<h2 class="p1">หลังปรับโครงสร้างธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเครือ “เจ้าสัวเจริญ” ล่าสุด บมจ.ยูนิเวนเจอร์ ประกาศแผนปี 2563 ด้วยเป้าหมายรายได้หลัก 6,000 ล้านบาท พร้อมปรับพอร์ตลงทุนรุกพลังงานและโลจิสติกส์</h2>
 บมจ.ยูนิเวนเจอร์ เป็นอีกบริษัทอสังหาฯ ที่ถือหุ้นใหญ่โดยครอบครัว “สิริวัฒนภักดี” ที่ผ่านมาพัฒนาโครงการหลายรูปแบบ ทั้งอาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัย ล่าสุด หลังจากมีการปรับโครงสร้างธุรกิจอสังหาฯ ของครอบครัวสิริวัฒนภักดี เป้าหมายและแผนงานของยูนิเวนเจอร์ก็มีความชัดเจนขึ้น โดย วรวรรต ศรีสอ้าน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2563 บริษัทตั้งเป้ารายได้หลักอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท (ไม่รวมธุรกิจใหม่ที่กำลังศึกษาอยู่) โดยวางแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 7 โครงการ จากบริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด หรือ GRAND UNITY มูลค่าโครงการกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท และแผนการพัฒนาโรงแรมโมเดน่า บายเฟรเซอร์ บุรีรัมย์ (Modena by Fraser Buriram) ในเฟสที่ 2 โดยบริษัท แอล อาร์ เค ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด บนพื้นที่กว่า 2.8 ไร่ มูลค่าโครงการ 140 ล้านบาท เพื่อขยายการรองรับการจัดเลี้ยงได้เพิ่มถึง 800-1,000 คน หลังมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นที่น่าพอใจ
 “ขณะนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมนำเงินจากการขายหุ้น GOLD ประมาณ 5,300 ล้านบาท (หลังการจ่ายเงินปันผล 1,912 ล้านบาท) มาลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น แผนพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานย่านทองหล่อ ซึ่งถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพบนถนนสุขุมวิทตอนกลาง ที่มีทั้งถนนและรถไฟฟ้าเชื่อมต่อศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ” วรวรรตกล่าวและว่า นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการศึกษาธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต และการสร้างผลตอบแทนทางธุรกิจ


<figure><img class="size-full wp-image-27219" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/ยูนิเวนเจอร์01.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> โรงแรมโมเดน่า บายเฟรเซอร์ บุรีรัมย์</figcaption></figure>
โดยพิจารณาจากกลุ่มธุรกิจดาวรุ่งของปี 2563 ประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค กลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างยั่งยืน เป็นการปรับพอร์ตการลงทุนของบริษัทฯ เพื่อให้โครงสร้างสัดส่วนรายได้ของบริษัทฯให้สมดุล โดยรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คิดเป็นสัดส่วน 50% และรายได้จากธุรกิจอื่นๆ คิดเป็นสัดส่วน 50% ภายในระยะเวลา 5 ปี ตามแผนกลยุทธ์ด้าน Diversification และ Opportunistic Investment
 วรวรรต กล่าวว่า บริษัทยังมุ่งเน้นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งตลอดทั้งภาพรวม เพื่อการพัฒนาองค์กรและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินการตามกลยุทธ์องค์กร ทั้ง 5 ส่วน ให้เห็นชัดเจนเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น การ “Optimization” ความหลากหลายที่มี เพื่อสร้างประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น “Diversification” ปรับเปลี่ยน ต่อยอดไปสู่การลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ นอกเหนือจากอสังหาริมทรัพย์เพื่อผลตอบแทนที่เหมาะสม
 “เราเน้นการมองทั้ง Supply Chain เพื่อต่อยอดและสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรและการดำเนินธุรกิจ พร้อมทั้งวิเคราะห์และมองหาโอกาสที่ใช่ตลอดทั้งระยะทางบนพื้นฐานที่สำคัญของการเลือกธุรกิจที่จะลงทุน และระยะเวลาการลงทุนที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับ Synergy ต่อยอดธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเดิม”  วรวรรตกล่าว พร้อมระบุว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ “Opportunistic Investment” การขับเคลื่อนโอกาสและพร้อมที่จะรองรับโอกาสใหม่ๆ ที่เห็นเป็นรูปธรรม อาทิ การเข้าลงทุนใน บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI ซึ่งมีภาพรวมผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องในเชิงของการรับรู้รายได้ เติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ต่อปี พร้อมกับการพิจารณาการลงทุนในธุรกิจใหม่ในกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพ ซึ่งจะเป็นการปรับพอร์ตการลงทุนให้สมดุล โดยมีสัดส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจอื่น ๆ ตามเป้าหมาย ภายใน 5 ปี 
 สำหรับผลประกอบการยูนิเวนเจอร์ในไตรมาส 1/2563 (1 ตุลาคม 2562 - 31 ธันวาคม 2562) บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,133 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 670 ล้านบาท คิดเป็น 59% ของรายได้รวม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าและโรงแรม 57 ล้านบาท คิดเป็น 5% ของรายได้รวม ธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ 406 ล้านบาท คิดเป็น 36% ของรายได้รวม และมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัท 35.3 ล้านบาท
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/property/%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%b4%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%9b%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b9%82%e0%b8%a1%e0%b8%af-%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%b2.html">ออริจิ้นปั้นพรีโมฯ เข้าตลาด คว้าโอกาส EEC</a></li>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/property/%e0%b9%81%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8%9c%e0%b8%b4%e0%b8%99-%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%82%e0%b8%b5-%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b8%ad%e0%b8%b5%e0%b9%82%e0%b8%ad%e0%b9%82%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%89.html">“แสนผิน สุขี” ซีอีโอโกลเด้นแลนด์เรสซิเดนซ์ กับภารกิจท้าทายเป้าขาย 3.3 หมื่นล้าน</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

"ยูนิเวนเจอร์" ขยับแผนปี’63 รุกพลังงาน-โลจิสติกส์

น้ำเพ็ชร สิรมานนท์ (ที่ 1 จากซ้าย) ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ บริษัท คอนเน็กซ์ชั่น จำกัด หนึ่งในกลุ่มบริษัทยูนิเวนเจอร์ จัดงาน Exclusive tea party เพื่อแนะนำโครงการ คอนโดมิเนียม “เดอะ สารสิน ไพรเวท เรสซิเด้นซ์” (THE SARASIN PRIVATE RESIDENCE) โดยมี สุคนธา ชัยสถาวรวงศ์ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการเหตุการณ์ธุรกิจ ธนาคารกสิกรไทย และ ดร.จารุพล เรืองสุวรรณ (ที่ 5 จากซ้าย) เข้าร่วมงานเมื่อเร็วๆนี้ ณ คอนโดมีเนียม เดอะ สารสิน ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพฯ

เดอะ สารสิน ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ จัดงาน Exclusive Tea Party

<h2>ยูนิเวนเจอร์ประกาศรายได้ปี 2559 โต 29% แผนปี 2560 บุกตลาดคอนโดมิเนียมเปิด 4 โครงการ 5,800 ล้านบาทเกาะแนวรถไฟฟ้าสีน้ำเงิน-สีเขียว เร่งระบายสต๊อกห้องชุด 5,500 ล้านบาท เล็งหาที่ดินกลางเมืองพัฒนาคอนโดฯหรู-สำนักงานให้เช่า</h2>
วรวรรต ศรีสอ้าน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ยูนิเวนเจอร์ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2559 บริษัทมีรายได้รวม 17,315 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 29% โดยสัดส่วนรายได้มาจาก 4 กลุ่มธุรกิจคือ 1.กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 82% ได้แก่ จากบมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ โกลเด้นแลนด์ มูลค่า 9,825 ล้านบาท และจากบริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด 4,411 ล้านบาท

2.กลุ่มธุรกิจอสังหาฯเพื่อเช่า 1,395 ล้านบาท คิดเป็น 8% 3.กลุ่มธุรกิจสังกะสีออกไซด์ 1,292 ล้านบาท คิดเป็น 7% และ 4.กลุ่มธุรกิจอื่นๆ 391 ล้านบาท คิดเป็น 3%

สำหรับปี 2560 บริษัทวางเป้าหมายรายได้เติบโต 10-15% จากปีก่อน โดยกลุ่มอสังหาฯเพื่อขาย โกลเด้นแลนด์วางแผนเปิดตัวโครงการ 21 โครงการ มูลค่า 2.1 หมื่นล้านบาท และแกรนด์ ยูนิตี้ฯ จะเปิดตัว 4 โครงการ มูลค่า 5.8 พันล้านบาท หลังจากปีก่อนไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่

วรวรรตกล่าวว่า คอนโดฯที่จะเปิดตัวใหม่ปีนี้ ได้แก่ 1.คอนโด ยู เกษตร-นวมินทร์ มูลค่า 900 ล้านบาท 2.คอนโดฯ บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินบางซื่อ-ท่าพระ ที่ดินขนาด 4 ไร่ สูง 30 ชั้น จำนวน 570 ยูนิต มูลค่า 1,750 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท/ตร.ม.

3.คอนโดฯ บนถนนพหลโยธิน ติดสถานีรถไฟฟ้าบางบัว (สายสีเขียวส่วนต่อขยาย หมอชิต-คูคต) ที่ดินขนาด 3 ไร่ครึ่ง สูง 15-17 ชั้น จำนวน 390 ยูนิต มูลค่า 1,300 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท/ตร.ม. ส่วนโครงการที่ 4 อยู่ระหว่างจัดหาที่ดิน

“บริษัทกลับมาสู่ตลาด โดยปีนี้จะทำโครงการขนาดใหญ่ขึ้นแต่ตั้งอยู่ในจุดที่มั่นใจขึ้น เพราะอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า 2 สาย สายสีน้ำเงินต่อขยายคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก และสายสีเขียวก็ถือเป็นเส้นรถไฟฟ้าหลักสู่กรุงเทพฯโซนเหนือ” วรวรรตกล่าว

โดยส่วนของแกรนด์ ยูนิตี้ฯ บริษัทวางเป้าหมายพรีเซลที่ 4,500 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการเปิดใหม่ 2,500 ล้านบาท และจากโครงการพร้อมอยู่ 2,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้บริษัทมีโครงการพร้อมอยู่ 7 โครงการ รวมมูลค่าเหลือขาย 5,500 ล้านบาท ที่จะเร่งระบายสต๊อกในปีนี้

นอกจากนี้ วรวรรตยังเปิดเผยถึงกลยุทธ์การทำตลาดคอนโดฯเพิ่มเติมว่า บริษัทต้องการขยายฐานตลาดให้กว้างขึ้น โดยพัฒนาคอนโดฯระดับกลาง-ล่างราคาต่ำกว่า 6 หมื่นบาท/ตร.ม. หรือคอนโดฯระดับบน

“ขณะนี้เรามีแบรนด์ คอนโด ยู ราคาประมาณ 6 หมื่นบาท/ตร.ม. มี ยู ดีไลท์ เกาะกลุ่มราคาเกือบๆ 1 แสนบาท/ตร.ม. และ ยู ดีไลท์ เรสซิเดนซ์ เป็นกลุ่ม 1 แสนบาท/ตร.ม. บริษัทต้องการจะเสนอสินค้าที่หลากหลายให้กับลูกค้าเพื่อขยายฐานตลาด ส่วนจะทำระดับบนแค่ไหนขึ้นอยู่กับโอกาสการหาซื้อที่ดิน ถ้าเป็นทำเลที่ดีก็อาจจะพัฒนาระดับราคา 2 แสนบาท/ตร.ม.ก็ได้” วรวรรตกล่าว “รวมถึงโครงการขนาดใหญ่ อย่างตึกออฟฟิศเกรดเอแห่งใหม่ก็สนใจพัฒนา แต่การหาที่ดินกลางเมืองขนาด 5 ไร่ขึ้นไปค่อนข้างหายากแล้ว”

ยูนิเวนเจอร์ฮึดสู้ตลาดห้องชุด-ขยับพัฒนาคอนโดฯไฮเอนด์

บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ จัดงาน “The New Era of Golden Opportunity” เฉลิมฉลองความสำเร็จ หลังการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนในการซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใต้ตัวย่อหลักทรัพย์ “GVREIT”

“บริษัทฯ มีความภาคภูมิใจหลังจากเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหน่วยทรัสต์เพื่อลงทุนในสิทธิการเช่าอาคาร ‘ปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์’ (ไม่รวมโรงแรม ดิโอกุระฯ) และสิทธิการเช่าช่วงที่ดินและอาคาร ‘สาทรสแควร์’  ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ผลการเปิดขายหน่วยทรัสต์ผ่านตลาดหลักทรัพย์ในวันแรกที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นเป็นอย่างมากจนสามารถทำให้ราคาสามารถปิดการขายเป็นบวกได้สำเร็จ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อทรัพย์สินทั้ง 2 แห่งที่ Golden Ventures REIT เข้าลงทุนว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าแก่นักลงทุน” ปณต สิริวัฒนภักดี กรรมการบริหารบริษัท ยูนิเวนเจอร์รีทแมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเปิดงานเฉลิมฉลองความสำเร็จ

<img class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/ART-01.png" alt="" />
ท่ามกลางงานที่คับคั่งไปด้วยนักธุรกิจ นักลงทุน รวมทั้งผู้มีชื่อเสียงจากหลากหลายวงการที่เข้าร่วมงาน อรชุมา ดุรงค์เดช นักธุรกิจสาวมากความสามารถได้บอกเล่าถึงสไตล์การลงทุนในแบบของเธอว่า “สำหรับตัวเองจะแบ่งสัดส่วนในการลงทุนเป็น 2 ส่วน ได้แก่ แบบหวือหวาที่ลงทุนในหุ้น ซึ่งมีความผันผวนค่อนข้างสูง และแบบมั่นคงที่นิยมลงทุนในบอนด์ซึ่งสร้างผลตอบแทนไม่หวือหวาแต่สม่ำเสมอ ซึ่งการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ก็เป็นประเภทของการลงทุนที่มีความน่าสนใจมาโดยตลอด ขึ้นอยู่กับประเภทของอสังหาฯ อย่างกอง REIT ก็เป็นการลงทุนที่น่าสนใจ เพราะเป็นการลงทุนที่สร้างรายรับอย่างต่อเนื่อง และมีที่มาของรายได้ที่ชัดเจนจึงดึงดูดทั้งด้านความน่าสนใจของอสังหาริมทรัพย์ และผลตอบแทนที่จะได้รับ”

<img class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/ART-02.png" alt="" />
ด้าน ประณัย พรประภา นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ยาวไกล เผยสิ่งสำคัญในการลงทุนว่า “สมัยก่อนความที่อายุยังน้อยเวลาเริ่มลงทุนแรกๆ ก็จะค่อนข้างมีความมั่นใจสูงนิดหนึ่งในการลงทุน  แต่พออายุเพิ่มมากขึ้น ก็จะเปลี่ยนสไตล์การลงทุน เพราะมีประสบการณ์ และดูเรื่องเศรษฐกิจควบคู่กันไป โดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจมีความเปลี่ยนแปลงและไม่แน่นอน ก็ต้องกระจายความเสี่ยงโดยเลือกลงทุนในหลายๆ แบบ อย่างผมในช่วงแรกๆ จะลงทุนในหุ้นเป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นเด็กใจร้อน ก็อยากเห็นผลลัพธ์เร็วๆ แต่ทุกวันนี้มีประสบการณ์ในตลาดมากขึ้น ก็จะลงทุนในตราสารหนี้ และกอง REIT ก็เป็นการลงทุนที่ใหม่ในเมืองไทย แต่ก็น่าสนใจทีเดียว

“ผมมองว่าการลงทุนอยู่คู่กับคนมาทุกยุคทุกสมัยเพียงแต่สมัยก่อนการลงทุนอาจเป็นในรูปแบบของการซื้อที่ดินเก็บสะสมไว้ ซึ่งผมว่าการลงทุนในปัจจุบันเข้าถึงได้ง่ายขึ้น รวมทั้งการเรียนรู้ในการลงทุนก็มีให้ศึกษาได้ง่ายขึ้น ทำให้ดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้มาสนใจมากขึ้น สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่หลายคน เวลาลงทุนจะชอบฟังเพื่อน ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องศึกษาด้วยตัวเองก่อนลงทุน รวมทั้งต้องติดตามข่าวสารเศรษฐกิจทั้งในเมืองไทย และต่างประเทศ รวมทั้งศึกษาหาข้อมูลของธุรกิจแต่ละเซ็กเตอร์ที่เราสนใจลงทุน” 

ทั้งนี้ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์ Golden Ventures Leasehold Real Estate Investment Trust (GVREIT) ร่วมลงทุนในสิทธิการเช่าอาคารสำนักงานให้เช่าเกรดเอที่โดดเด่นทั้งด้านสถาปัตยกรรม และด้านการประหยัดพลังงาน พร้อมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทำเลศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพมหานครโดยกองทรัสต์จะเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าอาคารสำนักงานเกรดเอ ย่านศูนย์กลางธุรกิจ ติดสถานีรถไฟฟ้า BTS ได้แก่ อาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ (ไม่รวมส่วนโรงแรม) และอาคารสารทรสแควร์

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events