มีการรับประกันเพื่อรองรับเทรนด์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจากประกันรถ EV ที่อยู่ในตลาดรวมกว่า 160,000 คัน ทาง BKI มีการรับประกันอยู่ 7,000 คัน คิดเป็นเบี้ยฯ อยู่ที่ 215 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“(เรื่องประกันรถ EV) เรายังไม่เน้นมากนัก เพราะถ้าเข้าเยอะ Loss Ratio ก็เยอะตาม ดังนั้นเราต้องเตรียมความพร้อม ทั้งการพัฒนาอู่ซ่อม EV ในสัญญาของเราเป็น General Garage เพื่อให้ได้มาตรฐานเดียวกับศูนย์ ซึ่งเราอยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกันในเรื่องความร่วมมือต่างๆ กับพันธมิตรแบรนด์ของจีน” ดร.อภิสิทธิ์ กล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/CM2KFHDBTMjmwzMazjTw.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="CM2KFHDBTMjmwzMazjTw.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,480"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบันมี Vender ที่นำเข้าอะไหล่รถไฟฟ้าจากจีนแล้ว จากเดิมที่นำเข้าแต่ตัวรถเข้ามา (ทำให้การซ่อมบำรุง หรือการซื้ออะไหล่รถยังต้องรอนาน) ดังนั้น BKI จะเข้าไปพูดคุยกับ Vender และพันธมิตรต่างๆ เพื่อเรียนรู้เพื่อปรับตัวกับรถไฟฟ้า ไปจนถึงในอนาคตเพื่อรองรับกับรถไฮโดรเจนที่กำลังเป็นกระแสไปทั่วโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในภาพรวมธุรกิจประกันวินาศภัยไทย ปี 2568 มองว่ายังมีความท้าทายจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงภาคธุรกิจโดยเฉพาะ SME เจอต่างชาติเข้ามารุกตลาดมากขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจได้ ในส่วนประกันรถยนต์ยังมีความท้าทายย่ิงขึ้นจากสถานการณ์รถมือสอง (ราคาขายซากรถ) ที่ราคาผันผวน รวมถึงความเปราะบางของอุตสาหกรรมรถยนต์ยังสูง ดังนั้นการเติบโตอาจยังไม่สูงมาก ถือเป็นช่วงจังหวะที่บริษัทฯ ต้องหันมาทำเรื่องแบรนด์ให้เข้าถึง และทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกเรา ผ่านการพัฒนาบริการ ผลิตภัณฑ์ให้โดดเด่นและแตกต่างภายใต้แนวคิด Distinguished Excellence&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ กรุงเทพประกันภัย คาดว่าปี 2568 นี้ เบี้ยประกันรับรวมจะอยู่ที่ 34,200 ล้านบาท เติบโต 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นเบี้ยประกันรถยนต์ 14,700 ล้านบาท และประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non-motor) 19,500 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นแรงส่งหลักสาเหตุเพราะยอดขายรถใหม่ยังมีความเปราะบางสูง เห็นจากปี 2567 ที่ผ่านมายอดขายยังลดลง โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคารถมือสองที่ยังปรับลดลงต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริหารบริโภคยังต้องประเมินก่อนซื้อ รวมถึงปัจจัยนี้ยังเป็นความเสี่ยงของอุตสาหกรรมประกันภัยอีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนของ Non-motor ที่มีสัดส่วนกว่า 57% ของเบี้ยประกันภัยรับรวม ประเมินว่าจะได้รับผลดีจากงบประมาณภาครัฐที่ทยอยออกมามากขึ้นผ่านโครงการ Mega project ต่างๆ รวมถึงจะมีการขยายประกันภัยโรคร้ายแรง, ประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ เพิ่มความคุ้มครองสัตว์เลี้ยง (สุนัขและแมว) และประกันภัยรถยนต์ประเภท 2+ ขยายอายุรถถึง 25 ปี จากเดิมที่อยู่ 20 ปี นอกจากนี้ยังเตรียมปรับปรุงแผนประกันภัยรถยนต์ประเภท 3+ ให้สอดรับกับสภาวะเศรษฐกิจตอบโจทย์ลูกค้า ภาพ: BKI เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/viriyah-insurance-ev-mar-2025" alt="กรณีศึกษาประกันรถไฟฟ้าขาดทุน! วิริยะฯ เล็งขึ้นเบี้ยในปี 68 แต่ไม่หยุดรับประกันรถ EV">กรณีศึกษาประกันรถไฟฟ้าขาดทุน! วิริยะฯ เล็งขึ้นเบี้ยในปี 68 แต่ไม่หยุดรับประกันรถ EV</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

BKI มองประกันรถ EV เคลมสูง แต่ปี 68 ยังไม่ปรับขึ้นเบี้ยฯ-ไม่เร่งโต รุกตลาดประกันรถ 2+ ขยายอายุรถถึง 25 ปี

<h2>บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์ เปิดเผยเป้าหมายธุรกิจปี 68 สร้างรายได้แตะ 8,500 ล้าน เติบโต 12%YoY เร่งขยายประกันรถเปิดปิดที่มี Loss ratio ต่ำกว่าประเภทอื่น พร้อมขยายฐาน&nbsp;Non-Motor&nbsp; ประกันกลุ่มด้านสุขภาพและชีวิต และเร่งต่อยอดแผนงานด้าน Digital Transformation ผ่านการใช้งานบน Thaivivat Application</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า&nbsp;ปี 2568 นี้ ทางไทยวิวัฒน์ฯ ตั้งเป้าหมายมีเบี้ยประกันภัยรวมที่ 8,500 ล้านบาท คาดว่าจะเติบโต 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเชื่อว่ากำไรสุทธิบริษัทฯ จะยังเติบโตตามแผน ขณะที่ปี 2567 เบี้ยฯ รับรวมมีอัตราการเติบโตราว 3-4% เพราะมีการปรับแผนงานบางส่วนเพื่อลดความเสี่ยง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในปีนี้ไทยวิวัฒน์ฯ เดินหน้าขยายงานด้านการประกันภัย ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. ประกันภัยรถยนต์ ที่ยังมีสัดส่วนหลักในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการในตลาดยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะประกันรถเปิด-ปิด เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการคุ้มครอง ปัจจุบันมีสัดส่วนราว 10% ของพอร์ตประกันรถยนต์แม้จะยังน้อย แต่มีอัตราส่วนค่าสินไหม Loss Ratio ราว 50% ถือว่าต่ำกว่าประกันรถประเภทอื่นๆ ที่อยู่ราว 60% จึงยังมุ่งขยายฐานลูกค้าในกลุ่มนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. ประกันกลุ่มด้านสุขภาพและชีวิต โดยจะเน้นทำตลาดในกลุ่มบริษัทและองค์กรขนาดใหญ่ที่มีพนักงานจำนวนมาก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. Active Health Products ที่จะเน้นขยายตลาดผ่านผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะกลุ่ม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กลยุทธ์หลักของปี 2568 ยังเน้นการขยายงานในส่วน Non-Motor ที่ไม่ใช่ประกันภัยรถยนต์ เช่น ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ประกันที่อยู่อาศัย ฯลฯ โดยปัจจุบันสัดส่วนประกันภัยรถยนต์ (Motor) ได้ปรับมาสู่ระดับ 70% ต้น ๆ จากเดิมที่อยู่ราว 80% ซึ่งสะท้อนถึงการกระจายความเสี่ยงและหารายได้จากผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่ๆ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านดิจิทัลให้มากยิ่งขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ที่สำคัญคือการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มรายย่อย ผ่านพัธมิตรทางธุรกิจ ได้แก่ ไมโครไฟแนนซ์ และ สถาบันการเงิน เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ตัวอย่างเช่น easy buy ฯลฯ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/V6W5LdcX6ZtWVgDXUw5d.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="V6W5LdcX6ZtWVgDXUw5d.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายเทพพันธ์ อัศวะธนกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ยังเดินหน้ากลยุทธ์ในด้านต่างๆ เช่น ด้านสังคม มีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่สำหรับการประกันรถเปิดปิด คือ“รถติด ไม่คิดเบี้ย” ตอบโจทย์คนเมืองใช้รถ โดยขณะรถติดก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเบี้ยประกัน ซึ่งหลังจากมีการเปิดตัวได้ทำการคืนชั่วโมงความคุ้มครองให้กับลูกค้าแล้วกว่า 4 ล้านนาที (เริ่มเมื่อ ต.ค. 2024 รวม 4 เดือน)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังมีแผนงานด้าน Digital Transformation ผ่านการใช้งานบน Thaivivat Application เพื่อลดการใช้พลังงานและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อาทิ การใช้เทคโนโลยี AI ตรวจสภาพรถก่อนทำประกัน เพื่อลดการขับขี่ส่งเสริมการลดการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, ลดการใช้กระดาษด้วยการออกกรมธรรม์แบบ e-Policy รวมถึงการเคลมประกันผ่าน e-Claim โดยไม่ต้องใช้เอกสารและลดการเดินทางของพนักงานในการตรวจสอบความเสียหายที่เกิดกับทรัพย์สินที่เอาประกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในด้านความร่วมมือกับพันธมิตรล่าสุดยังได้จับมือ บริษัท อิโตชู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ITOCHU Corporation) แห่งประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมผลักดันและพัฒนาสร้างสรรค์นวัตกรรมประกันภัย ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อให้โอกาสคนไทยได้เข้าถึงการประกันภัยได้มากขึ้นอันจะเป็นการสร้างสังคมแห่งความยั่งยืนในอนาคต พร้อมกันนั้นยังเป็นการตอบสนองนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริมให้มีการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศให้มากขึ้น อันเป็นส่วนสำคัญในการเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ภาพ:&nbsp;บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/aliianz-pension-system-problem-th-asia-global-feb-2025" alt="อลิอันซ์ เผยระบบบำนาญทั่วโลกต้องปฎิรูปจริงจังแม้แต่ญี่ปุ่น ส่วนไทยอยู่ในขั้นต้องแก้แบบเร่งด่วน!">อลิอันซ์ เผยระบบบำนาญทั่วโลกต้องปฎิรูปจริงจังแม้แต่ญี่ปุ่น ส่วนไทยอยู่ในขั้นต้องแก้แบบเร่งด่วน!</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ประกันภัยไทยวิวัฒน์ เผยเป้าปี 68 รายได้แตะ 8,500 ล้าน โต 12%YoY เร่งขยายประกันรถเปิดปิดที่ Loss ratio ต่ำ

<h2>เลขาธิการ คปภ. เปิดโรดแมป “ประชาชน-ภาคธุรกิจ-หน่วยงานกำกับ” ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประกันภัยไทยปี 2568 คาดปี 2569 ภาพรวมของธุรกิจประกันภัยไทยจะมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงทั้งระบบแตะที่ 1,000,000 ล้านบาท</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) กล่าวว่า จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าปี 2569 ภาพรวมของธุรกิจประกันภัยไทยจะมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงทั้งระบบแตะที่ 1,000,000 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย สำนักงาน คปภ. จึงวางแผนงานของปี 2568 ออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ “ประชาชน-ภาคธุรกิจ-หน่วยงานกำกับ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนที่ 1 ประชาชน ตั้งเป้าให้ประชาชนสามารถใช้ระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นธรรมและการบริการที่ได้มาตรฐาน อาทิ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ลดข้อพิพาทเกี่ยวกับค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถยนต์ที่มีการร้องเรียนมากที่สุด โดยควรกำหนดค่าขาดประโยชน์ฯ เป็นจำนวนที่ชัดเจน และกำหนดไว้ในในเงื่อนไขกรมธรรม์ให้เรียกร้องได้กรณีเป็นฝ่ายถูกของตนเองไว้ ฯลฯ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- การทบทวนความคุ้มครองและอัตราเบี้ยประกันภัยของกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ผลักดันการจำหน่ายกรมธรรม์รถภาคบังคับผ่านช่องทาง online และการออกกรมธรรม์รถภาคบังคับในรูปแบบ e-Policy เพื่อตอบสนองผู้บริโภคในยุคดิจิทัล​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/Y9h5x4XFzCuQ2nAjLE5Y.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-index="0" data-file-name="Y9h5x4XFzCuQ2nAjLE5Y.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนที่ 2 ธุรกิจประกันภัย ต้องมีเสถียรภาพความมั่นคง ปรับตัวได้เท่าทันความเสี่ยงและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง อาทิ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- มีการกำกับบริษัทประกันภัยแบบรวมกลุ่ม (Group Wide Supervision) ในระดับ Solo Consolidation และระดับ Full Consolidation (คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2569) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- การทบทวนหลักเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยงของบริษัทประกันภัย (All Risks Calibration / Catastrophe Risk / Group Capital - for Group Risk) ฯลฯ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- การปรับปรุงประกาศ คปภ. ว่าด้วยการลงทุนประกอบธุรกิจอื่น เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดใหม่ (EWS / Group-Wide Supervision / Risk Proportionality)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมความพร้อมในการผลักดันร่างกฎหมายแม่บท และจัดเตรียมร่างกฎหมายลำดับรองต่างๆ รวมถึงจัดทำแผนยุทธศาสตร์ประกันสุขภาพภาคเอกชน เพื่อกำหนดภูมิทัศน์ด้านประกันภัยสุขภาพภาคเอกชนของประเทศไทย (Health Insurance Landscape in Thailand)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะเดียวกัน คปภ.ยังจัดทำแผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ 5 เพื่อเพิ่มศักยภาพภาคธุรกิจ ส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการประกันภัยและมีการ Open Insurance ซึ่งในปี 68 จะเริ่มเชื่อมโยงข้อมูลภายในภาคประกันภัย (Open Insurance) และจะขยายการแลกเปลี่ยนข้อมูลไปยังภาคส่วนอื่นๆ (Open Data) ในปี 2569&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนที่ 3 ปรับปรุงให้ คปภ. เป็นองค์กรที่มีศักยภาพสูง อาทิ ปรับกระบวนการทำงาน Team-based / Project-based เพื่อให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพและมีความคล่องตัวเพิ่มมากขึ้น และมุ่งสู่ AI Driven Organization โดยขับเคลื่อนการดำเนินการผ่าน AI Champion และนำ AI เข้ามาใช้ในการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ มีการยกระดับการบริหารผลงาน ด้วยการตั้งเป้าหมายการทำงานด้วย OKRs ที่ชัดเจนและท้าทาย รวมทั้งให้ผู้บังคับบัญชามีการติดตามการทำงาน ให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับการทำงาน (Coaching &amp; Feedback) อย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนทำการประชาสัมพันธ์สำนักงาน คปภ.ในเชิงรุกและหลากหลาย โดยการบูรณาการความร่วมมือด้านการสื่อสาร เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์อุตสาหกรรมประกันภัยให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนเพิ่มมากขึ้น ภาพ: คปภ.&nbsp; เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/oic-healthinsurance-copayment-jan-2025" alt="ทำความเข้าใจเงื่อนไขประกันสุขภาพ CoPayment ที่ผู้ซื้อต้อง ‘ร่วมจ่าย’ เริ่ม มี.ค. 68 นี้!">ทำความเข้าใจเงื่อนไขประกันสุขภาพ CoPayment ที่ผู้ซื้อต้อง ‘ร่วมจ่าย’ เริ่ม มี.ค. 68 นี้!</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

คปภ. กางแผนงานปี 68 ตั้งเป้าลดข้อพิพาท - ทำ Open Data - เพิ่มประสิทธิภาพองค์กร

<h2>ช่วงที่ผ่านมา ประกันภัยสุขภาพได้รับความนิยมมากขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นหลังจากการระบาดของ COVID-19 แต่ขณะเดียวกันอัตราค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้นทุกปี ทำให้ฝั่งธุรกิจประกันภัยต่างออกมาบอกเล่าถึงการเคลมสินไหมประกันสุขภาพในไทยเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุด จึงเห็นข่าวคราวว่า ธุรกิจประกันชีวิตเล็งจะใช้แนวทางลด Loss ratio ผ่านการกำหนด ’เงื่อนไขใหม่’ เช่น หากมีการเคลมโรคป่วยเล็กน้อยทั่วไป (Simple Disease) เกินระดับ 200% ของทุนเอาประกัน หรือเบิกเคลม 3 ครั้ง ในโรคเดียวกันในปีกรมธรรม์ อาจมีส่วนรวมจ่าย (CoPayment) ได้ถึง 30% ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปออกมา แต่เรื่องนี้ก็ทำให้ฝั่งประกันวินาศภัยต้องเร่งเครื่องเช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า กรณีของกรมธรรม์ประกันสุขภาพแบบใหม่ที่เป็น CoPayment (กรมธรรม์ CoPayment) อยู่ระหว่างการคุยข้อสรุปและรายละเอียดร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทย เบื้องต้นคาดว่าในส่วนของประกันวินาศภัยคาดว่าจะออกแนวทางเหมือนกับธุรกิจประกันชีวิตเพื่อลดความสับสนของประชาชน โดยจะมีการตั้งคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง และมีการศึกษาเพิ่มเติม เช่น โรงพยาบาลแต่ละกลุ่ม ในการรักษาแต่ละกลุ่มโรค มีราคาค่ารักษาพยาบาลที่แตกต่างกันอย่างไร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สาเหตุหลักที่ธุรกิจประกันภัยต้องปรับมาใช้กรมธรรม์ CoPayment เพราะอัตราส่วนความเสียหาย (Loss ratio) ประกันสุขภาพเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันเพิ่มขึ้นราว 8-10% ต่อปี จากเดิมที่เพิ่มขึ้นราว 5-8% ต่อปี ในส่วนของประกันวินาศภัยมี Loss ratio ประกันสุขภาพอยู่ที่ระดับ 65.5% ซึ่งการปรับเปลี่ยนในครั้งนี้ไทยได้ยกกรณีศึกษาของสิงคโปร์มาใช้ ซึ่งแก้ด้วยการใช้ระบบ CoPayment เช่นกัน<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/rJH2VrSATS2vv7oiQoot.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,407px" data-align="center" data-file-name="rJH2VrSATS2vv7oiQoot.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,407" data-origin="720px,407px" style="width: 720px; height: 407px;" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ กรมธรรม์ประกันสุขภาพแบบใหม่แบบ CoPayment ปัจจุบันมีการกำหนดกรอบเบื้องต้นไว้แล้ว แต่ต้องมีการพูดคุยกับสำนักงานกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และทุกหน่วยงานเพื่อลงลึกในรายละเอียด แต่คาดว่าจะเริ่มใช้ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2568 และจะมีการสื่อสารต่อประชาชนเพื่อทำความเข้าใจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หากเริ่มใช้มาตรฐานใหม่กรมธรรม์ CoPayment นี้เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนพิจารณามากขึ้นว่าการรักษาพยาบาลต่อโรคนั้นๆ เหมาะสมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นกรณีการต่ออายุประกันภัยสุขภาพเดิมจะได้รับเงื่อนไขเดิมต่อไป แต่ผู้เอาประกันอาจถูกโอนย้ายไปยังกรมธรรม์ Co-Payment ได้หากเป็นไปตามเงื่อนไขที่จะออกมาเพิ่มเติม แต่ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปโดยทางสมาคมฯ ต้องเข้าพูดคุยและหาข้อสรุปร่วมกันอีกครั้ง<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/YPFeGt6LLpYHpoZvm72y.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="YPFeGt6LLpYHpoZvm72y.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,411" style="" data-index="1"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม 9 เดือนแรกปี 2567 เบี้ยประกันสุขภาพ อยู่ที่ 12,218 ล้านบาท ติดลบ 0.6%YoY เนื่องจาก Loss ratio ที่สูงขึ้นมาสู่ระดับ 65.5% ทำให้หลายบริษัทเข้มงวดการรับประกันภัยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เบี้ยประกันสุขภาพคิดเป็นสัดส่วนที่ 6% ของเบี้ยประกันภัยรับตรงทั้งหมดที่อยู่ราว 209,060 ล้านบาท (ลดลง 0.5%YoY)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ภาพรวมเบี้ยประกันภัยสุขภาพปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 16,370-16,560 ล้านบาท เติบโต 2-3%YoY ส่วนหนึ่งจะเติบโตมากขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี โดยเบี้ยประกันสุขภาพยังปรับตัวสูงขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อด้านค่ารักษาพยาบาล (เฉลี่ยปีละ 8-10%) และประชาชนยังสนใจซื้อประกันสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงหัวเมืองใหญ่ในหลายจังหวัด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนปี 2568 คาดว่าเบี้ยประกันภัยสุขภาพจะเติบโตขึ้น 1.5-2.5%YoY โดยมีปัจจัยหนุน ได้แก่อายุเฉลี่ยของคนไทยและมีผู้สูงอายุที่สูงขึ้นจึงมีแนวโฯ้มการเข้ารักษาโรคมากขึ้น ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ รวมถึง ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกจากการรับบริการในโรงพยาบาลรัฐ จึงหันมาวางแผนผ่านประกันสุขภาพมากขึ้น แต่ปัจจัยเสี่ยงด้านลบคือ ภาวะเศรษฐกิจและนี้ครัวเรือนที่อยู่ระดับสูงอาจทำให้เบี้ยประกันภัยสุขภาพไม่เติบโตตามประมาณการที่วางไว้<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/1nTizjzn4pQ7cSnEyMZ8.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="1nTizjzn4pQ7cSnEyMZ8.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,409" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ สมาคมประกันวินาศภัยไทย คาดการณ์แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัย ปี 2568 ว่าจะมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 291,240 - 294,100 ล้านบาท เติบโตราว 1.5%-2.5%YoY จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งช่วยสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจประกันภัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล (InsurTech) เป็นปัจจัยหลักในการผลักดันธุรกิจประกันภัยไปข้างหน้า ทั้งการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และทำให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น รวมถึงปัจจุบันประชาชนต่างตระหนักถึงความสำคัญของการประกันภัยและการเสี่ยงภัยธรรมชาติมากขึ้น ส่งผลให้ปีหน้าประกันอัคคีภัยจึงได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น ด้านประกันภัยการเดินทางยังคงเติบโต ด้วยปัจจัยบวกจากการแข็งค่าของเงินบาทและการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล ทั้งนี้ในระยะยาวการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายมีแนวโน้มความต้องการมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากประชาชนรับรู้ถึงสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายเมื่อถูกละเมิด ทำให้ภาพรวมในปี 2568 ธุรกิจประกันภัยยังคงมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ภาพ:&nbsp;สมาคมประกันวินาศภัยไทย, <a href="https://www.freepik.com/free-photo/top-view-health-insurance-form-eyeglasses-with-stethoscope-wooden-background-business-healthcare-concept-savings-flat-lay-copy-space_1276224.htm?sign-up=google#fromView=search&amp;page=1&amp;position=30&amp;uuid=aca33a13-fac4-40ad-a2eb-a750c4b8d5da&amp;new_detail=true" alt="freepik by&nbsp;osaba">freepik by&nbsp;osaba</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/neo-expands-product-portfolio-premium-mass-set-goal-2026-sales-will-increase-from-5-to-10-percent" alt="NEO รุกขยายพอร์ตสินค้า 'พรีเมียมแมส' ตั้งเป้าภายในปี 69 ยอดขายเพิ่มเป็น 10%"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/tisco-esu-dec-2024" alt="TISCO ESU คาดปี 68 เศรษฐกิจไทยโต 3% แนะลงทุนเน้นหุ้นสหรัฐฯ เพราะหุ้นไทยน่าสนใจน้อยลง"></a><a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/azay-new-campaign-july-2024" alt="อลิอันซ์ อยุธยา ปั้น 3 โฆษณา ตั้งเป้าเพิ่มเบี้ยประกันสุขภาพ ปลดล็อคฯ ปี 67 แตะ 800 ล้าน">อลิอันซ์ อยุธยา ปั้น 3 โฆษณา ตั้งเป้าเพิ่มเบี้ยประกันสุขภาพ ปลดล็อคฯ ปี 67 แตะ 800 ล้าน</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ส.ประกันวินาศภัย เร่งคุยข้อสรุปประกันสุขภาพ CoPayment ที่ผู้ซื้อต้อง ‘ร่วมจ่าย’ เมื่อจะเคลมตามเงื่อนไข คาดเริ่มใช้ มี.ค. 68

<h2>กรุงเทพประกันภัย เจาะเทรนด์ Pet Humanization เพิ่มความคุ้มครองสัตว์เลี้ยงให้ลูกค้าประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 ทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าต่ออายุกรมธรรม์ เริ่ม 15 ก.ค. 67 นี้ โดยจะคุ้มครองการบาดเจ็บและเสียชีวิตที่เกิดจากอุบัติเหตุรถชน วงเงินสูงสุด 10,000 บาท</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บมจ. กรุงเทพประกันภัย หรือ BKI เปิดเผยว่า จากเทรนด์ Pet Humanization ผู้คนให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยง และออกเดินทางร่วมกันมากขึ้น บริษัทฯ จึงเพิ่มความคุ้มครองการเสียชีวิตและค่ารักษาพยาบาลของสัตว์เลี้ยง (แมวและสุนัข) ที่อยู่ภายในรถยนต์เมื่อเกิดอุบัติเหตุจากการชน ให้แก่ผู้เอาประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 ทุกแผนประกันภัย ทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าต่ออายุประกันภัย ตั้งแต่ 15 ก.ค. 2567 เป็นต้นไป โดยไม่ต้องเสียค่าเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติม มีรายละเอียดดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- คุ้มครองการเสียชีวิตของสัตว์เลี้ยงที่อยู่ภายในรถยนต์ อันเนื่องมาจากรถยนต์เกิดอุบัติเหตุจากการชน วงเงินความคุ้มครอง 10,000 บาทต่อตัว ตลอดระยะเวลาเอาประกันภัย (คุ้มครองสูงสุด จำนวน 2 ตัว)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากการบาดเจ็บของสัตว์เลี้ยงที่อยู่ภายในรถยนต์ อันเนื่องมาจากรถยนต์เกิดอุบัติเหตุจากการชน จ่ายตามจริง สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาทต่อตัว ตลอดระยะเวลาเอาประกันภัย (คุ้มครองสูงสุด จำนวน 2 ตัว)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ แมวและสุนัขที่ได้รับการคุ้มครองจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 3 เดือนบริบูรณ์ ณ วันที่กรมธรรม์ประกันภัยเริ่มมีผลคุ้มครอง ซึ่งโดยสารอยู่ในรถยนต์คันที่เอาประกันภัย และจะต้องเป็นสัตว์เลี้ยงของผู้เอาประกันภัยโดยตรงเท่านั้น ไม่รวมถึงสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงไว้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ทางการค้าหรืออยู่ภายใต้การดูแลในฐานะผู้รับฝากทรัพย์ ภาพ: บมจ. กรุงเทพประกันภัย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/motoring/fti-thailand-motor-industry-july-2024" alt="สภาอุตฯ หั่นเป้าผลิตรถยนต์ปี 67 เหลือ 1.7 ล้านคัน คาดผลิตขายในประเทศลดลง"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/soft-loan-thailand-boots-economy-2024" alt="รัฐหนุน SME ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 3.5% ต่อปี วงเงิน 1 แสนล้าน ผ่านออมสินและ 16 ธนาคาร กู้ได้ถึงสิ้นปี 68"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/mof-thailand-economy-forecast-july-2024" alt="คลังเชื่อเศรษฐกิจไทยปีนี้ดีขึ้น! ปรับเป้า GDP ปี 67 เพิ่มเป็น 2.7% ย้ำยังไม่รวมผล Digital wallet"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/travel/american-express-high-earning-thai-plan-for-travel-2024" alt="‘คนไทยรายได้สูง’ กว่า 55% วางแผนเที่ยว 3-4 ครั้งในปี 67 ส่วนใหญ่อยากไปเชียงใหม่-ภูเก็ต"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/mof-thailand-economy-forecast-july-2024" alt="คลังเชื่อเศรษฐกิจไทยปีนี้ดีขึ้น! ปรับเป้า GDP ปี 67 เพิ่มเป็น 2.7% ย้ำยังไม่รวมผล Digital Wallet"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/mtl-shieldlife-july-2024" alt="เมืองไทยประกันชีวิต ชูแคมเปญ ShieldLife เจาะกลุ่มลูกค้าบริหารมรดก - วางแผนชีวิต">เมืองไทยประกันชีวิต ชูแคมเปญ ShieldLife เจาะกลุ่มลูกค้าบริหารมรดก - วางแผนชีวิต</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

กรุงเทพประกันภัย เพิ่มฟรีความคุ้มครอง ‘หมา-แมว’ ให้ลูกค้าประกันรถยนต์ ชั้น 1 เริ่ม 15 ก.ค. นี้

<h2>ต้นปีนี้ทางผู้กำกับธุรกิจอย่าง คปภ. ออกเกณฑ์ใหม่เรื่องแบบประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งทำให้หลังจากนั้นบริษัทประกันภัยเริ่มออกแบบประกันภัยตามมาตรฐานใหม่ เช่น มีการระบุผู้ขับขี่ จากเดิมที่หากใช้รถสันดาปจะเลือกได้ว่าจะระบุหรือไม่ระบุชื่อ (แล้วแต่แบบประกัน) ไปจนถึงการระบุค่าเสื่อมแบตเตอรี่จะลดลงทุกปี (ปีละ 10%) ที่หมายถึง หากเวลาผ่านไปเมื่อจะเคลมค่าแบตเตอรี่จะได้น้อยลง</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่ท่ามกลางการแข่งขันที่มีในตลาดประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า จึงทำให้บริษัทประกันฯ อาจเสนอแบบประกันที่ให้ความคุ้มครองสูงเพื่อดึงดูดลูกค้าที่มีความต้องการด้านต่างๆ ล่าสุด บมจ. ธนชาตประกันภัย เปิดตัว “ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ชั้น 1 ซิงเกิล เรท จัดเต็ม” ตามเกณฑ์ใหม่ของนายทะเบียน คปภ. ชูจุดเด่นคุ้มครองแบตเตอรี่ หากเสียหายเปลี่ยนให้ใหม่ 100% สำหรับรถอายุไม่เกิน 5 ปี แถมคุ้มครองเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล (Wall Charger) สูงสุด 50,000 บาท/ครั้ง และสามารถระบุผู้ขับขี่สูงสุด 5 ราย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายคงศักดิ์ หาญแสวงสิน ประธานเจ้าหน้าที่สายงานผลิตภัณฑ์ประกันภัย บมจ.ธนชาตประกันภัย เปิดเผยว่า ทางบริษัทเปิดตัวผลิตภัณฑ์ “ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ชั้น 1 ซิงเกิล เรท จัดเต็ม” ซึ่งเป็นประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบครั้งแรก ตามประกาศหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ซึ่งสามารถระบุชื่อผู้ขับขี่ได้สูงสุด 5 คน คุ้มครองรถยนต์ครอบคลุมครบทุกภัย (เช่น เสียหาย, สูญหาย, ไฟไหม้) รวมไปถึง ผู้ขับขี่ และบุคคลภายนอก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ยังมีจุดเด่นคือ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ความคุ้มครองของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า หากเกิดความเสียหายจะเปลี่ยนให้ใหม่ 100% โดยไม่หักค่าเสื่อม สำหรับรถยนต์อายุไม่เกิน 5 ปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ความคุ้มครองความเสียหายต่อเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลที่ติดตั้งภายในบ้าน (Wall Charger) หากเกิดเหตุขณะชาร์จอยู่กับรถ สูงสุด 50,000 บาท/ครั้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ความคุ้มครองสายชาร์จฉุกเฉิน (Emergency Charger)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง เช่น ประสานงานหาจุดชาร์จรถไฟฟ้า บริการรถยกรถยนต์ไฟฟ้าไปยังจุดชาร์จรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด ฯลฯ<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/58AJMAXHNTKGHK6k62yf.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="58AJMAXHNTKGHK6k62yf.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ยังมีความร่วมมือกับพันธมัตร เพื่อสร้าง EV Ecosystem ให้ลูกค้า เช่น ส่วนลดสำหรับซื้อและติดตั้งเครื่องชาร์จ ของ ABB ในราคาพิเศษ การขยายระยะเวลารับประกันตัวเครื่องให้นานถึง 4 ปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ราคาเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ชั้น 1 ซิงเกิล เรท จัดเต็ม จะเป็นราคาเดียวสำหรับรถแต่ละรุ่น เช่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- รุ่นรถ Ora Good Cat ราคาเบี้ยประกันภัย 26,000 บาท &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- รุ่นรถ Volvo XC40 SINGLE MOTOR ราคาเบี้ยประกันภัย 47,000 บาท &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- รุ่นรถ Tesla Model Y ราคาเบี้ยประกันภัย 61,000 บาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ “ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ชั้น 1 ซิงเกิล เรท จัดเต็ม” จะสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้ารถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างสูงสุด และผลักดันให้สัดส่วนการตลาดประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าของธนชาตประกันภัยเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย” นายคงศักดิ์ กล่าว Photo by <a href="https://unsplash.com/@anewevisual?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">Adrian Newell</a> on <a href="https://unsplash.com/photos/yellow-car-in-front-of-city-buildings-during-daytime-xi4qYegtxb4?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">Unsplash</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/motoring/omoda-jaecoo-aim-to-1-5-millions-ev-cars-worldwide-in-2030" alt="OMODA &amp; JAECOO ตั้งเป้า 1.5 ล้านคันทั่วโลกในปี 2030 พร้อมขึ้นแท่นแบรนด์รถ EV โตเร็วที่สุด">OMODA &amp; JAECOO ตั้งเป้า 1.5 ล้านคันทั่วโลกในปี 2030 พร้อมขึ้นแท่นแบรนด์รถ EV โตเร็วที่สุด</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ธนชาตฯ ออกประกันรถยนต์ไฟฟ้า "ชั้น 1 คุ้มครองเปลี่ยนแบตใหม่ 100%" รถอายุไม่เกิน 5 ปี

อมร ทองธิว ทายาทธุรกิจรุ่น 3 แห่งวิริยะประกันภัย ผู้ถูกวางตัวให้เป็นผู้บริหารหลักแห่งธุรกิจประกันภัยอันดับ 1 ของประเทศ ที่ก่อตั้งธุรกิจยาวนาน 73 ปี ภายใต้แนวคิดหลักในการบริหารข้อมูลด้วยเทคโนโลยีและผสานปรัชญาขององค์กร เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าสูงสุด

https://youtu.be/yl73EqZGb_s

&nbsp;

<hr />

รับชมบทสัมภาษณ์ของบุคคลที่น่าสนใจ กดติดตามแชลเนลวิดีโอของเราบนยูทูบได้ที่ <a href="https://www.youtube.com/user/ForbesThai">Forbes Thailand Magazine</a>

“NEW WAVE VIRIYAH อมร ทองธิว รุ่น 3 “วิริยะพันธุ์” (Video)

<h2>เทคโนโลยีกำลังรุกคืบเข้าไปปฏิวัติวิธีทำงานหรือฐานรายได้สำคัญของหลายๆ อุตสาหกรรม อย่างที่เราเห็นแอพพลิเคชั่นเรียกรถแท็กซี่เข้ามาแย่งชิงลูกค้าจากตลาด หรือการที่เหล่าธนาคารพาณิชย์เพิ่งพากันยกเลิกค่าธรรมเนียมการโอนและชำระเงินเพื่อต้านทานสงครามจาก Fintech ในขณะที่วงการประกันภัย กระแส “disrupt” เพิ่งจะเริ่มออกเดินเท่านั้น</h2>
Nicolas Faquet ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร บริษัท รู้ใจ จำกัด บริษัท InsurTech ซึ่งใช้เทคโนโลยีเข้ามาบริหารธุรกิจประกันภัยผ่านเว็บไซต์ Roojai.com กล่าวว่าในปี 2560 ตลาดประกันภัยรถยนต์ที่ขายกรมธรรม์ผ่านออนไลน์ของไทยสร้างยอดเบี้ยรับประกันรวมที่ราว 400 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเพียง 1% ของตลาดประกันภัยรถยนต์ทั้งหมด แม้สัดส่วนจะน้อยมากแต่เขาเชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพเติบโตสูงสำหรับการขายประกันภัยรถยนต์ออนไลน์

“ประเทศไทยมีรถยนต์ถึง 50 ล้านคันซึ่งถือว่าใหญ่มาก และเป็นประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่เข้าถึงอินเทอร์เน็ต ที่สำคัญคือเป็นตลาดเกิดใหม่ ตอนผมเริ่มต้นบริษัทรู้ใจ แทบยังไม่มีผู้เล่นในตลาดขายประกันรถยนต์ออนไลน์เลย”

Faquet เริ่มก่อตั้ง บริษัท รู้ใจ จำกัด เมื่อปี 2558 และเปิดดำเนินการจริงในเดือนมกราคม 2559 เมื่อปีที่ผ่านมารู้ใจสร้างยอดเบี้ยรับประกันไปแล้วราว 155 ล้านบาท ส่วนไตรมาสแรกของปี 2561 มียอดเบี้ยรับประกันแล้ว 45 ล้านบาท และบริษัทมีการลงทุนรวมตั้งแต่ก่อตั้ง 500 ล้านบาท

&nbsp;

โอกาสโตของการขายประกันรถยนต์ออนไลน์

Faquet ไม่ใช่มือใหม่ในวงการ เขาเป็นชาวฝรั่งเศสที่ทำงานในแวดวงธุรกิจประกันมา 23 ปีและคุ้นเคยกับตลาดเอเชีย ในปี 2540 เขาร่วมงานกับเครือ AXA ที่ประเทศสิงคโปร์ 7 ปี ก่อนกลับไปรับตำแหน่งซีอีโอบริษัท Axeria lard ซึ่งเป็นบริษัทประกันวินาศภัยที่ฝรั่งเศส จากนั้นในปี 2552 เขากลับมาที่สิงคโปร์อีกครั้งเพื่อร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ Direct Asia ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มขายประกันภัยรถยนต์ออนไลน์

<figure><img style="width: 680px; height: 680px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/6391f374255dfae9935d7c1ea25eb792.png" alt="" width="680" height="680" /><figcaption> Nicolas Faquet ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร บริษัท รู้ใจ จำกัด</figcaption></figure>

Faquet ร่วมขยายสาขาของ Direct Asia จากสิงคโปร์สู่ฮ่องกงและมาที่ประเทศไทยในปี 2556 แต่เนื่องจากระหว่างนั้น Direct Asia ถูกขายให้กับบริษัท Hiscox จากอังกฤษ และเขาเริ่มรู้สึกไม่สะดวกใจในการทำงานจึงลาออกในปี 2557

เหตุนี้ Faquet จึงเห็นช่องทางตลาดการขายประกันออนไลน์ประเทศไทยตั้งแต่ยังอยู่กับ Directasia การตัดสินใจก่อตั้งรู้ใจจึงอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่มีอยู่แล้ว

“ประเทศที่เป็นต้นแบบของการขายประกันรถยนต์ออนไลน์คืออังกฤษ ซึ่งเริ่มมีแพลตฟอร์มนี้ตั้งแต่ทศวรรษ 90s ปัจจุบันอังกฤษมีสัดส่วนการซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ 75% ขณะที่สิงคโปร์หลังเริ่มต้นมา 5 ปี สัดส่วนเพิ่มเป็น 15-20% ส่วนประเทศไทย เราคาดว่าภายในปี 2563-65 การซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์จะเพิ่มสัดส่วนเป็น 10% ของตลาดรวม” Faquet วิเคราะห์

เขายังเปิดเผยข้อมูลด้วยว่า ขณะนี้ผู้เล่นหลักในตลาดประกันภัยรถยนต์ 75-85% ยังเป็นบริษัทประกันที่ขายผ่านตัวแทน อีก 10-15% คือบริษัทนายหน้าขายประกัน เช่น TQM, Silkspan ส่วน 2-3% ที่เหลือคือหมู่ “disruptor” แบ่งเป็นกลุ่มแพลตฟอร์มเปรียบเทียบราคาออนไลน์แต่ไม่ได้ขายด้วยตัวเอง เช่น GoBear, Rabbit Finance และอีกกลุ่มคือบริษัทประกันรถยนต์ที่ขายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ตัวเองผ่านระบบออนไลน์ เช่น รู้ใจ, Direct Asia, Tip Insure

ทั้งนี้ ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจประกันดั้งเดิมทั้งบริษัทประกันและบริษัทนายหน้าก็เริ่มขยับมาลุยแพลตฟอร์มขายประกันรถยนต์ออนไลน์บ้างแล้ว

&nbsp;

รอความไว้วางใจจากผู้บริโภค

ปัจจุบันระบบของรู้ใจพยายามนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในทุกขั้นตอน สำนักงานใหญ่บนฮาร์เบอร์ มอลล์ แหลมฉบัง จ.ชลบุรี มีทีมงานประมาณ 100 คนที่มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ พนักงานหลักคือกลุ่มคอลเซ็นเตอร์และผู้ดูแลสินไหมราว 60-70 คน ที่เหลือคือทีมบริหารและไอที

<figure><img style="width: 680px; height: 502px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/7ceef971788355ad4a11c8ac106e2626.png" alt="" width="680" height="502" /><figcaption> บรรยากาศการทำงานของคอลเซ็นเตอร์ ในสำนักงานใหญ่รู้ใจที่ฮาร์เบอร์ มอลล์ แหลมฉบัง</figcaption></figure>

นโยบายของรู้ใจคือไม่มีตัวแทนขายประกัน แต่ขายผ่านเว็บไซต์ Roojai.com ที่ลูกค้าสามารถเข้าไปกรอกข้อมูลที่จำเป็นเพื่อคำนวณเบี้ยประกันและเลือกแผนประกันภัยที่ต้องการด้วยตนเอง หากมีข้อสอบถามก่อนจะตกลงซื้อกรมธรรม์ก็สามารถโทรฯ ถามที่คอลเซ็นเตอร์ได้

เมื่อซื้อกรมธรรม์และจำเป็นต้องมีการตรวจสภาพรถยนต์ รู้ใจก็วางระบบให้ลูกค้าสามารถ Live Video Call โทรศัพท์แบบเปิดกล้องกับเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสภาพรถผ่านกล้องได้เลย ใช้เวลาในการตรวจสภาพ 10-15 นาทีเทียบกับวิธีปกติที่ต้องมีเจ้าหน้าที่ไปตรวจรถจริงซึ่งอาจจะต้องใช้เวลารอคิว 2-3 วัน หรือการให้ลูกค้าส่งภาพถ่ายเข้ามาที่บริษัทด้วยตนเองก็มีข้อเสียที่บริษัทมีโอกาสถูกเคลมฉ้อฉลได้

ไปจนถึงระบบการเคลมประกัน เมื่อลูกค้าประสบภัยสามารถเรียกเจ้าหน้าที่ผ่านแอพพลิเคชั่นซึ่งมีระบบจีพีเอส ทำให้การหาจุดเกิดเหตุของเจ้าหน้าที่ง่ายขึ้น

<figure><img style="width: 680px; height: 517px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/d072a9e8a7afd3dda579e2d96408fb8e.png" alt="" width="680" height="517" /><figcaption> ตัวอย่างหน้าแอพพลิเคชั่นรู้ใจในการแจ้งเหตุเคลมประกัน มีจีพีเอสบอกตำแหน่งเกิดเหตุและตำแหน่งเจ้าหน้าที่เซอร์เวย์ที่กำลังเดินทางไป</figcaption></figure>

Faquet เปิดเผยว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาลูกค้ายังตัดสินใจซื้อผ่านเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์คิดเป็นสัดส่วน 90% มีเพียง 10% ที่เลือกแผนประกันภัยและตัดสินใจซื้อเองบนหน้าเว็บไซต์

“กำแพงสำคัญต่อธุรกิจขายประกันออนไลน์คือ ความไว้วางใจ ผู้บริโภคชาวไทยมักจะโทรฯ มาที่คอลเซ็นเตอร์ก่อนเพราะยังไม่เชื่อใจว่ามีตัวตนจริง แต่กระบวนการเหล่านี้ต้องอาศัยเวลาและการบอกต่อช่วยแก้ปัญหา ยกตัวอย่างที่สิงคโปร์ ช่วงแรกการขายก็ยังต้องผ่านคอลเซ็นเตอร์เหมือนกัน แต่ปัจจุบันนี้ 70% สามารถปิดการขายได้บนเว็บไซต์” Faquet กล่าว

&nbsp;

แผนโตเท่าตัวสู่ 400 ล้าน

สำหรับแผนธุรกิจของรู้ใจ นอกจากตั้งเป้าเบี้ยรับประกันเพิ่มเป็น 400 ล้านบาทในปี 2561 บริษัทเตรียมจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นแผนประกันภัยสำหรับรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คาดว่าจะเปิดเผยรายละเอียดได้ช่วงสิ้นเดือนเมษายนนี้

นอกจากนี้ ยังเปิดเว็บไซต์ใหม่ที่เริ่มดำเนินการแล้วคือ Mr.Kumka (มิสเตอร์คุ้มค่า) เป็นแพลตฟอร์มเปรียบเทียบราคาประกันภัยรถยนต์จากหลายบริษัท นำเสนอจุดเด่นที่ลูกค้าจะได้กรอกรายละเอียดต่างๆ เช่น รุ่นรถ อายุผู้ขับ เพื่อให้ได้ราคาจริงในการเปรียบเทียบ

เว็บไซต์ไม่ได้ทำเงินจากค่าคอมมิชชั่นแต่บริษัทประกันจะจ่ายให้เว็บไซต์แบบ pay-per-click เมื่อมีลูกค้าขอใบเสนอราคาผ่าน Mr.Kumka โดยเบื้องต้นมีบริษัทประกันร่วมส่งข้อมูลเข้าระบบเทียบราคาแล้ว 8 บริษัท พร้อมวางเป้ายอดผู้ชมเว็บไซต์ที่ 5 แสนคน/เดือน ในช่วงไตรมาสแรกที่เปิดตัว

สุดท้าย Forbes Thailand ถาม Faquet ว่า เขาจะย้ายไปเปิดบริษัทใหม่อีกหรือเปล่า เขาหัวเราะและตอบว่า แล้วแต่ความลงตัวในการทำงานร่วมกับผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เข้ามา “แต่แน่นอนว่าถ้าได้ทำงานต่อ ความฝันสูงสุดของเราคือการโค่นวิริยะประกันภัยขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดแทนให้ได้” Faquet กล่าว

&nbsp;
<h2>Forbes Facts</h2>
<ul>
 	<li>Faquet เป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท รู้ใจ จำกัด แต่จากการระดมทุนทำให้ผู้ถือหุ้นหลักในปัจจุบันคือกองทุนส่วนบุคคลภายใต้บริษัท Primary Group จากประเทศอังกฤษ</li>
 	<li>เหตุผลที่เขาเลือกตั้งสำนักงานใหญ่ที่แหลมฉบัง เพราะคุณภาพชีวิตที่ดีกว่ากรุงเทพฯ ค่าครองชีพต่ำแต่มีความเจริญเท่าเทียมกัน สิ่งเหล่านี้จะทำให้พนักงานมีความสุขในการบริการลูกค้า อีกทั้งค่าเช่าออฟฟิศยังถูกกว่า และพนักงานมีอัตราการลาออก (turnover) ต่ำกว่า</li>
 	<li>สำหรับประกันอื่นๆ เช่น ประกันสุขภาพ Faquet กล่าวว่า “เป็นสิ่งที่เรากำลังศึกษาอย่างใกล้ชิด” แต่เนื่องจากประกันสุขภาพมีเงื่อนไขรายละเอียดมาก จึงต้องดูท่าทีตลาดก่อน หากการขายประกันรถยนต์ผ่านระบบออนไลน์มีสัดส่วนในตลาดเพิ่มเป็น 15-20% การขายประกันประเภทอื่นจึงจะเป็นไปได้</li>
</ul>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events