<h2>แอสตัน มาร์ติน แบงคอก ผู้จำหน่ายยนตรกรรมสปอร์ตจากประเทศอังกฤษ ‘แอสตัน มาร์ติน’ อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดตัวรถยนต์รุ่น ‘แวนเทจ ใหม่’ (New Vantage) ที่เป็นเสมือนตัวแทนของสมรรถนะขั้นสูงสุดของสายพันธุ์ แวนเทจ ที่ถือกำเนิดมากว่า 76 ปี ด้วยโครงสร้างและระบบขับเคลื่อนถูกปรับแต่ง เพื่อสร้างความเร้าใจสูงสุดให้ผู้ขับ ห้องโดยสารออกแบบใหม่ทั้งหมด พร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ล้ำสมัย ที่มาพร้อมความหรูหรา และคุณภาพเหนือระดับ ราคาเริ่มต้น 21.9 ล้านบาท (รวม warranty 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ธีรไนย มาศดิตถ์ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายและการตลาด แอสตัน มาร์ติน แบงคอก กล่าวว่า “นับเป็นโอกาสดีสำหรับลูกค้าในประเทศไทย ที่จะได้สัมผัสกับ แอสตัน มาร์ติน แวนเทจ ใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ ‘Thrill.Driven.’ ซึ่งยังคงรักษาเอกลักษณ์และกลิ่นอายตามแบบฉบับดั้งเดิม ไว้ได้อย่างครบถ้วน ทำให้ แวนเทจ ใหม่ เป็นยนตรกรรมเปี่ยมสมรรถนะ ถ่ายทอดเทคโนโลยีการขับจากสนามแข่งฟอร์มูลาวัน สะท้อนตัวตนออกมาได้อย่างชัดเจนและทรงพลังที่สุด”​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/mEeFs11ioneW1nCAheCZ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-file-name="mEeFs11ioneW1nCAheCZ.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px;" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แอสตัน มาร์ติน เป็นรถยนต์สัญชาติอังกฤษ กำเนิดช่วงปี 1913 ก่อตั้งโดย ไลโอเนล มาร์ติน กับ โรเบิร์ต แบมฟอร์ต ซึ่งทั้งคู่สร้างรถแข่งร่วมกัน เพื่อไปแข่งรายการ แอสตัน คลินตัน ฮิลล์ไคล์ม (Aston Clinton Hillclimb) และคว้าแชมป์ได้สำเร็จ&nbsp;สำหรับปีนี้ นับว่าเป็นการครบรอบ 112 ปีของแอสตัน มาร์ติน​​รูปลักษณ์บึกบึน น่าเกรงขาม ทุกองศา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แอสตัน มาร์ติน แวนเทจ ใหม่ มิติตัวถัง ยาว 4,495 กว้าง 2,124 และสูง 1,275 มิลลิเมตร ตัวถังกว้างขึ้น 30 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,705 มิลลิเมตร น้ำหนักรถเปล่า 1,605 กิโลกรัม โครงสร้างตัวถังอะลูมิเนียม ปรับแต่งให้ทนต่อแรงบิดได้สูงขึ้น ส่งผลดีต่อความแม่นยำในการควบคุม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กระจังหน้ากว้างกว่าเดิม 38% เพิ่มประสิทธิภาพการนำอากาศมาระบายความร้อนได้ดีขึ้น 29% ไฟหน้า Matrix LED ดีไซน์ใหม่ พร้อมเดย์ไทมรันนิ่งไลท์ในตัว สะท้อนเอกลักษณ์ของ แอสตัน มาร์ติน ยุคใหม่ ปิดท้ายด้วยล้อฟอร์จขนาด 21 นิ้ว ความกว้างหน้า 9.5J และหลัง 11.5J จับคู่กับยางมิชลิน (Michelin) Pilot S 5 หน้า 275/35/ZR21 หลัง 325/30ZR21 ปั๊มรหัส ‘AML’ บ่งบอกว่าผลิตมาเพื่อใช้กับ แวนเทจ ใหม่ โดยเฉพาะ​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/CpSSDdeW1EoEQeL4G4zd.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-file-name="CpSSDdeW1EoEQeL4G4zd.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px;" data-index="1"></figure></div>​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/DxAU1ktTMNCrHT5qt26P.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="DxAU1ktTMNCrHT5qt26P.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="2"></figure></div> หรูหรา ฉลาดล้ำ ผสานอารมณ์แห่งความสปอร์ต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ห้องโดยสารได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ผสมผสานความหรูหรากับเทคโนโลยีล้ำสมัย ตกแต่งด้วย หนังแท้ Bridge of Weir ที่ให้สัมผัสหรูหราและกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมระบบเสียงมาตรฐาน Aston Martin 390W 11 ลำโพง พวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้า แปรผันอัตโนมัติ (Variable Electrical Power Assistance) ทัชสกรีนอเนกประสงค์ Pure Black ขนาด 10.25 นิ้ว ผสานปุ่มกดบริเวณใกล้เคียง สามารถใช้งานได้สะดวกและรวดเร็ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ระบบอินโฟเทนเมนท์แบบใหม่ รองรับทั้ง iOS และ Android มาพร้อม 5 โหมดการขับ-Wet, Sport, Sport Plus, Track และ Individual ที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับผสมผสานการตั้งค่าของระบบต่างๆ ได้ตามต้องการ​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/52YtYLvMGB7nWSs3KaDu.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="52YtYLvMGB7nWSs3KaDu.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="3"></figure></div> รีดกำลัง ทวีความแรง สู่มิติใหม่แห่งความเร้าใจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แอสตัน มาร์ติน แวนเทจ ใหม่ ใช้เครื่องยนต์เบนซิน วี8 สูบ ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร ที่ผ่านการปรับแต่งใหม่ โดยการเพิ่มขนาดเทอร์โบ, ปรับแต่งแคมชาฟท์ (Dual Variable Camshaft Timing), ปรับอัตราส่วนการอัด 8.6:1 พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน ห้องเผาไหม้ผ่านการกลึง CNC เต็มรูปแบบ (Fully CNC machined combustion Chamber) ทำได้ 665 แรงม้า (PS) แรงบิด 800 นิวตันเมตร มีกำลังสูงขึ้น 30% หรือ 155 แรงม้า (PS) และแรงบิดเพิ่มขึ้น 15% หรือ 115 นิวตันเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ส่งกำลังสู่ล้อคู่หลัง ผ่านเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 จังหวะ ที่ติดตั้งติดตั้งอยู่ด้านหลัง (rear mounted) พร้อมเพลาขับคาร์บอนไฟเบอร์ (Carbon Fibre Prop Shaft) และเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Rear Limited Slip Differential) อัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 3.4 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุด 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง​<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/17bfKT1ASmFEQ7aMh9Fn.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="17bfKT1ASmFEQ7aMh9Fn.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="4"></figure></div>​แฮนด์ลิงคมกริบ พิชิตทุกความท้าทาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โครงสร้างตัวถังอะลูมิเนียม (Bonded Aluminium) ได้รับการพัฒนาเพิ่มความแข็งแกร่ง ทนต่อการบิดตัวได้สูงขึ้น มาพร้อมความสมดุลในการกระจายน้ำหนัก 50:50 ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ ดับเบิลวิชโบน คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ช่วงล่างหน้าหลังแบบ มัลติ-ลิงค์ คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบกันสะเทือนแบบอะแด๊ปทีฟ (ADS-Adaptive Damping System)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Skyhook และ Intelligent Adaptive Dampers คานขวางช่วงล่างด้านหน้า (cross-member) ออกแบบใหม่ และย้ายตำแหน่งติดตั้งไปข้างหลังมากขึ้นเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับจุดยึดช่วงล่างหน้าแบบดับเบิลวิชโบน ค้ำตัวถังในห้องเครื่องด้านหน้า น้ำหนักเบาลง แต่แข็งแกร่งขึ้น ช่วยลดการบิดของตัวถัง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ช่วงล่างหลังเพิ่มความแข็งแกร่ง 29% ผสานโช้กอัพแบบอะแด๊ปทีฟของ Bilstein DTX ที่มีช่วงการทำงานที่กว้างขึ้นถึง 500% เทียบกับรุ่นก่อนหน้า ส่งผลให้มีแฮนด์ลิงคมกริบ และขับสนุกยิ่งขึ้น จานเบรกโลหะเจาะรูระบายความร้อน หน้า 400 x 36 มิลลิเมตร หลัง 360 x 36 มิลลิเมตร จับคู่คาลิเปอร์เบรกหน้า 4 พ็อต และหลัง 6 พ็อต โดยมีชุดจานเบรกเซรามิกให้เลือกติดตั้งเป็นออปชั่น ภาพ:&nbsp;แอสตัน มาร์ติน แบงคอก เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/travel/minor-hotels-open-2nd-nh-hotel-in-bangkok" alt="Minor Hotels เปิดโรงแรมเอ็นเอชแห่งที่สองในกรุงเทพฯ ทำเล ‘อโศก’ ตอบโจทย์นักธุรกิจ-นักท่องเที่ยว">Minor Hotels เปิดโรงแรมเอ็นเอชแห่งที่สองในกรุงเทพฯ ทำเล ‘อโศก’ ตอบโจทย์นักธุรกิจ-นักท่องเที่ยว</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘แอสตัน มาร์ติน แบงคอก’ เปิดตัวรถยนต์สปอร์ต รุ่น New Vantage ราคาเริ่มต้น 21.9 ล้านบาท

<h2>ค่ายตรีศูล ‘มาเซราติ’ เปิดตัว “กรันทูริสโม โฟลกอเร” (GranTurismo Folgore) รถสปอร์ต ลักชัวรี ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ครั้งแรกในประเทศไทย และเป็นประเทศที่สองในเอเชีย ด้วยราคา 12.9 ล้านบาท รับตลาดรถหรูฟื้นตัว ชูนวัตกรรมใหม่ผสานตำนาน 75 ปี สไตล์แบรนด์อิตาเลียน ขยายฐานคนรุ่นใหม่มุ่งพลังงานสะอาด คาดปีนี้ปิดยอดขาย 70 - 80 คัน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้จัดการทั่วไป มาเซราติ ประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มตลาดรถหรูกลับมาฟื้นตัวตั้งแต่ปี 2566 ที่ผ่านมา และคาดว่าปีนี้จะกลับมาเป็นปีที่ดีที่สุด หลังจากในช่วงโควิดการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ และการส่งมอบรถยนต์ชะลอตัว โดยมาเซราติ ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถยนต์ ‘มาเซราติ กรันทูริสโม’ โฉมใหม่ ที่มีให้เลือกทั้งแบบเครื่องยนต์สันดาป และขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% เพื่อขยายฐานคนรุ่นใหม่ที่มีแนวโน้มเลือกใช้รถยนต์พลังงานสะอาดมากขึ้น​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/5F78VRmUR1XgNzpU5Nxz.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="5F78VRmUR1XgNzpU5Nxz.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"><figcaption><div>ปิยะเทพ ศิวากาศ</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะเดียวกันยังได้สมรรถนะในการขับขี่แบบรถสปอร์ต โดยรุ่น “กรันทูริสโม โฟลกอเร” (GranTurismo Folgore) ถือเป็นการเปิดตัวรถยนต์สปอร์ตพลังงานไฟฟ้าครั้งแรกในประเทศไทย และเป็นการเปิดตัวของมาเซราติประเทศที่สองในเอเชีย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“คนรุ่นใหม่มีแนวโน้มเลือกใช้รถยนต์พลังงานสะอาดมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาจากการสำรวจพฤติกรรมลูกค้าส่วนใหญ่จะมีรถยนต์ไฟฟ้าอยู่แล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่จะได้สัมผัสกับรถยนต์สปอร์ตที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ให้สมรรถนะในการขับขี่ที่ผสานระหว่างนวัตกรรมและตำนานกว่า 75 ปี ของรถกรันทูริสโมจากอิตาลี ที่ตั้งใจพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า โดยใช้ประสบการณ์จากสนามแข่ง ฟอร์มูล่า อี มาเซราติกรันทูริสโม ถือเป็นจุดรวมของอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของมาเซราติ” ปิยะเทพกล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับการเปิดตัวรถยนต์มาเซราติกรันทูริสโม จากค่ายตรีศูลในครั้งนี้ มี 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ โมเดนา (Modena) ความแรง 490 แรงม้า (HP) แรงบิด 600 นิวตันเมตร ราคาเริ่มต้น 14.5 ล้านบาท และ โทรเฟโอ (Trofeo) ที่อัพเกรดเพิ่มกำลังเป็น 550 แรงม้า (HP) แรงบิด 650 นิวตันเมตร ราคาเริ่มต้น 16.9 ล้านบาท​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/Dopt9CcX52FSbQwB6kz9.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-file-name="Dopt9CcX52FSbQwB6kz9.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px;" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วน กรันทูริสโม โฟลกอเร (GranTurismo Folgore) ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ส่งกำลังผ่านมอเตอร์ 402 แรงม้า (HP) จำนวน 3 ตัว (หน้า 1 หลัง 2) วางเป็นรูปตัว “T” เพื่อให้ได้อารมณ์ในการขับขี่ พร้อมเสียงสังเคราะห์แบบรถสปอร์ต ผสานเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ ความจุ 92.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง เทคโนโลยีของรถแข่งฟอร์มูลา อี (Formula E) 761 แรงม้า (HP) แรงบิด 1,350 นิวตันเมตร ราคาเริ่มต้น 12.9 ล้านบาท​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/SVh3Fwhq5dJEEmZHhEQi.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="SVh3Fwhq5dJEEmZHhEQi.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภายในห้องโดยสารของมาเซราติ กรันทูริสโม ติดตั้งนวัตกรรมล้ำสมัย ด้วยระบบมัลติมีเดีย Maserati Intelligent Assistant (MIA) อินโฟเทนเมนท์ใหม่ล่าสุด หน้าจอ comfort display ที่รวมฟังก์ชั่นหลักของทัชสกรีนอเนกประสงค์ นาฬิกาดิจิทัลอัจฉริยะ (Dijital Smart Clock) และเฮด-อัพ ดิสเพลย์ (เป็นออปชั่น) และมอบประสบการณ์พิเศษแบบ ‘all-round sound experience’ การันตีด้วยสุ้มเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ มาเซราติ รวมทั้งเวอร์ชั่นรถไฟฟ้า เกิดจากฝีมือการพัฒนาของวิศวกรจาก Maserati Innovation Lab ผ่านระบบเครื่องเสียง Maserati Sound Audio System&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับรถยนต์สปอร์ต มาเซราติ กรันทูริสโม โฟลกอเร มีระยะทางวิ่งกว่า 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งด้วยโครงสร้างพื้นฐานของสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยที่มีความพร้อม เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เมเซราติเลือกเปิดตัวรถยนต์รุ่นนี้ในประเทศไทย เป็นประเทศที่สองในเอเชีย รองจากสิงคโปร์​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/BY3Tw4joCda3cLA7b3PM.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="BY3Tw4joCda3cLA7b3PM.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="3"></figure></div> ตลาดรถหรู 2,000 คันฟื้นตัว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปิยะเทพ กล่าวว่า ตลาดรถหรูในประเทศไทยมียอดจำหน่ายประมาณ 2,000 คันต่อปี ปีนี้คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัว โดยมาเซราติคาดว่าจะมียอดขายประมาณ 70 - 80 คัน โดยจะมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในงานมอเตอร์โชว์ปีนี้ ขณะที่แนวโน้มความต้องการรถยนต์ไฟฟ้ามีเพิ่มขึ้น คาดว่าจะมีสัดส่วน 20 - 30% จากตลาดรวม โดยมาเซราติ รถยนต์หรูภายใต้กลุ่มสเตลแลนทิส ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำจากประเทศอิตาลี ยังมีแบรนด์อื่นๆ เข่น อัลฟ่า โรมิโอ, เฟียต และเปอร์โยต์ มีแผนเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ ที่ใช้พลังงานสะอาดคาดว่าจะมีสัดส่วนจากตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 40 - 50% ในประเทศไทย​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/mcDde3VvbAMXenEDoB1e.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="mcDde3VvbAMXenEDoB1e.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="4"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับรถยนต์รุ่นกรันทูริสโม มาเซราติ ประเทศไทย ได้โควตานำเข้ามาจำหน่ายประมาณ 12 คัน ซึ่งขณะนี้มียอดจองเข้ามาแล้ว ซึ่งผู้บริโภคจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่อยากทดลองใช้รถพลังงานไฟฟ้า กับกลุ่มดั้งเดิม ซึ่งเป็นฐานลูกค้า ส่วนใหญ่จะซื้อเพื่อสะสม จะให้ความสำคัญกับเครื่องยนต์และเสียงที่สะท้อนถึงความเป็นรถสปอร์ตหรูเป็นหลัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ตลาดรถหรูไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เพราะกลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อ แต่ช่วงที่ผ่านมา ตลาดได้รับผลกระทบจากการชะลอการเปิดรถยนต์รุ่นใหม่ๆ และการส่งมอบที่ล่าช้า อย่างแบรนด์มาเซราติ ค่ายตรีศูล เน้นการผลิตรถยนต์จำนวนไม่มากในแต่ละปี โดยวางโพสิชั่นเหมือนสินค้าแบรนด์เนมที่มีไม่มากนัก ส่วนใหญ่กลุ่มเป้าหมายจะซื้อเพื่อสะสม และให้ความสำคัญกับเครื่องยนต์เป็นหลัก” ปิยะเทพกล่าว ​​​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/motoring/lamborghini-supercar-sold-out-2026" alt="เศรษฐกิจชะลอไม่กระทบคนรวย! Lamborghini อวดยอดซูเปอร์คาร์ ขายหมดถึงปี 2026 แล้ว">เศรษฐกิจชะลอไม่กระทบคนรวย! Lamborghini อวดยอดซูเปอร์คาร์ ขายหมดถึงปี 2026 แล้ว</a>​ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Maserati เผยโฉมใหม่ GranTurismo รถสปอร์ตอีวี คันแรกในไทย ราคา 12.9 ล้าน

<h2 class="p2">Boetje Widjojo เล่าถึงการเดินทางของเขากับ Lamborghini รุ่นที่หายากสุดๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้</h2>
ตอนเปิดตัวเมื่อกว่า 5 ทศวรรษที่ผ่านมา Lamborghini Miura เป็นยนตรกรรมที่โดดเด่นมีความเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการปฏิวัติโลกรถสปอร์ตในยุคนั้นเลยทีเดียว มันเป็นซูเปอร์คาร์รุ่นแรกที่เป็นรถ 2 ที่นั่ง และวางเครื่องตามขวางอยู่ทางด้านหลัง ซึ่งกลายมาเป็นมาตรฐานของรถประเภทสมรรถนะสูงทั่วโลก
ในเวลาต่อมา Yuswo Tirto Widjojo นักสะสมรถคลาสสิกชาวอินโดนีเซีย ซึ่งมีชื่อเล่นเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า Boetje เป็นเจ้าของรถ Lamborghini Miura S ปี 1971 ซึ่งเป็นหนึ่งในรถ Miura ที่มีอยู่แค่ 2 คันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Widjojo เป็นแฟนพันธุ์แท้แบรนด์วัวกระทิงตัวพ่อ ความหลงใหลในยานยนต์ของ Widjojo เริ่มต้นมาตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่ชั้นมัธยมต้น โดยเขาชอบรถคลาสสิกมากกว่ารถรุ่นใหม่ๆ
“รถรุ่นใหม่ทุกวันนี้ดูเหมือนๆ กันไปหมด” Widjojo บอก “สมัยก่อน รถยนต์ไม่ได้ถูกออกแบบโดยเครื่องจักร หรือเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ออกแบบโดยมนุษย์ โดยศิลปินซึ่งทำให้ผลงานที่ออกมาดีกว่ากันมาก”


<figure><img class=" wp-image-29150" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/Miura-03.jpg" alt="" width="320" height="480" /><figcaption> Boetje Widjojo</figcaption></figure>
ในจำนวนรถ Miura ที่มีอยู่แค่ 2 คันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น คันหนึ่งเป็นของนักสะสมชาวสิงคโปร์ซึ่งซื้อ Miura พวงมาลัยซ้ายและนำเข้ามาจากสหรัฐฯ ขณะที่คันของ Widjojo เป็น Miura เพียงคันเดียวที่ส่งตรงจากโรงงาน Lamborghini มาที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ประวัติของมันก็มีสีสันน่าสนใจไม่ใช่เล่น เจ้าของคนที่ 2 ขาย Miura คันนี้ไปให้กับดีลเลอร์ใน Jakarta ซึ่งต่อมาก็เสียมันไปให้กับบ่อนกาสิโน Copacabana 1 ใน 3 กาสิโนที่เปิดใน Jakarta ในทศวรรษที่ 1970 ก่อนที่อินโดนีเซียจะออกกฎหมายห้ามเล่นการพนัน
กาสิโนพยายามจะขายมันออกไป แต่ก็ไม่สำเร็จ ดังนั้น มันจึงถูกนำไปเก็บเข้ากรุในโกดังตั้งแต่ปี 1978 รถ Miura คันนี้ไม่เคยได้เห็นแสงเดือนแสงตะวันอีกเลยกระทั่ง Widjojo มาเจอมันเข้าในปี 1990 “ผมตกใจมากที่พบว่ามันคือ Miura” Widjojo บอก
เจ้าของเดิมของ Miura รู้ดีว่ามันเป็นรถที่พิเศษมากๆ และไม่อยากจะขายมัน แต่ Widjojo ก็ตื๊อไม่เลิกเหมือนกัน และในที่สุด เจ้าของก็ยอมตัดใจขายมันในปี 2008 หลังจากที่ป่วยหนักร่อแร่ ซึ่งสาเหตุที่เขายอมขายก็เพราะเป็นห่วงว่า ถ้าเขาตาย ลูกๆ อาจจะตีกันเพื่อแย่งสิทธิครอบครองรถคันนี้
แต่ถึงกระนั้น Widjojo ก็ยังต้องแข่งประมูลกับคู่แข่งอีก 2 คน และเจรจานานถึง 1 ปีกว่าจะได้มันมาเป็นสมบัติส่วนตัว Widjojo ไม่ยอมบอกว่าเขาทุ่มเงินไปเท่าไหร่เพื่อซื้อรถคันนี้ โดยบอกแต่เพียงนัยๆ ว่า “สำหรับรถเก่าคันหนึ่ง ต้องเรียกว่ามันแพงมากเลยทีเดียว”
<img class="alignnone size-full wp-image-29151" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/Miura-04.jpg" alt="" width="720" height="480" />
ตอนที่เขาได้มันมา รถอยู่ในสภาพที่แย่มากและต้องยกเครื่องใหม่หมด เพราะโกดังที่เก็บรถ Miura เคยถูกน้ำท่วม พื้นรถจมอยู่ใต้น้ำ และเครื่องยนต์ก็ถูกน้ำเค็มกร่อนจนเป็นสนิม Widjojo พยายามจะฟื้นฟูสภาพมันที่อู่ในอินโดนีเซีย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจส่งมันไปบูรณะที่ Polo Storico ซึ่งเป็นศูนย์ฟื้นฟูสภาพรถของ Lamborghini ที่อิตาลีเมื่อ 2 ปีก่อน
การบูรณะรถ Miura เป็นกระบวนการที่ละเอียดอ่อนมาก เพราะห้องโดยสารตอนกลางและการออกแบบสไตล์โดมทำให้เสารถบอบบางมาก ทำให้อาจจะงอหรือเบี้ยวได้ง่าย อย่างไรก็ตาม รถของ Widjojo บูรณะไม่ยากนักเพราะมันอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ โครงแชสซีก็ยังตรงดี ในขณะที่ตัวถังก็ไม่ถูกสนิมกินมากนัก
&nbsp;
<h2 class="p2">การฟื้นฟูสภาพอย่างสมบูรณ์แบบ</h2>
รถ Miura ของเขาถูกบูรณะจนอยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มที่จากภายในจรดภายนอก สีเขียวสดใสไร้รอยขีดข่วน ทุกตารางนิ้วดูเหมือนใหม่ราวกับเพิ่งออกห้าง รวมถึงล้อแม็ก 15 นิ้ว และยาง Pirelli Cinturato ส่วนภายในก็มีการนำหนังแท้ที่เหมือนของเดิมเปี๊ยบมาตัดแต่งใหม่ ในขณะที่ระบบไฟฟ้าและกระจกไฟฟ้าก็ถูกบูรณะจนได้ตามมาตรฐานของรุ่น Miura S
<img class="alignnone wp-image-29152" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/Miura-05.jpg" alt="" width="320" height="480" />
นอกจากนี้ Widjojo ยังบอกอีกว่าแม้แต่ระบบแอร์ก็ยังใช้ของเดิมที่ติดตั้งโดย Gruppo Bertone ซึ่งเป็นบริษัทที่ตกแต่งภายในห้องโดยสารของรถ Miura ด้วย ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่ารถ Miura ของ Widjojo อยู่ในสภาพสมบูรณ์โดยไม่มีข้อบกพร่องใดๆ มันจึงถูกส่งไปให้เขาทดลองขับบนลูกทดสอบเฉพาะ “มันขับแล้วรู้สึกเหมือนเป็นรถใหม่ป้ายแดงเลยทีเดียว” Widjojo บอก
การบูรณะรถคลาสสิกเป็นกระบวนการที่ยุ่งยาก และใช้เวลานาน แต่ Widjojo ก็มองว่ามันเป็นงานอดิเรกที่เขารักที่สุด เขาบอกว่า การบูรณะรถเก่าหลายๆ คันของเขานั้น Miura ใช้งบมากที่สุด แต่มันก็คุ้มค่าเงินทุกรูเปียที่เขาจ่ายออกไป
<img class="alignnone size-full wp-image-29149" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/Miura-02.jpg" alt="" width="720" height="480" />
“ความพึงพอใจที่ได้ให้ชีวิตใหม่กับรถเก่าคันหนึ่ง และทำให้มันอยู่ในสภาพสมบูรณ์ราวกับเพิ่งถอยออกมาจากห้าง เป็นความรู้สึกที่น่าทึ่งมาก” เขาบอก
&nbsp;
<ul>
 	<li>อ่านเพิ่มเติม <a href="https://forbesthailand.com/forbes-life/land-rover-%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%b0%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%ad%e0%b8%b5%e0%b8%81%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%87%e0%b8%82.html">Land Rover และการกลับมาอีกครั้งของการเดินทางจากยุโรปถึงเอเชีย</a></li>
</ul>
&nbsp;

เรื่อง: Yessar Rosendar  เรียบเรียง: พิษณุ พรหมจรรยา

<hr />

<a href="https://bit.ly/38hL0Vu">คลิกอ่านฉบับเต็ม “กระทิงเปลี่ยวในตำนาน” ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ มีนาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-27443" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/03/COVER-82-MARCH-.jpg" alt="สรพหล นิติกาญจนา" width="300" height="394" />

Lamborghini Miura กระทิงเปลี่ยวในตำนาน

<h2>บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ส่งสองสุดยอดรถสปอร์ตเสริมแกร่งพอร์ตโฟลิโอกลุ่มรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงระดับพรีเมี่ยม Mercedes-AMG GT R และ Mercedes-AMG GT C พร้อมเผยยอดขายรวม 10 เดือนแรกของปี 2560 โตกว่า 20 % จากปีที่ผ่านมา มียอดจำหน่าย 11,441 คัน</h2>
มร.ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในปี 2560 นี้ ถือเป็นโอกาสครบรอบ 50 ปีของแบรนด์ Mercedes-AMG แบรนด์รถสปอร์ตระดับแถวหน้าของโลกที่ยึดถือหลักการสร้างสรรค์รถยนต์ที่สามารถขับเคลื่อนทุกสมรรถนะ หรือ (Driving Performance) เป็นหัวใจหลักของแบรนด์ โดย Mercedes-AMG GT R และ Mercedes-AMG GT C เข้ามาเติมเต็มพอร์ทโฟลิโอของกลุ่มรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงระดับพรีเมี่ยมและแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการไปอีกขั้นของรถยนต์ในตระกูลนี้ที่มีมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน

<figure><img style="width: 680px; height: 489px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/7b1a0bc4fe1926e2fcca724f2c197b3d.png" alt="" width="680" height="489" /><figcaption> มร.ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด</figcaption></figure>

“ปัจจุบัน บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค ทั้งรถยนต์แบรนด์ Mercedes-Benz ทั้งรุ่นประกอบในประเทศ (LOCAL PRODUCTION) และรุ่นนำเข้า (CBU) แบรนด์ Mercedes-Maybach แบรนด์รถยนต์หรูระดับอัลตร้าลักชัวรี และ Mercedes-AMG แบรนด์รถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงระดับพรีเมี่ยมเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย รวมถึงแบรนด์เทคโนโลยีอย่าง EQ – Electric Intelligence by Mercedes-Benz ไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อสานต่อความมุ่งมั่นในการมอบ ‘สิ่งที่ดีที่สุด’ ให้กับลูกค้า ทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า” มร.ไมเคิล กล่าวปิดท้าย

<figure><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/9e44d5ec5281e37e4e3e960deee9507b.png" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> Mercedes-AMG GT C ราคาเริ่มต้นที่ 16.8 ล้านบาท</figcaption></figure>

<figure><img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/d31ae9da88bc0bdecae06fb1533b1d88.png" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> Mercedes-AMG GT R เริ่มต้น 17.4 ล้านบาท</figcaption></figure>

มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แบรนด์เอเอ็มจีนั้นมีการดำเนินกลยุทธ์เพื่อพัฒนา และวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมรรถนะสูงมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบัน Mercedes-AMG มีรุ่นรถยนต์ให้ลูกค้าเลือกสรรมากมาย ครอบคลุมรถยนต์ทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่รถยนต์คอมแพค รถยนต์สปอร์ต รถยนต์ซาลูน รถยนต์เอสเตท รถยนต์เอสยูวี รถยนต์สไตล์คูเป้ รถยนต์เปิดประทุนสไตล์คาบริโอเลต์ และรถยนต์สไตล์โรดสเตอร์ สำหรับในประเทศไทย เราได้นำเสนอรถยนต์ภายใต้แบรนด์ Mercedes-AMG แก่ลูกค้าชาวไทยทั้งหมด 12  รุ่น โดยรถที่ได้รับความนิยมสูงสุด”

สำหรับผลประกอบการประจำปี 2560 บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ยอดขายของเราเติบโตราว 19-20 % เป็นการเทียบจากยอดขายของปีที่แล้วและจากยอดขายเมื่อสิ้นสุดเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเรามียอดขายโต 19.09% จากปีที่ผ่านมาเป็นยอดจำหน่ายรวม 11,441 คัน โดยสัดส่วนราว 50% เป็นสัดส่วนในกลุ่มลักชัวรีซึ่งส่วนสำคัญที่ทำให้รถกลุ่มนี้ได้รับความนิยมเนื่องจากเทคโนโลยีปลั๊กอิน-ไฮบริด สัดส่วนที่เหลือแบ่งออกเป็นกลุ่มรถยนต์คอมแพคคาร์ราว 20% อาทิ รถยนต์ในกลุ่ม CLA และ GLA ซึ่งได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มรถยนต์ SUV อีก 20% และ 10% ในกลุ่มรถยนต์สปอร์ต อย่าง SLC และกลุ่ม Coupe”

Mercedes-AMG GT C
<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/5063196a99c4dcddde7d753d38f3396d.png" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/91157687c831cba23a65d17c34d8c61a.png" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 429px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/00c558a320d8503ac715c43859acf972.png" alt="" />

Mercedes-AMG GT R
<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/39afe83188ba1bfe1b67738eca6a3782.png" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/6250f02f66b1989cd9a37890fd44de34.png" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/f89c6c3c81d77ec51e1acda31b378dce.png" alt="" />

&nbsp;

&nbsp;

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events