<h2>โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ฉลองเปิดให้บริการที่พักสุดหรูแห่งใหม่บนเกาะสวรรค์ในเดือนเมษายน 2568 นี้ มอบข้อเสนอพิเศษช่วงเปิดตัว “เซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์” ด้วยแพ็กเกจประสบการณ์เข้าพักเหนือระดับ ทั้งพัก 4 คืน จ่าย 3 คืน และพัก 7 คืน จ่าย 5 คืน รวมถึงบริการอัปเกรดมื้ออาหาร และสิทธิพิเศษอีกมากมาย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์ ถือเป็นโรงแรมแห่งที่ 4 ของเซ็นทาราในมัลดีฟส์ ซึ่งโรงแรมทั้ง 4 แห่ง ของเซ็นทาราในมัลดีฟส์ต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น เพื่อประสบการณ์พักผ่อนอย่างแตกต่างในแต่ละโรงแรม พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของนักเดินทางทุกกลุ่ม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยเซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์ มีห้องพักขนาดกว้างขว้างให้เลือกสรรทั้งหมด 142 ห้องพัก ทั้งแบบวิลลาริมหาด และวิลลาบนน้ำ อีกทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ภายในโรงแรมอย่างครบครัน อาทิ ห้องอาหารและบาร์หลากหลายสัญชาติ และสปาเซ็นวารี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การเปิดให้บริการเซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์ ถือเป็นการเติมเต็มโครงการของเซ็นทาราบนเกาะสวรรค์ในมาเล่ อะทอลล์เหนือ หนึ่งในเกาะในกลุ่มมัลดีฟส์ที่มีความสวยงามอันเหนือชั้นให้เสร็จสมบูรณ์อย่างเป็นทางการ โดยโครงการส่วนแรกที่ได้เปิดให้บริการไปแล้วก่อนหน้า คือ เซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ ซึ่งอยู่บนเกาะแห่งเดียวกันนั่นเอง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/3nuXDdqLVzSykNiTKho2.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="3nuXDdqLVzSykNiTKho2.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,489" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เปิดให้บริการและต้อนรับลูกค้ากลุ่มแรกสู่เซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์ ในเดือนเมษายนนี้อย่างเป็นทางการ” แอนดรูว์ แจนสัน ผู้จัดการทั่วไป ประจำโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์ และเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ที่พักสุดหรูแห่งใหม่นี้ถูกเนรมิตให้เป็นสวรรค์แห่งการพักผ่อน ด้วยความสวยงามของธรรมชาติ การต้อนรับแบบไทยผสานเสน่ห์ของมัลดีฟส์ และการบริการอันอบอุ่นเสมือนครอบครัวของเซ็นทารา เพื่อมอบความทรงจำอันน่าประทับใจให้แก่แขกผู้เข้าพักทุกคน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ เพื่อเตรียมฉลองการเปิดให้บริการ “เซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์” อย่างเป็นทางการ เซ็นทารามอบข้อเสนอพิเศษช่วงเปิดตัวมากมาย อาทิ พัก 4 คืน จ่าย 3 คืน หรือ พัก 7 คืน จ่าย 5 คืน รวมถึงบริการอัปเกรดมื้ออาหาร, แชมเปญต้อนรับ ที่ซันเซต โซเชียล บาร์, ทรีตเมนท์สปาสำหรับคู่รัก 1 ครั้ง และสิทธิ์เข้าใช้บริการคลับ รวมถึงกิจกรรมทางทะเลอันน่าตื่นเต้น โดยมีกิจกรรมให้เลือกระหว่างทริปตกปลายามค่ำคืน หรือ ล่องเรือชมโลมาช่วงพระอาทิตย์ตกดิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ลูกค้าสามารถจองข้อเสนอพิเศษช่วงเปิดตัวนี้ได้ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 มิถุนายน 2568 สำหรับการเข้าพักตั้งแต่ 1 เมษายน 2568 ถึง 15 ตุลาคม 2568 ภาพ: เซ็นทารา เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://www.forbesthailand.com/forbes-life/travel-forbes-life/centara-mirage-lagoon-maldives-family-resort" alt="‘เซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์’ ตัวจริงรีสอร์ทสำหรับครอบครัวแห่งมัลดีฟส์">‘เซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์’ ตัวจริงรีสอร์ทสำหรับครอบครัวแห่งมัลดีฟส์</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เปิดแล้ว 'เซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์' รีสอร์ตแห่งที่ 4 ของเซ็นทาราในมัลดีฟส์

วิถียั่งยืน “Soneva” มูลค่าแห่งธรรมชาติ

‘เซ็นทารา’ กางแผนปี 68 เปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง อัปเกรด ‘เซ็นทารา แกรนด์ฯ กระบี่’ สู่แบรนด์ ‘รีเซิร์ฟ’

‘เซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์’ ตัวจริงรีสอร์ทสำหรับครอบครัวแห่งมัลดีฟส์

<h2>ไมเนอร์ โฮเทลส์ ร่วมมือกับบริษัทร่วมทุนชั้นนำระดับโลก (Private equity fund) ซึ่งบริหารจัดการโดย เอเรส เมเนจเมนท์ (Ares Management) ประกาศรีแบรนด์จาก รีธิ บีช รีสอร์ท (Reethi Beach Resort) เป็น เอ็นเอช คอลเลคชั่น มัลดีฟส์ รีธิ รีสอร์ท (NH Collection Maldives Reethi Resort) โดยจะเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 4 ของปี 2025 หลังจากการปรับปรุงครั้งใหญ่</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เอ็นเอช คอลเลคชั่น รีสอร์ทแห่งนี้ประกอบด้วยห้องพักจำนวน 129 ห้อง ตั้งอยู่บนเกาะที่มีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ในอ่าวฮานิฟารู (Hanifaru Bay) ภายในบา อะทอลล์ (Baa Atoll) ซึ่งห่างจากสนามบินนานาชาติเวลานา (Velana International Airport) ในมาเลเซียเพียง 35 นาทีโดยเครื่องบินทะเล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รีสอร์ทแห่งนี้ยังสะดวกต่อการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันสวยงามของบา อะทอลล์ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของปลากระเบนราหู ฉลามวาฬ เต่าทะเล และสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลที่มีสีสันมากมาย​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/p28trhZgNUBtjyHx6PdW.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="p28trhZgNUBtjyHx6PdW.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ รีธิ บีช รีสอร์ท จะยังคงเปิดให้บริการจนถึงวันที่ 25 เมษายน 2568 หลังจากนั้นจะปิดทำการเป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อทำการปรับปรุงให้เป็นเอ็นเอช คอลเลคชั่น ซึ่งถือเป็นการปรับปรุงที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ 25 ปีของรีสอร์ท โดยจะมีการอัปเกรดห้องพักประเภทวิลล่า ห้องอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวก ในขณะเดียวกันยังคงรักษาความงามตามธรรมชาติของเกาะไว้อย่างครบถ้วน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ เอ็นเอช คอลเลคชั่น มัลดีฟส์ รีธิ รีสอร์ท นำเสนอวิลล่าทั้งแบบบนบกและบนน้ำ ที่ตอบสนองความต้องการของนักเดินทางหลากหลายกลุ่ม รีสอร์ทแห่งนี้มีร้านอาหารและบาร์ที่โดดเด่นทั้งหมด 10 แห่ง จึงสามารถตอบสนองความต้องการของแขกทุกรูปแบบ รีสอร์ทมีแนวปะการังโดยรอบและกิจกรรมทางน้ำมากมาย เช่น การดำน้ำ การดำน้ำตื้น การตกปลา และกีฬาทางน้ำต่างๆ สำหรับกิจกรรมบนบก แขกสามารถผ่อนคลายได้ที่สปา พักผ่อนริมสระว่ายน้ำ หรือออกกำลังกายที่สนามเทนนิส แบดมินตัน และสควอช รวมถึงศูนย์ออกกำลังกายที่มีอุปกรณ์ครบครัน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/yR2vAtVm4sjtZaFAXo5H.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="1" data-file-name="yR2vAtVm4sjtZaFAXo5H.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรกับ เอเรส เมเนจเมนท์ เพื่อเริ่มต้นบทใหม่สำหรับ รีธิ บีช รีสอร์ท ภายใต้แบรนด์ เอ็นเอช คอลเลคชั่น” ปูนีท ธวัน (Puneet Dhawan) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ โฮเทลส์ ประจำภูมิภาคเอเชีย กล่าว “มัลดีฟส์เป็นจุดหมายปลายทางที่ขึ้นชื่อในด้านสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล และจะมอบประสบการณ์สุดประทับใจในแบบมัลดีฟส์ที่ยากที่จะเทียบให้กับแขกผู้มาเยือน พร้อมสิ่งใหม่ๆ และความยั่งยืนในระดับแถวหน้า เรารอคอยที่จะได้เปิดตัว เอ็นเอช คอลเลคชั่น มัลดีฟส์ รีธิ รีสอร์ท โฉมใหม่ในช่วงปลายปี 2568”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/4BQ56iLe9jkLZH6rXiBk.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="2" data-file-name="4BQ56iLe9jkLZH6rXiBk.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คีรัน เบสตอล (Kieran Bestall) กรรมการผู้จัดการ เอเรส เอเชีย ของ เอเรส เมเนจเมนท์ กล่าวเสริมว่า “เป็นเวลากว่า 25 ปีแล้ว ที่ รีธิ บีช รีสอร์ท ได้เปิดให้บริการพร้อมมอบประสบการณ์การพักผ่อนท่ามกลางความเงียบสงบให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน บา อะทอลล์ เราเชื่อว่าการร่วมมือกับ ไมเนอร์ โฮเทลส์ จะช่วยกำหนดนิยามใหม่และเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับรีสอร์ทแห่งนี้ในขณะที่ยังคงรักษาความงามตามธรรมชาติและมรดกทางวัฒนธรรมเอาไว้ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมมือสร้างความสำเร็จให้กับอนาคตไปด้วยกัน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รีสอร์ทระดับพรีเมียมแห่งนี้จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรีสอร์ทภายใต้เครือ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ใน บา อะทอลล์ ซึ่งมีอยู่แล้วสองแห่ง ได้แก่ อนันตรา คิฮาวาห์ มัลดีฟส์ วิลล่าส์ และ อวานี พลัส แฟเรส มัลดีฟส์ รีสอร์ท โดยจะช่วยให้แขกสามารถเข้าถึงความสวยงามของระบบนิเวศทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของมัลดีฟส์ได้ง่ายยิ่งขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ เอ็นเอช คอลเลคชั่น มัลดีฟส์ รีธิ รีสอร์ท จะเป็นโรงแรมแห่งที่เก้าของไมเนอร์ โฮเทลส์ ในมัลดีฟส์ และเป็นโรงแรมแห่งที่สองของเอ็นเอช คอลเลคชั่น ถัดจากเอ็นเอช คอลเลคชั่น มัลดีฟส์ ฮาวอดด้า รีสอร์ท ซึ่งเปิดให้บริการในปี 2566 ในกาฟู ดาลู อะทอลล์ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/travel/centara-karon-resort-phuket-is-set-to-reopen" alt="‘เซ็นทารา กะรน รีสอร์ท ภูเก็ต’ เตรียมกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังปรับโฉมใหญ่">‘เซ็นทารา กะรน รีสอร์ท ภูเก็ต’ เตรียมกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังปรับโฉมใหญ่</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘ไมเนอร์’ จ่อเปิดตัวแบรนด์โรงแรม NH Collection ใน ‘บา อะทอลล์’ มัลดีฟส์

เอส โฮเทล เปิด 'SO/ Maldives' แฟชั่นรีสอร์ตสุดหรูคู่ความยั่งยืน

เปิดตัวไปแล้วอย่างยิ่งใหญ่สำหรับ “ครอสโร้ดส์” (CROSSROADS) โครงการสำหรับการพักผ่อน          และไลฟ์สไตล์ครบวงจรขนาดใหญ่ที่สุดแห่งแรกในมัลดีฟส์ โดยสิงห์ เอสเตท ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการวางเงินลงทุนในเฟสแรกสูงกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับเป็นการลงทุนของคนไทยที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีในมัลดีฟส์เลยก็ว่าได้ เพื่อสร้างจุดหมายปลายทางการพักผ่อนและการใช้ไลฟ์สไตล์แห่งใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก

นิยามใหม่ของการพักผ่อนสำหรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวของมัลดีฟส์ เมื่อ ส.ค.ที่ผ่านมา พบว่าสถิตินักท่องเที่ยวที่เดินทาง  มาเยือนมัลดีฟส์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 มีนักท่องเที่ยวแตะหนึ่งล้านคนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2553  ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตด้านการท่องเที่ยวของประเทศที่เต็มไปด้วยเกาะสวรรค์แห่งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องพิสูจน์ว่าหมากกระดานนี้ สิงห์ เอสเตท ประเมินไว้ไม่มีผิดว่า มัลดีฟส์ยังคงเป็น Dream List ของนักท่องเที่ยวระดับลักชัวรีทั่วโลก ที่ยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมาก เพราะหากเทียบจำนวนโรงแรมในมัลดีฟส์มีประมาณ 200 แห่ง ซึ่งไม่เพียงพอต่อการรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลเข้ามาอีกมหาศาล

<img class="alignnone size-full wp-image-23624" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/11/1.jpg" alt="" width="720" height="480" />

จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “คนไทยกำลังสร้างประวัติศาสตร์ไปกับ ‘ครอสโร้ดส์’ ในฐานะจุดหมายปลายทางแห่งใหม่สำหรับการพักผ่อนและสันทนาการครบวงจรขนาดใหญ่ที่สุดแห่งแรกในมัลดีฟส์ที่จะเป็นตัวดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีการเติบโตสูงอย่าง จีน อินเดีย และตะวันออกกลาง รวมทั้งนักเดินทางกลุ่มครอบครัวและคนท้องถิ่นให้มาเปิดประสบการณ์      รูปแบบใหม่ที่แตกต่างจากนักท่องเที่ยวกลุ่มปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคู่รักที่นิยมเดินทางมาเพื่อฮันนีมูน    เป็นหลัก โดยจุดเด่นของ ‘ครอสโร้ดส์’ คือการสร้างนิยามใหม่ของการพักผ่อนในมัลดีฟส์และภูมิภาคในแถบมหาสมุทรอินเดีย โดยไม่ละทิ้งความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการอนุรักษ์ซึ่งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของมัลดีฟส์”

สำหรับเฟสแรกที่จะเปิดให้บริการประกอบด้วย 2 รีสอร์ต และเดอะ มารีน่า แอท ครอสโร้ดส์ โดย เกาะแรกเป็นที่ตั้งของโรงแรมซาย ลากูน มัลดีฟส์ คูริโอ คอลเล็กชั่น บาย ฮิลตัน (SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton) มีห้องพักทั้งหมด 198 ห้อง ประกอบไปด้วยบีชวิลล่าและวิลล่าเหนือน้ำ นำเสนอประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำใครให้กับผู้เข้าพัก อีกทั้งยังเชื่อมต่อโดยตรงกับ “เดอะ มารีน่า แอท ครอสโร้ดส์” (The Marina @ CROSSROADS) พื้นที่สำหรับไลฟ์สไตล์และร้านค้าขนาด 11,000 ตารางเมตร โดยมีร้านอาหารชื่อดัง อาทิ Cafe del Mar บีชคลับระดับโลก ร้านเชฟมิชลินอย่าง Ministry of Crab และยังมีโซนช็อปปิ้ง สินค้าแบรนด์ ศูนย์ประชุมอันทันสมัย ศูนย์กีฬาทางน้ำ และศูนย์ดำน้ำภายใต้หลักสูตรของ PADI

<figure><img class="wp-image-23623 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/11/2.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)</figcaption></figure>

นอกจากนี้ เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าหลัก ทางโครงการจึง    นำเสนอกิจกรรมและสิ่งที่น่าสนใจที่หลากหลายสำหรับครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น “มัลดีฟส์ ดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์” (Maldives Discovery Centre) ศูนย์วัฒนธรรมที่รวบรวมเรื่องราวความเป็นอยู่และงานฝีมือ  ท้องถิ่นของชาวมัลดีฟส์ ให้ศิลปินท้องถิ่นได้แสดงฝีมือ โดยการจัดแสดงงานหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน ของมัลดีฟส์ แต่ถ้าเป็นสายรักษ์โลกอย่าพลาด “มารีน ดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์” (Marine Discovery Centre) ศูนย์อนุรักษ์ปะการัง เพื่อสนับสนุนงานวิจัยของนักชีววิทยาทางทะเลเกี่ยวกับการปลูกปะการัง และการทำแปลงอนุบาลปะการังในพื้นที่ทางทะเลที่ครอบคลุมบริเวณกว่า 64,000 ตารางเมตร

ส่วนเกาะที่สองเป็นที่ตั้งของ โรงแรมฮาร์ด ร็อค โฮเทล มัลดีฟส์ (Hard Rock Hotel Maldives) ประกอบ  ไปด้วยห้องพักจำนวน 178 ห้อง ซึ่งมีห้องสวีทสำหรับครอบครัว บีชวิลล่า และวิลล่ากลางน้ำขนาด 1 และ  2 ห้องนอน ออกแบบสไตล์ทรอปิคอลแต้มด้วยกลิ่นอายของหมู่เกาะมัลดีฟส์และสถาปัตยกรรมแบบร่วมสมัย แขกผู้เข้าพักจะเพลิดเพลินไปกับสิ่งอำนวยความสะดวกภายใต้แบรนด์ Hard Rock สุดเอ็กซ์คลูซีฟ        ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมเพลง Sound of Stay การบริการที่ครบครันจาก Rock Spa เลือกสรรของที่ระลึก    ที่เป็นเอกลักษณ์จาก Rock Shop สโมสรสำหรับเด็ก Roxity Kids Club และ Teen Spirit Club          โดยมี Hard Rock Cafe Maldives อยู่ห่างจากโรงแรมเพียงไม่กี่ก้าว

ทำธุรกิจบนพื้นฐานความยั่งยืน

นอกเหนือจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของมัลดีฟส์แล้ว ‘ครอสโร้ดส์’ ยังยึดมั่นในปรัชญา  การดำเนินงานที่เน้นการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และสร้างความสมดุลระหว่างธุรกิจ ชุมชนและสิ่งแวดล้อม

นริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เสริมว่า ตลอดการก่อสร้างโครงการ เราดูแลชุมชนและสิ่งแวดล้อมรอบข้างให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ความสมดุลทางธรรมชาติ    คือหัวใจสำคัญและการคงไว้ซึ่งความสมดุล คือเป้าหมายหลักของ สิงห์ เอสเตท

การประกาศเปิดตัวครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ ครั้งนี้ ไม่เพียงพลิกโฉมการท่องเที่ยวของดินแดนที่ได้ชื่อว่า      เป็นสวรรค์แห่งการพักผ่อนครั้งใหญ่ ด้วยการยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ ที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกได้เต็มอิ่มกับวันพักผ่อนมากขึ้น แต่ยังถือเป็นการปักหมุดความสำเร็จ        ในก้าวแรก เพื่อให้คนไทยได้ร่วมภาคภูมิใจไปด้วยกัน

CROSSROADS OFFICIAL OPENING CEREMONY เปิดตัว “ครอสโร้ดส์” มัลดีฟส์ เมกะโปรเจกต์โดยสิงห์ เอสเตท เนรมิตประสบการณ์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ต่อยอดธุรกิจอย่างยั่งยืน

<h2 class="p1">บริษัทเครือสิงห์ เอสเตท “เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” เปิดตัวรีสอร์ทใหม่ในมัลดีฟส์ SAii Lagoon Maldives คาดอัตราเข้าพัก 74-78% พร้อมวางแผน 5 ปีขยายพอร์ตเพิ่ม 2 เท่า</h2>
บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ในเครือบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดตัวรีสอร์ทแห่งใหม่ SAii Lagoon Maldives รีสอร์ทแห่งแรกของแบรนด์ SAii ที่ตั้งอยู่ในโครงการครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ ซึ่งเป็นโครงการแหล่งท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์ครบวงจรที่พัฒนาขึ้นโดยสิงห์ เอสเตท และเอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท
Dirk De Cuyper ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท เปิดเผยว่า SAii Lagoon Maldives เป็นรีสอร์ทระดับ 4-5 ดาว ขนาด 198 ห้อง เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนกันยายน 2562 ที่ผ่านมา โดย SAii มาจากคำว่า “ทราย” ในภาษาไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นบรรยากาศของท้องทะเล หาดทราย และจิตใจไมตรีของคนไทย
“SAii Lagoon Maldives มาในคอนเซปท์ที่ตรงกับจุดยืนทางการตลาดของเอส โฮเทลฯ คือความพยายามนำเสนอที่พักในสไตล์หรูหรา แต่มีความเป็นกันเอง และมีราคาจับต้องได้ มีความกลมกลืนกับธรรมชาติและคงเอกลักษณ์ท้องถิ่น แต่ยังรักษาความเป็นแบรนด์ระดับโลกในตัว พร้อมมีเทคโนโลยีในการเข้าใช้บริการที่ทันสมัย แต่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน”
<img class="alignnone size-full wp-image-23221" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/saii02.jpg" alt="" width="720" height="480" />
ทั้งนี้ Forbes Thailand Online รายงานว่า ราคาห้องพักของ SAii Lagoon Maldives ณ วันนี้เริ่มต้นที่ราว 10,135 บาท/คืน และเพิ่มขึ้นเป็นเริ่มต้นราว 11,531 บาท/คืน ในเดือนพฤศจิกายน
Cuyper กล่าวว่า หากพูดถึงมัลดีฟส์แล้ว หลายคนอาจคุ้นเคยกับความหรูหราที่เหมาะสำหรับการฮันนีมูนของคู่รัก แต่สิ่งที่เราพยายามนำเสนอคือความต้องการเปิดมุมมองใหม่ของความหรูหรา ที่มีความเป็นกันเองและจับต้องได้ จึงพยายามออกแบบให้ SAii Lagoon Maldives เหมาะสำหรับการพักผ่อนของกลุ่มเพื่อน ครอบครัว และกลุ่มคนที่มีความคิดแบบชาวมิลเลนเนียล คือแสวงหาอิสระและความท้าทาย


<figure><img class="size-full wp-image-23219" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/720.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> Dirk De Cuyper ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท</figcaption></figure>
สำหรับ SAii Lagoon Maldives ให้บริการห้องพักแบบสวีทและวิลล่า มีการออกแบบและตกแต่งโดยใช้การผสมผสานของพื้นผิวธรรมชาติและเศษไม้ มาพร้อมห้องอาหารให้บริการหลากหลายรูปแบบ อาทิ “Miss Olive Oyl” เสิร์ฟอาหารทะเลปิ้งย่างสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน, “Mr Tomyam” ให้บริการอาหารไทย และ “bean / Co” (บีนแอนด์โค) ร้านกาแฟริมชายหาด
โดยภายในรีสอร์ทมีสะพานทางเดินเท้าเชื่อมต่อกับโครงการครอสโร้ดส์ จึงสามารถใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในครอสโร้ดส์ได้ ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์กีฬาทางน้ำและดำน้ำ, อีเวนท์ ฮอลล์, ศูนย์เพาะพันธุ์ปะการัง Marine Discovery Centre, Hard Rock Cafe เป็นต้น
“แม้ปัจจุบันจะมีรีสอร์ทหลายแห่งในมัลดีฟส์ แต่สิ่งที่เราแตกต่างจากคู่แข่งคือเราพยายามรวบรวมกิจกรรมต่างๆ ให้มาอยู่ที่เดียวกัน ทำให้ได้นำเสนอมุมมองใหม่ๆ ของมัลดีฟส์ที่ไม่ใช่แค่สถานที่ฮันนีมูน แต่ยังเป็นที่ที่ครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนสามารถมาใช้เวลาร่วมกันได้”
Cuyper ยังกล่าวอีกว่า สำหรับรีสอร์ทแบรนด์ SAii แห่งนี้ บริษัทคาดว่าจะมีอัตราการเข้าพักในช่วง 5 ปีแรกอยู่ที่ 74-78% วางเป้าสัดส่วนกลุ่มลูกค้าเป็นไปตามสัดส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมามัลดีฟส์ ได้แก่ ยุโรป 50%, เอเชีย 35% และอื่นๆ 15%
<img class="alignnone size-full wp-image-23222" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/saii03.jpg" alt="" width="720" height="480" />
“ปัจจุบันเอส โฮเทลฯ มีโรงแรมและรีสอร์ทอยู่ในพอร์ต 39 แห่งใน 5 ประเทศ คือ ไทย, สาธารณรัฐมัลดีฟส์, สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ, สาธารณรัฐบอริเชียส และสหราชอาณาจักร รวมห้องพักกว่า 4,600 ห้อง ซึ่งเรามีแผนขยายพอร์ตการลงทุนเป็น 2 เท่าภายในปี 2568 ด้วยวิธีการขายแฟรนไชส์, ควบรวมกิจการ รวมทั้งบริหารโรงแรมให้แบรนด์อื่น มุ่งเน้นไปที่ทำเลเอเชียแปซิฟิก, มหาสมุทรอินเดีย และแปซิฟิกใต้ โดยเรามีแผนขยายแบรนด์ SAii ในประเทศไทยด้วย แต่กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาทำเลที่เหมาะสม”
&nbsp;
<h2>เปิดไอพีโอมูลค่ากว่า 7 พันล้านบาท</h2>
ทั้งนี้ <a href="https://www.posttoday.com/finance-stock/news/604242">เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์</a>รายงานว่า เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท หรือ SHR ได้ประกาศแผนเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 1,437.46 ล้านหุ้น กำหนดช่วงราคาเสนอขาย 5.10 –5.50 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 7 พันล้านบาท โดยเตรียมเปิดขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท สิงห์ เอสเตท (S) เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้น ระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคม 2562 สำหรับประชาชนทั่วไป วันที่ 1-5 พฤศจิกายน 2562
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ระหว่างปี 2559-2561 มีรายได้รวมเติบโตเฉลี่ย 63.1% ต่อปี โดยมีรายได้รวม 968.0 ล้านบาท, 1,074.0 ล้านบาท และ 2,575.7 ล้านบาท ตามลำดับ
งวดครึ่งปีแรกของปี 2562 มีรายได้ 1,751.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144.8% จากงวดเดียวกันปีก่อน กำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ดอกเบี้ยและภาษี ไม่นับรวมรายการพิเศษ (EBITDA) ของ SHR เติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 58.5% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
โดยในปี 2559 ปี 2560 และปี 2561 EBITDA ตามงบการเงินรวมของ SHR เท่ากับ 348.9 ล้านบาท 514.3 ล้านบาท และ 877.4 ล้านบาท ตามลำดับ
ครึ่งปีแรกของปี 2562 มี EBITDA เท่ากับ 461.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.5% ซึ่งการเพิ่มขึ้นของรายได้และอีบิตดาของ SHR ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มาจากผลประกอบการที่ดีขึ้นจากการบริการงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งรายได้จากการซื้อโรงแรม Outrigger 6 แห่ง
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/travel/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94-ipo-%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%AA-%E0%B9%82%E0%B8%AE%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A5-%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%99.html">สิงห์เปิด IPO “เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” ระดมทุนขยายพอร์ตธุรกิจโรงแรม 75 แห่งทั่วโลกภายในปี 2568</a></li>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/travel/%e0%b8%9b%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%9d%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%b2-music-destination.html">ปั้นฝันศรีพันวา: รับบริหาร 12 โรงแรมรอบโลก-เปลี่ยนภูเก็ตเป็น ‘Music Destination’</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

"เอส โฮเทล" เปิดตัวรีสอร์ทใหม่ในมัลดีฟส์ ชูคอนเซปท์หรูหราในราคา "จับต้องได้"

<h2>โครงการ “ครอสโร้ดส์” โดยสิงห์ เอสเตท จุดหมายปลายทางสำหรับการพักผ่อนและสันทนาการครบวงจรแห่งแรกในมัลดีฟส์พร้อมเปิดตัวในปี 2562  ณ เอ็มบูดู ลากูน มัลดีฟส์</h2>
โดยเตรียมพบกับการเปิดตัวโรงแรมชั้นนำถึง 2 แห่ง ได้แก่ SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton และ Hard Rock Hotel Maldives รวมทั้งพื้นที่สำหรับความบันเทิงและร้านค้าปลีกขนาด 11,000 ตารางเมตรภายใต้ชื่อ The Marina @ CROSSROADS โดย โครงการ “CROSSROADS” ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในปี 2562 ตั้งอยู่ ไม่ไกลจากสนามบินนานาชาติเวลาน่า และเมืองหลวงมาเล่ นำเสนอประสบการณ์สำหรับการพักผ่อนระดับเวิร์ลคลาสที่ผนวกทุกบริการไว้อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งโรงแรม รีสอร์ท ความบันเทิง ร้านค้าปลีก และภัตตาคาร

The Marina @ CROSSROADS เป็นพื้นที่สำหรับความบันเทิงและสันทนาการขนาด 11,000 ตารางเมตรที่ออกมาสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ประกอบด้วยร้านค้าปลีกและร้านอาหารที่มีสไตล์ รวมทั้งภัตตาคารที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างฮาร์ด ร็อค คาเฟ่ โดย The Marina at CROSSROADS ซึ่งตั้งชื่อตามโครงการ “CROSSROADS” เป็นมารีน่าแห่งแรกในมัลดีฟส์ที่มีท่าเรือหรูหราสำหรับจอดเรือยอร์ชได้ถึง 30 ลำ

<img class="alignnone wp-image-3335 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/Singha-estate-Crossroads-02.jpg" alt="CROSSROADS" width="638" height="354" />

นักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวถือเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าหลัก โครงการ “CROSSROADS” จึงมีเป้าหมายที่จะนำเสนอกิจกรรมและสิ่งที่น่าสนใจที่หลากหลายสำหรับครอบครัว อาทิ Maldives Discovery Centre ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่มีดีไซน์สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ ตั้งอยู่ภายใน The Marina @ CROSSROADS ภายในจัดแสดงวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น รวมทั้งการจัดแสดงการอนุรักษ์ทางทะเลแบบเสมือนจริง ทางเดินปะการัง และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ สำหรับเด็กที่มีอยู่รอบบริเวณ

<img class="alignnone wp-image-3334 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/Singha-estate-Crossroads-03jpg.jpg" alt="CROSSROADS" width="638" height="353" />

สำหรับท่านที่สนใจด้านการอนุรักษ์ปะการังและสิ่งมีชีวิตทางทะเล ที่ “CROSSROADS” เป็นที่ตั้งของศูนย์อนุรักษ์สิ่งมีชีวิตในทะเล Marine Discovery Centre ซึ่งภายในมีห้องทดลองชีววิทยาทางทะเล และกิจกรรมทางน้ำต่างๆ อาทิ การดำน้ำลึก การดำน้ำผิวน้ำ (สนอร์เกิลลิ่ง) การปลูกปะการัง การปล่อยปลาการ์ตูน และการอนุบาลปะการังในทะเล

การเปิดตัวโครงการในเฟสแรกนี้ จะมีการเปิดศูนย์ประชุม CROSSROADS Event Hall ซึ่งสามารถรองรับผู้เข้าร่วมประชุมได้ถึง 460 คน ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการประชุมระดับเวิร์ลคลาส รวมทั้งบริการจัดเลี้ยง เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเพื่อธุรกิจ

<img class="alignnone wp-image-3338 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/Singha-estate-Crossroads-05.jpg" alt="SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton" width="638" height="356" />

โดยทั้งสองโรงแรม SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton และ Hard Rock Hotel Maldives  สามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ที่มีอยู่ใน The Marina at CROSSROADS ได้อย่างง่ายดายด้วยสะพานทางเดินเท้า โดย SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton มีห้องพักที่กว้างขวางสำดวกสบายไว้ให้บริการทั้งหมด 198 ห้อง รวมทั้งวิลล่าริมหาด และวิลล่าเหนือน้ำ พร้อมด้วยบริการอันเป็นเอกลักษณ์ จึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับคู่รัก ครอบครัว กลุ่มเพื่อนตลอดจนผู้ที่เดินทางเพื่อธุรกิจที่ต้องการสถานที่สำหรับการ พักผ่อนที่สนุกสนานและให้แรงบันดาลใจ

<img class="alignnone wp-image-3337 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/Singha-estate-Crossroads-04.jpg" alt="Hard Rock Hotel Maldives" width="638" height="353" />

ด้าน Hard Rock Hotel Maldives พร้อมต้อนรับแขกที่มาพักด้วยบริการอันเป็นเอกลักษณ์ครบครัน รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกที่จัดทำไว้ โดยเฉพาะสำหรับทารก เด็กอ่อน และวัยรุ่น

สิงห์ เอสเตท เผยภาพแรกโครงการ “CROSSROADS” มัลดีฟส์

<h2>Soneva เปิดตัวซีเพลนลำใหม่ DHC-6 Twin Otter 10 ที่นั่ง ซึ่งโดยปกติ เครื่องบินรุ่นนี้จะมี 19 ที่นั่ง แต่โซเนวา ได้ปรับโฉมใหม่ทั้งภายนอกและภายใน เพื่อความสะดวกสบายยิ่งขึ้นของผู้โดยสาร โดย IKHANA Group ประเทศแคนาดา เป็นผู้รับผิดชอบในการปรับโฉม</h2>
ครั้งนี้ ตั้งแต่การทาสีภายนอกให้เป็นสีม่วงสด ตามสีแบรนด์ของโซเนวา และการตกแต่งภายในด้วยสีโครมเทา และเบาะนั่งหนังแท้ที่นุ่มสบายในสีม่วงสด เครื่องบินลำใหม่นี้จะเริ่มให้บริการในช่วงกลางเดือนธันวาคม โดยจะนำผู้โดยสารเดินทางไป-กลับ ระหว่างท่าอากาศยานนานาชาติ Male กับ Soneva Fushi  และ Soneva Jani

เครื่องบินลำใหม่นี้ ได้รับการปรับแต่งให้ตรงตามมาตรฐานระดับสูงสุดของ Soneva ผนังด้านในห้องโดยสารเรียบและสะอาดตามากขึ้นเมื่อเทียบกับเครื่องบินโดยสารทั่วไป เบาะนั่งห่อหุ้มด้วยหนังเอลโมซอฟท์ (Elmosoft) ที่นุ่มสบาย ปูพื้นด้วยวัสดุที่เลียนแบบหินชนวน มีสีเทาอมน้ำเงินเข้ม และไฟในห้องโดยสารที่บ่งบอกถึงความเป็นโซเนวาได้อย่างชัดเจน เครื่องบินนี้มีที่นั่งแบบวีไอพีจำนวน 10 ที่นั่ง โดย 8 ที่นั่งหันไปด้านหน้าเครื่อง และอีก 2 ที่นั่งหันไปด้านหลังเครื่อง และยังมีที่นั่งแบบพับได้ 2 ที่นั่ง และที่นั่งกัปตันอีก 2 ที่นั่ง

“เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับเครื่องบินลำใหม่นี้ ซึ่งจะช่วยเสริมการปฏิบัติงานในมัลดีฟส์ และทำให้แขกของเราได้รับประสบการณ์การเดินทางที่น่าประทับใจยิ่งขึ้น” Sonu Shivdasani ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้อำนวยการร่วม ฝ่ายครีเอทีฟ Soneva กล่าว “เครื่องบินลำนี้ จะใช้สำหรับรับส่งแขกของโซเนวาเท่านั้น ดังนั้น ตารางการเดินทางและข้อจำกัดของกระเป๋าเดินทาง จึงสามารถปรับตามความต้องการของแขกได้ ซึ่งเราหวังว่าแขกของเราจะชื่นชอบ เราได้ใช้เวลานานในการออกแบบเครื่องบินลำนี้ เพื่อให้มั่นใจว่า รายละเอียดและวัสดุทุกชิ้น เป็นไปตามมาตรฐานสูงสุด และเราดีใจที่ในอนาคตอันใกล้ เครื่องบินลำนี้จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับแขกของเรา”

<img class="aligncenter wp-image-1243 size-full" src="http://forbes.aissmartgen.com/wp-content/uploads/2018/11/Soneva-Seaplane-002.jpg" alt="" width="900" height="471" />

เครื่องบินแบบ Twin Otter เป็นเครื่องบินที่เหมาะสมที่สุดที่จะนำมาใช้ในมัลดีฟส์ เนื่องจากความสามารถในการขึ้นและลง โดยใช้ระยะทางที่สั้น (STOL) ทำให้เครื่องยกตัวขึ้นจากทะเลได้รวดเร็วกว่า เครื่อง DHC-6 Twin Otters บินได้ไกลโดยเฉลี่ย 1,427 กิโลเมตร, ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 296 กิโลเมตรต่อชั่วโมง, ความเร็วขณะบิน 278 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีความกว้างของปีก 20 เมตร

คุณสมบัติเด่นของเครื่องบินรุ่นนี้ คือ มีล้อ 3 ล้อที่ยึดติดกับโครงส่วนล่างของเครื่องบิน ประวัติในด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม เครื่องยนต์เทอร์โบคู่ และอัตราการไต่ระดับที่สูง ทำให้เป็นเครื่องบินที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเป็นเครื่องบินโดยสาร ขนส่งสินค้า และเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เครื่องบินแบบ Twin Otter นี้ เป็นที่นิยมใช้ในเชิงพาณิชย์ เช่น ใช้ในกิจกรรมกระโดดร่ม และในการทหาร โดยทีมพลร่มของสหรัฐอเมริกา (United States Army Parachute Team) และใช้ในการฝึกบินของทหารอากาศสหรัฐอเมริกา (United States Air Force's 98th Flying Training Squadron)

ขณะนี้ เครื่องบินลำใหม่ของโซเนวา กำลังเดินทางจากแคนาดา ผ่านกรีนแลนด์ มายังไอซ์แลนด์ และจะผ่านยุโรป และตะวันออกกลาง ก่อนที่จะมาลงจอดที่มัลดีฟส์ อัตราค่าโดยสารไป-กลับ ระหว่างท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงมาเล่ กับ โซเนวา ฟูชิ และโซเนวา จานี่ อยู่ที่ 1,100 เหรียญสหรัฐ

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events