<h2>ธุรกิจร้านกาแฟยังคงขยายตัว แม้จะมีผู้เล่นในตลาดมากมาย แต่ร้านกาแฟใหม่ๆ ก็มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนว่าเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับธุรกิจร้านกาแฟมากขึ้น ดังเช่น Flash Coffee เชนร้านกาแฟน้องใหม่จากกิจการสตาร์ทอัพ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ ใช้เทคโนโลยีช่วยในการขยายตลาด และสามาราถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว</h2>
<img class="alignnone wp-image-53509 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/Flash-Coffee_1004.jpg" alt="“Flash Coffee”" width="600" height="400" />

แบรนด์ร้านกาแฟรูปลักษณ์ใหม่ นำเสนอแบรนด์ได้น่าตื่นเต้นด้วยโทนสีเหลืองตัดกับสีชมพูสดใส เพิ่มความเด่นสะดุดตาให้ร้านกาแฟขนาดย่อม ที่ส่วนใหญ่มักเปิดในอาคารสำนักงาน มีทายาทนักธุรกิจตระกูลดัง <strong>พันธุ์ไพบูลย์ ลีนุตพงษ์</strong> กรรมการผู้จัดการ Flash Coffee ประเทศไทย เป็นผู้บริหารหลักในไทย นับตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเปิดสาขาในไทยเมื่อต้นปี 2563

<strong>พันธุ์ไพบูลย์ ลีนุตพงษ์</strong> เป็นบุตรชายของ <strong>วิทิต ลีนุตพงษ์</strong> เจ้าของบริษัท ไทยยานยนตร์ ซึ่งทำธุรกิจนำเข้ารถยนต์หรูจากต่างประเทศ เขาเคยช่วยงานของครอบครัว ขณะเดียวกันก็สนใจธุรกิจกาแฟ จึงหันมาจับธุรกิจนี้ด้วยการเป็นผู้บริหารตลาดในไทยให้กับ Flash Coffee ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเมื่อเดือนพฤษภาคม 2563
<h3>สตาร์ทอัพกาแฟน้องใหม่</h3>
จากจุดเริ่มต้นของ Flash Coffee ซึ่งเป็นเชนร้านกาแฟที่เกิดขึ้นโดยการร่วมมือของสองหนุ่มชาวเยอรมัน David Brunier ผู้อยู่เบื้องหลังการปั้นธุรกิจ foodpanda และ Sebastian Hannecker ทั้งคู่ก่อตั้งธุรกิจด้วยการเป็นสตาร์ทอัพขยายสาขาด้วยการระดมทุน และตั้งเป้าหมายว่าจะเสิร์ฟกาแฟคุณภาพในราคาที่จับต้องได้ (ถูกกว่าร้านกาแฟอินเตอร์แบรนด์ชื่อดัง 50% แต่คุณภาพไม่ตางกัน) ให้ขยายไปในหลายประเทศทั่วเอเชีย

โมเดลของร้านกาแฟแห่งนี้ มีผู้ลงทุนรายแรก คือ Rocket Internet SE ในฐานะ Seed Investor ซึ่ง Rocket Internet เป็นหนึ่งใน Venture Capital รายใหญ่ของยุโรป ซึ่งปั้นบริษัทยักใหญ่สำเร็จมาแล้วหลายบริษัทในเอเชีย เช่น Lazada, Zalora และ foodpanda

สำหรับประเทศไทยภายใต้การบริหารของพันธุ์ไพบูลย์ เขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีบุคลิกคล่องแคล่วทันสมัย สอดคล้องกับรูปลักษณ์ที่สดใสของ Flash Coffee และความทันสมัยจากการเป็นสตาร์ทอัพ ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาให้บริการลูกค้า ประกอบกับรสชาติเมนูที่แตกต่าง คุณภาพกาแฟที่ดี และราคาที่จับต้องได้ จึงสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ ทำให้ขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

<span style="color: #993300;">“เราใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง กาแฟคุณภาพไม่ต่างจากแบรนด์ใหญ่ แต่ขายในราคาที่จับต้องได้ ทำให้การยอมรับดีและตรงใจคนรุ่นใหม่”</span> <strong>พันธุ์ไพบูลย์</strong> ย้ำ พร้อมเผยว่าการเปิดสาขาในไทยถือว่าขยายได้เร็วเมื่อเทียบกับหลายประเทศที่ Flash Coffee เปิดตัวมาในช่วงเริ่มแรก ทั้ง อินโดนีเซีย และสิงคโปร์

<img class="alignnone wp-image-53508 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/Flash-Coffee_1003.jpg" alt="“Flash Coffee”" width="600" height="400" />
<h3>ไทยโตเร็วปีครึ่งเปิด 85 สาขา</h3>
ปัจจุบันเปิดสาขาในไทยแล้ว 85 สาขา (อัพเดท ณ วันที่ 1 พ.ย. 2564) ซึ่งทางบริษัทแม่ที่สิงคโปร์ตั้งเป้าจะขยายสาขาให้ได้ 350 สาขาในทุกตลาดทั่วเอเชีย ซึ่งประกอบด้วย อินโดนีเซีย สิงโปร์ ไทย ไต้หวัน ฮ่องกง ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จากจำนวนสาขาที่มีอยู่ล่าสุดในปัจจุบันที่ 150 สาขา หรือเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจากปัจจุบัน

ส่วนประเด็นที่ทำให้การขยายสาขาทำได้รวดเร็ว ผู้บริหารหนุ่มเผยว่า น่าจะมาจากความสะดวกสบายในการให้บริการ ผ่านแอปพลิเคชั่น รสชาติและเมนูที่แตกต่าง มีร้านกระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ สะดวกในการเข้าถึง และเหตุผลสำคัญที่สุดคือ การเสริฟกาแฟคุณภาพแบบกาแฟสดระดับพรีเมี่ยม แต่ราคาเข้าถึงได้ <span style="color: #993300;">“เมนูกาแฟของเรา เริ่มต้นเพียง 40 บาทเท่านั้น”</span> พันธุ์ไพบูลย์ อธิบาย นั่นหมายถึง เมนูกาแฟที่หลากหลาย ซึ่งมีทั้งกาแฟแบบปกติ และยังมีเมนูสำหรับ Vegans และมีนมให้เลือกหลายชนิดเพื่อรองรับคนที่ไม่ดื่มนมวัว เช่น นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ และนมพิสตาชิโอ

เขายังบอกด้วยว่าการนำแอปพลิเคชั่น มาเป็นสื่อกลางในการให้บริการลูกค้า สามารถสั่งล่วงหน้า และสั่งให้ส่งแบบเดลิเวอรี่ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ตรงกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบความสะดวกสบาย เลือกได้ และรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้คือตัวแปรหลักที่ทำให้ได้การยอมรับที่ดี นอกเหนือไปจากความแตกต่างในเมนูกาแฟที่เราคิดค้นขึ้นมา เป็นการผสมผสานวัตถุดิบที่เหมาะกับกาแฟ ให้รสชาติที่แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์

ก่อนหน้านี้มีการเผยแพร่ผ่านสื่อว่าร้านการแฟน้องใหม่แห่งนี้ขยายสาขาเร็วสุดในเอเชีย หลังจากเปิดสาขาแรกที่อินโดนีเซีย ตามด้วยสิงคโปร์ ก่อนจะมาถึงไทย แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เร็วเท่าความต้องการของผู้ก่อตั้ง ที่ต้องการให้ อัตราการขยายสาขาให้ได้ 10 สาขาต่อสัปดาห์ โดยปัจจุบันทำได้ที่อัตรา 5 สาขาต่อสัปดาห์ ทีมบริหารกำลังเร่งสปีดในการขยายสาขาให้รวดเร็วได้ตามเป้าหมาย

ควบคู่กับแผนขยายสาขาทีมบริหารเดินหน้าพบปะกับนักลงทุนและพาร์ตเนอร์มากมาย และมองหาโอกาสในการระดมทุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการนำเสนอกาแฟคุณภาพระดับพรีเมียมในราคาที่เข้าถึงได้สู่กลุ่มชนชั้นระดับกลางทั่วเอเชีย

เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์กาแฟน้องใหม่ที่มาแรง และพบเห็นได้ตามอาคารสำนักงานทั่วกรุงเทพฯ ในภาพลักษณ์สะดุดตาด้วยโทนสีเหลืองตัดสีชมพูสดใส พร้อมสัญญลักษณ์สายฟ้า สีสันและรูปแบบที่ต่างจากบุคลิกกาแฟดั้งเดิม ด้วยบุคลิกที่สดใสสะดุดตา ให้ความรู้สึกสนุกสดชื่นชวนให้ลิ้มลอง

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a-sway-%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%b0%e0%b8%96%e0%b8%b8%e0%b8%87%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%ab.html">รู้จักกับ Sway และถุงจากสาหร่ายที่จะทำให้พลาสติกใช้ครั้งเดียวหายไป</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events