<h2>เหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 นอกจากส่งผลต่อความเชื่อมั่น และภาคอสังหาริมทรัพย์ ล่าสุดเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวไทยแล้ว</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB EIC เปิดเผยว่าจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมาเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวไทย โดยตัวเลขเบื้องต้นในช่วง 2 วันแรกหลังเหตุการณ์ พบว่ามีการยกเลิกการจองห้องพักแล้วประมาณ 1,100 Booking ทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการยกเลิกห้องพักในพื้นที่กรุงเทพฯ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกทั้ง การสำรวจยอดการจองห้องพักล่วงหน้าในช่วงสงกรานต์ (11-17 เมษายน 2568) ของสมาคมโรงแรมไทย ณ วันที่ 3 เมษายน 2568 ยังพบว่ายอดการจองห้องพักล่วงหน้าลดลงราว -25%YOY ด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงอยู่ในช่วงเฝ้าระวังสถานการณ์ในไทยอย่างใกล้ชิดก่อนตัดสินใจเดินทาง อีกทั้ง รัฐบาลในหลายประเทศออกประกาศแนะนำให้พลเมืองที่จะเดินทางมาไทยในช่วงนี้ให้ติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามคำแนะนำของรัฐบาลไทยอย่างเคร่งครัด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;SCB EIC ประเมินเบื้องต้นว่าภาคท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบค่อนข้างเร็วในระยะสั้น โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้มีแนวโน้มลดลงราว 200,000 - 700,000 คนตลอดการฟื้นตัว<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/j43LcUCdod2K7viNXat6.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="j43LcUCdod2K7viNXat6.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,480"></figure></div>&nbsp; &nbsp;&nbsp;กรณีที่ 1 Better case : นักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนเมษายนลดลงราว -9%MOM และใช้เวลาฟื้นตัวราว 2 เดือน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2568 ลดลงจากประมาณการเดิมราว 195,000 คนตลอดระยะเวลาฟื้นตัว สูญเสียรายได้จากค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติไปราว 9,530 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กรณีที่ 2 Base case : นักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนเมษายนลดลงราว -12%MOM และใช้เวลาฟื้นตัวราว 3 เดือน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2568 ลดลงจากประมาณการเดิมราว 420,000 คนตลอดระยะเวลาฟื้นตัว สูญเสียรายได้จากค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติไปราว 20,600 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กรณีที่ 3 Worse case : นักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนเมษายนลดลงราว -15%MOM และใช้เวลาฟื้นตัวราว 4 เดือน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2568 ลดลงจากประมาณการเดิมราว 680,000 คนตลอดระยะเวลาฟื้นตัว สูญเสียรายได้จากค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติไปราว 33,000 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วขึ้น หากภาครัฐเร่งออกมาตรการเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับคืนมาได้เร็ว โดยประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้เดิมที่ 38.2 ล้านคนจะถูกปรับหลังสถานการณ์ท่องเที่ยวมีความชัดเจนมากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ การเร่งสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศให้ทันต่อสถานการณ์จะช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ภาครัฐควรเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ว่าจะเป็นการเร่งตรวจสอบความปลอดภัยของโรงแรมและแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นอาคารสูง พร้อมกับประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติในการเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น รวมถึงการเร่งพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินเพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้รับข่าวสารและเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ การออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศให้ทันต่อสถานการณ์อย่างโครงการเราเที่ยวด้วยกัน จะช่วยลดผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวจากการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อีกทั้ง ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศได้อีกทางหนึ่ง ภาพ: SCB EIC,&nbsp;<a href="https://unsplash.com/@yoavaziz?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash" style="font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px;">Yoav Aziz</a> on <a href="https://unsplash.com/photos/a-group-of-people-laying-on-top-of-a-sandy-beach-CxYLoQVrfFI?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash" style="font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px;">Unsplash</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/other/global/what-will-cost-more-after-trump-s-tariffs-april-2024" alt="คนอเมริกันจะซื้อ iPhone แพงขึ้น 40% รวมลิสต์สินค้าราคาเตรียมพุ่ง หลัง Trump ขึ้นภาษี ‘ข้าวไทย’ ก็อาจโดนด้วย">คนอเมริกันจะซื้อ iPhone แพงขึ้น 40% รวมลิสต์สินค้าราคาเตรียมพุ่ง หลัง Trump ขึ้นภาษี ‘ข้าวไทย’ ก็อาจโดนด้วย</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

SCB EIC ชี้แผ่นดินไหวฉุดนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง 2-7 แสนคน จากทั้งปี 68 คาดการณ์เดิม 38.2 ล้านคน

<h2>เมื่อวานนี้ (28 มีนาคม 2568) เวลา 13.20 น. สถานการณ์ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้นและส่งผลกระทบมาถึงหลายจังหวัดในไทย จากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศเมียนมา ขนาด 8.2 ความลึก 10 กิโลเมตร</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานคร เกิดการสั่นไหว เกิดทั้งสถานการณ์ตึกที่กำลังสร้างถล่มลงมา คอนโดฯ และตึกสูงเกิน 10 ชั้นโยกคลอนอย่างน่าหวั่นใจ ทำให้เกิดภาพทั้งน้ำจากสระว่ายน้ำในคอนโดฯ บนชั้นสูงไหลลงมาสู่พื้นถนน และยังเกิดความเสียหายอื่นๆ (รอยร้าว, ท่อน้ำแตก ฯลฯ) ในตัวตึกอีกมากมาย จนกรุงเทพฯ ได้ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ฉุกเฉิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สมาคมประกันวินาศภัยไทย (TGIA)&nbsp;ได้ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด และขอส่งความห่วงใยให้ผู้เอาประกันภัยรวมถึงประชาชนทั่วไป พร้อมแนะนำให้เตรียมพร้อมรับมือกับภัยแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น โดยผู้เอาประกันภัยที่อยู่ในเขตพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหวสามารถตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยว่า มีความคุ้มครองภัยจากแผ่นดินไหวหรือไม่ โดยมี 5 กรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองภัยจากแผ่นดินไหว ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์&nbsp;ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยแผ่นดินไหวเฉพาะกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1&nbsp;หรือ&nbsp;กรมธรรม์ประเภท 2+ / 3+ (เฉพาะกรมธรรม์ที่ขยายความคุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติเท่านั้น)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย&nbsp;ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยแผ่นดินไหว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. กรมธรรม์ประกันอัคคีภัย&nbsp;จะให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยแผ่นดินไหว เฉพาะกรมธรรม์ที่ซื้อความคุ้มครองภัยแผ่นดินไหวเพิ่มเติมเท่านั้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4. กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (Industrial All Risk: IAR)&nbsp;ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยแผ่นดินไหว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;5. กรมธรรม์ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญาการก่อสร้าง (Contract Work Insurance: CWI)&nbsp;ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยแผ่นดินไหว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดังนั้น ถ้ามีความคุ้มครองให้รีบแจ้งความเสียหายแก่บริษัทประกันภัยทันที เพื่อประโยชน์ในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้&nbsp;สมาคมฯ มีศูนย์ประสานงานระหว่างบริษัทประกันภัยและประชาชน เพื่อช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติต่าง ๆ ผ่านทางสื่อ Online บนเพจ Facebook สมาคมประกันวินาศภัยไทย&nbsp;เช่น เบอร์สายด่วนของทุกบริษัทประกันภัย ช่วยอำนวยความสะดวกในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน การตรวจสอบข้อมูลกรณีกรมธรรม์สูญหาย หรือรายละเอียดความคุ้มครอง ฯลฯ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ภัยธรรมชาติ อย่างแผ่นดินไหวเป็นความเสี่ยงที่เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น ดังนั้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอาจเลือกทำประกันภัย เพื่อลดภาระทางการเงิน โดยก่อนตัดสินใจซื้อควรศึกษาเงื่อนไขความคุ้มครอง และรายละเอียดของข้อยกเว้นตามกรมธรรม์ประกันภัยให้เข้าใจ เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่สอดคล้องกับความเสี่ยงภัยมากที่สุด ภาพ: <a href="https://www.freepik.com/free-ai-image/apocalyptic-destruction-war-zone-landscape_94957929.htm#fromView=search&amp;page=1&amp;position=2&amp;uuid=88c28b2a-97f1-4b62-ae59-1d040be4a7fc&amp;query=earthquake+city" alt="Freepik">Freepik</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/oic-bkk-earthquark-mar-2025" alt="คปภ. สั่งการธุรกิจประกันฯ เตรียมเข้าช่วยเหลือ-รับมือความเสียหายจากสถานการณ์แผ่นดินไหว">คปภ. สั่งการธุรกิจประกันฯ เตรียมเข้าช่วยเหลือ-รับมือความเสียหายจากสถานการณ์แผ่นดินไหว</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เมื่อเกิดแผ่นดินไหว เคลมได้! ส.ประกันวินาศภัยไทย เผย 5 ประเภทประกันฯ ที่มีความคุ้มครองกรณีแผ่นดินไหว

<h2>ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศเกาะกลางทะเลบนแนวเขตรอยเลื่อนแผ่นเปลือกโลก ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นมีการสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวทุกๆ 5 นาที ในจำนวนนั้น จะมีแผ่นดินไหวราว 2,000 ครั้งที่รุนแรงจนผู้คนสามารถรับรู้ถึงการสั่นสะเทือนได้ชัดเจน</h2>
ความเสี่ยงดังกล่าวทำให้อาคารในประเทศญี่ปุ่นมีกฎหมายบังคับติดตั้งระบบ ป้องกันแผ่นดินไหว เทคโนโลยีของบริษัทวิศวกรรมแดนปลาดิบจึงรุดไปในระดับแถวหน้าของโลก

Forbes Thailand มีโอกาสเยี่ยมชมระบบป้องกันแผ่นดินไหวใหม่ล่าสุด จากการเทียบเชิญของ บริษัท ชินวะ เรียลเอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งนำชมระบบดังกล่าวในอาคารเซอร์วิส อะพาร์ทเมนท์ Splendid Hanaten ที่เมือง Osaka ประเทศญี่ปุ่น อาคารความสูง 14 ชั้นนี้ก่อสร้างและบริหารโดย Shinwa Group บริษัทแม่ของชินวะ เรียลเอสเตท (ไทยแลนด์) และมีการนำเทคโนโลยีระบบ NS-SSB ของบริษัท Shinnittetsu Sumikin Engineering มาใช้ ป้องกันแผ่นดินไหวในโครงการ

วิชัย จุฬาโอฬารกุล กรรมการบริหาร บริษัท ชินวะ เรียลเอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัด พร้อมด้วยทีมงานวิศวกรจาก Shinwa Group เป็นผู้นำชม โดยวิชัยกล่าวถึงระบบป้องกันแผ่นดินไหวแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า Earthquake Resistant Structure ก่อนว่า ปกติแล้วระบบเดิมจะเป็นการสร้างฐานรากของตึกให้แข็งแรงมากที่สุดโดยการใช้ปริมาณเหล็กเส้นและคอนกรีตที่สูงกว่าอาคารทั่วไป ซึ่งทำให้รองรับความรุนแรงของแผ่นดินไหวได้ ตึกไม่ทรุดหรือแตกร้าว

อย่างไรก็ตาม ปัญหาของระบบดั้งเดิมคือ แม้ว่าอาคารจะไม่ได้รับความเสียหาย แต่ตัวอาคารจะเคลื่อนตัวและเขย่าตามแรงสั่นสะเทือน ซึ่งทำให้สิ่งของในอาคารเลื่อนหล่นแตกหัก ส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยสูญเสียทรัพย์สิน นอกจากนี้ แม้ว่าตึกจะไม่เสียหายแต่จะมีการเคลื่อนตัวออกไปจากจุดเดิมได้

Shinwa Group เปิดชั้นใต้ดินให้ชมฐานรากแบบใหม่ของการรองรับแผ่นดินไหวในอาคาร Splendid Hanaten โดยระบบ NS-SSB คือแนวคิดใหม่โดยการใช้หลักไจโรสโคปมาปรับใช้

<figure><img class="size-full wp-image-3825" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/DSCF3323-e1547820619107.jpg" alt="" width="800" height="533" /><figcaption> วิศวกร Shinwa Group นำชมอุปกรณ์ Base Isolator แทรกตัวระหว่างเสาอาคารกับฐานราก</figcaption></figure>

ระบบ NS-SSB จะใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า Base Isolator เป็นจานเหล็กสองแผ่นที่ประกบลูกบอลไว้ตรงกลาง จากนั้นนำอุปกรณ์นี้ไปวางแทรกไว้ระหว่างเสาหลักของอาคารกับเสาเข็มที่เจาะเป็นฐานรากใต้ดิน ในกรณีของอาคาร Splendid Hanaten มีเสาหลักทั้งหมด 12 ต้นจึงต้องใช้อุปกรณ์นี้ 12 ตัวเข้าคู่กับเสาแต่ละต้น

วิศวกรจาก Shinwa Group กล่าวว่า อุปกรณ์ Base Isolator จะทำให้เสาอาคารแยกออกจากฐานราก เมื่อเกิดการสั่นสะเทือนตัวอาคารจะเคลื่อนตัวในแนวระนาบอย่างช้าๆ แทนการสะเทือนโดยตรงอย่างเดิม และเสาจะกลับสู่ศูนย์กลางในจุดเดิมเสมอ จึงไม่มีปัญหาอาคารเคลื่อนที่ อีกทั้งทำให้คนในอาคารไม่รู้สึกถึงแผ่นดินไหวและทรัพย์สินไม่เคลื่อนตัวหากความรุนแรงนั้นต่ำกว่า 5.0 ตามมาตราริกเตอร์ ในแง่การรักษาโครงสร้างอาคารสามารถรองรับได้ถึง 7.0 ตามมาตราริกเตอร์ อาคารจะไม่เกิดความเสียหาย

<figure><img class="size-full wp-image-3826" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/DSCF3325-e1547820724538.jpg" alt="" width="800" height="533" /><figcaption> อุปกรณ์ Base Isolator ที่ใช้สำหรับ ป้องกันแผ่นดินไหว</figcaption></figure>

นอกจากอุปกรณ์ Base Isolator แล้ว ในชั้นใต้ดินมีการติดตั้งเข็มสกัดเหล็กไว้เพื่อบันทึกการเคลื่อนตัวของแผ่นดินไหวสำหรับนำไปใช้วิเคราะห์การทำงานหลังแผ่นดินไหวสิ้นสุดด้วย โดยวิศวกร Shinwa Group กล่าวว่า ที่ต้องใช้ระบบแมนนวลอย่างเข็มสกัดแผ่นเหล็ก ไม่ใช่เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ เป็นเพราะระหว่างเกิดแผ่นดินไหวมักจะมีเหตุไฟฟ้าดับ ทำให้ต้องใช้อุปกรณ์แมนนวล

ทั้งยังมีการติดตั้งระบบท่อชั้นใต้ดินเหนือฐานรากด้วยท่ออ่อนเพื่อป้องกันการแตก รวมถึงสายไฟที่โยงใยในชั้นใต้ดินจะมีการเผื่อความยาวไว้มากเผื่อกรณีที่มีการสั่นสะเทือนจะทำให้สายไฟมีโอกาสขาดยากขึ้น

<figure><img class="size-full wp-image-3827" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/DSCF3316-e1547820814951.jpg" alt="" width="533" height="800" /><figcaption> แท่นเข็มสกัดเหล็กที่จะทำงานเมื่อเกิดแรงสั่นสะเทือน</figcaption></figure>

สำหรับเทคโนโลยี ป้องกันแผ่นดินไหว NS-SSB เริ่มมีการติดตั้งในญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2561 แม้ว่าจะเป็นเทคโนโลยีใหม่แต่ราคาสูงกว่าระบบเดิมเพียง 5% เนื่องจากตัวระบบดั้งเดิมเองต้องลงทุนสูงมากกับปริมาณเหล็กและคอนกรีตที่ใช้เสริมฐานราก ต้นทุนจึงไม่ต่างกันมากนัก หากเทียบกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้อยู่อาศัยจึงคุ้มค่า และระบบป้องกันที่ดีกว่าย่อมทำให้ผู้อยู่อาศัยมั่นใจที่จะเลือกโครงการนั้นๆ มากกว่า จึงส่งผลต่อยอดขายหรืออัตราการเช่าของอาคาร

วิชัย กล่าวปิดท้ายว่า สำหรับชินวะ เรียลเอสเตท (ประเทศไทย) ยังไม่มีการนำระบบป้องกันแผ่นดินไหวจากญี่ปุ่นเข้ามาใช้เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ของไทยยังไม่มีความจำเป็นมากนัก แต่การนำชมนี้ต้องการสื่อสารถึงความต้องการพัฒนาเทคโนโลยีการก่อสร้างและอยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องของ Shinwa Group

&nbsp;

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events