<h2>เป็นเวลานับสิบๆ ปีที่ Forbes ศึกษามูลค่าความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีทั่วโลก แต่มูลค่าทรัพย์สินส่วนตัวของ Vladimir Putin ผู้นำรัสเซียยังคงเป็นปริศนาที่ลึกลับที่สุด ยากเสียยิ่งกว่ามูลค่าความมั่งคั่งของบรรดาทายาทตระกูล Dupont ผู้ลึกลับ Queen Elizabeth หรือแม้กระทั่งเงินจากการค้ายาเสพติดของ “El Chapo” Joaquin Guzmán เสียอีก</h2>
ตามข้อมูลจากเอกสารที่มี Vladimir Putin คือ ข้าราชการผู้ติดดิน มีรายได้ปีละ 140,000 เหรียญสหรัฐฯ มีรถยนต์ 3 คัน อะพาร์ตเมนต์เล็กๆ 2 แห่ง รถพ่วงคันหนึ่ง กับพื้นที่จอดรถบางส่วน แต่ก็มีการตั้งข้อสงสัยว่า อันที่จริงแล้วเขาน่าจะมีทรัพย์สินมากกว่านั้นนับพันนับหมื่นล้าน

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจากสหรัฐฯ ที่เคยอาศัยอยู่ในรัสเซียมายาวนาน 10 ปี และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกฎหมาย Magnitsky Act (กฎหมายที่ทำให้สหรัฐฯ สามารถกำหนดบทลงโทษผู้กระทำผิดด้านสิทธิมนุษยชน ด้วยการอายัดทรัพย์ได้) ยืนยันว่า หลังจากที่ Putin จับกุมเศรษฐีพันล้านน้ำมันคือ Mikhail Khodorkovsky เมื่อปี 2003 เขาก็เริ่มทำข้อตกลงกับบรรดานักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลอื่นๆ “แบ่งมาให้ผมครึ่งหนึ่ง แล้วผมจะให้คุณเก็บไว้อีกครึ่งหนึ่ง” Browder กล่าว

เขายังบอกด้วยว่า Putin ขู่จะริบทรัพย์สินของคนพวกนั้นและจับเข้าคุกถ้าไม่ทำตาม จากข้อมูลดังกล่าว Browder คำนวณว่า มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของ Putin น่าจะมี 2 แสนล้านเหรียญในปี 2017 ใกล้เคียงกับตำแหน่งชายที่รวยที่สุดในโลกเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม Browder ไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆ แต่มีหลักฐานที่ชี้ว่า Putin บังคับให้ผู้ครองอำนาจปกครองในสมัยของ Boris Yeltsin ขายทรัพย์สินกลับคืนให้กับรัสเซียเพื่อเพิ่มอำนาจให้กับตัวเอง ในปี 2005 Roman Abramovich ขายหุ้นส่วนที่เหลือของตนในบริษัทน้ำมัน Sibneft ไปให้กับ Gazprom กลุ่มบริษัทอยู่ในความควบคุมของรัฐในราคา 1.31 หมื่นล้านเหรียญ โดยจ่ายเป็นเงินสด

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ทำให้ Putin มีอำนาจควบคุมทรัพย์สินกลุ่มน้ำมันและก๊าซเพิ่มขึ้น ต่อมาในปี 2013 Mikhail Fridman และกลุ่มผู้ครองอำนาจคนอื่นๆ ซึ่งรวมถึง German Khan ด้วยนั้น ขายบริษัทน้ำมันของตนคือ TNK-BP ไปให้รัฐวิสาหกิจ Rosneft ในราคา 5.6 หมื่นล้านเหรียญ (BP ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมพลังงานของสหราชอาณาจักรได้เงินจากการทำสัญญาครั้งนี้เช่นกัน)

<img class="size-full wp-image-67850 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/Screen-Shot-2565-08-21-at-11.44.16-AM.png" alt="" width="392" height="294" />

ความเป็นไปได้มากที่สุดคือ ประธานาธิบดีรัสเซียทำเงินจากการมอบสัญญาของรัฐบาล รวมทั้งความเป็นเจ้าของธุรกิจให้กลุ่มคนสนิทแลกกับส่วนลดราคา ในปี 2004 Gazprom เริ่มทยอยกระจายทรัพย์สินมีค่าไปให้กลุ่มธุรกิจต่างๆ ที่อยู่ภายใต้ความควบคุมของกลุ่มเพื่อน Putin ในราคาย่อมเยา

ซึ่งรวมถึงยักษ์ใหญ่ธุรกิจประกันภัย Sogaz ที่ตกไปเป็นของ Yuri Kovalchuk เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของ Putin ที่ถึงกับมีบ้านในย่านอสังหาริมทรัพย์เดียวกันที่ Ozero นอกจากนี้ เขายังเป็น 1 ในเศรษฐีพันล้านของรัสเซียที่มีอยู่ด้วยกันไม่น้อยกว่า 6 คน รวมถึง Gennady Timchenko และ Arkady กับ Boris Rotenberg ที่ร่ำรวยขึ้นมาได้จากความสัมพันธ์กับรัฐบาลรัสเซีย

<img class="size-full wp-image-67851 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/Screen-Shot-2565-08-21-at-11.45.47-AM.png" alt="" width="381" height="412" />

Putin ยังมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับอาณาจักรอาคารขนาดใหญ่บนชายฝั่งทะเลดำ ซึ่ง Alexei Navalny ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน (ถูกจำคุก) เรียกว่า “วังของ Putin” มีรายงานว่า Alexander Ponomarenko เศรษฐีพันล้านอีก 1 รายที่สร้างเนื้อสร้างตัวได้เพราะ Putin นั้นซื้อทรัพย์สินดังกล่าวไปในราคา 350 ล้านเหรียญเมื่อ 10 ปีก่อน ต่อมาในปี 2021 หลังจากมูลนิธิของ Navalny ในลิทัวเนียเปิดเผยสารคดีสืบสวนในเรื่องนี้ Arkady Rotenberg เพื่อนเก่าอีกรายของ Putin ก็ประกาศอ้างสิทธิความเป็นเจ้าของ

<img class="size-full wp-image-67852 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/Screen-Shot-2565-08-21-at-11.46.35-AM.png" alt="" width="377" height="307" />

นอกจากนี้ ผู้นำรัสเซียยังเกี่ยวข้องกับเรือซูเปอร์ยอช์ตอีก 3 ลำ คือ Chayka ราคา 18 ล้านเหรียญ Graceful ราคา 120 ล้านเหรียญ และ Scheherazade ราคา 700 ล้านเหรียญ จากการเปิดเผยผ่านการสืบสวนของ Nalvany เมื่อเดือนมีนาคม

แต่ใช่ว่าข้อมูลที่กล่าวมาจะสลักสำคัญอะไรเพราะ Putin ปฏิบัติต่อชาวรัสเซียเสมือนกระปุกออมสินส่วนตัวให้กับตัวเขาเองอยู่แล้ว

อย่างที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า ต่อให้กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติจำนวน 1 หมื่นล้านเหรียญของรัสเซียจะทำหน้าที่เป็น “กองทุนสินบน” และเห็นได้ชัดว่า Putin สนใจอำนาจในมือมากกว่ากองเงินกองทอง แต่หากใครมีอำนาจขึ้นมาเมื่อไร ทุกอย่างที่มีอยู่ก็อาจโดนยึดไปได้ง่ายๆ

เรื่อง: GIACOMO TOGNINI และ JOHN HYATT เรียบเรียง: รัน-รัน ภาพประกอบ: MATT CHASE

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/global-world/dao-%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%9F%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%A3.html">DAO เหนือแฟชั่นคือแพลตฟอร์ม</a>

<hr />

<a href="https://bit.ly/3R21jgw">คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกรกฎาคม 2565 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<a href="https://bit.ly/3R21jgw"><img class="lazy alignnone wp-image-66853 lazy-loaded" src="https://i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/291014183_3134888566726212_3058152300533957010_n.jpg" sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/291014183_3134888566726212_3058152300533957010_n.jpg 750w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/291014183_3134888566726212_3058152300533957010_n-229x300.jpg 229w" alt="" width="300" height="394" data-lazy-type="image" data-lazy-src="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/291014183_3134888566726212_3058152300533957010_n.jpg" data-lazy-srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/291014183_3134888566726212_3058152300533957010_n.jpg 750w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/291014183_3134888566726212_3058152300533957010_n-229x300.jpg 229w" data-lazy-sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" /></a>

ปริศนาทรัพย์สินของ Vladimir Putin

<h2>หลังจาก David Rockefeller วัย 101 ปี เสียชีวิตได้ 6 เดือน ทางครอบครัวก็ประกาศขายคฤหาสน์ของเขา 3 หลัง โดยรายการล่าสุดคืออสังหาริมทรัพย์ใน Westchester ที่ประกาศขายไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนในราคา 22 ล้านเหรียญสหรัฐฯ</h2>
<img style="width: 680px; height: 497px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/468d35358dbd76a4b0536da42d246857.png" alt="" />

ที่ตั้ง: 146 E. 65th St., Manhattan
ราคาประกาศขาย: 32.5 ล้านเหรียญ
ปีที่สร้าง: 1924
ข้อมูลสำคัญ: 9,777 ตารางฟุต 8 ห้องนอน 8 ห้องน้ำ
สิ่งอำนวยความสะดวก: ห้องเก็บไวน์ที่ควบคุมอุณหภูมิได้ห้องนอนคนงาน 6 ห้อง ห้องสมุด ลิฟต์
เพื่อนบ้านที่มีชื่อเสียง: อภิมหาเศรษฐี Chase Coleman และ Jonathan Tisch ประธานร่วมของ Loews Corp
ประวัติความเป็นมา: David และ Peggy ผู้เป็นภรรยาได้ซื้อคฤหาสน์หลังนี้ในปี 1948 (เป็นช่วงที่เขาเริ่มงานที่ Chase Manhattan Bank) ทั้งคู่เลี้ยงดูบุตร 6 คนในทาวน์เฮ้าส์ซึ่งมีความกว้างเท่ากับ 2 หลังต่อกัน ผนังบ้านประดับผลงานศิลปะที่ทั้งคู่สะสมไว้ถึง 2,000 ชิ้น (เช่น Picasso, Matisse, Gaugain)
เรื่องราวน่าประทับใจ: Ariana Rockefeller นักเขียนของ Forbes.com ซึ่งเป็นหลานสาวของ David เล่าให้ฟังว่า “ช่วงที่อยู่ Columbia ฉันมักไปรับประทานอาหารเย็นและนอนค้างที่ 65th Street กับปู่บ่อยๆ เราจะคุยกันเรื่องการเรียนของฉัน และปู่ก็จะเล่าเกี่ยวกับการทำงานที่ Chase เช่น ท่านจะออกเดินทางไปทำงานใน lower Manhattan ตอนเช้าด้วยรถไฟใต้ดิน พร้อมกับหนังสือพิมพ์พับครึ่งตามความยาวเพื่อให้อ่านสะดวกในรถไฟที่มีผู้โดยสารแน่นขนัด”

<img style="width: 680px; height: 497px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/27ea077e5f22024ccec3f24042af79e6.png" alt="" />

ที่ตั้ง: 180 Bedford Road, Sleepy Hollow, New York
ราคาประกาศขาย: 22 ล้านเหรียญ
ปีที่สร้าง: 1938
ข้อมูลสำคัญ: 11,343 ตารางฟุต 11 ห้องนอน 12 ห้องน้ำ ขนาดที่ดิน 75 เอเคอร์ (ประมาณ 189 ไร่)
สิ่งอำนวยความสะดวก: วิวแม่น้ำ Hudson สวนขนาดใหญ่ เรือนซุ้มประตูขนาด 3 ห้องนอน โรงนาขนาด 6 ห้อง เรือนกระจก 3 หลัง สวนแอปเปิล และลานจอดเฮลิคอปเตอร์
เพื่อนบ้าน: นักลงทุน George Soros, Daniel Och และ Michael Steinhardt
ประวัติความเป็นมา: Mott Schmidt สถาปนิกผู้ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ชนชั้นสูงของ New York เป็นผู้ออกแบบสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ห่างไม่ถึง 2 ไมล์ (3.2 กม.) จาก Kykuit ครั้งหนึ่งเคยครอบครองโดย John D. Rockefeller Sr. ปู่ของ David ซึ่งต่อมาได้ก่อตั้ง Stone Barns Center for Food &amp; Agriculture ขึ้นในบริเวณใกล้เคียงเพื่อแสดงความอาลัยแด่ภรรยาหลังจากที่เธอเสียชีวิต
เรื่องราวน่าประทับใจ: “ฉันกับปู่จะนั่งหันหน้าไปทางสนามหญ้าและเฝ้ามองหิ่งห้อยด้วยกัน ปู่จะอธิบายให้ฟังว่าหิ่งห้อยเป็นแมลงในตระกูล Lampyridae และเป็นแมลงปีกแข็งที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับแมลงเต่าทอง”

&nbsp;

<img style="width: 680px; height: 497px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/08fe2da6af818e7b8b0da804e0fb634d.png" alt="" />

ที่ตั้ง: Ringing Point, Seal Harbor, Maine
ราคาประกาศขาย: 19 ล้านเหรียญ
ปีที่สร้าง: 1972
ข้อมูลสำคัญ: 5,034 ตารางฟุต 7 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ ขนาดที่ดิน 14.5 เอเคอร์ (ประมาณ 36 ไร่)
สิ่งอำนวยความสะดวก: สระว่ายน้ำปูด้วยหินแกรนิต สวนกุหลาบสวนผลไม้ เรือนรับรองแขก ตั้งอยู่ใกล้กับ Acadia National Park
เพื่อนบ้าน: ทายาทเจ้าของธุรกิจรองเท้าผู้มั่งคั่ง Susan Alford และ Martha Stewart
ประวัติความเป็นมา: เช่นเดียวกับบรรดามหาเศรษฐีในช่วงก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 พ่อแม่ของ David ไปพักผ่อนในฤดูร้อนใกล้กับ Bar Harbor และพ่อของเขาได้บริจาคถนนในเขตชนบทระยะทาง 45 ไมล์ (72.42 กม.) ให้กับ Acadia National Park ในปี 1913 David “เรียนรู้การแล่นเรือใบและเพิ่มพูนความสนใจธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง” ในระหว่างใช้ชีวิตอยู่ที่ Maine ตามที่เขาบันทึกไว้ในผลงานเขียนของตัวเองที่ชื่อว่า 2002 Memoirs ซึ่งส่วนใหญ่เขาเขียนขึ้นที่บ้านหลังนี้ ในห้องทำงานซึ่งมองเห็นท่าเทียบเรือ
เรื่องราวน่าประทับใจ: “พวกเราฉลองคริสต์มาสกันที่ Maine โดยจะมารวมตัวกันในตอนเช้าวันคริสต์มาสเพื่อแกะของขวัญข้างเตาผิง จากนั้นก็รับประทานอาหารกลางวันร่วมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา”

<hr />

<a href="http://goo.gl/u2N4Vq">อ่านบทความทางธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ ธันวาคม 2560 ในรูปแบบ E-Magazine</a>

<a href="https://goo.gl/u2N4Vq"><img style="width: 250px; height: 327px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/9892ea8dd2d1ef0f1da34a50a8317e02.jpg" alt="" /></a>

ใช้ชีวิตสุดหรูสไตล์ Rockefeller

หลังจากที่ Sir Frederick Henry Royce นำเสนอ Rolls-Royce Phantoms เพื่อสืบทอดความสำเร็จต่อจากรุ่น Silver Ghost ในปี 1925 เป็นต้นมา Rolls-Royce Phantoms ได้กลายเป็นประจักษ์พยาน ผู้เฝ้ามองเหตุการณ์สำคัญ ตลอดระยะเวลานานกว่า 92 ปี ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ทั้งยังทำหน้าที่รับใช้บุรุษและสตรีผู้ทรงอำนาจสูงสุดของโลกผ่านวาระสำคัญมากมายทุกยุคสมัย

Rolls-Royce Phantoms จึงเป็นตำนานแห่งโลกยานยนต์ระดับสูงที่ชื่อชั้นดำรงอยู่มาอย่างยาวนาน โดยบทพิสูจน์ผ่านผู้นำระดับสูงต่างยุคสมัยต่างที่สะท้อนถึงความสำคัญของ Rolls-Royce นับตั้งแต่ผู้ครองรัฐไปจนถึงนายพล ราชวงศ์ไปจนถึงนักร้องเพลงร็อก และดาราจอเงินไปจนถึงเจ้าพ่อแห่งวงการอุตสาหกรรม

Rolls-Royce เริ่มผลิตรถยนต์รุ่น Phantoms ในปี 1925 โดยการผลิตถูกเก็บเป็นความลับสุดยอดภายใต้รหัสโครงการ Eastern Armoured Car ซึ่งทำให้ดูเหมือน Rolls-Royce ตั้งใจผลิตยานพาหนะทางทหารสำหรับใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 จนกระทั่งนำมาใช้ในภาพยนตร์เรื่อง Lawrence of Arabia และชื่อเสียงโด่งดังในเวลาต่อมา ระหว่างการผลิตได้มีการวางชิ้นส่วนเกราะกันกระสุนเรียงรายไว้รอบโรงงานผลิตเพื่อสร้างความสับสนให้กับคู่แข่งที่แอบมาเก็บข้อมูลการสร้าง “รถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก” รุ่นนี้

<img style="width: 680px; height: 500px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/0608099e9ed5622170068a781170f2d0.png" alt="" />
Rolls-Royce Phantoms I

รถยนต์รุ่น Phantoms I ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบ 7.668 ลิตรรุ่นใหม่ ถือเป็นความแปลกใหม่อย่างมากของรถยนต์รุ่นนี้ เมื่อ General Motors Company เปิดสนามทดสอบสมรรถนะรถยนต์ในรัฐมิชิแกน ไม่มีรถยนต์คันใดที่สามารถวิ่งในสนามขนาด 4 ไมล์โดยใช้ความเร็วสูงสุดได้ครบ 2 รอบโดยที่เครื่องยนต์ไม่เกิดความเสียหายในส่วนท้ายของห้องลูกสูบ ทว่า Phantom I กลับโชว์สมรรถนะได้อย่างเหนือชั้นและสมบูรณ์แบบ โดยสามารถทำความเร็วคงที่ได้สูงสุด 80 ไมล์ต่อชั่วโมงเป็นผลสำเร็จโดยไม่เกิดข้อผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย

<img style="width: 680px; height: 764px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/2f940c102f469a61b81d1e44ee2f3b90.png" alt="" />
Rolls-Royce Phantoms II

ด้วยปรัชญา “จงดึงเอาด้านที่ดีที่สุดของสิ่งที่มีอยู่ออกมาแล้วทำให้ดียิ่งขึ้น” แห่ง Sir Frederick Henry Royce ได้พัฒนารถยนต์รุ่น Phantoms II ขึ้นในปี 1929 รถยนต์รุ่นนี้ใช้โครงช่วงล่างที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด ยกระดับสมรรถนะการควบคุมตัวรถอย่างมีนัยสำคัญและมีการออกแบบเครื่องยนต์ใหม่ในทุกองค์ประกอบ โดย Phantoms III คือยานยนต์รุ่นสุดท้ายของ Sir Frederick Henry Royce ก่อนเขาเสียชีวิตในปี 1933 ด้วยวัย 70 ปี

<img style="width: 680px; height: 923px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/febb3f3155a10f15cff6414afdfe4439.png" alt="" />
Rolls-Royce Phantoms III

Sir Henry สามารถผลิตรถต้นแบบที่ใช้เครื่องยนต์ 12 สูบอันไร้ที่ติเป็นผลสำเร็จ จนกระทั่งเปิดตัวเมื่อ 2 ปี ในหลังและมีการผลิตต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1936 จนกระทั่งหยุดสายการผลิตสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยปี 1941 โครงช่วงล่างรุ่นสุดท้ายได้หยุดสายการผลิตลง เช่นเดียวกับการผลิตตัวถังรถที่หยุดการผลิตจนกระทั่งปี 1947 ในช่วงเวลานั้น Rolls-Royce ไม่มีถ้อยแถลงใดๆ จนดูเหมือนว่ารถยนต์ Phantoms ได้กลายเป็นเหยื่อไฟสงคราม

<img style="width: 680px; height: 438px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/ad478b4a09b7748f7811b3d6212a484c.png" alt="" />
Rolls-Royce Phantoms IV

กระทั่ง ปี 1950 รถยนต์ Phantoms IV ได้ปรากฏโฉมอีกครั้ง โดยเริ่มแรกเป็นการสั่งผลิตแบบคันเดียวสำหรับ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป ทว่าเพียงรถยนต์คันนี้ได้เผยโฉมครั้งแรก คำสั่งผลิตจากสมาชิกในราชวงศ์และผู้นำรัฐต่าง ๆ ทั่วโลกตามมาอีกถึง 17 คัน รถยนต์รุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ 8 สูบ ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมแม้ในความเร็วต่ำ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับเคลื่อนในขบวนพาเหรดของงานพิธีต่างๆ รถยนต์รุ่น Phantoms IV ยังนำเสนอสัญลักษณ์ Spirit of Ecstasy บนฝากระโปรงรถในเวอร์ชั่นคุกเข่าที่สร้างความฮือฮา พร้อมทั้งเปิดยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ของ Rolls-Royce Phantoms อีกครั้งและส่งต่อสู่ Phantoms ในรุ่นต่อๆ มา

<img style="width: 680px; height: 438px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/59565cb0bb83b03adc0ffe22868fc819.png" alt="" />
Rolls-Royce Phantoms V

Phantoms V ถูกผลิตขึ้นในช่วงปี 1959 -1968 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงทั้ง 516 คัน ถูกผลิตขึ้นสำหรับลูกค้าระดับสูง อาทิ สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ ผู้ว่าการเกาะฮ่องกง กษัตริย์โอลาฟแห่งนอร์เวย์ เอลวิส เพรสลีย์ และ จอห์น เลนนอน ผู้โด่งดัง

<img style="width: 532px; height: 612px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/a2abcea7a0b472236b90026ac4525023.png" alt="" />
Rolls-Royce Phantoms VI

Phantoms VI ได้ใช้ระยะเวลาในการพัฒนาที่ยาวนาน (ค.ศ. 1968 – 1990) เพื่อผลิตรถยนต์แบบเปิดประทุนถวายแก่สมเด็จพระราชินีนาถ อลิซาเบธที่ 2 โอกาสฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 25 ปีเมื่อปี 1977 และต่อมายังได้ถูกใช้ในงานอภิเษกระหว่าง ดยุคและดัชเชสส์แห่งแคมบริดจ์ในปี 2011

การทวงคืนยุคสมัยแห่ง Rolls-Royce อย่างสมบูรณ์แบบ

เมื่อ Phantoms VI หยุดการผลิตลงในปี 1990 Rolls-Royce ใช้เวลากว่า 13 ปี ในการพัฒนารถรุ่นต่อไป ก่อนบ่มเพาะยนตรกรรมสายพันธุ์ใหม่อย่างมีนัยสำคัญ เรื่องราวย้อนกลับไปปี 1971 ธุรกิจอากาศยานและรถยนต์ของ Rolls-Royce ถูกทำการพิทักษ์ทรัพย์ สินทรัพย์หลายๆ ส่วนถูกทยอยจำหน่ายเป็นเวลายาวนานกว่า 2 ปี จนกระทั่งหุ้นของบริษัทถูกนำมาขายทอดในตลาดหลักทรัพย์ในชื่อบริษัทมหาชน Rolls-Royce ได้มีการเรียกหุ้นคืนทั้งหมดในส่วนของธุรกิจรถยนต์ ต่อมาในปี 1980 บริษัทซึ่งขณะนั้นเป็นที่รู้จักในชื่อ Rolls-Royce Motors Holdings Limited ได้ควบรวมกิจการกับบริษัท Vickers ที่ดำเนินธุรกิจด้านวิศวกรรมทั้งสองได้ร่วมกันผลิตรถยนต์แต่เป็นจำนวนที่ไม่มากนักระหว่างปี 1980 - 1990

ในปี 1998 บริษัท Vickers ตัดสินใจขาย บริษัท Rolls-Royce Motors และเปลี่ยนมือสู่กรรมสิทธิ์ของ BMW Group ซึ่ง BMW ในฐานะผู้ดูแลรายใหม่ของ Rolls-Royce ได้เริ่มต้นพัฒนาแบรนด์ใหม่ตั้งแต่ต้น โดยตั้งเป้าหมายทั้งการเปิดบริษัทใหม่ สร้างโรงงานผลิตใหม่ และเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในวันที่ 1 มกราคม 2003 ซึ่งบริษัทสามารถรักษาสัญญาครบทุกประการได้อย่างเข้มแข็งจนได้ชื่อว่าเป็น “ประสบการณ์ครั้งยิ่งใหญ่อันน่าตื่นตะลึงแห่งโลกยานยนต์ครั้งสุดท้าย” ในเวลานั้น

<img style="width: 680px; height: 283px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/eec2eec8ba60d3dbd43fe6e4c40bb999.png" alt="" />

เพียงหนึ่งนาทีหลังเที่ยงคืนของวันปีใหม่ปี 2003 การฟื้นฟูยุคใหม่ของ Rolls-Royce ในฐานะ “รถยนต์ที่ดีที่สุดของโลก” ได้เริ่มต้นขึ้น กับบริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่อย่างสมศักดิ์ศรีในชื่อ Rolls-Royce Motor Cars Limited พร้อมการปรากฏโฉมครั้งแรกของรถยนต์รุ่น Goodwood Phantom หรือที่รู้จักในชื่อ Phantoms VII

ซึ่งผลิตในสำนักงานแห่งใหม่ Home of Rolls-Royce ในเมือง Goodwood ประเทศอังกฤษ นำเสนอภาพลักษณ์ที่สวยงามร่วมสมัยเหนือกาลเวลา โดยยังคงสุนทรียภาพของยานยนต์ตระกูล Phantoms และมอบความหรูหรารูปแบบใหม่พร้อมความสะดวกสบายในทุกรายละเอียดดังที่เหล่านักขับปรารถนา ความเป็นเลิศในรายละเอียดนั้นสัมผัสได้ ทำให้ผู้บริโภคต่างมั่นใจว่าแบรนด์ Rolls-Royce กลับมาแล้วอย่างสง่างาม

<img style="width: 680px; height: 510px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/0c1703caa780bf1637b991b0e23618bc.png" alt="" />
ขอข้อมูล New Model Phantom หรือ Phantom VIII ที่จะเปิดตัวในเมืองไทยในปีนี้ได้ที่ Rolls-Royce Motor Cars Bangkok 02-670-6060, Siam Paragon 02-610-6788, Phuket 076-201-999 อัพเดทข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/rollsroycemotorcarsbangkok/">https://www.facebook.com/rollsroycemotorcarsbangkok/</a>

<iframe src="https://www.youtube.com/embed/nwHkKb0-ijs?rel=0" width="680" height="500" frameborder="0" allowfullscreen="allowfullscreen"></iframe>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events