<h2>ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน บีวายดี (BYD) ลงนามสัญญาร่วมทุนกับเรเว่ ออโตโมทีฟ โดยบีวายดีประกาศเข้าถือหุ้น 20% ในเรเว่ ออโตโมทีฟ เพื่อเสริมแกร่งความร่วมมือในเชิงกลยุทธ์ร่วมกัน พร้อมเผยสาเหตุลดราคารถกระหน่ำ ‘เพราะต้นทุนเปลี่ยน’</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขาย บีวายดี ออโต้ เอเชียแปซิฟิก ที่ผ่านมาบีวายดีได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ทั้งลูกค้า พาร์ทเนอร์ ดีลเลอร์ และภาครัฐ ทำให้บีวายดีมีการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเป็นอย่างดี ดังนั้น เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภครถยนต์ไฟฟ้าในไทย ในปี 2022 บีวายดีจึงตัดสินใจตั้งโรงงานแห่งแรกนอกประเทศจีนที่ประเทศไทย โดยใช้เวลา 16 เดือนในการก่อสร้างโรงงาน และเปิดดำเนินการผลิตไปเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวของบีวายดีตั้งอยู่บนพื้นที่ 600 ไร่ในนิคมอุตสาหกรรม WHA ระยอง 36 ต.พนานิคม อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง ภายใต้งบประมาณการลงทุนกว่า 35,000 ล้านบาท (รวม 9 โครงการ ทั้งชิ้นส่วนและแบตเตอรี่) โดยจะมีกำลังที่ 150,000 คัน/ปี และนอกจากผลิตแล้ว จะนำชิ้นส่วนที่สำคัญเข้ามาผลิตที่ประเทศไทยด้วย สำหรับในเดือนนี้จะเริ่มต้นผลิตและประกอบรถยนต์ BYD Dolphin ก่อน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ทั้งนี้ คาดว่าในอนาคตจะเกิดการจ้างงานทั้งหมด 10,000 ตำแหน่งสำหรับโรงงานแห่งนี้ รวมถึงบีวายดีจะร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อสร้างคนป้อนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าให้กับโรงงานในไทย บนเป้าหมายการผลักดันรถยนต์ไฟฟ้าและเศรษฐกิจสีเขียวในไทย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในแง่ของการขาย ที่ผ่านมาบีวายดีดำเนินตลาดในไทย 3 รุ่นคือ Dolphin, Atto 3 และ Seal ซึ่งยอดจองทั้งสามรุ่นรวมกว่า 50,000 คัน มีโชว์รูม 115 แห่งในไทย คาดว่าในปีนี้จะมีโชว์รูมครบ 77 จังหวัด ซึ่งจะช่วยให้เกิดการจ้างงานในจังหวัดนั้นๆ ด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ส่วนหนึ่งของความสำเร็จมาจากการสนับสนุนของกลุ่มเรเว่ที่ทำตลาดได้ดีในไทย ดังนั้น ผมคิดว่าบีวายดีควรจะจับมือกับเรเว่ และพัฒนาไปอีกขั้น โดยบีวายดีได้ตกลงซื้อหุ้นจากเรเว่ 20% เพื่อสนับสนุนให้เรเว่ทำตลาดในไทยได้ดียิ่งขึ้นอีก”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลี่ เฉียน เลขานุการคณะกรรมการบีวายดี และผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการลงทุนบีวายดี กล่าวว่า กระแสการตื่นตัวด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมในทั่วโลกส่งผลให้ภาครัฐของไทยขับเคลื่อนนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เราจึงมั่นใจในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย และจะเดินหน้านำเทคโนโลยีรวมถึงผลิตภัณฑ์อันล้ำสมัยจากบีวายดีมานำเสนอให้ผู้บริโภคชาวไทย โดยความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นในการขยายตลาดและสร้างช่องทางจัดจำหน่ายใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของตลาดอีวีในไทยอย่างยั่งยืน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทั้งสองบริษัทมีหน้าที่ที่แตกต่างกัน บีวายดีซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ ก็มีหน้าที่ดูแลเป็นเรื่องการผลิตรถยนต์ ดีไซน์รถยนต์ สร้างโรงงานเพื่อป้อนตลาดในไทยที่เรเว่จะขาย หน้าที่ของเรเว่คือขยายดีลเลอร์ เตรียมพร้อมด้านอะไหล่ การบริการหลังการขาย&nbsp; &nbsp; "การที่บีวายดีเข้ามาถือหุ้นของเรา ทำให้เรเว่แข็งแรงมากขึ้นในการทำธุรกิจต่อไป ดึงความมั่นใจจากลูกค้าชาวไทยได้มากขึ้นด้วย ภาพรวมคือแทนที่จะเป็นสองธุรกิจ แต่เป็นธุรกิจที่ทำไปด้วยกัน เป็นการลงนามเพื่อแสดงให้เห็นว่าบีวายดีนั้นมาเพื่ออยู่ ไม่ใช่มาๆ ไปๆ เป็นสัญญาณว่าเราอยู่ยาวแน่นอน สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค และเราจะพยายามหาโปรดักต์ที่ดีในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อตอบความต้องการผู้บริโภคต่อไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวโครงสร้างจะยังเหมือนเดิม แต่ความแข็งแกร่งที่มากขึ้นคือ การประสานกันอย่างใกล้ชิดในเรื่องโปรดักต์ไลน์ที่จะเข้ามาตอบโจทย์ทุกเซ็กเมนต์ที่จะขายในประเทศไทย ลดราคาเพราะต้นทุนเปลี่ยน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลิว เสวียเลี่ยง กล่าวถึงนโยบายการตั้งราคาของบีวายดีที่มีการลดราคารถยนต์ ว่า “ประเทศไทยถือเป็นประเทศอิสระ คือมีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเป็นอิสระ ที่ผ่านมาตลอด 2 ปี บีวายดีมียอดจองรวมกว่า 5 หมื่นคัน และไม่กี่วันที่ผ่านมา เราเปิดโรงงานที่จะผลิต Dolphin ในไทย และจะสร้างประโยชน์ให้กับผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ให้ผู้บริโภคชาวไทยได้มีโปรดักต์ที่ดี คุ้มค่า มีเทคโนโลยีที่ดี เป็นสาเหตุที่บีวายดีเลือกตั้งโรงงานในไทย ซึ่งบีวายดีมองว่าจะเตีรยมโปรดักต์ให้ดี ให้ผู้บริโภคชาวไทยใช้งานโปรดักต์ที่ดีและคุ้มค่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เมื่อโปรดักต์เราได้รับการตอบรับดี ทำให้เกิดสิ่งที่ช่วยลดต้นทุนในการผลิต ทำให้บีวายดีสามารถสร้างสิ่งที่ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนราคา ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาของเศรษฐกิจ ซึ่งบีวายดีไม่มีวันที่จะลืมลูกค้าเก่าและลูกค้าที่ซื้อรถของเราตั้งแต่จุดเริ่มต้น เรามีแผนเยียวยา และกำลังเตรียมแผนเยียวยาร่วมกับกลุ่มเรเว่ ซึ่งมาตรการจะออกมาในอนาคต”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน ประธานวงศ์ พรประภา&nbsp;กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงราคาเนื่องจากต้นทุนเรามีการปรับเปลี่ยน ไม่ได้เหมือนเดิมตลอดเวลา โดยเป้าหมายของเราคืออยากจะนำพาสินค้าที่มีประสิทธิภาพ มีเทคโนโลยีสูง มีราคาที่จับต้องได้มากขึ้น อยากให้ตลาดเมืองไทยมีราคาที่จับต้องได้ในออปชั่นจัดเต็มที่สามารถที่จะทำได้ในราคานั้นๆ&nbsp; &nbsp; “ที่ผ่านมาไม่มีใครลงมาเล่นราคาขนาดนี้ แต่การเล่นราคาของเรานั้นมีที่มาที่ไป ถ้าเราทำให้รถของเราสามารถเข้าถึงคนได้ เราก็อยากจะทำ ในขณะเดียวกันเราก็ไม่ได้ลืมลูกค้ารุ่นแรกๆ ถ้าไปดูไส้ใน เรเว่ แคร์ เราก็ถอดออกเยอะ เราพยายามจะทำอย่างถึงที่สุดให้ราคาเข้าถึงคนมากกว่า สเปกก็ไม่ได้ลดอะไรลง แต่โรงงานก็กำลังจะเปิดทำการ จะมีรถออกจากไลน์การผลิต ส่วนรถในมือเรา (กลุ่มเรเว่) เราก็เห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำโปรโมชั่นที่จะเข้าถึงลูกค้าได้&nbsp; &nbsp; "ทั้งนี้ สำหรับมาตรการเยียวยาเรากำลังเตรียมอยู่และพยายามให้ทำให้เหมาะสมที่สุด โดยคาดว่าจะเห็นมาตรการออกมาได้ภายในเดือนนี้” เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/motoring/byd-answers-questions-about-price-reductions" alt="บีวายดีเผย ลดราคาเพราะ ‘ต้นทุนเปลี่ยน’ และกำลังจะมีรถที่ผลิตจากโรงงานในไทย ย้ำไม่ลืมลูกค้าเดิม เร่งวางแผนหามาตรการเยียวยา">บีวายดีเผย ลดราคาเพราะ ‘ต้นทุนเปลี่ยน’ และกำลังจะมีรถที่ผลิตจากโรงงานในไทย ย้ำไม่ลืมลูกค้าเดิม เร่งวางแผนหามาตรการเยียวยา</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

BYD เข้าถือหุ้น 20% ใน ‘เรเว่ ออโตโมทีฟ’ พร้อมเผยเหตุลดราคาเพราะ ‘ต้นทุนเปลี่ยน’

<h2>เรเว่ ออโตโมทีฟ เปิดตัวคลังอะไหล่รถยนต์ไฟฟ้า BYD แห่งใหม่ย่านบางนา ด้วยพื้นที่ 18,000 ตารางเมตร ใหญ่กว่าเดิมถึง 4.5 เท่า จัดเก็บอะไหล่ได้มากกว่า 1 ล้านชิ้น ครอบคลุมอะไหล่รถยนต์ไฟฟ้า BYD ทุกรุ่นที่จำหน่ายในไทย รองรับบริการหลังการขายที่รวดเร็วและครบครัน </h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “REVER BYD Spare Parts Warehouse คือ คลังอะไหล่แห่งใหม่ ตั้งอยู่บนพื้นที่ตั้งบางนา-ตราด มีขนาด&nbsp;18,000 ตารางเมตร ใหญ่กว่าคลังอะไหล่เดิมที่ใช้อยู่ถึง 4.5 เท่า รองรับการจัดเก็บชิ้นส่วนอะไหล่ทุกชิ้นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า BYD ทุกรุ่นที่จัดจำหน่ายแล้วในไทย ทั้งยานพาหนะส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นรุ่น BYD ATTO 3, BYD Dolphin และ BYD Seal ยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ BYD T3, BYD E6 พร้อมด้วยรถบรรทุกและรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ตลอดจนรถยนต์ของ BYD รุ่นอื่นที่จะเข้ามาในอนาคต โดยคลังอะไหล่แห่งใหม่นี้ ออกแบบการจัดเก็บในแนวสูงและเพิ่มพื้นที่บนชั้นวาง จึงทำให้สามารถจัดเก็บอะไหล่สำรองจำนวนมากกว่า 1 ล้านชิ้น พร้อมทั้งพัฒนาระบบการจัดการอะไหล่รูปแบบใหม่ เพิ่มการดำเนินงานให้มีความคล่องตัวกว่าเดิม เสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า BYD หลังจากประสบความสำเร็จก้าวเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย&nbsp; <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/MUZKEKLoEenApJx8YYKn.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="MUZKEKLoEenApJx8YYKn.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน ประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “คลังอะไหล่แห่งใหม่นี้จะเป็นศูนย์กลางการเบิกจ่ายและกระจายสินค้าอะไหล่ให้กับศูนย์บริการทั่วประเทศที่มีมากกว่า 100 แห่ง ซึ่งจะช่วยยกระดับบริการหลังการขายให้มีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น สอดคล้องกับเป้าหมายของเราที่ต้องการขยายศูนย์บริการให้ ครอบคลุมทุกภูมิภาคภายในปี พ.ศ. 2567 นี้ โดยคลังแห่งนี้จะใช้เครื่อง Handheld สแกนบาร์โค้ดตั้งแต่ขั้นตอนการรับเข้าสินค้า นำสินค้าเข้าจุดจัดเก็บ และนำสินค้าออกจากระบบ รวมถึงนำเครื่อง Handheld มาใช้ในระบบนำอะไหล่ออกจากที่เก็บ เพื่อให้มีข้อมูลสินค้าที่อยู่ในกล่องอย่างครบถ้วน ซึ่งระบบใหม่นี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้พร้อมส่งถึงผู้จำหน่ายเร็วกว่าเดิม รวมถึงกระบวนการเบิกจ่ายอะไหล่ เพื่อกระจายไปยังศูนย์บริการต่างๆ ทั่วประเทศในวันถัดไป ทำให้ลูกค้าสามารถนำรถกลับไปใช้งานได้อย่างรวดเร็ว”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ คลังอะไหล่ REVER BYD Spare Parts Warehouse แห่งใหม่ มีการแบ่งพื้นที่จัดเก็บอย่างชัดเจนเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการ โดยแบ่งพื้นที่คลังอะไหล่ออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ส่วนที่ 1 Inbound area พื้นที่ 2,000 ตารางเมตร รองรับตู้คอนเทนเนอร์ได้ 25 ตู้คอนเทนเทอร์ส่วนที่ 2 Storage area พื้นที่ 12,000 ตารางเมตร แบ่งการจัดเก็บออกเเป็น 4 โซน สามารถจัดเก็บอะไหล่ได้มากกว่า 1 ล้านชิ้นส่วนที่ 3 Packing Area พื้นที่ 2,000 ตารางเมตร ใช้สำหรับบรรจุหีบห่อและตรวจสอบสินค้าอะไหล่ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการจัดส่งส่วนที่ 4 Outbound Area พื้นที่ 2,000 ตารางเมตร เป็นพื้นที่สำหรับนำจ่ายสินค้าให้กับทีมขนส่ง&nbsp;แบ่งออกเป็น 6 เส้นทาง ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก อำนวยความสะดวกจัดส่งสินค้าอะไหล่ถึงศูนย์บริการทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็ว <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/x1pVzVXBjZzMGFqFveuU.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="x1pVzVXBjZzMGFqFveuU.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/4Xrx4CK2TyQpfDaZDiF6.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="4Xrx4CK2TyQpfDaZDiF6.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div>&nbsp; เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a href="https://forbesthailand.com/news/motoring/lamborghini-urus-se-first-phev-supercar-engine-power-800-cv-run-60-km" alt="ยลโฉม ‘Lamborghini Urus SE’ Plug-in Hybrid รุ่นแรก เครื่อง 800 CV วิ่งไกล 60 กม. ในโหมดไฟฟ้า">ยลโฉม ‘Lamborghini Urus SE’ Plug-in Hybrid รุ่นแรก เครื่อง 800 CV วิ่งไกล 60 กม. ในโหมดไฟฟ้า</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

'เรเว่ ออโตโมทีฟ' ขยาย Warehouse ใหญ่กว่าเดิม 4.5 เท่า สำรองอะไหล่มากกว่า 1 ล้าน ชิ้น รองรับผู้ใช้รถไฟฟ้า BYD ทุกรุ่นในไทย

<h2>นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกรกฎาคม 2566 – บิวกิ้น – พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล พลังสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่</h2> บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล พลังสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ - ยุคนี้เป็นเวทีสำหรับคนรุ่นใหม่ ศิลปิน นักแสดง นักร้อง พวกเขาเป็นที่ยอมรับมีผลงานหลากหลายเก่งรอบด้าน ดังเช่น แขกรับเชิญฉบับนี้ที่นอกจากบุคลิก หน้าตาดี จิตใจดี เขายังมีหัวใจยั่งยืนไม่ตกเทรนด์คณิสสร์ ศรีวชิระประภา ใส่เกียร์ NEX พุ่งเป้าหมื่นล้าน - จากประสบการณ์เป็นผู้นำเข้ารถบัสและมองเห็นเทรนด์ของโลกที่มุ่งสู่พลังงานสะอาด ทำให้ผู้บริหารหนุ่มหันมาลงทุนผลิตรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ กระทั่งเป็นผู้ผลิตรายเดียวในประเทศที่ทำครบวงจร ล่าสุดมีออร์เดอร์ส่งมอบรถบัสรวม 3,100 คัน ภายในเดือนกันยายนปีนี้ นับตั้งแต่เปิดโรงงานปี 2565ปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ลูกไม้ใต้ต้น “อรสิริน” - จากคุณหนูโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย โตมาในสังคมคหบดีเมืองเชียงใหม่ วันนี้เติบใหญ่ก้าวสู่ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทโฮลดิ้งบ้านบูรณุปกรณ์ เจ้าของอาณาจักรโรงแรมและอสังหาฯ เชียงใหม่ประธานวงศ์ พรประภา - ปักธง “BYD” ไทยฐานผลิตรถฟ้าอาเซียน - ยนตรกรรมไฟฟ้าของจีนรุดหน้ากว่าหลายประเทศ มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือ BEV เป็นรองเพียงแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าไฮเทคจากอเมริกา แต่หากนับรวมรถไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด BHEV จีนครองอันดับ 1 ของโลกในปี 2565ปนายุ ศิริกระจ่างศรี TBN ลัดเทรนด์ทรานส์ฟอร์มดิจิทัล - เบื้องหลังการพัฒนาระบบและแอปพลิเคชันของธุรกิจไทยและบริษัทข้ามชาติกว่า 15 ปี ด้วยเทคโนโลยี Low-Code รายแรกในเอเชียที่ได้รับลิขสิทธิ์จาก Siemens รายเดียวในประเทศ และเพิ่มทางเลือก High-Code เติมเต็มดีมานด์ครบวงจร พร้อมระดมทุนรับโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนเฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ “ไทยกูลิโกะ” ปรับลุคเพื่อสุขภาพ - แบรนด์ขนมสุดคลาสสิกอายุมากกว่า 100 ปี ในแดนอาทิตย์อุทัยที่สามารถสร้างชื่อ Glico ทั่วโลกและครองใจผู้บริโภคไทยยาวนานเกินครึ่งศตวรรษ ด้วยความมุ่งมั่นขยายธุรกิจและพัฒนาสินค้าตอบดีมานด์สู่การปรับกลยุทธ์รุกกลุ่มคนรักสุขภาพภายใต้การนำของเอ็มดีไทยที่มีประสบการณ์บริหารในองค์กรระดับโลกพบการจัดอันดับ “30 UNDER 30 ASIA 2023 ความท้าทายของคนหนุ่มสาวเอเชีย” และร่วมอ่านบทความและเรื่องราวธุรกิจอันหลากหลายเพื่อสร้าง “แรงบันดาลใจของผู้ใฝ่ความสำเร็จ” จาก Forbes Thailand ฉบับกรกฎาคม 2566 และอ่านในรูปแบบ e-magazine <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><a href="https://bit.ly/3CXzNLq" alt="https://bit.ly/3CXzNLq" data-image-link="image"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/07/4gCJArqZiqkDGRVfx4jt.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="2" data-file-name="4gCJArqZiqkDGRVfx4jt.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" style="" data-percentage="auto,auto" data-image-link="https://bit.ly/3CXzNLq" origin-size="650,853"></a></figure></div><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><a href="https://bit.ly/3CXzNLq" alt="https://bit.ly/3CXzNLq" data-image-link="image"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/EyEUG6PPgEFMfKJKxS9T.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="EyEUG6PPgEFMfKJKxS9T.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="650,853" style="" data-index="0" data-image-link="https://bit.ly/3CXzNLq"></a></figure></div>​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><a href="https://bit.ly/3CXzNLq" alt="https://bit.ly/3CXzNLq" data-image-link="image"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/skeQNoTXQVKsfUH4vps4.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="skeQNoTXQVKsfUH4vps4.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="650,853" style="" data-index="1" data-image-link="https://bit.ly/3CXzNLq"></a></figure></div> ​ ​

นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกรกฎาคม 2566 – บิวกิ้น – พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล พลังสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่

<h2>ตำนานบทใหม่ของสยามกลการอุตสาหกรรมที่เขียนโดยคลื่นลูกใหม่ของพรประภา โชว์ผลงานแก้วิกฤตย้ำสร้างความแตกต่างทางธุรกิจ และการบริการครบวงจร พร้อมชูธงแบรนด์ยูนิแคริเออร์ขยายพอร์ตฟอร์คลิฟท์เติบโตเท่าตัว</h2>
เมื่อบรรดาทายาทสกุล “พรประภา” พยายามพิสูจน์ฝีมือขับเคลื่อนธุรกิจและต่อยอดไม้ใหญ่ให้แตกกิ่งก้านอย่างยั่งยืน ประธานวงศ์ พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามกลการอุตสาหกรรม จำกัด ทายาทคนโตของ พรพินิจ พรประภา หนึ่งในตำนานโรงงานผลิตรถยนต์สยามกลการและเจ้าของเครือโรงแรมสยามแอทสยาม

จากหนุ่มนักเรียนนอกที่สนุกกับการใช้ชีวิตในต่างประเทศ เดินทางกลับประเทศไทยพร้อมนำไลฟ์สไตล์ความชอบส่วนตัวในการเดินทางท่องเที่ยวมาเริ่มต้นการทำงานในฝ่ายปฏิบัติการของโรงแรม สยามแอทสยามดีไซน์โฮเทล แอนด์ สปา เหมาดูแลทั้งอาหารเครื่องดื่ม การขาย การตลาด ครอบคลุมถึงด้านการบริการ

ก้าวแรกในธุรกิจโรงแรมของครอบครัวยังคงเป็นเพียงบทนำเริ่มต้นก่อนที่ประธานวงศ์จะได้รับคำสั่งแบบฟ้าผ่ามอบหมายให้กอบกู้วิกฤตธุรกิจสยามกลการอุตสาหกรรม ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยูนิแคริเออร์ ฟอร์คลิฟท์ (UniCarriers Forklift) ซึ่งรีแบรนด์ดิ้งจากชื่อนิสสัน ฟอร์คลิฟท์ (Nissan Forklift) ซึ่งผูกพันกับเครือข่ายธุรกิจของสยามกลการและพรประภาตั้งแต่ดั้งเดิม พร้อมทั้งคุมทัพบริษัทในเครือที่ให้บริการครบวงจร

“ผมจำได้ว่าคุณพ่อเรียกเข้าไปคุยวันพฤหัสบดี ผมมีเวลาเตรียมตัวศึกษาบริษัทในวันศุกร์ถึงอาทิตย์ และเริ่มงานวันจันทร์ที่นี่ทันที ช่วงนั้นระบบการบริหารงานของที่นี่เป็นแบบ top down ทุกอย่างแทบจะ one man show เมื่อผู้บริหารคนเก่าไม่สบายหนักทุกอย่างจึงติดขัด บวกกับช่วงที่เวนเดอร์ญี่ปุ่นเปลี่ยน โดยเปลี่ยนผู้บริหารชุดใหม่ทั้งหมดทำให้ขาดการติดต่อสื่อสารกัน”

คลื่นลูกใหม่ของพรประภาใช้วิชาความรู้ด้านการตลาดและการบริหารเริ่มปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงาน ภายใต้นโยบายที่เขาให้คำจำกัดความว่า “open door policy” ด้วยการเปิดโอกาสให้ฝ่ายขายของบริษัทได้แสดงความคิดเห็นและความต้องการ

“จุดแข็งของเราคือ เราเป็นบริษัทเดียวที่ให้บริการธุรกิจครบวงจร ทั้งขาย เช่า และให้เช่าพร้อมคนขับ รวมถึงบริหารคลังเต็มรูปแบบ ซึ่งคีย์สำคัญที่ทำให้เราสามารถฝ่าวิกฤตในช่วงที่บริษัทมีปัญหาอยู่ที่คำว่าimprovise (แก้ปัญหาเฉพาะหน้า) ในจังหวะที่ธุรกิจสะดุด และไม่สามารถเดินหน้าในทิศทางที่วางไว้ หลังจากวางเป้าหมายและวาดภาพใหญ่ว่าเราต้องการอะไร เมื่อไม่เป็นไปตามที่คิด เราต้องสามารถไปตามน้ำได้หรือเอาตัวรอดให้ได้”

เพียงไม่กี่ปี ประธานวงศ์ สามารถขับเคลื่อนธุรกิจของครอบครัวให้ก้าวพ้นวิกฤต พร้อมสร้างการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดเป็นเท่าตัวจากพอร์ตรถเช่าจำนวนไม่ถึง 1,000 คันในวันเริ่มต้นเป็น 2,000 คัน และยอดขายเป้าหมายสิ้นปีที่ 900 คัน คิดเป็นรายได้คาดการณ์ 1,500 ล้านบาทในปีนี้ จากจำนวน 1,400 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา

ส่วนในยุคของประธานวงศ์ ที่กำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านจากการค้าขายแบบ B-to-B เป็น B-to-C โดยการแข่งขันในแต่ละภาคธุรกิจได้ทวีความรุนแรงจากการเปิดเสรีประชาคมอาเซียนหรือ AEC ซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ควบคุมต้นทุน เพิ่มคุณภาพการบริการ และสร้างนวัตกรรมเพื่อรองรับความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะด้านการบริหารจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนที่ต้องเลือกใช้ผู้บริการที่มีความเชี่ยวชาญ มีศักยภาพในการทำงาน เนื่องจากเป็นปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อต้นทุน ความตรงต่อเวลาและคุณภาพของสินค้าบริการดังนั้น ในฐานะที่บริษัทมีความเกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมโดยตรง ผู้นำทัพธุรกิจวัย 31 ปี จึงปรับกลยุทธ์การจำหน่ายและการบริการทุกด้านแบบครบวงจร ด้วยการให้คำแนะนำหรือร่วมกับลูกค้าสร้างระบบ รูปแบบ การจัดการในคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพ เพื่อลดความสูญเสียในพื้นที่การทำงาน ลดขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็นควบคุมเวลาได้อย่างเหมาะสม รวมไปถึงการสร้างบริการหลังการขายที่ดี เพื่อลดความเสี่ยงของลูกค้าได้ในระยะยาว โดยร่วมมือกับบริษัทแม่ในญี่ปุ่น จัดให้มีการฝึกอบรมช่างและคนขับ เพื่อมอบใบรับรองมาตรฐานการซ่อมและความปลอดภัยของการขับรถ

“เราต้องยอมรับว่าปัจจุบันธุรกิจเราเป็นส่วนหนึ่งของโลจิสติกส์ถ้าต้องการเดินไปข้างหน้าก็ต้องไปทางนี้ ขณะที่ประเทศไทยเป็น manufacturing base (ฐานการผลิต)ทำไมโลจิสติกส์รายใหญ่จึงเป็นบริษัทต่างประเทศ ฝันของผมคือการเป็นบริษัทไทยขนาดใหญ่ที่สามารถต่อกรกับยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศ มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราต้องthink big ผมเชื่อว่า เราสามารถสร้างธุรกิจนี้ให้เติบโตเป็นหนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ได้”

ประธานวงศ์ปิดท้ายด้วยความมั่นใจในศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต จากแนวโน้มการลงทุนทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ โดยปัจจุบันไทยเป็นตลาดรถฟอร์คลิฟท์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความต้องการใช้รถใหม่ไม่ต่ำกว่า9,000 คันต่อปี

“เป้าหมายการเติบโตของเราไม่มีลิมิตผู้บริหารทุกคนต้องการให้ธุรกิจเป็นอันดับ 1 แต่ถ้าพยายามแข่งขันเพื่อชิงความเป็นที่ 1เพียงอย่างเดียว มันไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง เราควรต่อยอดธุรกิจอื่นเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจหลักเติบโตขึ้นควบคู่กัน”

&nbsp;

เรื่อง: พรพรรณ ปัญญาภิรมย์ ภาพ: ระพีพัฒน์ สิทธิชัยลาภ

<hr />

<a href="http://goo.gl/fFO1hE">คลิ๊กอ่าน "ประธานวงศ์ พรประภา ติดปีกสยามกลการอุตสาหกรรม" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ JULY 2016 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="http://goo.gl/fFO1hE"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/6ef061c9479ff04c8771ed25445ed78a.png" alt="" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events