<h2>เมื่อ Master of Wine ผู้เชี่ยวชาญจาก Christie’s ได้เผยข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับไวน์ โดยศาสตร์และศิลป์ของการผลิตเครื่องดื่มคุณภาพชั้นเลิศชนิดนี้มีเรื่องราวหลายแง่มุมที่น่าสนใจ และยังถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้เหล่านักสะสมได้เลือกซื้อเก็บไว้ในครอบครองและยังคุ้มค่าแก่การลงทุน</h2><p><br></p><p><span style="color: rgb(68, 68, 68);">&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Christie’s (</span>คริสตีส์)&nbsp;สถาบันการประมูลชั้นนำที่ก่อตั้งขึ้นในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ นับตัั้งแต่ปี 1766 โดย James Christie ตลอดระยะเวลากว่า 250 ปีที่ผ่านมา สถาบันแห่งนี้ได้ให้บริการที่หลากหลาย ทั้งการซื้อขายงานศิลปะ ของสะสม รวมถึงการประมูล การขายส่วนตัว และประมูลผ่านช่องทางออนไลน์ โดยจัดประมูลเป็นจำนวนราวๆ&nbsp;350 ครั้งต่อปี ครอบคลุมกว่า 80 หมวดหมู่ สนนราคาตั้งแต่ 500 เหรียญสหรัฐฯ ขึ้นไปจนถึงราคามหาศาลกว่า 100 ล้านเหรียญ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำนักงาน&nbsp;<span style="color: rgb(68, 68, 68);">Christie’s&nbsp;</span><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">ประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ ณ&nbsp;<span style="color: rgb(68, 68, 68);">อาคารเกษร ทาวเวอร์ ชั้น 20 ได้</span></span><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2541 หลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง 1 ปี โดย นก ประภาวดี โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการ คริสตีส์ ประเทศไทย เวียดนาม กัมพูชา ลาว เมียนมา (CLMVT) เธอใช้สำนักงานแห่งนี้ เป็นหนึ่งในช่องทางให้เหล่าศิลปิน นักสะสมศิลปะในแขนงต่างๆ ได้แวะเวียนมาชื่นชมและสัมผัสกับสิ่งของอันล้ำค่า โดยบางชิ้นสามารถทำการซื้อขายได้เลย ขณะที่บางชิ้นผู้ที่สนใจครอบครองจะต้องเดินทางไปประมูลยังสำนักงานหลักอีกแห่งที่ฮ่องกง</span></p><p>&nbsp; &nbsp; ซึ่งการได้มาเยี่ยมเยือน ณ สำนักงานของไทยที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองครั้งนี้ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ทาง Forbes Thailand มีโอกาสได้พบปะและพูดคุยกับ&nbsp;<span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);"><strong>Tim Triptree ผู้อำนวยการฝ่ายไวน์และสุราระดับนานาชาติของ Christie’s </strong>ที่บินตรงมาจากอังกฤษเพื่อให้ความรู้ในด้านต่างๆ เกี่ยวกับไวน์ ก่อนที่เขาจะต้องบินไปร่วมงานเปิดประมูลไวน์ ณ ฮ่องกง ที่จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 2-3 เมษายนนี้&nbsp;</span></p><p><br></p><div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/m7Dhp8fiJ2Bimp3mYXCC.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="m7Dhp8fiJ2Bimp3mYXCC.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">​<br></span></p><p>&nbsp; &nbsp; ด้วยประสบการณ์ที่คร่ำหวอดมายาวนานและได้<span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">ทำงานกับ Christie’s มาตั้งแต่ปี 2005 Tim Triptree มีหน้าที่รับผิดชอบด้านการจัดหาธุรกิจ ประเมินราคา พร้อมตรวจสอบการรับรองคุณภาพของไวน์ ก่อนที่จะทำการจัดประมูลขึ้น ทั้งในลอนดอน ฮ่องกง และสหรัฐอเมริกา</span></p><p>&nbsp; &nbsp; นอกจากนี้ Tim ยังเป็น 1 ใน 421 คนจากทั่วโลก ที่ได้รับตำแหน่ง&nbsp;<span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">Master of Wine ในปี 2018 จากการสอบวัดระดับที่จะต้องผ่านให้หมดทั้ง 3 ส่วน ได้แก่ 1. การทำข้อสอบเชิงทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องต่างๆ ของไวน์ 2. การวัดความเชี่ยวชาญแยกแยะไวน์ชนิดต่างๆ ว่ามาจากสายพันธุ์ไหน แหล่งผลิตใด โดยจะต้องตอบถูกทั้งหมดให้ได้ จากการ ดม และลิ้มรสสัมผัสไวน์ในรูปแบบ Blind Tasting ที่มีแก้วไวน์ทั้งหมด 12 ใบ แต่ไม่สามารถเห็นรายละเอียดข้อมูลของฉลากแต่ละขวดได้เช่นกัน และ 3. การจัดทำ</span><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">งานวิจัย โดย Tim เลือกทำการวิจัยในหัวข้อที่เกี่ยวกับ</span><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">แนวโน้มของอุตสาหกรรมและความเปลี่ยนแปลงของตลาดแชมเปญในช่วงระยะ 10 ปีที่ผ่านมา นับจากปี 2018</span></p><p><br></p><div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/v8F6SFFWJdKw8Ajo3AzJ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="v8F6SFFWJdKw8Ajo3AzJ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">​<br></span></p><p>​&nbsp; &nbsp; ทั้งนี้ หากมองถึงการเติบโตของธุรกิจไวน์ในตลาดไทยและเอเชีย Tim บอกว่า<span style="color: rgb(107, 153, 0);"> "กลุ่มคนเอเชียและไทยมีความนิยมดื่มไวน์กันเพิ่มมากขึ้นเป็นจำนวนเมื่อเทียบกับในอดีต โดยปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า นอกเหนือจากกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงจะสะสมผลงานศิลปะในรูปแบบแขนงต่างๆ อาทิ รูปปั้น ภาพวาด เครื่องประดับ หรือนาฬิกาเรือนหรูแล้ว ก็ยังมีการหันมานิยมสะสมคอลเล็กชั่นไวน์ที่ผลิตออกมาได้อย่างมีคุณภาพ สำหรับซื้อเพื่อการลงทุนและเก็บบ่มเอาไว้ในระยะยาว หรือซื้อเพื่อเป็นอีกหนึ่งการสร้างความสุขจากการได้สัมผัสรสชาติไวน์ในระดับ Luxury ได้อีกด้วย"&nbsp;</span></p><p><br></p><div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/kLc8uGzWyNY86Fk1gzmz.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="kLc8uGzWyNY86Fk1gzmz.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div><p><span style="color: rgb(107, 153, 0);">​<br></span></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับการประเมินคุณภาพและการคัดเลือกไวน์ในการประมูลนั้น&nbsp;ผู้อำนวยการฝ่ายไวน์และสุราระดับนานาชาติของ Christie’s บอกว่า <span style="color: rgb(107, 153, 0);">"หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการประเมิน ได้แก่&nbsp;</span><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);"><span style="color: rgb(107, 153, 0);">ความสมดุล ความยาวนานของรสชาติ ความเข้มข้น และความซับซ้อนของรสชาติ โดยในแต่ละปีการประมูลไวน์ของ Christie’s จะจัดขึ้นประมาณปีละ 20 ครั้ง และส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นในการเลือกสรรไวน์ชั้นเลิศที่ผ่านกระบวนการปลูกและผลิตมาอย่างดีซึ่งส่วนใหญ่ราวๆ 80% นั้นจะมาจากแบรนด์ผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงจากประเทศฝรั่งเศส"</span></span></p><p>​</p><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/hxWgCcCzSRjQTPkbuTCA.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="hxWgCcCzSRjQTPkbuTCA.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div><p><br></p><p>ภาพ :&nbsp;<span style="color: rgb(68, 68, 68)">&nbsp;</span><span style="color: rgb(68, 68, 68)">Christie’s&nbsp;</span><span style="color: rgb(68, 68, 68)">ประเทศไทย</span>​</p><p><br></p><p><br></p><p><span style="color: rgb(68, 68, 68)">เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :<a href="https://www.forbesthailand.com/forbes-life/eatery/penfolds-grange-wine-luxury-year-1991-2001-2018" alt="Penfolds ชวนจิบไวน์ Grange ระดับ luxury บ่มนานสิบปี! พร้อมแนะวิธีเลือกดื่มให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตนเอง">Penfolds ชวนจิบไวน์ Grange ระดับ luxury บ่มนานสิบปี! พร้อมแนะวิธีเลือกดื่มให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตนเอง</a></span><br></p><p><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a></p>

เมื่อไวน์ชั้นเลิศยังคุ้มค่าแก่การลงทุน Master of Wine จาก Christie’s แวะเยือนไทย ก่อนเปิดประมูล 2-3 เม.ย.นี้ ที่ฮ่องกง

<h2>ประวัติศาสตร์ใหม่วงการประมูลงานศิลปะของไทยต้องจารึก หลังความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของนิทรรศการประมูลงานศิลปะ Museum Mania ภายใต้ความร่วมมือของ The Art Auction Center และ Restaurateurs Sans Frontieres Art Clinic ผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์และปกป้องรักษางานศิลปกรรมที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในระดับสากลมานานกว่า 40 ปี</h2><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คอนเซ็ปต์ของการจัดงานในครั้งนี้สื่อถึงแนวคิด “ผลงานที่ทรงคุณค่าระดับพิพิธภัณฑ์อันมีความสำคัญต่อวงการศิลปะไทยในหลากหลายช่วงเวลา” ที่เปิดโอกาสให้นักสะสมทั้งชาวไทยและต่างชาติ ได้ครอบครองงานศิลป์หายากของศิลปินระดับ Old Master และศิลปินยุคใหม่ที่มีฐานแฟนคลับทั่วทั้งเอเชีย</p><p>​<span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">&nbsp; &nbsp; เมื่อก้าวเข้าไปใน Museum Mania คุณจะรู้สึกตื่นตาตื่นใจราวกับเดินสำรวจพิพิธภัณฑ์ในอุดมคติของนักสะสมและคนรักงานศิลปะ โดดเด่นด้วยการจัดแสดงผลงานที่ร้อยเรียงเรื่องราว 2 ศตวรรษของประวัติศาสตร์ศิลปะไทยสมัยใหม่ โดยแบ่งออกเป็น 5 ยุคสมัย จากรากฐานตั้งแต่ยุค “สยามศิวิไลซ์และความสัมพันธ์กับศิลปินยุโรป” ในสมัยรัชกาลที่ 5 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งศิลปะไทยได้รับการสร้างสรรค์จากความหลากหลายของโลกาภิวัฒน์ ความร่วมสมัย และยุคสมัยแห่งดิจิทัล</span></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ครั้งนี้มีผลงานที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในแวดวงศิลปะมากกว่า 137 ชิ้น ที่เข้าร่วมการประมูลและเปิดโอกาสให้ผู้สนใจสามารถรับชมนิทรรศการที่ RCB Galleria 1 และ RCB Artery 1 ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก</p><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">​</span><br></p><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 50%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 50%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/EC5nDPFqrFoivWhiodKS.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="EC5nDPFqrFoivWhiodKS.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="50%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="50," origin-size="1638,2048" style="width: 100%;" data-index="0"></figure></div><p><br></p><p><strong>Vitruvian Man ของอาจารย์ถวัลย์ สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดประมูลสูงถึง 25,531,000 ล้านบาท</strong></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เรียกเสียงฮือฮาเป็นอย่างมาก เมื่อการประมูลร้อนแรงถึงขีดสุดกับผลงานชื่อ "<span style="color: rgb(71, 102, 0);">วิทรูเวียนแมน (Vitruvian Man)"</span> ของถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) พ.ศ. 2544 ทุบสถิติผลงานราคาสูงสุดจากการประมูลในประเทศไทยเท่าที่เคยมีมา (นอกเหนือจากงานประมูลการกุศล) ด้วยยอดประมูลถึง 25,531,000 บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภาพจิตรกรรมสีน้ำมันขนาดใหญ่นี้สร้างสรรค์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2511 ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวที่เขาเดินทางกลับจากศึกษาต่อที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ คาดว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพ Vitruvian Man ของ Leonardo da Vinci ขณะที่กระบือทั้งสามตัวหมายถึง&nbsp;การที่ยังคงไม่ลืมรากเหง้าของตัวเอง&nbsp;ภาพนี้จึงอาจหมายถึง&nbsp;ตัวศิลปินสำนึกถึงความ&nbsp;สำคัญของประเพณี&nbsp;วัฒนธรรม&nbsp;ความเป็นตัวตนคนไทย&nbsp;แม้ว่าจะได้เปิดโลกทัศน์และเรียนรู้สิ่งต่างๆ&nbsp;มากมายจากต่างประเทศมาแล้วก็ตาม</p><p>​</p><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 50%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 50%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/hp8RV7u96c7AHHNgV2he.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="50%," data-align="center" data-file-name="hp8RV7u96c7AHHNgV2he.jpg" data-file-size="0" origin-size="5547,4160" data-origin="1036px,777px" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="50," style="width: 100%;" data-index="1"></figure></div><p><br></p><p><strong>รวม 5 ผลงานศิลปะชิ้นไฮไลต์ภายในงาน Museum Mania</strong></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การประมูลในครั้งนื้ถือเป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จครั้งใหม่ของ TAAC หลังจากที่ Museum Mania สร้างสถิติใหม่ให้กับวงการประมูลศิลปะของไทย ที่ได้รับความสนใจในกลุ่มนักสะสมงานศิลปะในหลายประเทศทั่วเอเชีย โดยการประมูลในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประมูลทั้งภายในงานและออนไลน์หนาตา ทำให้บรรยากาศในการประมูลเป็นไปอย่างคึกคักและสนุกสนานมากขึ้น โดยผลงานศิลปะที่คว้าสถิติการประมูลสูงสุด ได้แก่</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“Triton and Nereid” (2464) ผลงานของคาร์โล&nbsp;ริโกลี (Carlo Rigoli) ทำสถิติสูงถึง 4,525,950 บาท</p><p>&nbsp; &nbsp;&nbsp;“กินรีร่ายมนต์ขอกายสิทธิ์จากดวงดาว” (Kinnaras Incantation) ผลงานของอังคาร&nbsp;กัลยาณพงศ์&nbsp;(2540) ทำสถิติสูงถึง 4,061,750 บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“Hide1” ผลงานของนที อุตฤทธิ์ ทำสถิติสูงถึง 2,321,000 บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;"Face" ผลงานของ Alex Face ทำสถิติสูงถึง 2,088,900 บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ดอกบัว” ผลงานของประหยัด พงษ์ดำ ทำสถิติสูงถึง 1,508,650 บาท</p><p>​</p><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 50%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 50%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/L9atVPp3TAdYTuBhBQ4Q.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="L9atVPp3TAdYTuBhBQ4Q.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="50%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="50," origin-size="1639,2048" style="width: 100%;" data-index="2"></figure></div><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">​</span><br></p><p>&nbsp; &nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ภายในงานยังมีผลงานของศิลปินอีกมากมายที่เข้าร่วมการประมูล รวมถึงผลงานของ 3 ศิลปินที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมประมูลไม่แพ้กัน ได้แก่ “The Last Drink” ผลงาน ของกิตติ นารอด ทำสถิติสูงถึง 696,300 บาท, “แสงธรรมนำทาง” ผลงานของทองไมย์ เทพราม ทำสถิติสูงถึง 696,300 บาท และ “รั้ง” ผลงานของวันดา ใจมา ทำสถิติสูงถึง 394,570 บาท สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับวงการประมูลศิลปะของไทยอีกด้วย<br></p><p><br></p><p><br></p><p>​<span style="color: rgb(68, 68, 68)">อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/71491" alt="“เศรษฐกิจการนอน” เติบโต แก้ปัญหานอนไม่หลับ">“เศรษฐกิจการนอน” เติบโต แก้ปัญหานอนไม่หลับ</a></span>​<br></p><p><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a></p>

Museum Mania ทุบสถิติปิดประมูลสูงสุด 77 ล้านบาท สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ศิลปะไทย

อมตะแห่ง McQueen นาฬิกา Rolex Submariner ที่สูญหาย

เป็นที่พิสูจน์แล้วว่าไม่มีธุรกิจใดเหมือนกับธุรกิจรองเท้า <strong>Moments in Time</strong> ตัวแทนจำหน่ายของที่ระลึกซึ่งมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ใน Los Angeles เปิดขายรองเท้าสลิปเปอร์สีทับทิมจาก <strong>The Wizard of Oz</strong> การตั้งราคาขายที่ 6 ล้านเหรียญ จะเป็นความฝันที่เป็นจริงหรือไม่ นี่เป็นราคาที่สูงกว่าการจำหน่ายรองเท้าเลื่องชื่อคู่อื่นๆ เคยทำได้ และมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 2-3 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นราคารองเท้าของ Judy Garland สตรีผู้เป็นสัญลักษณ์อันเลื่องชื่อ อีกคู่หนึ่งที่มีผู้ซื้อไปในปี 2011 แล้วที่ผ่านมารองเท้าของคนดังคู่ไหนมีทรงคุณค่า


<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/e36a75fbd2851449a5b7f0cd2e6a36ed.jpg" alt="" />
<strong>รองเท้าวิ่งหนังจิงโจ้อิงลิช แบล็กของ Sir Roger Bannister:</strong> 411,986 เหรียญ (Christie’s, 2015)
Bannister ใส่รองเท้าคู่นี้ตอนที่วิ่งระยะทาง 1 ไมล์โดยใช้เวลาน้อยกว่า 4 นาทีเป็นครั้งแรกในปี 1954

<strong><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/608b6664d5dab5c99ed868dd739e933d.jpg" alt="" />
รองเท้าบูทคาวบอยหนังวัวและหนังกบประดับด้วยก้านขนนกกระจอกเทศสีดำของ Ronald Reagan:</strong>199,500 เหรียญ (Christie’s, 2016) จะมีอะไรบ่งบอกความเป็นอเมริกันได้มากไปกว่ารองเท้าที่ประดับด้วยตราประทับของประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งทำด้วยทองคำ 14 กะรัต

<strong><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/10107f44c27f69c8470540a6d99f19c7.jpg" alt="" />
รองเท้า Converse สำหรับกีฬาโอลิมปิคปี 1984 ของ Michael Jordan:</strong> 190,373 เหรียญ (SCP, 2017)


<strong><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/ccd6b858dd62cd4b9b0237e8134fe1e5.jpg" alt="" />
รองเท้าบัลเล่ต์ทำด้วยหนังส้นแบนของ Audrey Hepburn 3 คู่:</strong> 14,236 เหรียญ (Christie’s, 2017)

<strong><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/1e9c80b6b2378fd825828d9b1a9e6d46.jpg" alt="" />
รองเท้าสลิปเปอร์ทำจากผ้ากำมะหยี่เทียม ปักชื่อย่อของ Bernie Madoff: </strong>6,000 เหรียญ (Gaston &amp; Sheehan, 2010)
จัดจำหน่ายโดยได้รับอภินันทนาการจาก U.S. Marshals Service

&nbsp;

<hr />

<a href="http://bit.ly/2KBKIko">คลิกอ่านบทความทรงุุคุณค่า ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ กรกฎาคม 2561 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="http://bit.ly/2KBKIko"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/a6c991f2a6aeac318115eabc06469951.png" alt="" /></a>

ทำเงินสะพัดเมื่อ Moments in Time เปิดประมูลรองเท้าดัง

<h3>เมื่อ ประภาวดี โสภณพนิช เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของ Christie’s Thailand เมื่อต้นปีนี้ หลายคนที่รู้จักเธอในฐานะกรรมการผู้จัดการของ บริษัท พลังโสภณ จำกัด หรือจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไฮเอนด์ ภายใต้แบรนด์ “Veyla” (เวลา) ของเธอ คงสงสัยว่าเหตุใดนักบริหารมากฝีมือคนนี้จึงกระโดดข้ามฝั่งมาทำงานคลุกคลีกับแวดวงศิลปะและสินค้าลักชัวรี่</h3>
หลังวางมือจากธุรกิจเพื่อใช้เวลากับครอบครัวและส่งลูกสาวคนโตเข้าเรียนไฮสกูลที่ New York ถึง 2 ปี <strong>ประภาวดี โสภณพนิช </strong>จึงย้ายกลับมาเมืองไทยเมื่อปลายปีที่แล้วเพราะสามี (<strong>โชน โสภณพนิช</strong>) ต้องมาดูแลธุรกิจของครอบครัว ซึ่งเป็นจังหวะที่ <strong>เยาวณี นิรันดร </strong>หนึ่งในผู้ก่อตั้ง <strong>Christie’s ประเทศไทย </strong>ได้มาทาบทามเธอพอดี

“เราสนใจเพราะเป็นคนชอบงานศิลปะอยู่แล้ว และหลังจากเข้าไปคุยกับทางออฟฟิศที่ฮ่องกงแล้วชอบ จึงตกลงมาทำงานเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา”

การเข้ามาทำงานที่ Christie’s ประเทศไทย นับเป็นโอกาสอันดีที่ประภาวดีจะได้ทำงานที่แอบรักมาโดยตลอด ประภาวดีเกิดและเติบโตที่ New York กลับมาไทยเมื่ออายุ 10 ปี ก่อนจะกลับไปเรียนไฮสกูลอีกครั้งเมื่ออายุ 15 ปี และศึกษาต่อจนสำเร็จระดับปริญญาตรีจาก Tufts University และปริญญาโททางด้านการเงินและการธนาคารระหว่างประเทศจาก Columbia University ซึ่งแน่นอนว่าเธอซึมซับงานอาร์ตดีๆ มากมายไม่ต่างกับ “New Yorker” คนอื่นๆ
<h3>จังหวะที่ท้าทายกับ Christie’s</h3>
ก่อนที่จะมาเป็นหัวเรือใหญ่ที่ออฟฟิศประเทศไทยของสถาบันประมูลชั้นนำระดับโลกซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 250 ปีนั้น เธอไม่ได้มีความรู้แบบ “คนวงใน” และยังแอบสงสัยว่าในเมืองไทยจะมีฐานนักสะสมสักเท่าไหร่เพราะเป็นความลับ และเมื่อได้เข้ามาพูดคุยรับงานที่ Christie’s ได้เห็นข้อมูลแล้วก็ “ประทับใจมากๆ”

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/9397dc0902af26123e2f49618cac87e6.jpg" alt="" width="638" height="425" /><figcaption> ประภาวดี โสภณพนิช อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท พลังโสภณ จำกัด สู่การเป็นผู้จัดการทั่วไปของ Christie’s Thailand ในปัจจุบัน</figcaption></figure>

“Christie’s เข้ามาในไทยนานถึง 18 ปี ทั้งนี้ต้องขอชมเชยวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง (<strong>เยาวณี นิรันดร </strong>และ <strong>ปัญญชลี เพ็ญชาติ</strong>) ที่มีสายตายาวไกล นักสะสมของไทยเราโตมาจากนาฬิกาและเครื่องประดับ เรามีนักสะสมนาฬิกาที่เป็นกลุ่มใหญ่ในเอเชียจนปัจจุบันคนรุ่นใหม่สนใจงานศิลปะมากขึ้นทั้งในด้านศิลปะไทยและศิลปะเอเชีย หลายคนก็สนใจศิลปะตะวันตก ทำให้มีมุมมองมีความรู้ด้านการสะสมมากขึ้น”

ประภาวดีเข้ามาบริหารงานในจังหวะที่ดี เพราะบรรดานักสะสมของเอเชียกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขยายตัวของธุรกิจ รายได้รวมของ Christie’s มูลค่า 6.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2017 นั้น 31% มาจากลูกค้าเอเชีย ขณะเดียวกันงานศิลปะเอเชียก็มาแรง โดยในปี 2017 มูลค่าการขายงานศิลปะเอเชียเติบโตสูงขึ้นกว่าปีก่อนถึง 50%

“โชคดีที่มาร่วมงานช่วงนี้ เพราะเป็นช่วงที่เขากำลังให้ความสำคัญกับเอเชียมากๆ เราจึงสนุก เป็นช่วงที่น่าตื่นเต้น ไปไหนก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี”

นอกจากเข้าร่วมประมูลหรือโทรศัพท์เข้ามาแล้ว ยังมีลูกค้าที่ประมูลเองทางออนไลน์ด้วยซึ่งช่องทางนี้ช่วยเพิ่มผู้ซื้อหน้าใหม่ โดย Christie’s มีผู้ซื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นถึง 31% ในปีที่ผ่านมา และ 37% มาจากออนไลน์ รายได้จากการขายผ่านช่องทางออนไลน์ปีที่แล้วสูงถึง 72.4 ล้านเหรียญ ขณะที่ยอดขายทางออนไลน์จากเอเชียก็เพิ่มขึ้นถึง 23%
<h3>ปักหมุดศิลปินไทยในแผนที่โลก</h3>
ด้วยกระแสความแรงของศิลปะเอเชีย ทำให้ประภาวดีตั้งเป้าว่าจะพางานศิลปะจากประเทศไทยโกอินเตอร์ให้มากขึ้น “เมื่อมองไปรอบๆ...สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ศิลปินบ้านเราสู้ได้ในความสามารถ โดยปัจจุบันมีศิลปินไทยร่วมสมัยหลายคนที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ ซึ่งเราสามารถช่วยผลักดันศิลปินให้ไปไกลกว่านี้อีก ไทยเรามีครบไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ ศิลปะที่มีความลึกซึ้งและหลากหลาย และคนที่ครีเอทีฟ”

<iframe id="instagram-embed-0" class="instagram-media instagram-media-rendered" src="https://www.instagram.com/p/BlNob-eFQ7_/embed/?cr=1&amp;v=9&amp;wp=350&amp;rd=http%3A%2F%2Fforbesthailand.com&amp;rp=%2Fforbes-life-detail.php#%7B%22ci%22%3A0%2C%22os%22%3A30660%7D" height="550" frameborder="0" scrolling="no" data-instgrm-payload-id="instagram-media-payload-0" data-mce-fragment="1"></iframe>

ถึงแวดวงศิลปะบ้านเราจะไม่เฟื่องฟูเท่ากับหลายประเทศ แต่ระยะหลังมานี้ก็มีความคึกคักมาตลอด มีงานใหม่ให้ชมตามหอศิลป์ แกลเลอรี หรือพิพิธภัณฑ์ สร้างกระแสความเคลื่อนไหวในวงการ โดยเฉพาะเมื่อ <strong>ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ </strong>ประกาศจัดงาน <strong>Bangkok Art Biennale</strong> ในวันที่ 19 ตุลาคม 2561 - 3 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งจะสร้างความคึกคักให้กับวงการศิลปะในประเทศไทย

ประภาวดีเชื่อมั่นว่างาน Bangkok Art Biennale จะช่วยยกระดับวงการศิลปะไทยและจะเป็นโอกาสอันดีที่เธอในฐานะตัวแทนของ Christie’s จะช่วยนำศิลปินไทยไปสู่สากลได้มากขึ้นผ่านเครือข่ายที่มีอยู่ทั่วโลก และขั้นต่อไปทาง Christie’s ประเทศไทยจะมีการเชิญทีมงานผู้เชี่ยวชาญมาดูงานศิลปะที่เมืองไทย เพื่อให้นักสะสมจากทั่วโลกรู้จักงานของประเทศไทยมากขึ้น

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/83c2bd0d4f5c2239f7a63f6be7c2ac94.jpg" alt="" width="638" height="471" /><figcaption> ภาพหนึ่งในชุด “การมองโลกในแง่ดีคือเรื่องน่าขัน” โดย นที อุตฤทธิ์ ศิลปินไทยที่โด่งดังในระดับโลก (ขอบคุณภาพจาก artbangkok.com)</figcaption></figure>

“อันที่จริงแล้ว เรามีศิลปินไทยร่วมสมัยที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติหลายคน เช่น ชาติชาย ปุยเปีย, พินรี สัณฑ์พิทักษ์, ฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวนิช, นที อุตฤิทธิ์ แต่ส่วนใหญ่เขาไปดังกันเอง ซึ่งเราคิดว่าหากมีแรงสนับสนุนและมีระบบที่เอื้ออำนวยมากขึ้น วงการศิลปะไทยก็จะดีกว่านี้ ศิลปะเป็นน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจ เราก็อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญและให้การสนับสนุนมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเม็ดเงินเสมอไป”
<h3>โลกกว้างของนักสะสม</h3>
เมื่อถามว่าเธอเองเป็นนักสะสมด้วยหรือไม่ ประภาวดีหัวเราะเบาๆ “มาเห็นใน Christie’s แล้วอายไม่กล้าเรียกตัวเองว่านักสะสม เรียกว่า ‘เก็บ’ ดีกว่า คือไม่ได้สะสมมาก ส่วนใหญ่เป็นภาพวาด แต่ก่อนเดินทางกับสามี มีเวลาก็ซื้อ เช่น ที่เมียนมา เวียดนาม อินโดฯ ไปพูดคุยกับศิลปิน คือเราต้องชอบก่อนแล้วศึกษาความเป็นมา ฟัง inspiration ของศิลปิน ถ้าถูกใจเราก็ซื้อ”

ขณะเดียวกัน จากการที่มีโอกาสพูดคุยกับลูกค้า ก็พบว่าหลายคนจะมีรสนิยมเปลี่ยนไป ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่ช่วงหนึ่งอาจชอบศิลปะของศิลปินผู้นั้นผู้นี้ แต่ผ่านไปสักระยะก็เปลี่ยนไปชอบอีกแบบหนึ่ง จึงเป็นที่มาของการให้บริการในอีกลักษณะคือการฝากขาย (consignment) กับทาง Christie’s

“บางคนก็แบบ...เบื่อแล้วเพ้นท์ติ้งชิ้นนี้หรือจิวเวลรี่ชิ้นนี้ ก็สามารถนำมาฝากขายกับเรา หรือใช้บริการประเมินราคาของเราได้ บางครั้งก็ไม่ต้องนำไปประมูล แต่ฝากเราขายแบบ private sale ได้ ส่วนคนที่อยากซื้อก็อาจจะบอก wish list ไว้ได้”

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/54e5db3acf1b0590b19520e5329d9ab6.jpg" alt="" width="638" height="425" /><figcaption> งานประมูลของสะสมส่วนตัวของ David Rockefeller มหาเศรษฐีผู้ล่วงลับที่สร้างสถิติโลกสูงถึง 646 ล้านเหรียญ</figcaption></figure>

สำหรับประภาวดี งานบริหารไม่น่าเป็นปัญหา เพียงแต่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเรื่องงานศิลปะ สินค้าลักชัวรี่ การสะสม และเทรนด์ของการสะสม ซึ่ง Christie’s มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมากมายมาช่วย “เราไม่ได้ทำงานคนเดียว เรามีผู้เชี่ยวชาญที่มาช่วยเติมเต็ม บางครั้งเราก็เรียนรู้จากลูกค้าที่สะสมมานานอีกด้วย”

ทุกวันนี้เธอสนุกกับการทำงานที่ Christie’s และบาลานซ์เวลาได้อย่างดีหลังจากเคยไม่มีเวลาให้ตัวเองมาแล้ว เธอกล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้หญิงหลายคนไม่ให้ความสำคัญกับเวลาส่วนตัว ซึ่งตัวเธอก็มีช่วงหนึ่งที่เป็นเช่นนั้น กระทั่งวันหนึ่งเธอเริ่มให้ความสำคัญกับตัวเอง ให้เวลาตัวเองด้วยการอ่านหนังสือและนั่งสมาธิ “เราต้องรักและดูแลตัวเองให้ดีก่อน เพื่อที่เราจะได้มีกำลังไปทำประโยชน์ และช่วยคนอื่นได้”

&nbsp;

เรื่อง: วีณา ธูปกระแจะ
ภาพ: Satra. P

ประภาวดี โสภณพนิช ปักหมุดศิลปะไทยในแผนที่นักสะสมโลก

<div>
<h2 class="ace-copy-paste-skip-this-tag"><span style="font-size: 20px;">เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมปีที่แล้ว RM Sotheby’s ได้จัดการประมูลรถ BMW Z8 สีเงิน-ดำ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นของ Steve Jobs </span></h2>
<p class="ace-copy-paste-skip-this-tag">ผู้ก่อตั้ง Apple ซื้อรถเปิดประทุนคันใหม่นี้มาในปี 2000 โดยมีรายงานว่าซื้อตามคำแนะนำของ Larry Ellison จาก Oracle ในขณะนั้นรถคันนี้ราคา 128,000 เหรียญ แต่ราคาประมูลพุ่งขึ้นจากประวัติความเป็นมาของมัน โดยทั่วไปแล้วราคารถใหม่ของ Z8 รุ่นปี 2000 จะอยู่ที่ 170,000-250,000 เหรียญ แต่ราคารถของ Jobs ปิดประมูลที่ 329,500 เหรียญ</p>
<p class="ace-copy-paste-skip-this-tag">และนี่คือราคารถของมหาเศรษฐีคนอื่นๆ ในงานประมูลที่ได้ราคาเพิ่มขึ้นมหาศาลจากประวัติของรถ</p>
<p class="ace-copy-paste-skip-this-tag"><strong><span style="color: #0000ff;"><span style="font-size: 20px;">STEVE WYNN</span></span>
ซีอีโอ, Wynn Resorts
(สินทรัพย์สุทธิ: 3.2 พันล้านเหรียญ)</strong></p>
<p class="ace-copy-paste-skip-this-tag"><strong><img style="width: 680px; height: 510px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/f0f6a043ce64bdedbebb5afd9e8d4a3e.png" alt="" /></strong></p>

</div>
<div><span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">รถยนต์: <strong>LaFerraRI</strong></span></div>
<div><span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">ราคาที่ตั้งไว้: <strong>1.4 ล้านเหรียญ</strong></span></div>
<div><span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">ราคาขาย: <span style="color: #ff0000;"><strong>3 ล้านเหรียญ</strong></span></span></div>
<div><span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">มูลค่าเพิ่ม: <strong>ผลิตเพียง 499 รุ่นเท่านั้น</strong></span></div>
<div></div>
<div></div>
<div></div>
<div><span style="color: #0000ff;"><span style="font-size: 20px;"><strong>HERB CHAMBERS</strong></span></span></div>
<div><strong><span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">ซีอีโอ, The Herb Chambers </span></strong><strong><span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">Cos.</span>
<span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z h-lparen">(สินทรัพย์สุทธิ </span><span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">1.3 พันล้านเหรียญ)</span></strong></div>
<div></div>
<div><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/3da392146827cf1473fc21908337624b.png" alt="" /></div>
<div></div>
<div>รถยนต์: <strong>1995 McLaren F1</strong></div>
<div><span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">ราคาที่ตั้งไว้: <strong>970,000 เหรียญ</strong></span></div>
<div><span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">ราคาประมูล: <span style="color: #ff0000;"><strong>15.6 ล้านเหรียญ</strong></span></span><span style="color: #ff0000;"><strong> <span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z h-lparen">(</span><span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">ในปี2017)</span></strong></span></div>
<div><span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">มูลค่าเพิ่ม: <strong>ใช้วิ่งไปเพียง 9,600 ไมล์</strong></span><strong> <span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z h-lparen">(</span><span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">15,449.70 กิโลเมตร)</span></strong></div>
<div></div>
<div></div>
<div></div>
<div><span style="color: #0000ff;"><span style="font-size: 20px;"><strong>WARREN BUFFETT</strong></span></span></div>
<div><strong><span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">ซีอีโอ, Berkshire Hathaway</span></strong></div>
<div><strong><span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">(8.07 หมื่นล้านเหรียญ)</span></strong></div>
<div></div>
<div><strong><span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z"><img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/e194465632b0bc1764a7d20247407bed.png" alt="" /></span></strong></div>
<div></div>
<div><span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">รถยนต์: <strong>2006 Cadillac DTS</strong></span></div>
<div><span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">ราคาที่ตั้งไว้: <strong>41,000 เหรียญ</strong></span></div>
<div><span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">ราคาประมูล: <span style="color: #ff0000;"><strong>122,500 เหรียญ</strong></span></span><span style="color: #ff0000;"><strong> <span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z h-lparen">(</span><span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">ในปี 2015)</span></strong></span>
มูลค่าเพิ่ม: <strong>แผงหน้าปัดมีลายเซ็น Buffett</strong></div>
<div></div>
<div></div>
<div>

<hr />

<a href="https://goo.gl/NxVozh"><span style="color: #008080;">คลิกอ่านบทความทางธุรกิจอื่นๆ ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ กุมภาพันธ์ 2561 ในรูปแบบ e-Magazine</span></a>
<a href="https://goo.gl/NxVozh"><img style="width: 200px; height: 262px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/c490e853b3313d2702743b324e0a0c0d.png" alt="" /></a>

</div>

ขับรถอย่างมหาเศรษฐี

<h2>ศุภาลัยคว้าชัยชนะประมูล ที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย เนื้อที่ 7 ไร่บนถนนสาทร มูลค่าที่ดินกว่า 4.6 พันล้านบาท หรือเฉลี่ย 1.45 ล้านบาทต่อตร.ว. ตั้งใจปั้นแลนด์มาร์กใหม่ใจกลางกรุงมูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท เป็นอาคารมิกซ์ยูสสำนักงานให้เช่า-คอนโดฯ</h2>
<strong>ประทีป ตั้งมติธรรม</strong> ประธานกรรมการบริหาร <strong>บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)</strong> เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้ชนะการประมูลซื้อ ที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย เนื้อที่ 7 ไร่ 3 งาน 82 ตารางวา มูลค่าที่ดินกว่า 4.6 พันล้านบาท หรือคิดเป็นตารางวาละ 1.45 ล้านบาท โดยที่ดินตั้งอยู่ในเขตศูนย์กลางธุรกิจ (ซีบีดี) บนถนนสาทรและสามารถเข้าออกฝั่งถนนสวนพลูได้ ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า MRT ลุมพินี 900 เมตร

<span style="color: #ff0000;">ที่ดินดังกล่าวจะพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส ประกอบด้วยสำนักงานให้เช่าและคอนโดมิเนียม มีความตั้งใจที่จะออกแบบสถาปัตยกรรมให้โดดเด่นเพื่อเป็นแลนด์มาร์กใหม่ย่านถนนสาทร สีลม คาดว่าโครงการจะมีมูลค่ารวมประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท</span>

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/2300426abc399ed4decba04c7fa862a8.png" alt="" width="340" height="439" /><figcaption> ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)</figcaption></figure>

ประทีปกล่าวว่า ถนนสาทรใต้ถือเป็นถนนสายสำคัญที่เป็นทำเลทองในย่านธุรกิจที่มีศักยภาพการพัฒนาสูง ทำเลสาทรเป็นพื้นที่พาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัยค่อนข้างหนาแน่น แวดล้อมด้วยแหล่งงานจำนวนมากและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย อีกทั้งเป็นทำเลที่คุ้นเคยและนิยมของชาวต่างชาติอีกด้วย จึงเป็นทำเลที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนพัฒนาเป็นอาคารชุดพักอาศัยและอาคารสำนักงานเกรดเอ

โครงการนี้ได้เริ่มการออกแบบโครงการแล้ว โดยจะวางผังออกแบบอาคารในแนวทางอนุรักษ์พลังงาน ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (Green Design) มีสวนขนาดใหญ่อยู่ในโครงการและเก็บรักษาต้นไม้ใหญ่ของเดิมส่วนหนึ่งไว้ นอกจากนี้พร้อมจะนำนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ มาใช้ในการออกแบบที่ไม่มีในโครงการอื่นๆ มาก่อน

ทั้งนี้ ประทีป ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้าการประกาศผลการประมูลว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวถือเป็นความท้าทายในการออกแบบ เนื่องจากมีหน้าที่ดินค่อนข้างแคบ 70 เมตร ลึก 160 เมตร เมื่อคำนวณระยะถอยร่นตามกฎหมายแล้วจะทำให้สร้างอาคารสูงได้เพียง 40-50 ชั้น แต่เชื่อว่าศุภาลัยจะสามารถออกแบบให้สวยงามได้จึงเข้าร่วมการยื่นซองประมูลโดยเสนอราคาที่เหมาะสม

สำหรับปี 2561 ศุภาลัยมีที่ดินที่จะเตรียมพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมพักอาศัยแล้วรวมทั้งสิ้น 6 แปลง และยังมีโครงการที่พักอาศัยแนวราบอีกหลายสิบแปลงทั่วประเทศ ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าการชนะประมูลที่ดินในครั้งนี้จะทำให้ศุภาลัยมีอัตราการเติบโตด้านยอดขายและรายได้อย่างยั่งยืน 15 - 20 % ต่อปี อีกทั้งทำให้ศุภาลัยมีสินค้าระดับไฮเอนด์บนทำเลใจกลางเมืองย่านสาทร-สีลมเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าและมีรายได้จากการเช่าอีกทางหนึ่ง บริษัทคาดว่าจะเปิดให้ลูกค้าจองโครงการได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561

ด้านการแข่งขันการประมูลราคาที่ดินสถานทูตออสเตรเลียแปลงนี้ เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม 2560 ซึ่ง <em>หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์</em> รายงานเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ที่ดินแปลงนี้มีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลนับ 10 ราย ทั้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทย-เทศ รวมถึงสถาบันการเงิน มีบริษัทอสังหาฯ สำคัญที่สนใจยื่นซอง เช่น ศุภาลัย แสนสิริ เครือทีซีซี เป็นต้น

ศุภาลัยคว้า "ที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย" บนถนนสาทร มูลค่ากว่า 4.6 พันล้านบาท

ศุภาลัยมองบวกยอดขายอสังหาฯไตรมาสแรกฟื้นตัว วิเคราะห์ตลอดปี’60 กระเตื้องขึ้นจากปัจจัยรถไฟฟ้าสายใหม่ กำลังซื้อต่างจังหวัด สัญญาณรีเจ็กต์เรตลด ด้านคอนโดฯ ศุภาลัย โอเรียนทัล สุขุมวิท 39 ประเดิมยอดขาย 20% พร้อมเปิดชมห้องตัวอย่าง เผยบริษัทสนใจประมูลที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย ถนนสาทรใต้

<strong>ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม</strong> กรรมการผู้จัดการ <strong>บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)</strong> เปิดเผยว่า ศุภาลัยมียอดขายในช่วงไตรมาส 1/60 มูลค่า 7,561 ล้านบาท เติบโต 43% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากมีการเปิดตัวคอนโดมิเนียม <strong>ศุภาลัย โอเรียนทัล สุขุมวิท </strong><strong>39</strong> มูลค่าโครงการ 10,000 ล้านบาทไปเมื่อเดือนมกราคม แต่ยอดขายจากโครงการแนวราบก็มีการเติบโตเช่นกัน แม้บริษัทจะเปิดโครงการแนวราบโครงการใหม่เพียงแห่งเดียว สะท้อนให้เห็นว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มดีขึ้นจากช่วงปลายปีก่อน

<figure><img style="width: 680px; height: 345px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/129ee693eb269ea45460ed6680527d92.png" alt="" width="680" height="345" /><figcaption> ภาพจำลองคอร์ทยาร์ดของคอนโดฯ ศุภาลัย โอเรียนทัล สุขุมวิท 39</figcaption></figure>

“ยอดขาย Q1/60 โตขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเดือนมีนาคม ค่อนข้างแปลกใจเหมือนกัน แต่คาดว่าเกิดจากลูกค้ามีความพร้อมในการซื้ออยู่แล้ว แต่ช่วงที่ผ่านมายังไม่ตัดสินใจเพราะต้องการรอจนแนวโน้มเศรษฐกิจนิ่งขึ้นว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี ทำให้เกิดความมั่นใจจึงตัดสินใจซื้อในช่วงนี้ <span style="color: #ff0000;">สถานการณ์การขายในไตรมาสแรกของปีกลับมาใกล้เคียงกับช่วง Q3/59 หรืออาจจะดีกว่าเล็กน้อยในบางโครงการ และเชื่อว่าจะมีแนวโน้มที่ดีต่อไป เพราะเดือนเมษายนยังมียอดขายสม่ำเสมอ</span>ยกเว้นช่วงหยุดเทศกาลสงกรานต์ซึ่งการขายชะงักลงเป็นปกติ” ไตรเตชะกล่าว

ภาพรวมตลอดปี 2560 มองว่าสำหรับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่น่าจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากปีก่อน เพราะมีปัจจัยบวกจากรถไฟฟ้าสายใหม่ทั้งสีส้ม ชมพู และเหลือง มีความชัดเจนเรื่องการประมูลและเซ็นสัญญาเริ่มก่อสร้าง กำลังซื้อต่างจังหวัดฟื้นตัวชัดเจนโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าแนวราบ ส่วนโครงการแนวสูงของต่างจังหวัด ศุภาลัยพบว่ายอดขายของบริษัทในกลุ่มนี้ช่วงไตรมาสแรกเติบโตได้ 50% แต่ต้องระมัดระวังว่าเป็นการโตจากฐานต่ำ ภาพรวมคอนโดฯต่างจังหวัดยังโอเวอร์ซัพพลาย ซึ่งน่าจะต้องใช้เวลาดูดซับอีก 2-3 ปี

<figure><img style="width: 340px; height: 496px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/50af591c5379ab658cfe12d2c26b5c3c.png" alt="" width="340" height="496" /><figcaption> โมเดลอาคารที่พักของศุภาลัย โอเรียนทัล สุขุมวิท 39</figcaption></figure>

นอกจากนี้ สัญญาณบวกที่สำคัญอีกประเด็นคือพบว่าสถาบันการเงินเริ่มคลายความกังวลต่อสภาพเศรษฐกิจ จึงมีการผ่อนปรนหลักเกณฑ์การคำนวณศักยภาพผ่อนชำระของลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีที่มีปัญหาถูกปฏิเสธสินเชื่อบ้าน (รีเจ็กต์เรต) สูงเมื่อปีก่อน โดยศุภาลัยพบว่าอัตรารีเจ็กต์เรตของบริษัทช่วง Q1/60 ลดเหลือ 7.5-8.0% จากปีก่อนเฉลี่ยที่ 8.5% แต่ยังต้องจับตามองในระยะยาวว่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องหรือไม่

<strong>แผนการดำเนินงานศุภาลัยปี</strong><strong> 2560</strong>
<ul>
 	<li>เป้ายอดขาย 27,000 ล้านบาท</li>
 	<li>เป้าเปิดตัวโครงการ 29 โครงการ มูลค่ารวม 37,200 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 24 โครงการ และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ</li>
 	<li>ไตรมาส 1/60 เปิดตัวแล้ว 2 โครงการ รวมมูลค่า 11,000 ล้านบาท</li>
 	<li>ไตรมาส 2/60 วางแผนเปิดตัว 6 โครงการ รวมมูลค่า 4,000 ล้านบาท โดยเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด และตั้งเป้ายอดขายไตรมาสนี้อีก 7,000 ล้านบาท</li>
 	<li>วางงบจัดซื้อที่ดิน 8,000 ล้านบาทเท่ากับปีก่อน</li>
</ul>
<strong>ไตรเตชะ</strong> กล่าวต่อว่า สำหรับคอนโดฯศุภาลัยปีนี้ มีการเปิดตัวไปแล้ว 1 โครงการคือ <strong>ศุภาลัย โอเรียนทัล สุขุมวิท </strong><strong>39</strong> มูลค่าโครงการ 10,000 ล้านบาท จำนวนห้องชุด 1,046 ยูนิต เปิดขายเมื่อเดือนมกราคมโดยยังไม่มีห้องตัวอย่างแต่มียอดขายแล้ว 20% ซึ่งถือว่าน่าพอใจ ปัจจุบันห้องตัวอย่างเสร็จสมบูรณ์พร้อมเข้าชม จึงเชื่อว่าจะช่วยเร่งการตัดสินใจซื้อได้ <a href="http://www.detimer.net/">Tag Heuer Replica Uhren</a> เพราะมีผู้ซื้อหลายรายที่ต้องการรอชมห้องตัวอย่างก่อนทำสัญญา โดยราคาเฉลี่ยห้องชุดยังอยู่ที่ 1.3 แสนบาท/ตร.ม.เท่ากับช่วงพรีเซล แต่ห้องชุดไซซ์เล็กมีการปรับขึ้นราคาบ้างแล้ว 4-5%

<figure><img style="width: 680px; height: 463px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/02c623334dc51c69ae807a2c7b0203ba.png" alt="" width="680" height="463" /><figcaption> ภายในห้องตัวอย่าง ศุภาลัย โอเรียนทัล สุขุมวิท 39 เปิดให้ชมห้องชุด 3 รูปแบบ คือ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 49-57 ตร.ม. และแบบ 2 ห้องนอน 84 ตร.ม.</figcaption></figure>

<figure><img style="width: 680px; height: 510px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/f74d44acd617a55891e53b419a1cfe69.png" alt="" width="680" height="510" /><figcaption> ภายในห้องตัวอย่าง ศุภาลัย โอเรียนทัล สุขุมวิท 39 เปิดให้ชมห้องชุด 3 รูปแบบ คือ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 49-57 ตร.ม. และแบบ 2 ห้องนอน 84 ตร.ม.</figcaption></figure>

ส่วนอีก <span style="color: #ff0000;">4 โครงการแนวสูงที่รอเปิดตัวช่วงครึ่งปีหลัง</span> จะเกาะแนวรถไฟฟ้าทั้งหมด ประกอบด้วย<span style="color: #ff0000;">คอนโดฯบนแนวสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายบางซื่อ-ท่าพระและหัวลำโพง-บางแค จะเปิดตัว 2 โครงการ, แนวสายสีเขียวเข้ม ช่วงสะพานตากสิน-บางหว้า 1 โครงการ และแนวสายสีทอง กรุงธนบุรี-คลองสาน อีก 1 โครงการ </span>ทั้งหมดเป็นคอนโดฯระดับกลางราคาต่ำกว่า 7 หมื่นบาท/ตร.ม. ยกเว้นคอนโดฯบนแนวสายสีทอง ใกล้รพ.ตากสิน เป็นคอนโดระดับกลางบน ราคาแตะ 1 แสนบาท/ตร.ม.

ด้าน <strong>ประทีป ตั้งมติธรรม</strong> ประธานกรรมการบริหาร <strong>บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)</strong> เปิดเผยว่า บริษัทมีความสนใจร่วมประมูลซื้อ <strong>ที่ดินสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำกรุงเทพฯ </strong>พื้นที่ 7 ไร่ 382 ตร.ว. บนถนนสาทรใต้ ขณะนี้กำลังออกแบบโครงการเพื่อศึกษาความคุ้มค่าของที่ดิน ซึ่งมีกำหนดยื่นซองประมูลในเดือนกรกฎาคมนี้ จึงยังไม่สามารถเปิดเผยราคาที่จะเสนอซื้อได้

<figure><img style="width: 680px; height: 454px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/362b6c8d3d9e1360af03dc70a23db0a5.png" alt="" width="680" height="454" /><figcaption> สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำกรุงเทพฯ บนถนนสาทรใต้ ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า MRT ลุมพินี 900 เมตร (ขอบคุณภาพจาก: Posttoday)</figcaption></figure>

ประทีปกล่าวว่า ที่ดินมีข้อดีที่ติดถนนใหญ่คือถนนสาทรใต้ แต่ถือเป็นแปลงที่ค่อนข้างยากในการออกแบบอาคาร เนื่องจากเป็นทรงหน้าที่ดินแคบลึกยาวเข้าไปด้านใน เมื่อคำนวณระยะถอยร่น (set back) แล้วจะก่อสร้างได้สูงประมาณ 40-50 ชั้นเท่านั้น รวมถึงอาคารรอบข้างเป็นอาคารสูง จึงเป็นโจทย์ยากทางสถาปัตยกรรม แต่บริษัทยังคงให้ความสนใจและจะประมูลในราคาที่เหมาะสม

‘ศุภาลัย’ มองบวกอสังหาฯต้นปี’60 กลับมาขายดี ดีดลูกคิดเตรียมประมูลที่ดินสถานทูต

<h2>Sotheby ได้นำของที่ระลึกทางดนตรีที่หาได้ยากมากๆ ออกประมูลไปเมื่อวันที่10 ธันวาคม 2016 นั่นคือ เปียโนในยุค Sgt. Pepper ของ John Lennon สมาชิกวงสี่เต่าทองผู้นี้ใช้เปียโนอัพไรต์ของ John Broadwood &amp; Sons (คาดว่าราคาจำหน่ายอยู่ที่ระหว่าง 1.2 - 1.8 ล้านเหรียญ) ประพันธ์เพลง Lucy in the Sky with Diamonds รวมทั้งบทเพลงอมตะมากมายของ The Beatles ด้วย</h2>
ในงานยังมีการนำของสำคัญในวงการดนตรีร็อคออกประมูลมากมาย อาทิ ต้นฉบับบทเพลง <strong>Blowin in the Wind</strong> ของ <strong>Bob Dylan</strong> ซึ่งมีร่องรอยการแก้ไขพร้อมลายเซ็นจากปลายปากกาเจ้าของรางวัลโนเบลด้วยตนเอง (เปิดจำหน่ายล่วงหน้าในราคาราว 3 - 5 แสนเหรียญ) รวมทั้งต้นฉบับบทเพลง Hotel California ของ <strong>The Eagles </strong>ฉบับแรกเมื่อปี 1976 ซึ่งเขียนด้วยลายมือ (คาดว่าจำหน่ายไปได้ในราคา 5 - 7 แสนเหรียญ)

<img style="width: 650px; height: 616px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/33b2e6f23fc0e42ca0aa2ae68ffcf649.png" alt="" />
<span style="font-size: 14px;"><em>เรื่อง: PHILANTHROPY โดย WILLIAM P. BARRETT; on the block โดย michael solomon
ภาพ: Courtesy Sotheby’s (2), Gamma-Keystone via Getty Images; Michael Ochs Archives/Getty Images; David Yellen (bottom); Jeffrey Coolidge/Getty Images (TOP) เรียบเรียง: ปาริชาติ ชื่นชม</em></span>

<hr />

<a href="http://goo.gl/qT690n"><span style="color: #008080;">คลิกอ่าน บทความทางทรงคุณค่าได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ กุมภาพันธ์ 2560</span></a>

<span style="color: #008080;"><a href="https://goo.gl/qT690n"><img style="width: 300px; height: 394px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/93a16701dc17880c01dadd3fa399ba46.png" alt="" /></a></span>

&nbsp;

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events