<h2>YLG เผย 4 ปัจจัยหนุนราคาทองคำทำสถิติใหม่ในปี 2567 พร้อมคาดการณ์ไตรมาสแรกปีหน้า มีโอกาสเห็นทองคำทำราคาสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่ที่ 2,200 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ พร้อมแนะนักลงทุนระยะสั้น หากราคาทองคำสามารถยืนเหนือ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ก็สามารถเข้าซื้อเก็งกำไรจากการแกว่งตัวในกรอบได้&nbsp;</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด&nbsp; (YLG)&nbsp; กล่าวว่า ในปี 2566 ที่กำลังจะผ่านไปนี้ ถือเป็นปีที่ตลาดทองคำคึกคักเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะได้รับปัจจัยกดดันจากนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แต่ในไตรมาสที่ 4/2566 เป็นช่วงที่เฟดเริ่มหยุดการขึ้นดอกเบี้ยส่งผลให้ราคาทองคำได้ไต่ขึ้นสู่ระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 2,144 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ แม้ว่าล่าสุดราคาทองคำจะปรับลดลงมาแต่ระยะสั้นก็ยืนได้เหนือ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ซึ่งถือว่าราคายังอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp; &nbsp; สำหรับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปี 2567 วายแอลจี มองว่าตลาดทองคำจะกลับมาคึกคักมากกว่าปีนี้อย่างมีนัยสำคัญ และราคาทองคำมีโอกาสสร้างสถิติใหม่ที่คาดว่าจะได้เห็นภายในสองไตรมาสแรกของปี 2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักๆ ที่ต้องจับตา 4 ปัจจัย ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. อัตราดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ขาลง ปัจจัยนี้ถือเป็นประเด็นที่มีผลต่อราคาทองคำอย่างมาก เมื่อไม่มีปัจจัยกดดันจากอัตราดอกเบี้ยแล้ว มองว่าในช่วงปลายไตรมาส 1/2567 ถึงไตรมาส 2/2567 จะได้เห็นราคาทองคำมีโอกาสแตะ 2,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่านโยบายดอกเบี้ยของเฟดจะเริ่มเป็นขาลงในช่วงดังกล่าวเป็นต้นไป ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อราคาทองคำในทันที เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ได้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย ดังนั้น ทิศทางดอกเบี้ยที่ปรับลดลงจึงส่งผลให้ทองคำน่าสนใจและดึงดูดนักลงทุนมากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. ธนาคารกลางทั่วโลกยังสะสมทองคำต่อเนื่อง โดยธนาคารกลางทั่วโลกส่วนใหญ่ยังคงดำรงสถานะซื้อทองคำในปี 2566 นำโดยธนาคารกลางจีน โปแลนด์ สิงคโปร์ ลิเบีย และอินเดีย ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าในปี 2567 จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ธนาคารกลางทั่วโลกจะทำการซื้อสุทธิทองคำรอบใหญ่อีกครั้ง จากผลสำรวจสภาทองคำโลก (WGC) พบว่า ธนาคารกลางทั่วโลกเตรียมที่จะเข้าซื้อทองคำเข้าสู่ระบบทุนสำรองเพิ่มอีก 24% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ แม้ว่าความขัดแย้งระหว่างประเทศจะเป็นที่รับรู้ของนักลงทุนมาแล้วระยะหนึ่ง แต่ก็ถือเป็นอีกปัจจัยที่จะต้องจับตา เนื่องจากมีความขัดแย้งครั้งใหม่ๆ ที่สืบเนื่องมาจากความขัดแย้งระหว่างอิสาเอล-ฮามาส โดยเป็นความรุนแรงในแถบทะเลแดง หลังกลุ่มฮูตีของเยเมนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ทำการโจมตีเรือที่แล่นผ่านช่องแคบบับเอลมันเดบในทะเลแดง เพื่อตอบโต้กรณีที่อิสราเอลปฏิบัติต่อฉนวนกาซา ซึ่งล่าสุดสหรัฐได้จัดตั้งกองกำลังเฉพาะกิจ 10 ประเทศ เพื่อเตรียมตอบโต้ ดังนั้นจึงเป็นปัจจัยที่ยังต้องจับตาว่าจะเกิดเหตุลุกลามบานปลายหรือไม่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4. นักลงทุนโยกเงินเข้ามาพักในตลาดทองคำ เพื่อหลีกหนีความเสี่ยงจากตลาดหุ้นที่มีโอกาสปรับฐาน โดยแม้ว่าในช่วงนี้ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงปรับขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง แต่หากย้อนอดีตไปในช่วงเวลาที่มีการเริ่มลดดอกเบี้ยจริงๆแล้ว ในช่วงเวลานั้นตลาดหุ้นสหรัฐมักจะมีการย่อปรับฐาน เนื่องจากการที่บรรดาธนาคารกลางรีบเร่งในการลดดอกเบี้ย มักจะสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่มีสัญญาณการชะลอตัวลง แต่จะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อทองคำ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ภาพรวมในระยะยาวของปี 2567 เนื่องจากราคาทองคำค่อนข้างเคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูงแล้ว ทาง YLG จึงแนะนำเหล่านักลงทุนให้รอการย่อตัวลงแล้วค่อยทยอยเข้าซื้อสะสม หากราคายืนเหนือโซนแนวรับ 1,902-1,847 เหรียญต่อออนซ์ (ระดับต่ำสุดของเดือนก.ค. 2023 และเดือนก.ย. 2023 ตามลำดับ) ขณะที่โซนแนวต้านรอทดสอบที่ 2,144-2,200 เหรียญต่อทรอยออนซ์&nbsp; ขณะที่ราคาทองคำในประเทศ 96.5% ประเมินแนวรับที่ 31,500-30,600 บาทต่อบาททองคำ ส่วนแนวต้านประเมินที่โซน 35,500-36,400 บาทต่อบาททองคำ (คำนวณด้วยค่าเงินบาท 34.90 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ณ วันที่ 20 ธ.ค. 2566 เวลา 12.00น.)&nbsp; เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/hr/5-career-fields-are-in-demand-in-2024" alt="ตลาดแรงงานปี 2024 ยังคงร้อนระอุ JobsDB เผย 5 สายงานสุดปัง ถูกดึงตัวมากสุดปีหน้า">ตลาดแรงงานปี 2024 ยังคงร้อนระอุ JobsDB เผย 5 สายงานสุดปัง ถูกดึงตัวมากสุดปีหน้า</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

YLG เผย 4 ปัจจัยหนุนทองคำทำสถิติใหม่ปี 2567 ลุ้นไตรมาสแรกราคาพุ่งแตะ 2,200 เหรียญสหรัฐฯ

<h2>สงครามความรุนแรงที่เกิดขึ้นในอิสราเอลทำนักลงทุนหวั่นใจย้ายฐานมาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง "ทองคำ" ด้าน Fed คาดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังจำเป็น </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังเกิดเหตุสงครามในอิสราเอลจากการโจมตีของกลุ่มฮามาสบริเวณฉนวนกาซาช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดสำนักข่าวนักรอยเตอร์เผย เหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าวอาจส่งผลกระทบให้เหล่านักลงทุนที่กำลังจับตาดูสถานการณ์ในตะวันออกกลางย้ายไปลงทุนกับสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยมากขึ้น ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์อาจหนุนให้เกิดการซื้อสินทรัพย์ประเภททองคำและเงินดอลลาร์เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งอาจกระตุ้นความต้องการเงินของกระทรวงการคลังสหรัฐที่ขายพันธบัตรออกไปจำนวนมาก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปีเตอร์ คาร์ดิลโล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์การตลาดของสปาร์ตัน แคปิตอล ซีเคียวริตีส์ ให้ความเห็นว่า “สถานการณ์นี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดี ที่บ่งบอกว่าทำไมคนต้องซื้อทองเก็บไว้ในพอร์ต เพราะสินทรัพย์เหล่านี้ เป็นการป้องกันความเสี่ยงที่ดีต่อความปั่นป่วนระหว่างประเทศ และเมื่อใดก็ตามที่เกิดความปั่นป่วนระหว่างประเทศ เงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น”&nbsp; &nbsp; ขณะที่ มิเชล โบว์แมน สมาชิกกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมหลังราคาทองคำ (Gold Spot) พุ่ง 0.9% มาเคลื่อนไหวที่บริเวณ 1,843.83 ดอลลาร์ต่อออนซ์ว่า ตัวเลขอัตราการจ้างงานของเดือนกันยายนในสหรัฐอเมริกาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อราคาสินทรัพย์ดังกล่าว และจากการที่ตัวเลขเงินเฟ้อยังคงสูงเกินไป การขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจึงยังเป็นเรื่องจำเป็น ซึ่งในส่วนของอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงนั้นถือเป็นผลเชิงลบต่อทองคำ ​อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2" alt="อิสราเอลเข้าสู่สงคราม จับตาผลกระทบไทย">อิสราเอลเข้าสู่สงคราม จับตาผลกระทบไทย</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events