<h2>ไมเนอร์ โฮเทลส์ ร่วมมือกับบริษัทร่วมทุนชั้นนำระดับโลก (Private equity fund) ซึ่งบริหารจัดการโดย เอเรส เมเนจเมนท์ (Ares Management) ประกาศรีแบรนด์จาก รีธิ บีช รีสอร์ท (Reethi Beach Resort) เป็น เอ็นเอช คอลเลคชั่น มัลดีฟส์ รีธิ รีสอร์ท (NH Collection Maldives Reethi Resort) โดยจะเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 4 ของปี 2025 หลังจากการปรับปรุงครั้งใหญ่</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เอ็นเอช คอลเลคชั่น รีสอร์ทแห่งนี้ประกอบด้วยห้องพักจำนวน 129 ห้อง ตั้งอยู่บนเกาะที่มีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ในอ่าวฮานิฟารู (Hanifaru Bay) ภายในบา อะทอลล์ (Baa Atoll) ซึ่งห่างจากสนามบินนานาชาติเวลานา (Velana International Airport) ในมาเลเซียเพียง 35 นาทีโดยเครื่องบินทะเล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รีสอร์ทแห่งนี้ยังสะดวกต่อการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันสวยงามของบา อะทอลล์ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของปลากระเบนราหู ฉลามวาฬ เต่าทะเล และสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลที่มีสีสันมากมาย​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/p28trhZgNUBtjyHx6PdW.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="p28trhZgNUBtjyHx6PdW.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ รีธิ บีช รีสอร์ท จะยังคงเปิดให้บริการจนถึงวันที่ 25 เมษายน 2568 หลังจากนั้นจะปิดทำการเป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อทำการปรับปรุงให้เป็นเอ็นเอช คอลเลคชั่น ซึ่งถือเป็นการปรับปรุงที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ 25 ปีของรีสอร์ท โดยจะมีการอัปเกรดห้องพักประเภทวิลล่า ห้องอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวก ในขณะเดียวกันยังคงรักษาความงามตามธรรมชาติของเกาะไว้อย่างครบถ้วน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ เอ็นเอช คอลเลคชั่น มัลดีฟส์ รีธิ รีสอร์ท นำเสนอวิลล่าทั้งแบบบนบกและบนน้ำ ที่ตอบสนองความต้องการของนักเดินทางหลากหลายกลุ่ม รีสอร์ทแห่งนี้มีร้านอาหารและบาร์ที่โดดเด่นทั้งหมด 10 แห่ง จึงสามารถตอบสนองความต้องการของแขกทุกรูปแบบ รีสอร์ทมีแนวปะการังโดยรอบและกิจกรรมทางน้ำมากมาย เช่น การดำน้ำ การดำน้ำตื้น การตกปลา และกีฬาทางน้ำต่างๆ สำหรับกิจกรรมบนบก แขกสามารถผ่อนคลายได้ที่สปา พักผ่อนริมสระว่ายน้ำ หรือออกกำลังกายที่สนามเทนนิส แบดมินตัน และสควอช รวมถึงศูนย์ออกกำลังกายที่มีอุปกรณ์ครบครัน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/yR2vAtVm4sjtZaFAXo5H.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="1" data-file-name="yR2vAtVm4sjtZaFAXo5H.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรกับ เอเรส เมเนจเมนท์ เพื่อเริ่มต้นบทใหม่สำหรับ รีธิ บีช รีสอร์ท ภายใต้แบรนด์ เอ็นเอช คอลเลคชั่น” ปูนีท ธวัน (Puneet Dhawan) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ โฮเทลส์ ประจำภูมิภาคเอเชีย กล่าว “มัลดีฟส์เป็นจุดหมายปลายทางที่ขึ้นชื่อในด้านสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล และจะมอบประสบการณ์สุดประทับใจในแบบมัลดีฟส์ที่ยากที่จะเทียบให้กับแขกผู้มาเยือน พร้อมสิ่งใหม่ๆ และความยั่งยืนในระดับแถวหน้า เรารอคอยที่จะได้เปิดตัว เอ็นเอช คอลเลคชั่น มัลดีฟส์ รีธิ รีสอร์ท โฉมใหม่ในช่วงปลายปี 2568”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/4BQ56iLe9jkLZH6rXiBk.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="2" data-file-name="4BQ56iLe9jkLZH6rXiBk.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คีรัน เบสตอล (Kieran Bestall) กรรมการผู้จัดการ เอเรส เอเชีย ของ เอเรส เมเนจเมนท์ กล่าวเสริมว่า “เป็นเวลากว่า 25 ปีแล้ว ที่ รีธิ บีช รีสอร์ท ได้เปิดให้บริการพร้อมมอบประสบการณ์การพักผ่อนท่ามกลางความเงียบสงบให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน บา อะทอลล์ เราเชื่อว่าการร่วมมือกับ ไมเนอร์ โฮเทลส์ จะช่วยกำหนดนิยามใหม่และเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับรีสอร์ทแห่งนี้ในขณะที่ยังคงรักษาความงามตามธรรมชาติและมรดกทางวัฒนธรรมเอาไว้ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมมือสร้างความสำเร็จให้กับอนาคตไปด้วยกัน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รีสอร์ทระดับพรีเมียมแห่งนี้จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรีสอร์ทภายใต้เครือ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ใน บา อะทอลล์ ซึ่งมีอยู่แล้วสองแห่ง ได้แก่ อนันตรา คิฮาวาห์ มัลดีฟส์ วิลล่าส์ และ อวานี พลัส แฟเรส มัลดีฟส์ รีสอร์ท โดยจะช่วยให้แขกสามารถเข้าถึงความสวยงามของระบบนิเวศทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของมัลดีฟส์ได้ง่ายยิ่งขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ เอ็นเอช คอลเลคชั่น มัลดีฟส์ รีธิ รีสอร์ท จะเป็นโรงแรมแห่งที่เก้าของไมเนอร์ โฮเทลส์ ในมัลดีฟส์ และเป็นโรงแรมแห่งที่สองของเอ็นเอช คอลเลคชั่น ถัดจากเอ็นเอช คอลเลคชั่น มัลดีฟส์ ฮาวอดด้า รีสอร์ท ซึ่งเปิดให้บริการในปี 2566 ในกาฟู ดาลู อะทอลล์ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/travel/centara-karon-resort-phuket-is-set-to-reopen" alt="‘เซ็นทารา กะรน รีสอร์ท ภูเก็ต’ เตรียมกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังปรับโฉมใหญ่">‘เซ็นทารา กะรน รีสอร์ท ภูเก็ต’ เตรียมกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังปรับโฉมใหญ่</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘ไมเนอร์’ จ่อเปิดตัวแบรนด์โรงแรม NH Collection ใน ‘บา อะทอลล์’ มัลดีฟส์

<h2>หลังปิดปรับปรุงมาพักใหญ่ ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา “เลอ เมอริเดียน โฮเต็ล แอนด์รีสอร์ท” ซึ่งเป็น 1 ใน 31 แบรนด์ภายใต้เครือ “แมริออทบอนวอย” (Marriott Bonvoy) ผู้ให้บริการโรงแรมและรีสอร์ทระดับโลก ได้ฤกษ์เปิดตัว “เลอ เมอริเดียน ภูเก็ต ไม้ขาว บีช รีสอร์ท” ภายใต้คอนเซปต์ Destination Unlocked </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;"เลอ เมอริเดียน ภูเก็ต ไม้ขาว บีช รีสอร์ท" ตั้งอยู่ริมหาดไม้ขาว ชายหาดทิศตะวันตกอันเงียบสงบของเมืองภูเก็ต ภายในพื้นที่ของของอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินภูเก็ตเพียง 15 นาที&nbsp;“หาดไม้ขาว” มีจุดเด่นคือมีความเป็นธรรมชาติ และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยกลุ่มเป้าหมายของโรงแรมเป็นชาวต่างชาติ 90% ชาวไทย 10%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จิรารัตน์ นิลประดับ ผู้จัดการทั่วไป เลอ เมอริเดียน ภูเก็ต ไม้ขาว บีช รีสอร์ท กล่าวว่าหาดไม้ขาวเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่มีนักท่องเที่ยวคนไทยน้อยเมื่อเทียบกับพื้นที่โซนอื่น ภูเก็ตมีชื่อเสียงในหมู่คนไทยด้านร้านอาหาร ซึ่งสะดวกกว่าถ้าพักอยู่ในตัวเมือง โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายเดือนตุลาคมเป็นคนสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ขณะที่ช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม เป็นชาวยุโรป อาทิ รัสเซีย ออสเตรเลีย และยุโรป&nbsp; ที่หนีอากาศหนาวจากประเทศตน และต้องการมาพักผ่อนระยะยาว &nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/c6gdK7GKiuRZt65g3PzU.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="c6gdK7GKiuRZt65g3PzU.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ปีนี้ดีมานด์ของภูเก็ตค่อนข้างดี ททท.ก็โปรโมต จีนก็ฟรีวีซ่า จีนติด top 5 เข้ามาต่อเนื่อง เมื่อก่อนมาเป็นกรุ๊ปทัวร์ หลังโควิดเดินทางมากันเองมากขึ้น นักท่องเที่ยวจีน high spend มากขึ้น ชอบเดินทางออกเกาะ ค่อนข้างจะ learn เรื่อง culture ส่วนตลาดรัสเซียซึ่งติด top 5 ก็ไม่ลดลงเลย ไม้ขาวเป็นที่นิยมในตลาดรัสเซียแบบครอบครัว”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โรงแรมแห่งนี้เป็นสินทรัพย์ของนารายณ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป โดยรีโนเวตใหม่และเปลี่ยนแบรนด์จาก “ฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท ภูเก็ต ไม้ขาวบีช” มาเป็น “ฮอลิเดย์ อินน์ ไม้ขาว บีช” ใช้งบลงทุนประมาณ 400-500 ล้านบาท จับกลุ่มตลาดครอบครัวระดับบน และคาดว่าจะคืนทุนได้ในเวลา 5-7 ปี&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/Yg5EFCDP7mbYTG8xLZJX.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="Yg5EFCDP7mbYTG8xLZJX.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เลอ เมอริเดียน ภูเก็ต ไม้ขาว บีช รีสอร์ท ประกอบด้วยห้องพักและห้องสวีทจำนวน 244 ห้อง ขนาดตั้งแต่ 41 -110 ตารางเมตร ออกแบบตกแต่งในสไตล์ท้องถิ่นร่วมสมัย ทุกห้องมีระเบียงหรือเฉลียงให้ได้นั่งชมมวิวสวน สระว่ายน้ำ หรือวิวทะเล มีห้องบอลรูมขนาด 214.5 ตารางเมตรที่สามารถปรับเป็นห้องประชุมขนาดเล็กได้ 3 ห้อง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำลากูนกลางแจ้ง สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก คิดส์คลับและกิจกรรมต่างๆ อาทิ กีฬาทางน้ำอย่างแพดเดิลบอร์ด พายเรือคายัค หรือฝึกโยคะริมชายหาด&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/ffrGvTLqNMb9cC5nSdKX.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ffrGvTLqNMb9cC5nSdKX.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารมากมาย ตั้งแต่ของว่างท้องถิ่นและเครื่องดื่มสูตรพิเศษที่ “The Nook” คาเฟ่บรรยากาศสบายๆ&nbsp; “J’s” ห้องอาหารนานาชาติและอาหารไทยต้นตำรับ ตั้งแต่บุพเฟต์อาหารเช้า ด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของภูเก็ตที่ได้ “เชฟบอม” อภิสิทธิ์ ชัยชนะ เจ้าของแชมป์จากรายการเชฟกะทะเหล็ก ประเทศไทย มาร่วมรังสรรค์จานเด็ด และ “Ocean Kitchen” ร้านอาหารเมดิเตอร์เรเนียน ผู้เข้าพักสามารถลิ้มลองอาหารยุโรปและตะวันออกกลางปรุงสดใหม่ รวมถึงเนื้อย่างชั้นดี ซีฟู้ดสดจากทะเล พิซซ่าเตาถ่าน อาหารเพื่อสุขภาพ โดยโรงแรมคัดสรรวัตถุดิบจากท้องถิ่น เช่น ผักอินทรีย์จากฟาร์มในพื้นที่ อาหารทะเลบางส่วนจากชาวประมง &nbsp; อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%8B%E0%B8%B5-%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%82-9-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4-5-5-%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%9B%E0%B8%B5-67-%E0%B8%82%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1-10" alt="เคทีซี เผยตัวเลข 9 เดือน กำไรสุทธิ 5.5 พันล้านบาท ตั้งเป้าปี 67 ขยายพอร์ตสินเชื่อเพิ่ม 10%">เคทีซี เผยตัวเลข 9 เดือน กำไรสุทธิ 5.5 พันล้านบาท ตั้งเป้าปี 67 ขยายพอร์ตสินเชื่อเพิ่ม 10%</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Destination Unlocked ที่ "เลอ เมอริเดียน ภูเก็ต ไม้ขาว บีช รีสอร์ท"

<h2>สวัสดีครับท่านผู้อ่าน</h2>
ท่านเป็นหนึ่งในคนไทย 5 แสนคนที่เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นชื่นชมซากุระบาน ในวันหยุดช่วงสงกรานต์หรือเปล่าครับ Forbes Thailand ฉบับนี้ขอนำเรื่องราวของความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนของไทยและญี่ปุ่นมาเป็นเรื่องเด่นประจำฉบับ รับกับกระแส “เจแปนฟีเวอร์” ซึ่งว่าไปแล้ว

ไทย และ ญี่ปุ่นนั้น มีสัมพันธ์กันมายาวนานหลายร้อยปีปัจจุบัน คนไทยยิ่งมีโอกาสเข้าถึงญี่ปุ่นมากขึ้น ภายหลังการยกเลิกวีซ่าเข้าประเทศแก่นักท่องเที่ยวไทยเป็นเวลา 15 วัน ตั้งแต่ 1 กรกฏาคม 2556 ญี่ปุ่นสำหรับไทยในวันนี้กำลังเต็มไปด้วยโอกาส หลังจากที่นายกรัฐมนตรี Shinzo Abe ประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย “ธนู 3 ดอก” ซึ่งการยกเว้นวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวจากไทยและการเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของ Abenomics ทั้งสิ้น

กว่า 50 ปีของการลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นในไทย ได้สร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศไทย สร้างงานและรายได้ต่อเนื่อง จนเกิดประชากรชนชั้นกลางมากมายที่มีรายได้พอที่จะซื้อตั๋วเครื่องบนราคาถูก และหลั่งไหลไปเที่ยวมากขึ้น เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ และการจ้างงานในดินแดนอาทิตย์อุทัย ในยามที่ประเทศเผชิญกับภาวะการชะงักงันทางเศรษฐกิจมากกว่า 2 ทศวรรษ

ขณะ เดียวกัน โอกาสทางธุรกิจของคนไทยในญี่ปุ่นก็เปิดขึ้นไม่น้อย เช่น วิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่น ทำให้ญี่ปุ่นต้องเร่งหาโรงไฟฟ้าจากแหล่งเชื้อเพลิงอื่นมาทดแทน ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าของไทยหลายรายได้เข้าไปลงทุนในญี่ปุ่น หรือ การหลั่งไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวไทย ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชาวไทยเห็นโอกาสสร้างรายได้จากธุรกิจโรง แรมรีสอร์ตในญี่ปุ่น

ส่วนอนาคตของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตใน ภูมิภาคของญี่ปุ่น ที่หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า เราจะสูญเสียให้เพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม หรืออินโดนิเซียในเร็ววันนี้หรือไม่ เราพยายามหาคำตอบผ่านการพูดคุยกับหลายฝ่ายแล้วนำเสนอออกในบทวิเคราะห์ทีน่า สนใจทีเดียวครับ

それでは、また次号でお会い致しましょう。
Soredewa, matajigoude oaitashimashou.
แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้าครับ

นพพร วงศ์อนันต์
Editor-in-Chief
Forbes Thailand

Editor’sNote: Land of the Rising Sun

ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการขยายการลงทุนในธุรกิจที่มีรายได้สม่ำเสมอ เพื่อลดความผันผวนของรายได้ที่มาจากการขายอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยที่ต้องเผชิญกับความท้าทายที่เป็นปัจจัยลบจากในและนอกประเทศ ประกอบกับการแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาที่มีผู้ประกอบการรายใหม่จากธุรกิจอื่นข้ามเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการค้าปลีก ผู้ผลิตสินค้าเกษตรอันดับหนึ่งของประเทศ และผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สองค่ายยักษ์ที่มาพร้อมกับเงินทุนก้อนหนา ชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จึงมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับขีดความสามารถด้านการแข่งขันของบริษัท

“เราคิดเรื่องการลงทุนในญี่ปุ่นมาระยะหนึ่งแล้ว เมื่อมีดีลดีๆ เข้ามา จึงไม่รอช้า ตัดสินใจเข้าไปลงทุนในปี 2555 โดยตั้งบริษัทลูก Property Perfect International Pte. Ltd. (PPI) ในสิงคโปร์ และเข้าซื้อ Kiroro Resort Holdings จากผู้ถือหุ้นเดิม”

Kiroro Resort Holdings ได้ซื้อทรัพย์สินโครงการ Kiroro Resort บนเกาะ Hokkaido จาก Mitsui Fudosan Resort Co., Ltd. ประกอบไปด้วยที่ดินขนาด 292 ไร่ โรงแรม 2 อาคาร ที่มีห้องพักรวม 422 ห้อง ทรัพย์สินในโรงแรม และอุปกรณ์การเล่นสกี รวมเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้น 1.9 พันล้านเยนหรือประมาณ 770 ล้านบาท Kiroro เป็นสกีรีสอร์ทที่ใกล้เมือง Sapporo ที่สุด ห่างจากสนามบิน Chitose ประมาณ 90 นาที

<img style="width: 680px; height: 454px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/d3f74d24baaad4e647f24fba8f5d318e.png" alt="" />

จุดเด่นของ Kiroro คือ เป็นสกีรีสอร์ทที่มีหิมะในแบบพาวเดอร์สโนว์ ซึ่งเป็นหิมะที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมระดับโลก มีบริการด้านสกี กิจกรรมพักผ่อน รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน อาทิ ห้องประชุมสัมมนา ห้องอาหาร บ่อน้ำพุร้อน บาร์ สระว่ายน้ำ พื้นที่สันทนาการ ร้านจำหน่ายสินค้าและของฝากรีสอร์ทตั้งอยู่ท่ามกลางภูมิประเทศที่สวยงามเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในทุกฤดูกาล ภาพที่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสได้ในสกีรีสอร์ทแห่งนี้มีทั้งระฆังแห่งความรักที่นักท่องเที่ยวสามารถนั่งกระเช้ากอนโดล่าขึ้นสู่ยอดเขา ลานสกีหิมะขาวนุ่ม ห้องพักที่สามารถชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นเหนือยอดเขา

ขณะที่หมู่บ้าน Akaigawa ซึ่งเป็นที่ตั้งของรีสอร์ทยังได้รับการจัดอันดับเป็นหมู่บ้านที่มีความสวยงามที่สุดอันดับ 2 ของญี่ปุ่น และล่าสุด Hokkaido ได้รับการประกาศจากนิตยสารสารคดีเชิงท่องเที่ยว National Geographic โดยจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 20 สถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดแห่งปี 2016 หรือ 2016 Best of the World List ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง โดย Kiroro เป็นรีสอร์ทที่ National Geographic แนะนำให้นักท่องเที่ยวมาพัก

หลังจากเข้ามาลงทุนซื้อ Kiroro พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ได้ลงทุนเพิ่มเพื่อปรับปรุงโรงแรมและยกระดับให้เป็นสกีรีสอร์ทระดับเวิลด์คลาสมาตรฐานโลกภายใต้การบริหารจัดการโดยกลุ่ม Starwood Hotels &amp; Resorts โดยใช้แบรนด์ ‘Sheraton’ และ ‘Tribute Portfolio’ ทั้งสองโรงแรมได้รับการปรับปรุงห้องพักให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีการตกแต่งใหม่ให้หรูหราทันสมัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันยังคงเอกลักษณ์เพื่อให้สัมผัสวัฒนธรรมและความเป็นญี่ปุ่นได้ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงบริการต่างๆ ทั้งร้านอาหารและล็อบบี้ต้อนรับของโรงแรม เพื่อส่งมอบประสบการณ์พักผ่อนระดับพรีเมียมให้กับแขกที่มาพัก Sheraton Hokkaido Kiroro Resort เป็นโรงแรมระดับห้าดาวที่อยู่ติดลานสกี และเป็นสกีรีสอร์ทภายใต้แบรนด์ Sheraton แห่งแรกในญี่ปุ่น มีห้องพักจำนวน 140 ห้อง แบ่งเป็นห้องพักมาตรฐานขนาด 22 ตารางเมตร ไปจนถึงห้องสวีทขนาด 149 ตารางเมตร ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 60% ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายที่บริษัทประมาณการไว้

<img style="width: 680px; height: 452px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/9a6011ef869d74d6350e1d496e0e19e6.png" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 452px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/c312aca100c440ce425ffeddfada104e.png" alt="" />

ส่วน The Kiroro, a Tribute Portfolio Hotel เป็นโรงแรมหรูภายใต้แบรนด์ ‘Tribute Portfolio’ ซึ่งจะเปิดตัวเป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีจำนวนห้องพัก 282 ห้อง และเตรียมเปิดให้บริการในเดือนธันวาคม 2559 นี้ หลังจากบริษัทลงทุน 2 พันล้านเยนหรือราว 700 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงโรงแรม

“เรามั่นใจในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของ Hokkaido ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสกี ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมาก และเชื่อมั่นในการเข้ามาของเชนโรงแรมชั้นนำ ความเชี่ยวชาญของทีมผู้บริหาร แบรนด์ที่มีชื่อเสียง และเครือข่ายที่มีอยู่ทั่วโลก จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ขยายฐานตลาดให้กว้างขึ้น ที่สำคัญ การรวมธุรกิจระหว่าง Starwood และ Marriott อีกเชนโรงแรมชั้นนำระดับโลกเมื่อกลางปีที่ผ่านมา จะช่วยขยายธุรกิจโรงแรมของเราในญี่ปุ่น เนื่องจากฐานสมาชิกเพิ่มจากเดิม 30 ล้านคนภายใต้ Starwood มาเป็น 85 ล้านคน ทำให้กลุ่ม Starwood และ Marriott กลายเป็นกลุ่มโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อโรงแรมอีกแห่งของเราเปิดให้บริการในสิ้นปีนี้อีก 280 ห้อง ถือว่าการพัฒนาด้านโรงแรมค่อนข้างสมบูรณ์ สามารถรองรับการขยายตัวที่ Kiroro และสร้างรายได้เติบโตต่อเนื่องในระยะยาว”

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เซ็นสัญญากับ NZ Ski ผู้ให้บริการด้านสกีชั้นนำจากนิวซีแลนด์ที่มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และระบบบริหารจัดการระดับมาตรฐานโลก ให้เข้ามาปรับปรุงบริการด้านสกีใหม่ และพัฒนาอุปกรณ์และกิจกรรมในฤดูหนาวเพิ่มเติม ทั้งสกี สโนว์บอร์ด คลาสสอนสกี โรงเรียนสอนสกีสำหรับเด็ก กิจกรรมในลานหิมะ Snow Park ขนาดใหญ่ เพื่อเน้นย้ำความโดดเด่นของ Kiroro ในการเป็นสกีรีสอร์ทที่มีหิมะแบบพาวเดอร์สโนว์คุณภาพยอดเยี่ยมระดับโลก สำหรับให้บริการสกีหิมะนี้ตลอดฤดูหนาวและยาวนานไปจนถึงเดือนพฤษภาคม

โดยบริษัทยังได้วางเป้าหมายให้ NZ Ski ขยายตลาดในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มชาวนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย และในเดือนธันวาคมนี้ บริษัทจะเชิญพันธมิตรเครือข่ายสกีชั้นนำรายใหญ่ของสหรัฐฯ เข้าไปเยี่ยมชมที่ Kiroro เพื่อวางแผนความร่วมมือในอนาคต โดยตั้งเป้าพัฒนาบริการด้านสกีให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสกีแห่งใหม่ที่มีมาตรฐานระดับโลกภายในปี 2560

“ในปีหน้า(2017) เราจะไม่มีการลงทุนใหญ่ใน Kiroro เพื่อดูผลประกอบการของโรงแรมและสกี โดยตั้งเป้าอัตราเข้าพักไว้ที่ 70% หากเป็นไปตามเป้าหมาย เราจะนำ Kiroro ขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust: REIT) โดยคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 1.6-2 พันล้านบาท"

<hr />

<a href="http://goo.gl/ZIAqC9">คลิกอ่านฉบับเต็ม "ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทย ขยายการลงทุนในต่างแดน" ได้ที่ ForbesLife Thailand ฉบับพิเศษประจำเดือน November 2016 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="https://goo.gl/ZIAqC9"><img style="width: 250px; height: 299px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/30411e2dee37ed64ff7f18169b17d99e.png" alt="" /></a>

&nbsp;

พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค พาอสังหาริมทรัพย์ไทยบุกญี่ปุ่น

<h2>เครือข่ายโรงแรม Byke ของ Anil Patodia เติบโตอย่างรวดเร็วตามทิศทางตลาดท่องเที่ยวระดับมวลชนในอินเดีย</h2>
การท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจในประเทศอินเดียเริ่มกลายเป็นที่นิยมในบรรดากลุ่มชนชั้นกลาง และ Anil Patodia กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Byke Hospitality ขอเกาะกระแสตลาดด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 9 แห่งตั้งแต่รีสอร์ทและสถานที่สำคัญทางศาสนาใน Goa ทางภาคตะวันตกขึ้นไป จนถึง Jaipur ในภาคเหนือ เขาบรรจงเลือกตลาดเฉพาะกลุ่มให้กับ Byke โดยมีคำจำกัดความที่ชัดเจน คือ โรงแรมราคาประหยัดในกลุ่มราคาคืนละ 50 เหรียญสหรัฐฯ ที่มีสภาพดีสะอาด และเสิร์ฟอาหารมังสวิรัติล้วนๆ

รูปแบบการดำเนินธุรกิจดังกล่าวประสบความสำเร็จอย่างดี รายได้จากการบริหารงานที่ Mumbai ขยายตัวถึง 42% ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา โดยพุ่งขึ้นแตะ 30 ล้านเหรียญในปีงบประมาณ 2015 คิดเป็นกำไร 3.2 ล้านเหรียญ สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาเกือบ 7 เท่าตัว ส่งให้บริษัทก้าวขึ้นมาติดโผการจัดอันดับบริษัทที่มีรายได้ต่ำกว่า 1,000 ล้านเหรียญของ FORBES ASIAในปีที่แล้ว และยังมีแนวโน้มอยู่แม้ในขณะนี้

“Byke มีงบดุลที่ดีมาก แทบจะไม่มีหนี้สินเลย” Neeta Khilnani นักวิเคราะห์งานวิจัยของ Ventura Securities ประจำ Mumbai กล่าว

“โมเดลธุรกิจเป็นแบบไม่เน้นการครองทรัพย์สินรีสอร์ท 9 แห่งนั้น มีถึง 7 แห่งที่เป็นการเช่า” ประเด็นหลังนี้เองที่เป็นกุญแจสำคัญ Patodia ซึ่งมีอายุครบ 47 ปีเดือนนี้พอดีอธิบายว่า หากจำเป็นต้องจ่ายเงินซื้อโรงแรมขนาดใหญ่ก็จะไม่มีวันทำกำไรได้เลย เนื่องจากต้องจ่ายค่าที่ดินด้วย เขาจึงคิดรูปแบบการเช่าขึ้นมา “เสาะหาโรงแรมราคาถูกสภาพทรุดโทรมตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ จากนั้นเช่าในระยะยาว และนำมาปรับปรุงใหม่ในงบประหยัดแล้วก็เปลี่ยนให้มาเป็นแบรนด์ Byke”

Patodia ประเมินว่า ค่าใช้จ่ายในการเช่ารีสอร์ทนั้นคิดคร่าวๆ เป็น 15% ของรายได้จึงไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนก้อนใหญ่เมื่อต้องการขยายธุรกิจ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องสำคัญในภาคธุรกิจที่กำลังขยายตัวอยู่ในเวลานี้ ขณะเดียวกันรายได้หลังหักภาษีของประชาชนที่เพิ่มขึ้นนั้นทำให้มีการประเมินว่า การใช้จ่ายเพื่อการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศน่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 1.28 แสนล้านเหรียญในปี 2020 สูงกว่ายอดจับจ่าย 8.9 หมื่นล้านเหรียญเมื่อปี 2015

Patodia ร่ายแผนการของตนด้วยภาษาฮินดีแบบรัวๆ และภาษาอังกฤษตะกุกตะกักเขาตั้งเป้าเปิดโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่อีก 6 แห่งในปีนี้ และทำได้รายได้แตะ 75 ล้านเหรียญภายในปี 2020 โดยขยายเครือข่ายอสังหาริมทรัพย์ออกไปเป็น 25 แห่งครอบคลุมทั่วอินเดีย เขาต้องการเพิ่มจำนวนโรงแรมเป็น 50 แห่งภายในปี 2025

ส่วนหนึ่งที่เป็นเสน่ห์ของโรงแรมคืออาหารมังสวิรัติ ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องแปลกในอินเดียแต่แนวทาง “มังสวิรัติหมดจรด” ของ Byke ยังสามารถดึงดูดชาวอินเดียรุ่นเก่าที่นับถือนิกายออร์โธดอกซ์ได้ด้วย Byke ยังให้การรับรองว่า อุปกรณ์และบริเวณทำอาหารไม่ได้สัมผัสกับอาหารที่ทำมาจากเนื้อสัตว์แม้แต่น้อย จึงกลายเป็นที่ชื่นชอบของนักแสวงบุญที่เดินทางไปเยือนสถานที่สำคัญทางศาสนาและมรดกทางวัฒนธรรม

Patodia เติบโตขึ้นในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในรัฐ Rajasthan ห่างจาก Jaipur ราวร้อยไมล์เขาเป็นลูกคนที่ 3 จากพี่น้องทั้งหมด 5 คน เมื่ออายุได้ 11 ปี เขาเริ่มช่วยครอบครัวทำงานในร้านขายเสื้อและสูทสำหรับผู้ชายก่อนจะถึงวัย 20 ปี ซึ่งเป็นเวลาหลังจากที่จบการศึกษาระดับปริญญาสาขาการพาณิชย์มาแล้ว เขาก็อยากจะลงมือทำอะไรบางอย่างด้วยตัวเองเสียที จึงเดินทางออกจาก Mumbai และลองลงทุนธุรกิจอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบริการป้อนข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ไปจนถึงเป็นตัวแทนจำหน่ายหมอนและฟูกนอนให้กับ Reliance Group

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจบริการคือสิ่งที่ดึงความสนใจของ Patodia ได้อย่างแท้จริง เขาอาศัยเครือข่ายที่มีจนได้รับโอกาสให้บริหารโรงแรมแห่งหนึ่งเมื่อปี 2010 และคว้าโอกาสนั้นไว้ทันทีด้วยการบริหารธุรกิจจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในชื่อว่า Suave Hotels และต่อมากลายเป็น Byke ซึ่งเขาและครอบครัวถือหุ้นอยู่ 44% โดยมีหุ้นส่วน Arun Muchhala ผู้บริหารกลุ่มโรงแรม Muchhala นอกเมือง Mumbai ที่เพิ่งจะสร้างโรงแรมขนาด 122 ห้องนอนใน Thane ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน เขาปล่อยให้ Patodia เช่า โดยจะบริหารภายใต้แบรนด์ Byke โรงแรมแห่งนี้ประกอบไปด้วยร้านอาหาร 3 ร้าน ห้องสัมมนา 3 ห้อง “ผมเชี่ยวชาญการบริหารสวนสนุกและโรงภาพยนตร์ แต่ Byke ถนัดบริหารโรงแรมที่เสิร์ฟอาหารมังสวิรัติล้วนๆ” Muchhala กล่าว

ขณะนี้ Muchhala กำลังสร้างโรงแรมขึ้นมาอีกแห่งหนึ่งใน Baroda รัฐ Gujarat ซึ่งอยู่ในภาคตะวันตก เขาวางแผนว่าจะร่วมมือกับ Byke อีกครั้งแหล่งรายได้ของ Byke อีกทางหนึ่งคือการเหมาห้องพัก โดยบริษัทจะเข้าไปจองห้องพักของโรงแรมตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ใน 48 เมืองในช่วงฤดูท่องเที่ยวตามปกติแล้ว โรงแรมเล็กๆ จะยังคงมีห้องว่าง 25% แม้จะเป็นช่วงที่เวลาที่ยอดการจองห้องสูงก็ตาม และยังไม่มีระบบการจองห้องพักทางอินเทอร์เน็ตด้วย Byke จึงเข้าไปซื้อห้องพักในส่วน 25% นี้ล่วงหน้าเพื่อให้ได้ส่วนลด จากนั้นจึงนำมาขายต่อโดยผ่านช่องทางเอเยนต์ 300 รายทั่วประเทศรายได้จากการเหมาห้องพักนี้คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดเลยทีเดียว

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา Byke ขายห้องพักรวมจำนวนคืนที่เข้าพักได้กว่า 90% จากที่เหมาซื้อมาทั้งหมดธุรกิจในลักษณะดังกล่าวประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในหลายๆ แห่ง หลังจากที่เหมาห้องพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน Puri มาเป็นเวลา 4 ปี ในเวลานี้เขาสามารถปล่อยโรงแรมขนาด 54 ห้องนอนดังกล่าวให้เช่าได้แล้วอย่างไรก็ตาม สถานการณ์ก็ไม่ได้ง่ายไปเสียทั้งหมด Byke ต้องเผชิญหน้ากับการแข่งขันมากมายในอุตสาหกรรมโรงแรมของอินเดียซึ่งเป็นแบบกระจายตัว

“เราส่งมอบบริการที่มีคุณภาพดีก็จริง แต่ก็ต้องจ่ายเงินในราคาสมเหตุสมผลด้วยเช่นกัน” Patodiaกล่าว “ผมเป็นชาว Marwari นี่ครับ”

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/5e0ea0531a9311f74f36f4aabacea27e.png" alt="" />

<hr />

<a href="http://goo.gl/WtgACX">คลิ๊ก อ่าน "พักประหยัดพร้อมบุฟเฟ่ต์มังสวิรัติที่ Byke" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ AUGUST 2016 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="http://goo.gl/WtgACX"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/94742b79a37358f34d2263e45ceebcc0.png" alt="" width="240" height="316" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events