<h2>James Mulvany บุกเบิก Radio.co ด้วยความฝันที่อยากทำงานในวงการวิทยุมาตั้งแต่เด็ก ทว่ากระแสของโลกออนไลน์ได้กลายเป็นใบเบิกทางให้เขาหันเข้าหาประโยชน์จากพลังเสียงของพอดแคสต์อย่างเต็มรูปแบบ</h2>
<img class="alignnone wp-image-64769" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/homepage-video-placeholder-mobile-7202.jpg.jpg" alt="James Mulvany" width="720" height="405" />

ขณะที่กำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียน James Mulvaney เริ่มเรียนรู้ที่จะใช้โปรแกรม Photoshop และสร้างรายได้จากการออกแบบเว็บไซต์ แม้ว่าความหลงใหลที่แท้จริงของเขาจะ อยู่ในวงการวิทยุ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่เสียงออนไลน์ที่กำลังเติบโต

“ผมอยากเป็นดีเจรายการวิทยุมาตลอด และเคยลองทำมาแล้วราว 2-3 ครั้ง” เขากล่าว “ในขณะเดียวกัน ผมก็ให้ความสนใจในด้านเทคโนโลยีและได้เรียนรู้เกี่ยวกับการจัดรายการออนไลน์ กระทั่งในปี 2004 ผมได้เปิดตัวธุรกิจแห่งแรกในชื่อ Wavestreaming เพื่อขายบริการสตรีมมิ่งให้กับอุตสาหกรรมวิทยุ”

ครั้นอายุ 18 ปี Mulvaney ตัดสินใจที่จะเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วเขาสามารถหาเลี้ยงชีพด้วยตัวของตัวเองได้ “ผมไม่ต้องการใบปริญญา” เขากล่าว “แต่ผมเป็นเด็กเงียบๆ ที่ใช้เวลาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอด ฉะนั้นผมจึงต้องเข้าสังคมให้มากขึ้น”

การตัดสินใจดังกล่าวยังช่วยให้ Mulvany สามารถสร้างการเติบโตให้กับ Wavestreaming ไปอีกระดับผ่าน “โครงการบ่มเพาะ” ธุรกิจของมหาวิทยาลัย ซึ่งเขาได้อยู่ท่ามกลางผู้ก่อตั้งและที่ปรึกษาสตาร์ทอัพจำนวนมาก และ 1 ปีต่อมา เขาก็ได้ว่าจ้างพนักงาน 3 คนแรกของบริษัท

ยุครุ่งเรืองของ Radio.co

จากนั้นทาง AOL ก็ได้ติดต่อมา “พวกเขากำลังมองหาพันธมิตรเพื่อให้บริการสตรีมมิ่งแก่ลูกค้า” Mulvany กล่าว “เราตกลงกันได้แล้วและสิ่งต่างๆ ก็เริ่มต้นขึ้นจริงๆ จากที่เคยมีลูกค้าใหม่ 10 รายต่อสัปดาห์ ตอนนี้เราขยายฐานได้มากกว่า 30 รายต่อวัน”

ขณะที่เม็ดเงินของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 100,000 ปอนด์ต่อปีเป็น 700,000 ปอนด์ ทว่า Mulvany รู้ดีว่ามันจะไม่สามารถคงอยู่ตลอดไปได้ “ในที่สุด AOL ตัดสินใจขายธุรกิจส่วนนั้นให้กับอีกบริษัทหนึ่ง ซึ่งไม่สนใจที่จะร่วมงานกับเรา” เขากล่าว “มันเป็นการปลุกให้ตื่นครั้งใหญ่ เราพึ่งพาข้อตกลงนี้มากเกินไป”

เขาใช้เวลา 6 เดือนนับจากนั้นเพื่อมองหาศักยภาพในการเติบโต ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ Wavestreaming เริ่มดำเนินธุรกิจแบบ B2B ให้กับอุตสาหกรรมวิทยุเป็นการเฉพาะ ขณะที่การทำงานร่วมกับ AOL มักจะเกี่ยวข้องกับลูกค้า ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ องค์กรประเภทต่างๆ 

<figure><img class="wp-image-64771" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/unnamed.jpg" alt="James Mulvany" width="543" height="543" /><figcaption> James Mulvany ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Radio.co</figcaption></figure>

“ผมเห็นโอกาสในการสร้างแพลตฟอร์มที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้” เขากล่าว “โรงแรม บาร์ ร้านค้าปลีก ธุรกิจเพื่อการพักผ่อน ฯลฯ สามารถมีสถานีวิทยุของตัวเองและสร้างประสบการณ์ด้านเสียงที่ไม่เหมือนใครให้กับลูกค้าของพวกเขา นั่นคือจุดเริ่มต้นของ Radio.co แพ็คเกจที่จะจัดการทุกอย่างตั้งแต่เล่นเพลง สตรีมมิ่ง ไปจนถึงการดูว่าใครกำลังฟังอยู่และพวกเขาคอยติดตามมานานแค่ไหนแล้ว”

หลังจากเปิดตัวในปี 2015 ฐานลูกค้าของ Radio.co เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีลูกค้าตั้งแต่ค่ายเพลง หนังสือพิมพ์ สปอร์ตคลับ ไปจนถึงมหาวิทยาลัย องค์กรการกุศล และแบรนด์ทางการค้ามากมาย 

ธุรกิจนี้ยังได้รับแรงผลักดันอย่างมากจากความนิยมที่เพิ่มขึ้นของลำโพงอัจฉริยะ ผู้คนกำลังฟังวิทยุ ไม่ใช่ผ่านเครื่องรับวิทยุแบบเดิม แต่ผ่าน Google หรือ Alexa หรือในรถยนต์ผ่านไอโฟน

“คุณสามารถฟังในขณะที่คุณกำลังทำอาหาร เดินไปทำงาน หรือในโรงยิม” Mulvany กล่าว “การให้ทางเลือกแก่ผู้คนเป็นสิ่งสำคัญ และสำหรับแบรนด์ นั่นคือที่ที่โอกาสที่แท้จริงอยู่”

พอดแคสต์สำหรับทุกคน

ในปี 2019 Mulvany ได้เปิดตัว Podcast.co ซึ่งเป็นการต่อยอด Radio.co ขึ้นมาอีกระดับ “ลูกค้าของเรามีความสนใจที่จะเริ่มพอดแคสต์ของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ” เขาอธิบาย “มันไม่ใช่สื่อใหม่ แต่ประมาณปี 2017 มันฟื้นคืนชีพและกลายเป็นกระแสหลักมากขึ้น”

ไม่ว่าจะผ่านทางวิทยุหรือพอดแคสต์ เสียงได้กลายเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสำหรับแบรนด์ในการสื่อสารและส่งเสริมการสนทนากับลูกค้า  โดยในเดือนมกราคม 2022 การวิจัยพบว่าร้อยละ 73 ของชาวอเมริกันฟังวิทยุออนไลน์ในเดือนก่อนหน้า เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 39 เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในขณะเดียวกัน ค่าโฆษณาบนพอดแคสต์มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเป็น 2 เท่าจาก 1.33 พันล้านเหรียญในปี 2021 เป็น 2.74 พันล้านเหรียญในปี 2025

<img class="alignnone wp-image-64770" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/5f86b7103541375c1fd7f668_MM-OpenGraph-1024x538.jpg" alt="" width="720" height="378" />

ไม่เพียงเท่านี้ ในขณะที่สำรวจวิธีการทำตลาด Podcast.co Mulvany ได้ค้นพบธุรกิจที่ 3 โดยบังเอิญ ซึ่งก็คือ Matchmaker.fm “การจัดรายการพอดแคสต์จำนวนมากอาศัยการสัมภาษณ์เป็นการดำเนินเรื่อง ฉะนั้นเราจึงมุ่งเป้าไปที่การเฟ้นหาแขกรับเชิญที่จะมาร่วมแบ่งปันในรายการ ไม่ว่าจะเป็นซีอีโอ นักเขียน นักกีฬา หรือผู้ที่มีประสบการณ์ชีวิตที่น่าสนใจ”

“ทั้งหมดที่เราต้องทำก็คือ เชื่อมต่อทั้ง 2 กลุ่มเข้าด้วยกัน ผลที่ได้คือระบบจับคู่ ซึ่งหลังจากที่เราเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ในช่วงก่อนล็อกดาวน์ ผมกำหนดไว้ว่าต้องมีลูกค้า 30 รายภายใน 30 วัน ซึ่งในที่สุดผมก็ได้มา 48 รายด้วยกัน"

พลังแห่งเสียง

ความลับของการบริหารหลายบริษัทให้ประสบความสำเร็จนั้น Mulvany กล่าว อยู่ที่ทักษะและความแข็งแกร่งของทีม ซึ่งตอนนี้มีสมาชิกทั้งหมด 40 คน ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานจากที่บ้านเป็นหลัก 

“ผมให้ความสำคัญกับการลงทุนในผู้คนและสร้างทีมที่ยอดเยี่ยม และผมคงทำไม่ได้หากไม่มีพวกเขา” เขากล่าว

อย่างไรก็ดี Mulvany ไม่ได้ปฏิเสธการแสวงหาเงินลงทุนจากภายนอกสำหรับการเติบโตในอนาคต “เรามีแผนสำหรับการเติบโตในสหรัฐอเมริกา เพื่อรองรับลูกค้าองค์กรมากขึ้น เป้าหมายของเราคือการเป็นบริษัทสำหรับการตลาดด้านเสียงและเพื่อการมีส่วนร่วมกับผู้คนผ่านสื่อเสียง”

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ The Online Audio Entrepreneur Helping Brands To Leverage Their Broadcasting Power เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/rachel-drori-ผู้ก่อตั้ง-daily-harvest.html">Rachel Drori จากอดีตผู้บริหารการตลาดหญิงแกร่งสู่ผู้ก่อตั้ง Daily Harvest มูลค่า 1.1 พันล้านเหรียญฯ</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a style="color: #003300;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

James Mulvany ปลุกปั้น Radio.co ด้วยพลังเสียงของพอดแคสต์

<h2>พบกับผู้ดำเนินรายการพอตแคสต์ ที่ติดทำเนียบ "การจัดอันดับพอดแคสต์" สำหรับการจัดอันดับครั้งปฐมฤกษ์ของเราในครั้งนี้ พวกเขาได้แสดงความคิดเห็นในทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็นกีฬาเบสบอล ภาพยนตร์ ไปจนถึงการฆาตกรรม</h2>
&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-31961" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/The_Joe_Rogan_Experience_logo.jpg" alt="" width="316" height="316" />
อันดับที่1 JOE ROGAN

รายการ:  The Joe Rogan Experience
รายได้ในปี 2019: 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ*
หัวข้อ: UFC การเมืองการแสดงตลกแบบสแตนด์อัพ คอเมดี้

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-31960" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/My_Favorite_Murder_Podcast_Logo.jpeg" alt="" width="316" height="316" />
อันดับที่2 KAREN KILGARIFF AND GEORGIA HARDSTARK


รายการ: My Favorite Murder
รายได้ในปี 2019: 15 ล้านเหรียญ
หัวข้อ: เรื่องจริงแนวอาชญากรรมวัฒนธรรมสมัยนิยม

(คลิกอ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99-my-favorite-murder.html">พอดแคสต์ ทำเงิน “My Favorite Murder”</a>)

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-31962" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/the-dave-ramsey-show-ramsey-solutions-LMGRd5K8IHi.1400x1400.jpg" alt="" width="313" height="313" />
อันดับที่3 DAVE RAMSEY

รายการ: The Dave Ramsey Show
รายได้ในปี 2019: 10 ล้านเหรียญ
หัวข้อ: การเงินส่วนบุคคล

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-31959" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/armchair-expert-with-dax-shepard-armchair-lzXHPc4ZR_E-DNVvf-Jygxn.1400x1400.jpg" alt="" width="313" height="313" />
อันดับที่4 DAX SHEPARD

รายการ: Armchair Expert
รายได้ในปี 2019: 9 ล้านเหรียญ
หัวข้อ: วงการฮอลลีวู้ด เหตุการณ์ปัจจุบัน

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-31958" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/76706.jpg" alt="" width="328" height="328" />
อันดับที่5 BILL SIMMONS

รายการ: The Bill Simmons Podcast
รายได้ในปี 2019: 7 ล้านเหรียญ
หัวข้อ: กีฬา วงการฮอลลีวู้ด

&nbsp;

<hr />

<a href="https://bit.ly/3dp757n">คลิกอ่านบทความทางด้านธุรกิจเพิ่มเติมได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-29538" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/05/COVER_750.jpg" alt="" width="300" height="394" />

การจัดอันดับพอดแคสต์ : ผู้ดำเนินรายการที่ทำเงินมากที่สุด

<h2>ใครกันที่บอกว่าอาชญากรรมไม่ส่งผลดี คงไม่ใช่กับ Karen Kilgariff และ Georgia Hardstark ซึ่งสามารถเปลี่ยน พอดแคสต์ เกี่ยวกับฆาตกรที่เป็นเรื่องตลกร้ายให้กลายเป็นอาณาจักรสื่อที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วได้เป็นแน่</h2>
My Favorite Murder พอดแคสต์ ถือกำเนิดขึ้นอย่างเหมาะเจาะในงานเลี้ยงฉลองวันฮาโลวีนในย่าน Los Feliz รัฐ Los Angeles เมื่อปี 2015 งานเลี้ยงครั้งนั้นจัดขึ้นโดยเพื่อนของสองว่าที่ผู้ผลิตพอดแคสต์อย่าง Karen Kilgariff  ซึ่งเป็นนักแสดงตลกแบบสแตนด์อัพ คอเมดี้ และนักเขียนเรื่องขำขัน และ Georgia Hardstark ซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการของช่อง Cooking Channel

ทั้งคู่เคยพบหน้ากันมาก่อน แต่ “นับตั้งแต่งานปาร์ตี้ครั้งนั้นที่เราได้รับรู้ว่าเราทั้งคู่ต่างก็หลงใหลในเรื่องจริงแนวอาชญากรรม และไม่มีใครอื่นอีกเลยที่เราจะพูดคุยเรื่องพวกนี้ด้วยได้” Hardstark วัย 39 ปีกล่าว ทั้งคู่ปักหลักอยู่ในห้องครัว ไม่สนใจแขกคนอื่นๆ และผลัดกันเล่าเรื่องนองเลือด “นี่คือสิ่งที่ฉันชอบทำที่งานปาร์ตี้”

“มันเป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบ ฉันได้เจอกับคนที่...ไม่ต้องการให้ฉันหยุดพูดถึงการฆาตกรรม” Hardstark กล่าวเพิ่มเติม

กลายเป็นว่ามีอีกหลายล้านคนที่ไม่ต้องการให้ทั้งคู่หยุดเล่าเรื่องราวเหล่านั้นด้วยเช่นกัน ผู้ฟังชอบฟังทั้งคู่เล่าเหตุการณ์ฆาตกรรมที่เป็นตลกร้าย อย่างเรื่องราวของ Scott Scurlock เจ้าของฉายา Hollywood Bandit และ Robert Hansen เจ้าของฉายา Butcher Baker of Anchorage, Alaska อย่างไม่รู้จักคำว่าพอ

ปัจจุบัน My Favorite Murder มียอดดาวน์โหลด 35 ล้านครั้งต่อเดือน และในปีที่ผ่านมากลายเป็นพอดแคสต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับที่ 7 บน Apple Podcasts แซงหน้ารายการที่ทำขึ้นใหม่อย่าง Fresh Air ของ NPR และ This American Life

อาณาจักรเรื่องจริงแนวอาชญากรรมของทั้งคู่กำลังขยายตัว ในปีที่ผ่านมาทั้งคู่จัดรายการสด 40 ครั้ง ตีพิมพ์หนังสือขายดีจากการจัดอันดับของ New York Times (Stay Sexy &amp; Don’t Get Murdered ซึ่งเป็นวลีเด็ดประจำรายการของทั้งคู่) ทำข้อตกลงการพัฒนาเนื้อหากับผู้เผยแพร่พอดแคสต์อย่าง Stitcher ซึ่งมีมูลค่าอย่างน้อย 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และสร้างฐานแฟนคลับจำนวน 55,000 คน โดยผู้เป็นสมาชิกต้องจ่ายค่าสมาชิก 40 เหรียญต่อปี เพื่อเข้าถึงรายการตอนพิเศษ รวมถึงสิทธิพิเศษในการซื้อบัตรชมการแสดงสดก่อนวันจำหน่ายบัตรจริง

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือทั้งคู่ทำได้ยอดเยี่ยมมากและรายได้ของทั้งคู่ก็เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีทั้งสองทำเงินได้ราว 15 ล้านเหรียญในปี 2019 โดยขึ้นแท่นอันดับ 2 ในทำเนียบผู้ผลิตพอดแคสต์ที่ทำเงินได้มากที่สุด ซึ่งเราจัดทำขึ้นเป็นครั้งแรก ถือได้ว่านี่เป็นยุครุ่งเรือง ตามประมาณการของ PWC และ Interactive Advertising Bureau ผู้ซื้อโฆษณาน่าจะได้ทุ่มงบประมาณเกือบ 700 ล้านเหรียญ ไปกับพอดแคสต์ในปีที่ผ่านมา หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 7 เท่าภายในระยะเวลา 4 ปี

<figure><img class="wp-image-31387 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/06/พอดแคสต์-ทำเงิน_03.jpg" alt="" width="300" height="413" /><figcaption> Karen Kilgariff และ Georgia Hardstark</figcaption></figure>

Spotify ทุ่มเงิน 250 ล้านเหรียญ เพื่อซื้อกิจการของเครือข่ายพอดแคสต์อย่าง Gimlet และ Parcast และมีรายงานว่า Apple ก็ไล่ Spotify มาติดๆ โดยมีแผนสร้างเครือข่ายของตนเองหลังจากที่นิ่งเฉยมาหลายปี “ผู้คนกำลังรับรู้ได้ถึงความพิเศษของพอดแคสต์ ฉันคิดว่าเราต่างก็รู้สึกโดดเดี่ยวและเหงาจริงๆ และในกรณีของ My Favorite Murder เป็นการดีที่จะรับฟังและร้อยเรียงเรื่องราวแย่ๆ ด้วยกัน การทำเช่นนี้นับว่าเป็นการได้ระบายอย่างแท้จริง” Kilgariff วัย 49 ปีกล่าว

ความทุ่มเทอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ของ Kilgariff และ Hardstark ก็คือการทำเครือข่ายพอดแคสต์ของตนเองอย่าง Exactly Right พวกเขาเปิดไฟเขียวให้กับรายการ 5 รายการ ซึ่งรวมถึง This Podcast Will Kill You ซึ่งเป็นรายการชุดเกี่ยวกับโรคติดต่อที่มีนักระบาดวิทยา 2 คน เป็นผู้ดำเนินรายการ “ถือเป็นความสนุกสุดยอด และเป็นธุรกิจบันเทิงแบบต้นตำรับเพื่อค้นหาผู้มากความสามารถ เราโชคดีที่รายการของเราได้รับความนิยม ทำให้เรามีสายจุดชนวน ซึ่งเราสามารถเชื่อมต่อสายชนวนนี้เข้ากับผู้ที่เหมาะสมได้” Kilgariff กล่าว

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/global/10-%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AE%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B1.html">10 มหาเศรษฐีเฮลท์แคร์ ทรัพย์สินพุ่งทะยานจากการระบาดของไวรัสโคโรน่า</a>

&nbsp;

<hr />

<a href="https://bit.ly/3dp757n">คลิกอ่านบทความทางด้านธุรกิจเพิ่มเติมได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-29538" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/05/COVER_750.jpg" alt="" width="300" height="394" />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events